โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
7.3
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
188 บทที่
11 วิจารณ์
137.88K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
82) ข้าไม่ใช่แม่มด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความสตรีชุดแดงพาเด็กๆ เข้าไปยังส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่น มีโต๊ะกลมขนาดใหญ่พร้อมกับกับเก้าอี้ทั้งหมดหกตัว แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาคือลูกแก้วสีแดงแวววาว มันวางอยู่บนฐานที่ตั้งไว้กลางโต๊ะพอดี
“ ท่านเป็นแม่มดนี่ ”
ฟิโลโซเฟอร์ว่า
“ แค่เห็นลูกแก้วอันเดียวก็ทึกทักไปเองแล้ว แบบนี้ไม่ไหวเลยนะพ่อหนุ่มน้อย ”
นางว่ายิ้มๆ แต่เป็นรอยยิ้มแบบเอ็นดู
“ ไม่ใช่หรอก ข้ารู้สึกได้ ท่านมีบางอย่างไม่เหมือนคนปรกติ ”
“ งั้นหรือ ยังไงเสียเจ้าก็คุ้นเคยกับพ่อมดถึงสองคนนี่นะ ถ้าจะรู้จักแม่มดเพิ่มอีกสักคนจะเป็นไรไป แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่ได้เป็นแม่มดหรอก สาบานได้ ”
เด็กชายตัวน้อยแสดงสีหน้าชัดเจนว่าไม่เชื่อ
ในใจก็นึกสงสัยว่านางรู้เรื่องของเขาได้อย่างไร
“ เอาอย่างนี้ เจ้าไปถามดารีลดูสิ เด็กหนุ่มนั่นรู้จักข้าดีแต่ระวังหน่อยนะ เขาเป็นคนขี้อิจฉาอาจจะใส่ความข้าไปต่างๆ นาๆ ทั้งที่ความจริงข้าน่ะเป็นคนมีเมตตาแท้ๆ ”
สตรีนางนั้นจุดเตาตะเกียงน้ำมันสนที่ตั้งเอาไว้ข้างห้อง
จัดการวางกาน้ำชาที่ทำจากกระเบื้องดินเผาสีขาวกระจ่างลงเหนือเตา
แล้วจึงแจกจ่ายขนมให้เด็กๆ
มีเงาสีดำร่างหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเงียบกริบ
เขาหยิบกาน้ำชาขึ้นแล้วเปิดดู
“ นี่เจ้าคิดจะชงชาแบบนี้ให้เด็กๆ จริงๆ หรือ ”
เสียงนั้นนุ่มละมุนแต่เต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นข้องใจ
พวกเขาต่างหันไปมองทางนั้น
จึงได้เห็นดารีลยกกาขึ้นแกว่งๆ ด้วยท่าทางน่าหวาดเสียว
“ ระวังหน่อยประเดี๋ยวกาน้ำร้อนของข้าก็แตกพอดี ”
สตรีชุดแดงทำเสียงดุ
“ ทีหลังก็ซื้อเป็นกาทองคำสิ เวลาโดนข้าเขวี้ยงจะได้ไม่แตก ”
ถึงจะกล่าวเช่นนั้น
แต่เขาก็วางกลับลงไปอย่างเบามือ
หนุ่มน้อยพ่อมดมองสำรวจเด็กทีละคน
แล้วบอกว่า
“ พวกเจ้านี่นะ ไม่เคยมีใครเตือนเลยหรือว่าอย่ารับประทานอาหารจากคนแปลกหน้า โดยเฉพาะคนที่คะยั้นคะยอไม่เลิกแบบนางผู้นี้ ข้าไม่ประหลาดใจเลยหากสักวันพวกเจ้าจะตายเพราะโดนวางยา ”
โลธอร์ได้ยินดังนั้นถึงกับสำลัก
เพราะตอนนี้เขาเคี้ยวขนมอยู่เต็มปาก
“ อย่าตกใจไปของจริงอยู่ในกาที่กำลังเดือดโน่น ”
ดารีลว่าพลางวางมือหนักๆ ลงบนบ่าของเด็กร่างอ้วน
ซึ่งขณะนี้กำลังชักตาตั้ง
“ ตกลงแล้วขนมนี่กินได้หรือเปล่า ”
อีเลียสถามหวาดๆ เพราะเขาได้ชิมไปบ้างแล้ว
เด็กคนอื่นเริ่มกระวนกระวาย
แต่ฟิโลโซเฟอร์นิ่งเฉยเพราะเขาไม่ได้แตะต้องอะไร
“ ถ้ากินเข้าไปแล้วก็ไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีก เปล่าประโยชน์ที่จะคิดแก้ไข ”
ดารีลตอบเรียบๆ
เมื่อเห็นเด็กๆ หน้าถอดสีเขาจึงกล่าวต่อ
“ ขอโทษ ข้าพูดไม่ชัดเจนเอง ถ้าคิดว่าอร่อยก็กินๆ ไปเถอะไม่มีอะไรหรอก ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียน ครั้งหน้าไม่แน่เจ้าอาจไม่ได้ตั้งคำถามแบบนี้อีก ”
“ เจ้ากำลังจะบอกว่าข้าคิดวางยาเด็กอย่างนั้นหรือ แหมแบบนี้เกินไปหน่อยนะ ข้าจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรกัน แท้จริงข้าน่ะรักเด็กและอยากมีลูกเป็นของตัวเองจะแย่ ”
นางว่าพลางตีหน้าเศร้า
“ จะให้ข้าเอาน้ำชาในกากรอกปากเจ้าดูก่อนหรือเปล่าล่ะ ”
ท่าทีของดารีลบอกชัดเจนว่าเขาเอาจริง
หญิงงามในชุดสีแดงจัดไม่ตอบว่าอะไร
นางเพียงแต่ระบายรอยยิ้มที่มุมปาก
“ หิมะหยุดแล้วพวกเจ้าก็รีบๆ กลับกันซะ ก่อนที่จะดึกไปกว่านี้ พักอยู่ในปราสาทขาวกันแท้ๆ แต่ยังออกมาเพ่นพ่านกันกลางดึก ระเบียบของโอรีเวียคงหย่อนยานมากสินะ ”
ฟิโลโซเฟอร์ลุกขึ้นทันที
เด็กๆ คนอื่นก็ลุกตามอย่างว่องไว
“ ไม่กลับพร้อมกันหรือ ”
เขาหันมาถามพ่อมดน้อย
“ ถ้าจำไม่ผิด บ้านข้าอยู่คนละฟากกับบ้านของเจ้า กลับพร้อมกันก็ประหลาดละ ”
เด็กชายจึงกล่าวลาแม่สาวชุดแดงคนนั้น
แล้วออกเดินนำหน้าเพื่อนๆ ในกลุ่มไป
“ แม่นาง เจ้าผู้ทำเพื่อคนอื่นอยู่เสมอแล้วมีใครทำเพื่อเจ้าบ้าง มีใครเห็นอกเห็นใจเจ้าบ้าง ”
นางกระซิบกับเลโอน่า
เมื่อเด็กสาวเดินผ่านไป
“ หยุดทำแบบนั้นเสียที ”
ดารีลพูดเบาๆ แต่ทว่าเข้มขรึม
เขายืนกอดอกมองเด็กๆ จากกรอบประตู
แล้วตวัดสายตากลับมาทางสตรีชุดแดงผู้เลอโฉม
“ ข้ารู้ว่าเจ้าสามารถควบคุมดินฟ้าอากาศได้แต่ แบบนี้ไม่ก้าวก่ายเกินไปหน่อยหรือ ”
นางต่อว่าดารีลเมื่อเด็กๆ จากไปจนหมดแล้ว
“ ก้าวก่ายใครล่ะวอเรน่า หิมะนี่ไม่ได้ตกเองตามธรรมชาติ หรือไม่จริง ข้าต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามว่าเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ ”
สตรีชุดแดงกระพริบตาปริบๆ สีหน้างุนงง
“ นี่เจ้าตั้งชื่อให้ข้าอย่างนั้นหรือ ”
“ ถ้าเจ้าไม่ชอบ ข้าเปลี่ยนให้ใหม่ก็ได้ ”
ดารีลว่า
“ ก็แหมทำไมจะไม่ชอบล่ะ เจ้าเรียกอย่างไรข้าก็ชอบทั้งนั้น จริงไหมจ๊ะพ่อหนุ่มน้อย ”
นางทำเสียงเย้ายวน
ดารีลไม่สนใจ
เขายกกาน้ำชาขึ้นเขย่าแล้วเทลงถ้วยทั้งสองใบ
แล้วเลื่อนถ้วยหนึ่งไปให้แม่สาวคนนั้น
“ ทำแบบนั้นน้ำชาก็ขุ่นกันพอดี ”
นางท้วง
“ ก็เล่นบดชาเสียละเอียดขนาดนั้น แล้วยังไม่คิดเอาผ้ากรองห่อไว้ด้วย เอาเถอะตั้งไว้เดี๋ยวก็ตกตะกอนเอง ”
เขาว่าแล้วนั่งลงตรงหน้า
เลื่อนชาอีกถ้วยมาใกล้ๆ ตัวเอง
“ ถามจริงเหตุใดจึงชอบยุ่งกับเด็กๆ ของข้า ”
ดารีลถามตรงๆ
“ ตายจริงเด็กของเจ้าเสียเมื่อไหร่ แหมข้าหวังดีหรอก แล้วเด็กๆ ก็ตามข้ามาเอง ข้าน่ะตั้งใจจะเลี้ยงขนมและน้ำชาจริงๆนะ เพียงแต่ข้าหยิบชาผิดห่อเท่านั้นเอง เรื่องแค่นี้ถึงกับโกรธกันด้วยหรือ ”
“ ข้าต้องเชื่อหรือเปล่า ”
“ ไม่รู้ทำอย่างไรเด็กๆ พวกนั้นจึงไว้ใจเจ้านัก ข้าพยายามอยู่ตั้งนานกลายเป็นกลัวข้าไปเสียได้ ”
หญิงงามบ่น
“ พวกเขาฉลาดพอที่จะเห็นความอำหิตในสายตาของเจ้าอย่างไรล่ะ ”
ดารีลว่า
“ ว่าแต่เจ้าเถอะทำไมมาที่นี่ได้ หรือแท้จริงแล้วคอยเฝ้ามองข้าอยู่ ต่อหน้าทำชิงชังลับหลังแอบชอบข้าใช่มั้ย ไม่เอาน่า ข้าน่ะชอบคนกล้าหาญ ถ้าเจ้าขอข้าดีๆ บางทีเราอาจจะ ”
ไม่เพียงแต่เสียงของนางที่เชิญชวน
ท่าทางของนางก็เย้ายวนพอกัน
นางโน้มกายเข้ามาลากนิ้วยาวผ่านลำคอขาวเนียนของพ่อมดน้อย
แล้วมาหยุดที่ปลายคางเรียวได้รูป
บังคับให้เขาเชิดหน้าขึ้นช้าๆ
ก่อนที่ริมฝีปากสีแดงสดจะประกบลงมา
ดารีลก็ปัดมือนั้นออกพลางเอียงร่างหลบ
“ ว้า เจ้านี่เด็กซนจริงๆ แต่แบบนี้แหละยิ่งหนีข้าก็ยิ่งอยากได้ ”
“ เจ้ายังไม่ให้คำตอบเรื่องเด็กๆ กับข้าเลย ”
หนุ่มน้อยหน้ามนทวง
“ ห่วงแต่เด็กๆ เข้าไปเถอะ ว่าแต่เจ้าหญิงแสนสวยของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีอยู่หรือ ”
มีดพกสีดำตวัดไปจ่อที่คองามระหงของนางทันที
เขาลุกพรวดขึ้นยืนค้ำร่างนางเอาไว้
“ อย่าเอ่ยถึงนาง และอย่าให้ข้าได้ยินว่าเจ้าทำนายอะไรไปถึงนาง ”
“ ดารีลจ๊ะดารีลจ๋า เล่นของมีคมกับผู้หญิงบอบบางไร้ทางสู้แบบนี้ ช่างไม่น่ารักเอาเสียเลย ”
นางทำเสียงเล็กเสียงน้อย
แต่ชม้อยชายตาขึ้นมองอย่างท้าทายนิดๆ
“ อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำ ”
ดารีลเสียงเข้ม
“ ก็ได้ๆ ข้าจะไม่แตะของรักของหวงของเจ้า เว้นเสียแต่นางจะเต็มใจ ”
นางว่าพลางใช้สองมือดันมีดเล่มนั้นออก
ดารีลเหลือบไปมองลูกแก้วสีแดงที่วางอยู่บนโต๊ะ
เขาเขม้นมองลึกเข้าไปในเงาดำมืด
“ เจ้าสนใจลูกแก้วพยากรณ์หรือ ข้าสอนให้เอาไหม หรือเจ้าอยากรู้อนาคตข้างหน้าข้าก็สามารถช่วยได้ ”
“ ชีวิตข้า ข้ากำหนดเอง ”
หนุ่มน้อยบอก
“ แท้จริงแล้วเหตุผลที่เจ้ามาที่นี่คืออะไรกันแน่ เจ้ารู้ดีถึงอำนาจของข้า เหตุนี้ใช่ไหมจึงมาวนเวียนอยู่ไม่ห่าง เจ้าปรารถนาสิ่งใด อำนาจยิ่งใหญ่หรือความรอบรู้ไม่สิ้นสุด ”
ดารีลไม่ตอบ
เขายกถ้วยชาขึ้นจิบใบหน้างดงามนั้นเอียงเล็กน้อยคิ้วสองข้างขมวดเข้าหากัน
มันบ่งบอกถึงความผิดปรกติในถ้วยชานั้น
“ ทำไมล่ะไม่อร่อยหรือ ”
เสียงของนางมีแววผิดหวัง
“ ลองชิมถ้วยของเจ้าสิ ”
นางจึงยกขึ้นจิบบ้าง
ดารีลเอกก็ยกขึ้นจิบอีกครั้งสี
หน้าเต็มไปด้วยอารมณ์ข้องใจแล้วก็หัวเราะออกมา
“ กลิ่นว่าสยองแล้วรสชาติยังสยองกว่าอีก คิดจะวางยาทั้งทีไม่ปรุงไห้ดีกว่านี้ใครจะกลืนลง ”
นางยกรวดเดียวหมดถ้วยแล้วยิ้มหวาน
“ ก็ไม่ได้แย่เสียหน่อยเจ้าน่ะพูดเกินไปละ แต่ก็นะรู้ทั้งรู้ยังกล้าดื่ม ตกลงแกล้งบ้าหรือบ้าจริงกันแน่ ”
“ ยาพิษพวกนี้ไม่ได้ผลกับข้าหรอก เจ้าเองก็รู้เรื่องนี้ดีนี่นา ว่าแต่ใส่อะไรไปบ้างล่ะเล่นบดละเอียดแบบนี้ข้ามองไม่ออกเลย ”
ดารีลว่าพลางเลื่อนถ้วยชาของนางมาดูใกล้ๆ
“ ถ้าเจ้าอยากรู้ล่ะก็”
สตรีชุดแดงผู้เลอโฉมลุกขึ้นเดินนวยนาดไปค้นของบางอย่างในหีบหนัง
ดารีลจับถ้วยของนางคว่ำลงหมุนก้นถ้วยด้วยปลายนิ้วไปเรื่อยๆ
นางกลับมาพร้อมกับผ้าห่อเล็กและหนังสือปกหนาขึ้นราสีขาวเป็นปุยนุ่น
จัดการวางลงตรงหน้าคนอายุน้อยกว่าพลางกล่าวเชื้อเชิญ
“ แกะดูสิ”
“ หมายถึงห่อนี่หรือ ”
ดารีลสงสัย
“ หรือเจ้าอยากแกะอย่างอื่นล่ะ ”
ไม่ว่าเปล่านางก้มลงแล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้
เผยช่วงอกที่ขาวฟูให้ปรากฏตรงหน้า
“ รอเดี๋ยวนะเมื่อครู่ทำมีดหล่นไปไหนแล้ว เรื่องแกะต้องยกให้ข้า จะคว้านออกมาทั้งไส้เลย ”
เด็กหนุ่มรูปงามว่า
ทำทีเป็นเสมองหาของใต้โต๊ะ
“ แหม่ เจ้านี่ไม่สนุกเอาเสียเลย ”
นางทำเสียงแสนงอน
นั่งลงด้วยใบหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย
“ แน่ใจหรือว่าไม่อยากฟังคำทำนายจากข้า ”
สตรีแสนงามเริ่มหมุนลูกแก้วสีแดงเล่น
“ ถ้าข้าต้องมาฟังเรื่องเหลวไหลล่ะก็ข้ากลับดีกว่า ”
ดารีลลุกขึ้นพร้อมกับเปิดถ้วยชา
แล้วเลื่อนกลับไปให้แม่สาวชุดแดง
“ และนี่คือชะตาของเจ้า ”
ดารีลว่า
ในจานรองถ้วยนั้นมีกากชาสีดำเรียงตัวกันเป็นวงกลม
เรียบรื่นไร้รอยสะดุด
“ ไม่มีเบื้องต้นไม่มีเบื้องปลายเจ้าติดอยู่ในวังวนของตัวเอง ไม่มีทางหลุดพ้นและไม่มีผู้ใดช่วยเหลือได้ ”
“ เจ้าแอบทำนายข้าหรือ ”
เสียงของนางราบเรียบสองมือวางบนโต๊ะ
รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้า
“ แทงใจหรือไง แต่คำทำนายของข้าไม่เป็นพิษหรอกอย่าได้กลัวไป หมดธุระแล้วข้ากลับล่ะช่วงนี้งานยุ่งเหลือเกิน แต่ก็ขอบคุณที่ให้ยืมหนังสือแล้วข้าจะรีบเอามาคืน ”
ดารีลรวบเอาของทั้งหมดแล้วเดินโฉบออกไปทันที
“ อย่าให้รอนานล่ะข้าน่ะคิดถึงเจ้าทุกคืนเลย ”
นางทำเสียงระรื่น
รอยยิ้มมากเล่ห์กลับมาระบายบนใบหน้าอย่างรวดเร็ว
“ ท่านเป็นแม่มดนี่ ”
ฟิโลโซเฟอร์ว่า
“ แค่เห็นลูกแก้วอันเดียวก็ทึกทักไปเองแล้ว แบบนี้ไม่ไหวเลยนะพ่อหนุ่มน้อย ”
นางว่ายิ้มๆ แต่เป็นรอยยิ้มแบบเอ็นดู
“ ไม่ใช่หรอก ข้ารู้สึกได้ ท่านมีบางอย่างไม่เหมือนคนปรกติ ”
“ งั้นหรือ ยังไงเสียเจ้าก็คุ้นเคยกับพ่อมดถึงสองคนนี่นะ ถ้าจะรู้จักแม่มดเพิ่มอีกสักคนจะเป็นไรไป แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่ได้เป็นแม่มดหรอก สาบานได้ ”
เด็กชายตัวน้อยแสดงสีหน้าชัดเจนว่าไม่เชื่อ
ในใจก็นึกสงสัยว่านางรู้เรื่องของเขาได้อย่างไร
“ เอาอย่างนี้ เจ้าไปถามดารีลดูสิ เด็กหนุ่มนั่นรู้จักข้าดีแต่ระวังหน่อยนะ เขาเป็นคนขี้อิจฉาอาจจะใส่ความข้าไปต่างๆ นาๆ ทั้งที่ความจริงข้าน่ะเป็นคนมีเมตตาแท้ๆ ”
สตรีนางนั้นจุดเตาตะเกียงน้ำมันสนที่ตั้งเอาไว้ข้างห้อง
จัดการวางกาน้ำชาที่ทำจากกระเบื้องดินเผาสีขาวกระจ่างลงเหนือเตา
แล้วจึงแจกจ่ายขนมให้เด็กๆ
มีเงาสีดำร่างหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเงียบกริบ
เขาหยิบกาน้ำชาขึ้นแล้วเปิดดู
“ นี่เจ้าคิดจะชงชาแบบนี้ให้เด็กๆ จริงๆ หรือ ”
เสียงนั้นนุ่มละมุนแต่เต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นข้องใจ
พวกเขาต่างหันไปมองทางนั้น
จึงได้เห็นดารีลยกกาขึ้นแกว่งๆ ด้วยท่าทางน่าหวาดเสียว
“ ระวังหน่อยประเดี๋ยวกาน้ำร้อนของข้าก็แตกพอดี ”
สตรีชุดแดงทำเสียงดุ
“ ทีหลังก็ซื้อเป็นกาทองคำสิ เวลาโดนข้าเขวี้ยงจะได้ไม่แตก ”
ถึงจะกล่าวเช่นนั้น
แต่เขาก็วางกลับลงไปอย่างเบามือ
หนุ่มน้อยพ่อมดมองสำรวจเด็กทีละคน
แล้วบอกว่า
“ พวกเจ้านี่นะ ไม่เคยมีใครเตือนเลยหรือว่าอย่ารับประทานอาหารจากคนแปลกหน้า โดยเฉพาะคนที่คะยั้นคะยอไม่เลิกแบบนางผู้นี้ ข้าไม่ประหลาดใจเลยหากสักวันพวกเจ้าจะตายเพราะโดนวางยา ”
โลธอร์ได้ยินดังนั้นถึงกับสำลัก
เพราะตอนนี้เขาเคี้ยวขนมอยู่เต็มปาก
“ อย่าตกใจไปของจริงอยู่ในกาที่กำลังเดือดโน่น ”
ดารีลว่าพลางวางมือหนักๆ ลงบนบ่าของเด็กร่างอ้วน
ซึ่งขณะนี้กำลังชักตาตั้ง
“ ตกลงแล้วขนมนี่กินได้หรือเปล่า ”
อีเลียสถามหวาดๆ เพราะเขาได้ชิมไปบ้างแล้ว
เด็กคนอื่นเริ่มกระวนกระวาย
แต่ฟิโลโซเฟอร์นิ่งเฉยเพราะเขาไม่ได้แตะต้องอะไร
“ ถ้ากินเข้าไปแล้วก็ไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีก เปล่าประโยชน์ที่จะคิดแก้ไข ”
ดารีลตอบเรียบๆ
เมื่อเห็นเด็กๆ หน้าถอดสีเขาจึงกล่าวต่อ
“ ขอโทษ ข้าพูดไม่ชัดเจนเอง ถ้าคิดว่าอร่อยก็กินๆ ไปเถอะไม่มีอะไรหรอก ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียน ครั้งหน้าไม่แน่เจ้าอาจไม่ได้ตั้งคำถามแบบนี้อีก ”
“ เจ้ากำลังจะบอกว่าข้าคิดวางยาเด็กอย่างนั้นหรือ แหมแบบนี้เกินไปหน่อยนะ ข้าจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรกัน แท้จริงข้าน่ะรักเด็กและอยากมีลูกเป็นของตัวเองจะแย่ ”
นางว่าพลางตีหน้าเศร้า
“ จะให้ข้าเอาน้ำชาในกากรอกปากเจ้าดูก่อนหรือเปล่าล่ะ ”
ท่าทีของดารีลบอกชัดเจนว่าเขาเอาจริง
หญิงงามในชุดสีแดงจัดไม่ตอบว่าอะไร
นางเพียงแต่ระบายรอยยิ้มที่มุมปาก
“ หิมะหยุดแล้วพวกเจ้าก็รีบๆ กลับกันซะ ก่อนที่จะดึกไปกว่านี้ พักอยู่ในปราสาทขาวกันแท้ๆ แต่ยังออกมาเพ่นพ่านกันกลางดึก ระเบียบของโอรีเวียคงหย่อนยานมากสินะ ”
ฟิโลโซเฟอร์ลุกขึ้นทันที
เด็กๆ คนอื่นก็ลุกตามอย่างว่องไว
“ ไม่กลับพร้อมกันหรือ ”
เขาหันมาถามพ่อมดน้อย
“ ถ้าจำไม่ผิด บ้านข้าอยู่คนละฟากกับบ้านของเจ้า กลับพร้อมกันก็ประหลาดละ ”
เด็กชายจึงกล่าวลาแม่สาวชุดแดงคนนั้น
แล้วออกเดินนำหน้าเพื่อนๆ ในกลุ่มไป
“ แม่นาง เจ้าผู้ทำเพื่อคนอื่นอยู่เสมอแล้วมีใครทำเพื่อเจ้าบ้าง มีใครเห็นอกเห็นใจเจ้าบ้าง ”
นางกระซิบกับเลโอน่า
เมื่อเด็กสาวเดินผ่านไป
“ หยุดทำแบบนั้นเสียที ”
ดารีลพูดเบาๆ แต่ทว่าเข้มขรึม
เขายืนกอดอกมองเด็กๆ จากกรอบประตู
แล้วตวัดสายตากลับมาทางสตรีชุดแดงผู้เลอโฉม
“ ข้ารู้ว่าเจ้าสามารถควบคุมดินฟ้าอากาศได้แต่ แบบนี้ไม่ก้าวก่ายเกินไปหน่อยหรือ ”
นางต่อว่าดารีลเมื่อเด็กๆ จากไปจนหมดแล้ว
“ ก้าวก่ายใครล่ะวอเรน่า หิมะนี่ไม่ได้ตกเองตามธรรมชาติ หรือไม่จริง ข้าต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามว่าเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ ”
สตรีชุดแดงกระพริบตาปริบๆ สีหน้างุนงง
“ นี่เจ้าตั้งชื่อให้ข้าอย่างนั้นหรือ ”
“ ถ้าเจ้าไม่ชอบ ข้าเปลี่ยนให้ใหม่ก็ได้ ”
ดารีลว่า
“ ก็แหมทำไมจะไม่ชอบล่ะ เจ้าเรียกอย่างไรข้าก็ชอบทั้งนั้น จริงไหมจ๊ะพ่อหนุ่มน้อย ”
นางทำเสียงเย้ายวน
ดารีลไม่สนใจ
เขายกกาน้ำชาขึ้นเขย่าแล้วเทลงถ้วยทั้งสองใบ
แล้วเลื่อนถ้วยหนึ่งไปให้แม่สาวคนนั้น
“ ทำแบบนั้นน้ำชาก็ขุ่นกันพอดี ”
นางท้วง
“ ก็เล่นบดชาเสียละเอียดขนาดนั้น แล้วยังไม่คิดเอาผ้ากรองห่อไว้ด้วย เอาเถอะตั้งไว้เดี๋ยวก็ตกตะกอนเอง ”
เขาว่าแล้วนั่งลงตรงหน้า
เลื่อนชาอีกถ้วยมาใกล้ๆ ตัวเอง
“ ถามจริงเหตุใดจึงชอบยุ่งกับเด็กๆ ของข้า ”
ดารีลถามตรงๆ
“ ตายจริงเด็กของเจ้าเสียเมื่อไหร่ แหมข้าหวังดีหรอก แล้วเด็กๆ ก็ตามข้ามาเอง ข้าน่ะตั้งใจจะเลี้ยงขนมและน้ำชาจริงๆนะ เพียงแต่ข้าหยิบชาผิดห่อเท่านั้นเอง เรื่องแค่นี้ถึงกับโกรธกันด้วยหรือ ”
“ ข้าต้องเชื่อหรือเปล่า ”
“ ไม่รู้ทำอย่างไรเด็กๆ พวกนั้นจึงไว้ใจเจ้านัก ข้าพยายามอยู่ตั้งนานกลายเป็นกลัวข้าไปเสียได้ ”
หญิงงามบ่น
“ พวกเขาฉลาดพอที่จะเห็นความอำหิตในสายตาของเจ้าอย่างไรล่ะ ”
ดารีลว่า
“ ว่าแต่เจ้าเถอะทำไมมาที่นี่ได้ หรือแท้จริงแล้วคอยเฝ้ามองข้าอยู่ ต่อหน้าทำชิงชังลับหลังแอบชอบข้าใช่มั้ย ไม่เอาน่า ข้าน่ะชอบคนกล้าหาญ ถ้าเจ้าขอข้าดีๆ บางทีเราอาจจะ ”
ไม่เพียงแต่เสียงของนางที่เชิญชวน
ท่าทางของนางก็เย้ายวนพอกัน
นางโน้มกายเข้ามาลากนิ้วยาวผ่านลำคอขาวเนียนของพ่อมดน้อย
แล้วมาหยุดที่ปลายคางเรียวได้รูป
บังคับให้เขาเชิดหน้าขึ้นช้าๆ
ก่อนที่ริมฝีปากสีแดงสดจะประกบลงมา
ดารีลก็ปัดมือนั้นออกพลางเอียงร่างหลบ
“ ว้า เจ้านี่เด็กซนจริงๆ แต่แบบนี้แหละยิ่งหนีข้าก็ยิ่งอยากได้ ”
“ เจ้ายังไม่ให้คำตอบเรื่องเด็กๆ กับข้าเลย ”
หนุ่มน้อยหน้ามนทวง
“ ห่วงแต่เด็กๆ เข้าไปเถอะ ว่าแต่เจ้าหญิงแสนสวยของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีอยู่หรือ ”
มีดพกสีดำตวัดไปจ่อที่คองามระหงของนางทันที
เขาลุกพรวดขึ้นยืนค้ำร่างนางเอาไว้
“ อย่าเอ่ยถึงนาง และอย่าให้ข้าได้ยินว่าเจ้าทำนายอะไรไปถึงนาง ”
“ ดารีลจ๊ะดารีลจ๋า เล่นของมีคมกับผู้หญิงบอบบางไร้ทางสู้แบบนี้ ช่างไม่น่ารักเอาเสียเลย ”
นางทำเสียงเล็กเสียงน้อย
แต่ชม้อยชายตาขึ้นมองอย่างท้าทายนิดๆ
“ อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำ ”
ดารีลเสียงเข้ม
“ ก็ได้ๆ ข้าจะไม่แตะของรักของหวงของเจ้า เว้นเสียแต่นางจะเต็มใจ ”
นางว่าพลางใช้สองมือดันมีดเล่มนั้นออก
ดารีลเหลือบไปมองลูกแก้วสีแดงที่วางอยู่บนโต๊ะ
เขาเขม้นมองลึกเข้าไปในเงาดำมืด
“ เจ้าสนใจลูกแก้วพยากรณ์หรือ ข้าสอนให้เอาไหม หรือเจ้าอยากรู้อนาคตข้างหน้าข้าก็สามารถช่วยได้ ”
“ ชีวิตข้า ข้ากำหนดเอง ”
หนุ่มน้อยบอก
“ แท้จริงแล้วเหตุผลที่เจ้ามาที่นี่คืออะไรกันแน่ เจ้ารู้ดีถึงอำนาจของข้า เหตุนี้ใช่ไหมจึงมาวนเวียนอยู่ไม่ห่าง เจ้าปรารถนาสิ่งใด อำนาจยิ่งใหญ่หรือความรอบรู้ไม่สิ้นสุด ”
ดารีลไม่ตอบ
เขายกถ้วยชาขึ้นจิบใบหน้างดงามนั้นเอียงเล็กน้อยคิ้วสองข้างขมวดเข้าหากัน
มันบ่งบอกถึงความผิดปรกติในถ้วยชานั้น
“ ทำไมล่ะไม่อร่อยหรือ ”
เสียงของนางมีแววผิดหวัง
“ ลองชิมถ้วยของเจ้าสิ ”
นางจึงยกขึ้นจิบบ้าง
ดารีลเอกก็ยกขึ้นจิบอีกครั้งสี
หน้าเต็มไปด้วยอารมณ์ข้องใจแล้วก็หัวเราะออกมา
“ กลิ่นว่าสยองแล้วรสชาติยังสยองกว่าอีก คิดจะวางยาทั้งทีไม่ปรุงไห้ดีกว่านี้ใครจะกลืนลง ”
นางยกรวดเดียวหมดถ้วยแล้วยิ้มหวาน
“ ก็ไม่ได้แย่เสียหน่อยเจ้าน่ะพูดเกินไปละ แต่ก็นะรู้ทั้งรู้ยังกล้าดื่ม ตกลงแกล้งบ้าหรือบ้าจริงกันแน่ ”
“ ยาพิษพวกนี้ไม่ได้ผลกับข้าหรอก เจ้าเองก็รู้เรื่องนี้ดีนี่นา ว่าแต่ใส่อะไรไปบ้างล่ะเล่นบดละเอียดแบบนี้ข้ามองไม่ออกเลย ”
ดารีลว่าพลางเลื่อนถ้วยชาของนางมาดูใกล้ๆ
“ ถ้าเจ้าอยากรู้ล่ะก็”
สตรีชุดแดงผู้เลอโฉมลุกขึ้นเดินนวยนาดไปค้นของบางอย่างในหีบหนัง
ดารีลจับถ้วยของนางคว่ำลงหมุนก้นถ้วยด้วยปลายนิ้วไปเรื่อยๆ
นางกลับมาพร้อมกับผ้าห่อเล็กและหนังสือปกหนาขึ้นราสีขาวเป็นปุยนุ่น
จัดการวางลงตรงหน้าคนอายุน้อยกว่าพลางกล่าวเชื้อเชิญ
“ แกะดูสิ”
“ หมายถึงห่อนี่หรือ ”
ดารีลสงสัย
“ หรือเจ้าอยากแกะอย่างอื่นล่ะ ”
ไม่ว่าเปล่านางก้มลงแล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้
เผยช่วงอกที่ขาวฟูให้ปรากฏตรงหน้า
“ รอเดี๋ยวนะเมื่อครู่ทำมีดหล่นไปไหนแล้ว เรื่องแกะต้องยกให้ข้า จะคว้านออกมาทั้งไส้เลย ”
เด็กหนุ่มรูปงามว่า
ทำทีเป็นเสมองหาของใต้โต๊ะ
“ แหม่ เจ้านี่ไม่สนุกเอาเสียเลย ”
นางทำเสียงแสนงอน
นั่งลงด้วยใบหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย
“ แน่ใจหรือว่าไม่อยากฟังคำทำนายจากข้า ”
สตรีแสนงามเริ่มหมุนลูกแก้วสีแดงเล่น
“ ถ้าข้าต้องมาฟังเรื่องเหลวไหลล่ะก็ข้ากลับดีกว่า ”
ดารีลลุกขึ้นพร้อมกับเปิดถ้วยชา
แล้วเลื่อนกลับไปให้แม่สาวชุดแดง
“ และนี่คือชะตาของเจ้า ”
ดารีลว่า
ในจานรองถ้วยนั้นมีกากชาสีดำเรียงตัวกันเป็นวงกลม
เรียบรื่นไร้รอยสะดุด
“ ไม่มีเบื้องต้นไม่มีเบื้องปลายเจ้าติดอยู่ในวังวนของตัวเอง ไม่มีทางหลุดพ้นและไม่มีผู้ใดช่วยเหลือได้ ”
“ เจ้าแอบทำนายข้าหรือ ”
เสียงของนางราบเรียบสองมือวางบนโต๊ะ
รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้า
“ แทงใจหรือไง แต่คำทำนายของข้าไม่เป็นพิษหรอกอย่าได้กลัวไป หมดธุระแล้วข้ากลับล่ะช่วงนี้งานยุ่งเหลือเกิน แต่ก็ขอบคุณที่ให้ยืมหนังสือแล้วข้าจะรีบเอามาคืน ”
ดารีลรวบเอาของทั้งหมดแล้วเดินโฉบออกไปทันที
“ อย่าให้รอนานล่ะข้าน่ะคิดถึงเจ้าทุกคืนเลย ”
นางทำเสียงระรื่น
รอยยิ้มมากเล่ห์กลับมาระบายบนใบหน้าอย่างรวดเร็ว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ