Mention Of Love (รัก)

-

เขียนโดย Nanpm

วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 20.52 น.

  12 ตอน
  0 วิจารณ์
  10.46K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 21.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) แรกพบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
     ถนนในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง มีชายหนุ่มและหญิงสาวกำลังเดินมาด้วยกัน และพูดจาหยอกล้อกันอย่างสนิทสนม
     “นายเต้ รถจักรยานเขามีไว้ถีบนะ ไม่ได้มีไว้จูงเล่นแบบนี้”
     หญิงสาวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มเพื่อนสนิทของเธอเดินจูงจักรยานอยู่ข้าง ๆ เธอ          
     “รู้แล้ว แต่ไม่มีคนซ้อน มันจะมีประโยชน์อะไร จริงไหม หรือว่านว่าไง” ชายหนุ่มถามกลับบ้าง
     หญิงสาวชื่อว่านไม่ตอบอะไรได้แต่ยิ้มออกมาเฉย ๆ ตามจริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เต้จูงจักรยานมารับส่งเธอที่บ้านทุกวัน เต้กับว่านรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อของเต้และพ่อของหญิงสาวเป็นเพื่อนรักกันเลยทำให้เขาทั้งคู่สนิทกัน ถึงแม้ว่าตอนนี้พ่อของว่านจะไม่อยู่แล้ว
     ว่านและเต้พึ่งสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกันได้ ตามจริงหญิงสาวเองรู้สึกขอบใจเพื่อนของเธอคนนี้เสมอ ที่ทำให้เธอสามารถสอบติดในมหาวิทยาลัยดี ๆ ได้ เต้เป็นคนเรียนเก่งผิดกับว่านที่ค่อนข้างหัวไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่มีเต้ที่ค่อยช่วยติวช่วยสอนการบ้านให้กับเธอมาตลอด เต้เองก็รู้สึกดีกับว่านเช่นกัน ด้วยความที่ว่านเป็นเด็กสาวน้อยที่มีความคิดที่สวยงามและมีความน่ารักสดใส ดังนั้นเวลาที่เขาอยู่ใกล้ ๆเธอ จึงทำให้เขารู้สึกมีความสุขอยู่เสมอ
     และว่านเดินกันมาเรื่อย ๆ จนมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านสีขาวสองชั้น ข้างในรั้วมีสวนหย่อมเล็ก ๆ ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ว่านอาศัยอยู่กับแม่เพียงสองคน หญิงสาวเดินไปเปิดประตูรั้ว แต่ก่อนที่เธอจะเดินเข้าบ้าน หญิงสาวหันหน้ากลับมาหาชายหนุ่มเพื่อจะบอกลา
     “เต้ทีหลังก็หาคนมาซ้อนซะนะ เจ้ารถจักรยานนี่จะได้ไม่น้อยใจ โชคดีนะแล้วพรุ่งนี้เจอกัน”
     ว่านเดินหันหลังเข้าบ้านของเธอ เหลือเพียงชายหนุ่มที่ยังคงยืนมองเธอจนลับสายตาของเขาไป เต้หันมามองที่จักรยานคู่ใจของเขาก่อนที่จะพูดกับตัวเอง
     “เต้เจอแล้ว แต่เขาไม่ยอมมานั่งซ้อนท้ายเสียที”
ชายหนุ่มยืนครุ่นคิดอยู่สักพัก เริ่มรู้สึกอยากกลับถึงบ้านของเขาให้เร็วขึ้น จึงตัดสินใจถีบจักรยานที่จูงมาตลอดทางกลับบ้านทันที
 
     วันใหม่ที่แสนสดใสก็เริ่มขึ้น หญิงสาวที่ยังคงนอนคดคู้อยู่บนที่นอนต้องตกใจสะดุ้งตื่น เมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกที่เธอได้ทำการตั้งปลุกไว้ ว่านรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้ววิ่งลงมารับประทานอาหารเช้าพร้อมกับแม่ของเธอ
     “ค่อย ๆ ก็ได้ลูก เดี๋ยวก็หกล้มกันพอดี”
     “พอดีว่านรีบน่ะค่ะ ดันตั้งเวลาปลุกผิดเวลาไปหน่อย เลยตื่นสายเลย วันนี้มีเรียนเช้าด้วยต้องรีบล่ะค่ะ”
     ว่านหยิบขนมปังเข้าปากแล้วยกแก้วนมดื่มจนหมดแก้ว
     “ว่าน พี่ลูกหว้าจะมาอาทิตย์หน้านะลูก”
     “ค่ะ แม่ ว่านไปก่อนนะคะ ไว้เย็นนี้เราค่อยคุยกัน”
     หญิงสาววิ่งไปหอมแก้มแม่ของเธอ แล้วรีบวิ่งออกจากบ้านไป
     ว่านเปิดประตูรั้วมาก็พบกับชายหนุ่มเพื่อนสนิทของเธอยืนรออยู่ที่หน้าบ้าน
     “มารอนานหรือยัง” หญิงสาวเอ่ยปากถามขึ้น
     “ไม่นาน เราพึ่งมาถึง”
     เต้ตอบคำถามว่านเช่นนั้นเพื่อให้เธอสบายใจ แต่ในความเป็นจริง ชายหนุ่มมายืนรอหญิงสาวเกือบครึ่งชั่วโมงได้แล้ว
     “รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน” หญิงสาวชวนให้เต้รีบเดิน
     “อืม ไปสิ”
     ว่านเดินนำหน้าไปอย่างเร่งรีบโดยมีเต้เดินตามหลังเธออยู่ไม่ห่าง จนทั้งสองคนเดินจนถึงหน้าหมู่บ้าน เต้ก็เอาจักรยานฝากไว้กับพี่ยามตรงหน้าหมู่บ้านไว้เหมือนเช่นเคย แล้วทั้งคู่ก็พากันนั่งรถเมล์เพื่อไปมหาวิทยาลัยกัน
     “ว่าน ๆ” เสียงเรียกอันเจื้อยแจ้วของหญิงสาวคนหนึ่งดังมาแต่ไกล ทำให้ว่านหยุดหันไปมองตามเสียงที่เรียกชื่อของเธอ
     “อ้าว พัทมานานแล้วเหรอ”
     “มานานแล้วสิ รอเธออยู่ตั้งนาน ไปทางนู้นกับเราก่อน อาจารย์ยังไม่มาหรอก นะ
     พัทหรือพัทยาทำท่าคะยั้นคะยอให้ว่านเดินไปกับเธอ พัทเป็นเพื่อนที่ว่านพึ่งได้รู้จักตอนมารับน้องก่อนเปิดภาคเรียน พัทเป็นหญิงสาวอารมณ์ดี หน้าตาจัดว่าสวย แต่อาจจะดูเป็นคนตรง ๆ พูดจาแรงไปเสียหน่อย แต่ว่านก็รู้สึกสนิทสนมกับพัทอย่างรวดเร็วทั้งที่รู้จักกันได้ไม่นาน เพราะเธอสัมผัสได้ถึงความจริงใจของเพื่อนสาวคนนี้ แต่ดูเหมือนเต้จะไม่คิดเหมือนกับว่าน พอเจอหน้าพัททีไรเหมือนทั้งคู่จะมีเรื่องพูดจากวนกันมาไปทุกที
     พัทจูงมือว่านให้เดินตามเธอมา เพื่อไปพบใครคนหนึ่งที่คณะจิตรกรรม ซึ่งอยู่ข้าง ๆ กับตึกคณะนิเทศ ฯ ที่เธอเรียนอยู่
     “อิง!” พัทเรียกชื่อชายหนุ่มที่กำลังตั้งใจวาดรูปอะไรบางอย่างอยู่
     ชายหนุ่มได้ยินเสียงคนเรียกชื่อของเขา เขาจึงหยุดมือจากการวาดภาพแล้ววางดินสอลง ก่อนที่จะหันมายิ้มให้กับหญิงสาว
     “เรามีคนจะแนะนำให้รู้จัก อิงนี่ว่าน ว่านนี่อิง” พัททำการแนะนำให้ว่านได้รู้กับชายหนุ่มหน้าตาดีที่ยิ้มให้กับเธออยู่
     หญิงสาวเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกด เธอไม่รู้ตัวเลยว่าหยุดนิ่งแล้วยืนจ้องหน้าชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาราวกับหลุดมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นคนนี้ได้อย่างไรกัน
     พัทหันมามองว่านที่ยังยืนนิ่งเหมือนตกอยู่ในภวังค์ เธอจึงยกมือปัดผ่านหน้าของว่าน ทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวขึ้นมา
     “สวัสดีครับ อิงครับ ยินที่ได้รู้จักนะครับ”
     ชายหนุ่มแนะนำตัวและทักทายหญิงสาวขึ้นมาก่อน แต่ยังไม่ทันที่ว่านจะได้เอ่ยพูดอะไรออกไป เสียงชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่เดินตามเธอกับพัทมาก็พูดแทรกขึ้นมา
     “เราเต้ แล้วนี่จะไปเรียนกันได้ยังล่ะ สายแล้วนะ ถ้าอาจารย์เข้าก่อนโดนตัดคะแนนกันพอดี” เต้ขัดจังหวะขึ้นมา
     “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” ว่านทักกลับอิง หญิงสาวพูดได้เพียงแค่นั้นเต้ก็ดึงแขนของเธอให้รีบกลับไปที่ห้องเรียน
 
     ว่าน เต้ และพัท เข้าห้องเรียนทันเวลาพอดี ว่านนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างเต้และพัท หลังจากหมดชั่วโมงเรียน พัทก็หันมามองหน้าว่านแล้วเอ่ยอะไรบางอย่างกับเธอ
     “เป็นไง เมื่อเช้าตะลึงเลยนี่ เพื่อนเราหล่อเหมือนที่เราเล่าไว้เลยใช่ไหมล่ะ รูปก็หล่อ พ่อก็รวย แถมนิสัยก็ดี ไม่ได้แย่ เหมือนใครบางคนแถวนี้” พัทพูดแซวว่านแต่ไม่วายที่จะพูดจากระทบกระเทียบถึงชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างว่าน
     เต้ได้ยินที่พัทพูดจึงหันหน้าไปทำตาขวางใส่เธอ
     “เธอว่าใคร แม่คนนิสัยดี” เต้ถามขึ้นด้วยความรู้สึกไม่พอใจ
     “ไม่เอาน่า เธอสองคนจะเถียงกันทำไม ก็ดีทั้งหมดน่ะแหละ” ว่านรีบห้ามไว้เมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มไม่ค่อยดี
     “ทั้งหมดนี่ ใครอ่ะ เรา นายเต้ หรือ...อิง”
     พัทยังคงแซวว่านขึ้นมาอีก ทำให้หญิงสาวรู้สึกเขินจนหน้าแดง
     “ไร้สาระ ว่านไปห้องสมุดกันเถอะ ไปหาข้อมูลทำรายงานกันดีกว่า”
     เต้รีบตัดบทขึ้นมา ว่านพยักหน้าเห็นเป็นการด้วย แล้วว่านก็ลุกขึ้นเดินตามเต้ไปห้องสมุด
     “เอ้า! ไม่รอกันเลยเหรอ เราไปด้วย” พัทรีบวิ่งเต้กับว่านไป
     หลังจากที่ทั้งสามคนช่วยกันหาหนังสือที่เกี่ยวข้องเพื่อมาทำรายงานได้แล้ว พัทต้องขอแยกตัวกลับก่อน เพราะคุณแม่ของเธอมารอรับแล้ว เต้กับว่านยังคงนั่งอ่านหนังสือกันอยู่สักพัก ว่านเห็นว่าเริ่มเย็นแล้วจึงชวนเต้กลับบ้าน
 
     อิงยังคงวาดรูปอยู่จนเย็น และไม่มีทีท่าที่จะวางมือกับสิ่งเขาที่ตั้งใจทำอยู่ จนมีหญิงสาวคนเดินมาทางด้านหลังของเขาอย่างเงียบ ๆ
     “อิง วาดอะไรอยู่คะ กลับบ้านกันเถอะ ลินอุตส่าห์ขับรถมารับเลยนะเนี่ย”
     ชายหนุ่มได้ยินเสียงหญิงสาวพูดขึ้น เขาหันมายิ้มให้กับหญิงสาวที่มายืนอยู่ใกล้ ๆ เขา ชายหนุ่มรีบเก็บงานที่เขากำลังทำอยู่เพื่อกลับบ้านตามที่หญิงสาวบอก
     “มา เดี๋ยวลินช่วยถือค่ะ”
     ทั้งคู่ช่วยกันถือของแล้วเดินไปที่ลานจอดรถใกล้คณะเรียนของอิง
               
     ลินหรือลินลดา หญิงสาวผู้นี้เป็นเพื่อนสนิทของอิงและเขาทั้งคู่ก็คบกันในฐานะคนรู้ใจมาตั้งแต่มัธยม ที่บ้านของลินกับอิงก็รู้จักกันเป็นอย่างดี และได้พูดจาหมั้นหมายทั้งคู่ไว้ตั้งแต่เด็ก ลินจัดว่าเป็นสาวสวยที่มีมารยาทดี เรียบร้อย ถึงทั้งคู่จะไม่ได้เรียนที่เดียวกันเลย แต่เธอและเขาไปมาหาสู่ที่บ้านกันบ่อย ๆ
 
     ระหว่างทางที่นั่งรถกลับจนถึงหน้าหมู่บ้านว่านกับเต้ไม่ได้มีการพูดจากันเหมือนทุกวัน เต้จูงจักรยานมาจากป้อมยามแล้วเดินไปส่งว่านที่บ้านเหมือนเคย ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าวันนี้มีอย่างไม่เหมือนเดิม เขาสังเกตเห็นว่าหญิงสาวที่เดินข้าง ๆ เขาดูเหม่อลอยมาตลอดทาง บางทีก็ยิ้มออกมาคนเดียว ถ้าให้เขาเดาก็คงเกิดมาจากการพบกันของว่านกับอิง ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ เพราะขณะนี้หญิงสาวยังคงนึกถึงใบหน้าของชายหนุ่มที่เธอได้พบครั้งแรก เธอกำลังรู้สึกเหมือนตกหลุมรัก หรือจะเป็นรักแรกพบของเธอหรือเปล่า หญิงสาวเองก็ไม่แน่ใจ ซึ่งต่างจากเต้ที่เวลานี้เมื่อนึกถึงหน้าอิงจะรู้สึกรำคาญและหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก
     ว่านเปิดประตูรั้วบ้านของเธอแล้วหันหลังเดินเข้าบ้านไป โดยลืมที่จะบอกร่ำลาเพื่อนของเธอ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกน้อยใจยิ่งนัก ได้แต่เดินคอตกจูงจักรยานเดินกลับบ้านของเขาไป
     “เอาล่ะ ถ้าไม่มีใครอยากซ้อนก็ไม่เป็นไร อย่าเสียใจไปเลยนะเจ้าจักรยาน เดี๋ยวเราถีบแกกลับบ้านละกัน”
     ชายหนุ่มยิ้มเศร้า ๆ ให้กับตัวเอง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา