ตุ๊กตาเทวา

-

วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 00.04 น.

  25 บท
  2 วิจารณ์
  19.24K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2564 13.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) เด็กหนุ่ม ผู้มีตาสองสี

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

“ชีวิตคืออะไร  คนเราเกิดมาทำไม” 

คำถามเชิงปรัชญาที่เชื่อว่าหลายๆคนคงจะเคยใช้ถามกับตัวเองอย่างน้อยก็ 1 ครั้งในชีวิต

ตัวผมในสมัยอดีตเองก็เคยตั้งคำถามกับตัวเองเช่นกัน

มันเป็นคำถามที่หาความหมายให้ชีวิต  เพื่อกำหนดเส้นทางในอนาคต แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้คำตอบ หรือถึงจะได้คำตอบแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะได้ใช้ชีวิตตามคำตอบที่ได้

ส่วนตัวผมเป็นฝั่งที่ไม่ได้คำตอบอะไร แถมยังไม่เคยนึกเลยว่า จะต้องมาใช้ชีวิตเร่ร่อนเป็นนักเดินทางที่ไม่มีจุดหมายชัดเจนแบบนี้

ขอเพียงแค่พวกที่ตามล่าผมและเพื่อนร่วมทางอีกคนจะหาพวกเราไม่เจอ

กว่า  7  เดือนตั้งแต่ออกเดินทาง ตอนนี้ก็มาถึงทะเลทรายโกบี ทีแรกก็กะว่าจะไปเนียนกับกลุ่มขุดฟอสซิลที่บังเอิญไปเจอเข้า แต่ทางเพื่อนร่วมทางกลัวว่าคนอื่นจะได้รับอันตรายไปด้วย เราจึงเปลี่ยนใจ

โชคดีที่เราพบซากหอคอยหินเก่าๆ ซึ่งใช้เป็นที่พักก่อนมืดได้ ที่นี่ตอนกลางคืนจะหนาวมากๆ แต่เรากลับไม่สามารถก่อกองไฟได้ เพราะอาจกลายเป็นเป้าสายตา  ผมที่ได้อีกฝ่ายช่วยสอนเวทมนตร์จากมานาให้ ก็เอามาใช้สร้างความอบอุ่นให้ร่างกายแทน และตอบแทนด้วยการสอนเดินปราณให้เป็นการแลกเปลี่ยน

 

เมื่อกี้ต้องหยุดจดบันทึกไปเพราะดูเหมือนจะมีคนมาด้อมๆมองๆแถวชั้นล่าง  เพื่อนผมตัดสินใจหลอกล่อให้อีกฝ่ายมุ่งหน้าไปทางอื่น เพราะเราไม่อยากเสียที่พักดีๆในคืนนี้

ตั้งแต่เสียตาขวาไป ผมก็เริ่มพึ่งประสาทหูมากขึ้นจนกลายเป็นทักษะที่ผมอยากจะเบ่ง  กะว่าถ้ามีโอกาส จะเอากลับไปอวดเจ้าพวกนั้นซะหน่อย

ถ้ามีโอกาสได้กลับไปละนะ

นิพนธ์  สกุณาวงศ์

 

1ปีก่อน

   ปากกาเมจิกวาดตัวอักษรขีดเขียนบนพื้นสีขาวของไวท์บอร์ดอย่างขยันขันแข็งไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักจากมือของอาจารย์ประจำวิชา

เหล่านักเรียนภายในห้องเองก็ขยันขันแข็งกับการรีบจดบันทึกบนหน้ากระดาษของตนเอง เพื่อตามเนื้อหาบนกระดานให้ทัน

เนื้อหาถูกแบ่งออกเป็น  2  ฝั่งกระดาน นั้นแปลว่าระหว่าง  ที่อาจารย์กำลังวาดอักขระอย่างเมามันที่ฝั่งหนึ่งอยู่  นักเรียนก็ต้องคัดลอกเนื้อหาอีกฝั่งก่อนหน้าอย่างรีบเร่ง

“อ้าว!!”

“โห่ อาจารย์!!!”

เสียงร้องประท้วงอย่างน่าสงสารจากนักเรียนที่ทำการจดบันทึกไม่ทันเพราะ ผู้แก่อายุกว่าเดินมาลบเนื้อหาอีกฝั่งเสียเกลี้ยงเกลา  เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วไปให้เห็นอยู่บ่อยๆ

กริ๊งงงงงงงงงงงงง

ทว่าเสียงหมดเวลาคาบเรียนก็ดังขึ้นขัดจังหวะกิจกรรมการสอน

“เอาละอย่างที่รู้ๆกันอยู่นะว่าช่วงนี้โรงเรียนของเราจะปิดครึ่งวันเพราะเหตุอาชญากรรมที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงนี้  รีบกลับบ้าน  อย่าเชื่อคนแปลกหน้า  อย่าอยู่ในที่ลับตาคน”

“นักเรียน เคารพ”

“ขอบคุณครับ/ค่ะ”

...

“เฮ้ย ไปร้องเกะปะ?”

“มีร้านไอศกรีมเปิดใหม่ด้วยละแก”

“เดี๋ยวไปแวะร้านการ์ดก่อน”

ผู้สอนเดินออกนอกห้องไปได้ประมาณ 2  นาที  เหล่านักเรียนก็พากันนัดแนะไปเที่ยวเล่นโดยไม่ได้สนคำเตือนก่อนหน้านี้เลยซักกะนิด

ผมเริ่มเก็บข้าวของใส่ในกระเป๋าเป้อย่างเงียบๆ  เตรียมพร้อมกลับบ้านเหมือนคนอื่นๆ โดยไร้การพูดคุยกับใคร

“พวกในห้องเรานี้ร่าเริงดีนะ”

ผมเปรยออกมาเหมือนพูดคนเดียว

“แกว่างั้นไหม กวี?”

อีกฝ่ายที่นั่งข้างๆแต่ถัดไปอีกแถวหนึ่งจึงตอบกลับมาเมื่อได้ยินว่ามีคนเรียกชื่อ

“ก็อาจใช่ หรือมองอีกมุมหนึ่งจะว่าโง่ก็ได้”

เด็กหนุ่มที่สูงพอๆกับผม แววตาที่ดูเหมือนใช้ความคิดอยู่ตลอดจนดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดี จ้องมองไปที่สัมภาระตัวเองที่กำลังเก็บลงกระเป๋าแบบถือ ผมสีเทาที่ดูโดดเด่นกว่าชาวบ้านร้านตลาดทั่วไปได้รับการยืนยันว่าเป็นสีธรรมชาติ

กวี อักษร
ผมว่านามสกุลมันแปลกๆ เหมือนตั้งมาส่งๆยังไงชอบกล

กวีเป็นคนเงียบๆที่เงียบมากๆ ถ้าไม่เอ่ยชื่อ มันจะไม่ตอบอะไรเด็ดขาด ถึงแม้ว่าแค่ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายเขาพูดด้วยอยู่นะ

แต่ผมดูออกว่าเจ้านี่มันแกล้งเมิน แต่จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม มันก็เป็นเหตุผลที่ผมเลือกนั่งตรงนี้  นั้นเพราะผมเองก็เป็นพวกสันโดษเช่นกัน ตาขวาที่มีสีทองอย่างผิดปกติของผมมันทำให้ผมเจออะไรแย่ๆสมัยประถม ถึงก่อนหน้านี้จะมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งที่ตอนนี้เลิกคุยกันไปแล้วก็เถอะ ความเงียบและไม่สนใจใครของเจ้ากวีจึงถือว่าดีต่อผมอย่างมาก

“แกนี้พูดตรงเหมือนเดิมนะ” ผมหยุดมือและหันไปคุยด้วย

“ไม่จำเป็นต้องประดิษฐ์คำนี้  ถึงจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่เป้าหมายของคนร้ายตามข่าว  แต่ก็อาจจะมีพวกเลียนแบบ  หรือฉวยโอกาสก็ได้  การที่ไม่คิดอะไรให้รอบคอบก็คือ โง่ ยังไงละ”

แล้วกรณีไหนบางที่แกประดิษฐ์คำฟะ

“มีเหตุผลดีนะ  เพราะประสบการณ์ในชีวิตน้อยจึงคิดน้อยสินะ  แต่ถ้าเข้มขรึมเกินไปก็เสียดายกำไรชีวิตนะ  แกไม่คิดจะเอาเวลาไปเที่ยวเล่นบ้างเรอะ?”

“แกคิดว่าถ้าฉันกลายเป็นศพในวันพรุ่งนี้หลังจากที่ฉันบอกว่าคนอื่นโง่  ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันละ นิพนธ์”

กวีลุกขึ้นและหันตัวออกเดินไป

“กวี ธะ เธอ ไปเดินเล่นที่ตลาดใหม่กันไหม?”

เด็กผู้หญิงในห้องคนหนึ่งเดินมาทักกวี  ท่าทางกล้าๆกลัวๆ  

ดุจดาว เสียงเงิน

ผมดำหางม้า กับรูปร่างที่สมส่วน ส่วนหน้าตาก็ เรียกสั้นๆว่า สวยก็แล้วกัน

“ดุจดาวเรอะ ฉันว่าช่วงนี้มันอันตรายนะ เธอรีบกลับบ้านไปซะดีกว่า  ถ้าไม่อยากเป็นข่าวหน้าหนึ่ง”

มันว่าอย่างนั้นแล้วก็เดินออกประตูไปเสียเฉยๆ ทิ้งสาวเจ้าให้มองตามอย่างเงียบๆ

“พวกแกได้ยินไหม”  ดุจดาวหันไปพูดกับเพื่อนคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลัง

“กวีนะ กวีนะ...เขาเป็นห่วงฉันด้วยละแก”

ก็เคยเห็นอยู่หรอกนะ คนที่ตกอยู่ในห้วงรักจนมองอะไรเป็นแง่บวกตาม นิยาย มังงะ

ยัยดุจดาวนี่ ถึงจะเรียนเก่งระดับรองแค่จากเจ้ากวี  แต่ท่าทางเอ๋อๆเหมือนกันแฮะ

ผมเองก็ได้แก่เวลากลับบ้านบ้าง จึงสะพายกระเป๋า เดินหลบไปออกประตูหน้าต่างจากปกติ เพราะที่ประตูหลังตอนนี้ ยัยดุดาวกับเพื่อนไปยืนชะเง้อมองหาผู้ชายอยู่

ช่วยอย่าขวางทางออกสิ!! และมองให้ตายก็หาไม่เจอหรอก จาก 1ใน9เรื่องลึกลับของโรงเรียน

‘กวีมีตัวตนแค่ในห้องเรียน’

คือถ้าพ้นห้องเรียนแล้วไม่มีทางหาเจอ ยกเว้น เข้าแถวหน้าเสาธง

 

     ยอมรับนะว่าเจ้ากวีมันพูดถูก คนเราไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา  แต่กลางวันแสกๆแบบนี้ คนร้ายมันคงไม่โง่พอจะออกมาไล่ฆ่าคนหรอกมั้ง  ผมเองวันนี้ก็มาเดินอยู่ในแหล่งชุมชนที่เรียกว่า

ตลาดใหม่รังสิต   มันคือตลาดเดิมที่มีการสร้างตึกกับจัดระเบียบใหม่ เพราะการมาของรถไฟฟ้า ถึงก่อนหน้านี้จะมีการคัดค้านอะไรกันวุ่นวาย  แต่สุดท้ายก็ออกมาตามที่เทศบาลเมืองจัดการ โรงหนังชื่อดัง และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ฝั่งตรงข้าม ก็ช่วยให้แถวนี้คึกคักพอสมควร

“เฮ้อ” ผมส่งเสียงถอนหายใจเฮือกหนึ่งหลังจากดูดชนนมไปอึกใหญ่

“มันไม่อร่อยขนานนั้นเรอะ?” เด็กหนุ่มข้างๆที่เดินมาด้วยกันถามขึ้น

“หรือเกรดไม่ดีอีกแล้ว?” อีกฝ่ายยังถามต่อ

ชูใจ  อุษาจิต

รู้จักกันมาตั้งแต่ ม.3 แต่มาสนิทกันเอาตอนปีที่แล้วคือ ม.4 ถึงจะอยู่กันคนละห้อง  และถึงผมจะบอกว่าชอบความสันโดษ แต่เจ้านี่ก็นับว่าเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดก็ได้

อีกฝ่ายมองผมผ่านแว่นทรงกลมที่เข้ากับรูปหน้าดูตลก  และผมรองทรงต่ำที่ยาวจนน่าจะโดนอาจารย์ไล่ไปตัดได้แล้ว  ดูรกจนผมรำคาญแทน

“เรื่องที่ทำให้นายเป็นกังวลได้ นอกจากเรื่องเกรดแล้วก็มีไม่กี่เรื่องหรอกนะ” มันยังไม่เลิกตื้อ แถมมาแซะเรื่องคะแนนผมอีก

“นี้แก เกรดนะ วัดความเป็นคนในสังคมไม่ได้หรอกนะเฟ้ย”

“แต่วัดความขยันได้นะ”

ชูใจตอบกลับมาอย่างทันควันจนผมหมดทางจะสู้

“จะว่าไป ช่วงนี้ มีเรื่องน่าจะทำให้นายสนใจอยู่ไม่ใช่เรอะ?”

“กีฬาสี?  งานโรงเรียน? ค่าย รด.?”  ผมตอบสุ่มๆไปเพราะไม่รู้จริงๆว่าอีกฝ่ายพูดถึงงานไหน

“คดีฆาตกรรมต่อเนื่องไงละ”  ชูใจดัดเสียงเข้มที่ไม่รู้ว่ามันจะทำไปทำไม

“ไปรู้อะไรมาละสิ ไม่ใช่ว่าลงหน้าหนึ่งไปหมดแล้วรึไง” 

ชูใจมีพ่อเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ มันจึงมีเรื่องเล่ามาให้ผมฟังเสมอๆ โดยฉพาะพวกข่าวอาชญากรรมแบบนี้

เรียกว่า เกือบทุกวัน

“จุ๊ๆ  เรื่องนี้ไม่มีลงที่ไหนหรอกนะพ่อหนุ่ม”

พอดีกับที่เราเดินกันมาถึงทางแยก แต่ยังข้ามไม่ได้เพราะสัญญาณไฟ ผมจึงตัดสินใจจะฟังเรื่องเล่าของเจ้าชูใจ

“เมื่อ 3 เดือนก่อนพบศพเด็กสาวอายุ 17 ที่ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนประจำตำบล  อีกฝั่งของคลองรังสิต”

“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะ  เอางี้  ที่ฉันรู้ก็คือ เดือนต่อมาเจออีกศพเด็กสาวตรงฝายกั้นน้ำ ของคลองที่แยกลงใต้  เดือนต่อมาคือเดือนที่แล้ว เจออีกศพเด็กสาวอีกรายตรงสนามกีฬา ใกล้ๆกับที่ทำการไปรษณีย์ประจำอำเภอ  แค่นี้  เข้าเรื่องของแกเลยดีกว่า”

 “เดือนนี้ยังมีอีกศพ แต่เขาปิดข่าว  ที่ตลาดใหม่นี่แหละ  แต่คงปิดได้ไม่นานหรอก  นายรู้สภาพศพไหม นิพนธ์?”

“ในข่าวบอกแค่ปาดคอ”

“ถูกควักลูกตาทั้ง 2 ข้าง  สูบเลือดหมดตัว ไม่มีร่องรอยถูกข่มขืน ทุกศพถูกจัดท่านอนเหยียดเหมือนจากไปอย่างสงบ เสื้อผ้าถูกเปลี่ยนเป็นเดรสกระโปรงยาวสีขาว  คิดว่ายังไง”

ผมนึกภาพตามแล้วขนลุก  นี้มันมีเรื่องบ้าๆแบบนี้เกิดขึ้นใกล้ๆตัวเราจริงๆเรอะเนี๊ยะ

“พวกโรคจิตมั้ง ไม่ก็คลั่งลัทธิ” ผมตอบส่งๆไป

“อะไรกัน แค่นี้เองเรอะ  ไหนว่าชอบนิยายสืบสวนไง”

“นี้มันไม่ใช่นิยายซะหน่อย ชอบอ่านแต่ไม่ชอบสอดรู้เหมือนพวกนักสืบในนิยายนะ คิดว่าฉันเป็นคนติดยาที่ชอบวางยาหมาแห่งถนนเบเกอร์รึไง!! ...หืม  นั้น เจ้ากวีนี่”

“ไหนๆ!!”

เจ้าชูใจหันกลับหลังชะเง้อคอมองหาอย่างสอดรู้  มันนี่แหละเหมาะจะเป็นนักสืบมากกว่าผมเสียอีก

“ไม่เห็นมีนี่”  ชูใจหันมาด้วยหน้าตาผิดหวัง  ไอ้ตำนาน ‘กวีมีตัวตนแค่ในห้องเรียน’ นี่มันดังจริงๆแฮะ

“เห็นจริงๆนะ...มันหายไปไวจริงๆ”

“ไม่ใช่ปลอมแค่ตา แต่คำพูดก็ปลอมด้วยเรอะ”

“ตาจริงเฟ้ย ถึงมันจะคนละสีอย่างโคตรประหลาดก็เถอะ!!”

ผมพูดจบก็ออกตัวเดินทันทีที่เห็นว่า สัญญาณไฟข้ามถนนเป็นสีเขียวแล้ว ดูเหมือนว่าวันนี้ของเองก็จบลงอย่างเรียบง่ายอีกเช่นเคยสินะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา