โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
79) ข่าวของวันวาน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเรื่องมันเกิดขึ้นยามเที่ยงของวันวาน แต่ข่าวเพิ่งแพร่ออกไปในตอนเย็น เด็กๆ ที่อยู่ในหอนอนของปราสาทขาวต่างจับกลุ่มกันพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้กันอึกทึก แต่ฟิโลโซเฟอร์และน้องสาวนั้นพักอาศัยอยู่ในบ้านของตัวเองจึงไม่รู้เรื่องราวว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นในวันนั้น
“ พวกเขาถูกซุ่มโจมตีน่ะ ที่กลางป่าแดงเลย ทหารคุ้มกันตายไปกว่าครึ่งส่วนที่เหลือหนีรอดไปได้ รวมทั้งกษัตริย์แฮโรดและเจ้าชายเอลานอสด้วย ”
เลโอน่าบอก
“ ป่าแดงหรือ ”
เด็กชายขมวดคิ้วรู้สึกคุ้นชื่อนี้เหลือเกิน
ทันใดก็เบิกตากว้าง
มันคือป่าที่เขากับพ่อมักจะเข้าไปขนเอาท่อนซุงอยู่ประจำนั่นเอง
“ การถูกลอบโจมตีของขบวนเสด็จมันสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจากกลุ่มโจรป่า หรือฝ่ายต่อต้านที่ต้องการโค่นบัลลังก์ แต่คราวนี้มันต่างออกไป ข้าได้ยินคนล่ำลือกันว่าเป็นฝีมือของผู้ใช้มนต์ดำ ”
อีเลียสว่า
เลโอน่ายกมือแตะปากทำสัญญาณให้ลดเสียงลง
“ ทางสภาไม่ชอบใจเรื่องนี้หรอกนะ ที่ว่าเป็นฝีมือของผู้ใช้มนต์ดำ ในเมื่อกวาดล้างคนเหล่านั้นจนหมดแล้ว แต่ยังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก นั่นแสดงว่าพวกเขายังอยู่อย่างน้อยก็คนหนึ่ง ”
“ ว่าแต่ฟิลอสน้อยของเรา บ้านนอกกำแพงเมืองของเจ้าตั้งอยู่ที่ใดกัน หวังว่าคงจะไกลจากป่าแดงพอสมควรนะ ไม่อย่างนั้นข้าคงเป็นห่วงแย่ ”
เด็กชายร่างอ้วนเจ้าของแก้มตุ่ยว่า
ฟิโลโซเฟอร์เอามือปิดปากไอกลบเกลื่อน
หวังว่าบิดาของเขาจะรู้ข่าวนี้
บ้านหลังนั้นจะว่าไกลก็ไกลแต่จะมองว่าใกล้ก็ได้เช่นกัน
“ มันเป็นแค่ข่าวลือหรอกนะ ”
ฟีไลร่าว่าบ้าง
นางไม่อยากให้เพื่อนเป็นกังวล
“ กษัตริย์แฮโรดนั่นศัตรูน้อยเสียที่ไหน เรื่องแบบนี้ใครก็ลงมือได้ ถ้าเป็นผู้ใช้มนต์ดำจริงมีเหตุผลใดที่ต้องไปดักกลางป่า เขาตัวคนเดียวจัดการตรงไหนก็ได้ ถ้าให้เดาน่าจะเป็นทหารรับจ้างนี่แหละ ฝ่ายแฮโรดเสียไปกว่าครึ่งอีกฝั่งคงมีไม่น้อย ถ้าให้จัดทัพรอรับที่กลางทุ่งโลงไม่ถูกจับได้ก็ประหลาดแล้ว ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องเป็นกลางป่าทึบ จากนั้นก็โยนความผิดให้ผู้ใช้มนต์ดำเสีย ”
“ เจ้ารู้ได้อย่างไร ”
อีเลียสถาม
“ ข้าเดาน่ะ ”
ฟีไลร่าตอบหน้าตาเฉย
“ ก็มันมีเหตุผลที่สุดแล้วมิใช่หรือ ”
การสนทนาถูกสะดุดไปเมื่อคาโลไรน์ยกของว่างออกมาให้ โลธอร์ไม่รอช้ารีบลุกขึ้นไปช่วยจัดวางอย่างกระตือรือร้น เขาจัดวางของบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ สิ่งที่เตรียมมามีทั้งขนมและผลไม้แห้ง เครื่องดื่มเป็นน้ำมะนาวและนมแพะปรุงเครื่องเทศ นอกจากนั้นคาโลไรน์ยังชวนเด็กๆ ให้อยู่ทานมื้อเที่ยงด้วย
โลธอร์ชมฝีมือทำขนมของคาโลไรน์หยุดปาก เขาบอกว่ามารดาของเขาควรจะได้รู้จักนาง ทำเอาคาโลไรน์ยิ้มแก้มปริ ไม่ใช่แค่โลธอร์แต่เด็กๆ ทุกคนต่างก็ชอบคาโลไรน์ นางใจดีและเป็นกันเองกับเด็กๆ
ระหว่างทานขนมอีเลียสก็หยิบหนังสือการบ้านขึ้นมาดูด้วย เขาเป็นคนขยันและรักการศึกษาหาความรู้ ปู่ของเขานามว่าอาเทมิสคือผู้รอบรู้เป็นถึงที่ปรึกษากษัตริย์ แต่บิดาของเขาเป็นได้แค่ขี้เมาคนหนึ่ง ดังนั้นความกดดันทั้งปวงจึงตกมาอยู่ที่เขา ว่าจะสามารถรักษาชื่อเสียงของตระกูลได้หรือไม่
“ นี่เป็นประโยชน์ของเอลฟ์สโนว์ข้าพบจากหนังสืออีกเล่ม เอลฟ์สโนว์ช่วยรักษาสภาพร่างกายไม่ให้เหี่ยวย่นและคงสภาพเนื้อเยื่อไม่ให้เน่าเปื่อยจึงเป็นที่นิยมในการใช้ดองศพ แต่ขั้นตอนและวิธีการใช้ไม่ได้กล่าวเอาไว้ละเอียดนัก ข้าเห็นว่าเล่มนี้แตกต่างจากเล่มอื่นเลยหยิบมา ”
อีเลียสว่า
“ อ้อ เพราะเหตุนี้ดารีลจึงใช้มันรักษาโรคระบาดในกลุ่มที่ทีแผลเน่าเปื่อย ”
ฟีไลร่าว่าบ้าง
“ ใช่ แต่เขาคงผสมยาอย่างอื่นลงไปด้วย ”
“ จริงสิฟีไลร่า น้ำนมที่กรองจากเอลฟ์สโนว์แน่ใจว่าเอาตัวเอลฟ์ออกหมดแล้ว ”
ฟิโลโซเฟอร์เพิ่งนึกได้
“ คิดว่าหมดนะ ก็เราใช้ผ้ากรองนี่ ทำไมหรือ ”
“ ดารีลบอกว่าตัวเอลฟ์สโนว์มีพิษ ถ้าเผลอหลุดลงไปแม้แต่ตัวเดียวเป็นเรื่องยุ่งแน่ ”
คำพูดนั้นทำเอาเลโอน่าตาเหลือกนางหันไปแยกเขี้ยวใส่โลธอร์
“ เจ้าก็ดูอยู่กับข้านี่นาจะโยนให้ข้ารับผิดชอบคนเดียวได้อย่างไร ”
“ เจ้าสองคนไม่คิดอยากไปพักในปราสาทขาวบ้างหรือ อยู่หลายคนสนุกออก ”
อีเลียสชวนเปลี่ยนเรื่องก่อนที่สองคนนั้นจะเริ่มทะเลาะกันอีก
“ อยู่หอนอนมีค่าใช้จ่าย ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีบ้านอยู่แล้ว พ่อแม่ของพวกเขาคงไม่ชอบใจเรื่องนี้นักหรอกที่ต้องปล่อยให้ลูกๆ อยู่ห่างตา ”
ฟีไลร่าค้าน
“ พวกเจ้าอยู่รวมกันทั้งหมดนี่หรือ ”
คาโอเรียสงสัย
“ ไม่เสมอไปหรอก หอนอนห้องหนึ่งมีสี่เตียง ถ้าเป็นพวกผู้ดีมีตระกูลหรือคนที่จ่ายเงินให้ทางโรงเรียนมากหน่อยก็ได้อยู่ห้องเดี่ยว หรืออย่างเจ้าหญิงลูเซียน่าข่าวว่าอยู่หลายห้องเหมือนบ้านเลย ซึ่งก็ไม่แปลกพระนางมีบริวารมาด้วย ”
ฟีไลร่าอธิบาย
ขณะนั้นคาโลไรน์ได้เข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหารเที่ยง เลโอน่าลุกขึ้นไปช่วยอย่างคล่องแคล่วทั้งที่นางพยายามห้ามแล้ว โดยขอยืมใช้ชุดผ้ากันเปื้อนจากคาโอเรีย
“ เขาเก่งไปเสียทุกอย่างนะญาติของเจ้าคนนี้ ”
โลธอร์ว่า
ฟีไลร่าพยักหน้าเห็นด้วย
อีเลียสเงยหน้าจากสมุดหลังจากเงียบอยู่นานเขากำลังคัดลอกเนื้อหาสำคัญอยู่
“ เลโอน่ามีอายุมากกว่าตั้งสามปี แต่ทำไมยังเรียนชั้นเดียวกับเจ้าอยู่ล่ะ ทั้งที่เรียนเก่งออกอย่างนั้น ”
“ ถามข้าแล้วข้าจะรู้ไหมนี่ ทำไมไม่ไปถามนางโน่น ”
เด็กหญิงผมสีเงิน
แล้วนางก็คิดอะไรบางอย่างออก
“ พูดถึงช่วงนี้เราไม่ค่อยได้ไปไหนกันเลย พรุ่งนี้หาเวลาไปเที่ยวกันดีไหมชวนฟิโลโซเฟอร์กับน้องสาวด้วย ”
“ หนาวๆ แบบนี้เจ้าจะไปที่ไหนกันล่ะ ”
อีเลียสสงสัย
“ ก็หาอะไรอุ่นๆ กินอย่างร้านน้ำชา ”
“ โธ่ พาเพื่อนรักไปดื่มกินทั้งทีเลือกอะไรที่ดีกว่านี้ไม่ได้หรืออย่างไร พวกไก่ย่างหมูหันร้านเด็ดๆ อะไรเทือกนั้น ”
เด็กชายแก้มตุ่ยว่า
“ แต่ร้านน้ำชาที่ข้าจะพาไปเป็นร้านที่ขึ้นชื่อที่สุดในโอรีเวียแล้วนะ ”
อีเลียสเงยหน้าจากสมุดทันใด
“ อย่าบอกนะว่าร้านนั้น ”
แต่ฟีไลร่าพยักหน้ารับพลางยิ้มอายๆ
“ ไม่ไหวล่ะแพงเกินไป ของร้านนั้นดีก็จริงแต่เราต้องคิดถึงเงินในกระเป๋าด้วย อีกอย่างฟิโลโซเฟอร์ของเรามีขีดจำกัดเรื่องค่าใช้จ่าย อย่าทำให้เขาต้องลำบากเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย คิดหาร้านอื่นเถอะ อย่างโลธอร์เสนอมาก็ไม่เลวนะ พวกปิ้งย่างน่ะ ”
“ เอาเถอะน่าข้าจ่ายไหว พอดีบ้านรวยเดี๋ยวเลี้ยงเอง ”
ฟีไลร่ายิ้มเจ้าเล่ห์
ดวงตากลมโตกระพริบถี่ด้วยท่าทางออดอ้อน
ฟิโลโซเฟอร์คิดถึงเงินเก็บที่เขาสะสมไว้ในกระปุก
มันน่าจะมีเพียงพอ
ร้านน้ำชาจะแพงได้เท่าไหร่กัน
“ ไปร้านน้ำชาก็ได้นี่ถ้านางอยากไป ถึงอย่างไรข้าก็พอมีเงินบ้างคิดว่าจ่ายเองไหว ถ้ามันแพงมากเราก็เลือกกินของที่ถูกที่สุดในร้านสิ ไม่เป็นไรหรอกน่า ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยบอก
“ ว่าแต่ร้านที่ว่ามันอยู่ตรงไหนล่ะ ”
“ คฤหาสน์ของท่านลอร์ดเดเวอร์ลอส ”
อีเลียสตอบเนือยๆ
ฟิโลโซเฟอร์นั่งนิ่งชื่อนี้คุ้นหูพอสมควร
สุดท้ายเขาก็นึกได้
“ ร้านท่านปู่ของดารีล พวกเจ้าไปที่นั่นมาแล้วหรือ ”
“ ไม่เคย ”
ฟีไลร่าตอบหน้าตาเฉย
“ ถึงได้อยากไปอย่างไรล่ะ แล้วเจ้าเคยไปหรือเปล่า รู้จักกันดีมิใช่หรือ ”
ฟิโลโซเฟอร์ส่ายหน้า
“ เคยผ่านแถวนั้น แต่ดารีลห้ามเอาไว้ เขาบอกว่าข้าไม่ควรไปที่นั่น ”
“ เขาห้ามเจ้าทำไมกัน ในเมื่อมันเป็นที่ๆ ใครก็เข้าได้อยู่แล้ว มีเหตุผลอะไร ”
อีเลียสสงสัย
“ ดารีลเป็นคนพิลึก ข้าเดาความคิดของเขาไม่ออกหรอก บางทีหมอนั่นอาจกลัวว่าข้าจะไม่มีเงินจ่าย เลยตัดปัญหาอย่าให้มาเลยดีกว่า ”
ฟิโลโซเฟอร์พูดติดตลก
แต่ดูเหมือนเพื่อนๆ จะไม่ตลกด้วย
“ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เราไปกันไหม ค่าใช้จ่ายส่วนของฟิโลโซเฟอร์ข้ารับผิดชอบเอง มันต้องมีอะไรแน่ๆ ข้าอยากไปเห็นด้วยตาตัวเอง ”
อีเลียสว่า
เลโอน่ายกโถน้ำซุบออกมาจากครัว นางวางมันลงบนเตาหินเล็กกลางโต๊ะอาหาร แล้วรีบกลับเข้าไปขนของออกมาเพิ่ม หมูตั้งแผ่นเบ้อเริ่มส่งกลิ่นหอมฟุ้ง วุ้นผลไม้สีสดเบียดเสียดกันอยู่ในโถแก้วใบใหญ่ โลธอร์มองตามตาเยิ้ม พวกเขาหันมาช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร แม้แต่คาโอเรียก็วางงานเย็บในมือ
ประตูหน้าเปิดปังออกอีกครั้ง พร้อมกับอาเธอร์เดินตัวปลิวเข้ามา เขาสลัดเสื้อคลุมออกแล้วต้องประหลาดใจ ที่ตะขอทองเหลืองมีเสื้อคลุมขนสัตว์ตัวสวยแขวนอยู่ก่อนแล้ว หนุ่มใหญ่แขวนเสื้อไว้กับราวตะขออันที่ว่าง จากนั้นจึงเดินตรงมายังห้องนั่งเล่น
“ หืม นี่มันอะไรกัน เด็กๆ น่ารักมากมายมารวมกันอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ”
อาเธอร์ทักทายอย่างอารมณ์ดี
“ พวกเขาเป็นเพื่อนกับลูกๆ ของเรา มานี่เถอะที่รัก ดีแล้วที่มาทันมื้อเที่ยง วันนี้มีคนมากมายต้องเป็นวันดีอีกวันแน่ๆ เลย ”
คาโลไรน์พูดพลางจูงมือสามีไปนั่งบนเก้าอี้ตัวประจำ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ