โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  141.54K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

66) ครูฝึกดาบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เด็กชายเดินตามระเบียงยาวลงไปด้านล่างสู่โรงฝึก   เขาพบว่าโลธอร์รออยู่ก่อนแล้ว  เด็กร่างอ้วนกำลังยืนคุยอยู่กับนักเรียนกลุ่มใหญ่   ส่วนครูฝึกคนใหม่ของเขายังคงนั่งอยู่บนโต๊ะมีดาบเล่มหนึ่งพาดอยู่บนตัก   ผนังด้านหลังเต็มไปด้วยดาบชนิดต่างๆ เรียงรายอยู่เต็มไปหมด   ครูคนนี้มีร่างกายกำยำผมหยาบๆ สีดำเข้มรวบไปด้านหลัง   แก้มด้านหนึ่งมีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่พาดผ่าน   ในท่าทีสงบนิ่งมีบางครั้งที่เขาแอบมองนักเรียนจากทางหางตา

 

“ เอาละ  นักเรียนมากันครบแล้วใช่ไหม ”

 

เขาว่าพลางเดินตรงมาทางกลุ่มเด็กๆ มือข้างหนึ่งถือดาบมาด้วย

 

“ บางคนอาจยังไม่รู้   นี่คือดาบบาเรียนถูกตีขึ้นเมื่อ 800 ปีก่อน   ในสมัยของกษัตริย์เอนลิน ”

 

เขาชักดาบออกจากฝักแล้วฟันหินที่วางอยู่ใกล้ๆ ขาดเป็นสองท่อน 

นักเรียนเข้าไปดูรอยแผลที่หินต่างพากันครางฮือรอยแผลนั้นเรียบเนียน

 

“ มันเป็นดาบที่ลือชื่อมากในสมัยนั้น   เคยสังหารคนมาแล้วนับไม่ถ้วนจนได้รับสมญานามว่าเจ้าแห่งยมทูต   แต่หลังจากสิ้นยุคของเอนลินมันก็ไม่เคยดื่มโลหิตใครอีกเลย   แท้จริงแล้วความชั่วร้ายไม่ได้เกิดจากดาบ   หากแต่เกิดจากมือที่จับดาบนั่นเอง ”

 

ครูคนนั้นพูด

 

“ ที่นี่นอกจากเราจะค้นหาความชำนาญแล้ว   เรายังต้องค้นหาจิตวิญญาณของนักดาบ  เราต้องเป็นนายของดาบจงอย่าให้ดาบมาเป็นนายของเรา ”

 

เมื่อเขากล่าวจบเด็กๆ หลายคนก็ขอสัมผัสดาบของครูด้วยความรู้สึกชื่นชม

 

“ แน่นอนว่าเป็นความใฝ่ฝันของนักดาบที่จะมีดาบดีๆไว้ในครอบครอง   จนบางครั้งดาบก็นำความตายมาสู่นายของมันเอง   ดังนั้นเมื่อมีดาบอยู่ในมือแล้วจงถือไว้ให้มั่น   สติต้องมาก่อนเมื่อบวกกับความสามารถแล้วนั่นแหละพวกเจ้าจึงจะมีชีวิตรอดในสนามรบ ”

 

เขาสั่งให้เด็กนักเรียนเข้าแถวพลางอธิบายต่อ

 

“ การใช้ดาบเป็นศิลปะอย่างหนึ่งท่วงทำนองที่ดุดันด้องมีความพลิ้วไหวด้วย ”

 

อาจารเฮอร์เมสส่งดาบไม้ให้แก่เด็กนักเรียน

 

“ เก็บดาบของพวกเจ้าไปเสีย   เพราะนี่คือชั้นเรียนหาใช่สนามรบไม่   ข้าไม่อยากเห็นการบาดเจ็บนองเลือดที่นี่ ”

 

หลังจากปล่อยเด็กๆ ให้จับคู่ฟันดาบกันเอง

โดยที่ครูผู้สอนเอาแต่นั่งจิบเบียร์ไม่แม้แต่จะหันไปมอง

 

จนเวลาผ่านไปนานเด็กนักเรียนก็รู้สึกเหนื่อย

พวกเขาจึงพากันนั่งพัก

ฟิโลโซเฟอร์กับโลธอร์ก็หยุดพักด้วย

ทั้งคู่ได้มานั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ

 

เด็กๆ ต่างนำดาบประจำกายขึ้นมาอวดกันและกัน

ต่างเล่าถึงที่ไปที่มาด้วยความภาคภูมิใจ

แล้วสายตาของเด็กคนหนึ่งก็พบกับดาบของฟิโลโซเฟอร์เข้า

 

“ ดาบของเจ้าชื่ออะไรเหตุใดดูประหลาดนัก ”

 

“ มันคือดาบไม้แต่ช่างเขาสลักลวดลายลงไปด้วย   ไม่มีชื่อหรอก   ข้าเพิ่งได้มันมาเมื่อไม่นานมานี้ ”

 

เด็กน้อยตอบ

 

“ แล้วดาบจริงๆ ของเจ้าล่ะ   พวกที่เป็นโลหะอย่างของข้านี่   เป็นดาบของท่านปู่ตกทอดมา ”

 

เพื่อนอีกคนถาม

 

“ ยังหรอก   ก่อนหน้านั้นข้าฝึกธนูเลยมีแค่ธนูคันหนึ่ง   ตอนนี้มาเรียนฟันดาบด้วยพ่อของข้าเลยบอกว่า   ให้ใช้ดาบไม้คล่องเสียก่อนจึงจะถือดาบจริงได้ ”

 

“ กลับกันนะพ่อของข้าบอกว่าชายชาตรีต้องถือดาบไม่ห่างกาย   ข้าจึงมีดาบเป็นของตัวเองตั้งแต่เริ่มหัดเดิน   ความคิดของพ่อเจ้าประหลาดจริง   แต่อย่าห่วงไปเลยหากเจ้ามีเงินพอ   ข้าจะพาไปร้านขายดาบเอาที่ราคาไม่แพงก็ได้   ถือเอาไว้จะได้ไม่อายใคร ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ไม่ตอบโต้

เขาเพียงแต่ยิ้มรับเท่านั้น

 

เด็กชายคนนี้เชื่อใจบิดาของเขามาก

อะไรที่อาเธอร์ว่าดีเขาก็ดีตามสิ่งใดที่ว่าถูกต้องเขาก็พร้อมจะเชื่อตามนั้น

 

และหากวันนั้นมาถึง

เขาแน่ใจว่าอาเธอร์ต้องหาดาบชั้นดีมาให้อย่างแน่นอน

 

“ ไม่เห็นจำเป็นที่บุรุษทุกคนต้องถือดาบนี่นา ”

 

โลธอร์ว่าพลางหยิบขวานกับค้อนออกมา

 

“ ชาวเมืองคีรีคาร์มักจะถือสองสิ่งนี้ติดตัวเสมอ   มันใช้งานได้ดีในเหมืองและเป็นอาวุธระยะใกล้เหมือนกันกับดาบนั่นแหละ   นอกจากนั้นอานุภาพการขว้างก็ไกลและรุนแรงพอสมควร   แต่สำหรับข้าไม่จำเป็นไม่นิยมปาขวานหรอกนะ   ขี้เกียจตามเก็บน่ะ ”  

 

“ นี่พวกเจ้ายังไม่พักกันอีกหรือ ”

 

อีเลียสว่า

เขาเดินมานั่งลงข้างๆ เพื่อนทั้งสอง

เด็กชายคนนี้ปรกติก็ตัวเล็กผอมบางอยู่แล้ว

เมื่อเข้ามาอยู่ในกลุ่มฝึกนักรบก็เลยดูตัวเล็กลงไปอีก

 

“ ข้ายังไม่ได้ยินเสียงระฆังเลยอีกอย่าง ”

 

โลธอร์ว่าพลางชี้นิ้วไปที่เก้าอี้นั่งของอาจารย์ซึ่งในตอนนี้ว่างเปล่า

 

“ อ้าว   หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่หิวข้าวก็ไม่บอก   แอบไปกินก่อนนักเรียนเสียอย่างนั้น   ใช้ไม่ได้เลยแบบนี้ ”

 

“ มันคือความตกต่ำของโอรีเวีย   แต่วิชาปรัชญายังดีอยู่ไม่ย้ายไปเรียนกับข้าล่ะ ”

 

อีเลียสว่าพลางวางหนังสือปกหนาลงข้างตัว

 

“ อะไรคือความตกต่ำที่เจ้าหมายถึง ”

 

นักเรียนชายคนหนึ่งถาม

 

“ ไม่มีใครสังเกตเลยหรือ   พวกอาจารย์ไม่ตั้งใจสอนกันเลย   ซ้ำบางคนยังมีท่าทีหน่ายชีวิต   แต่เดิมทีมีตำรากล่าวไว้ว่าเมืองโอรีเวียนั้นตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นสถานฝึกสอนนักปราชญ์   แต่ตอนนี้ไม่เหลือเค้าเดิมเลย   ทุกอย่างถูกตีราคาเป็นค่าเงินและผู้คนก็แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ” 

 

เด็กร่างผอมนามว่าอีเลียสตอบ

 

“ แปลกจริง   ข้าไม่ยักเห็นเจ้าชายเอลานอส   หมอนั่นต้องชอบการต่อสู้อย่างแน่นอน   หรือเขาจะเป็นเด็กฝึกยิงธนู   ฟิลอสเจ้าเห็นเขาบ้างหรือเปล่า ”

 

โลธอร์ถาม

 

“ ฟิโลโซเฟอร์ต่างหากเล่า   นี่เจ้าเคยเรียกถูกสักครั้งหรือไม่ ”  

 

เสียงอีเลียสดูเหนื่อยหน่าย

 

“ ก็แหม   คนบ้าอะไรชื่อเรียกยากชะมัด ”

 

“ มีเจ้าคนเดียวนั่นแหละที่เรียกผิด ”

 

“ ช่างเถอะข้าไม่ถือหรอก ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ตัดบทก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มทะเลาะกันอีก

แล้วชวนเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับชื่อของเขา

 

“ จะว่าไปข้าก็ไม่เคยเห็นเจ้าชายจอมกร่างนั่นในชั้นเรียนยิงธนู   เขาอาจจะเรียนเกี่ยวกับการปกครองก็ได้ ”

 

“ ไม่หรอกเขาอยู่ในกลุ่มฝึกนักรบนั่นแหละ   เพียงแต่ไม่ใช่ในปราสาทขาว   ที่นี่มันไร้ค่าเกินไปสำหรับเขา ”

 

เด็กชายผู้มากความรู้บอก

 

“ ไม่ใช่ในปราสาทขาว   แล้วที่ไหนกัน   มีที่ไหนให้ไปฝึกได้ ”

 

โลธอร์สงสัย

 

“ พวกเจ้าเพิ่งมาจากต่างเมืองคงไม่รู้เรื่องสินะ   แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานมากแล้ว   เหล่าตระกูลนักรบเก่งๆ ของเมืองโอรีเวียได้ตั้งค่ายฝึกผู้กล้าในด้านต่างๆ ขึ้น   ต่างรับศิษย์ด้วยตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับปราสาทขาว   พวกเขาทำกำไรได้มาก   ใครอยากเก่งอยากมีชื่อเสียงต้องมีต้นสังกัดคอยดัน   สุดท้ายคนที่มาเรียนในปราสาทขาวก็น้อยลง   ครูเก่งๆ ก็ลาออกไปตั้งสำนักเอง   ส่วนที่เหลือก็เป็นอย่างที่พวกเจ้าเห็นนั่นแหละ ”

 

“ แล้วเหตุใดเจ้าจึงยังอยู่ในปราสาทขาวล่ะ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์สงสัย

 

“ ข้าไม่ได้อยากเป็นนักรบนี่   ในปราสาทขาวไม่มีครูเก่งๆ ก็จริง   แต่มีสมุดบันทึกตำราที่เก่าแก่และดีที่สุด   สำหรับข้าแล้วความรอบรู้คือพลังอำนาจที่แข็งแกร่ง ”

 

“ เหอะ ”

 

โลธอร์ย่นจมูก

 

“ เป็นอย่างนี้เกิดพลัดหลงเข้าไปในสนามรบ   ถ้ามีแค่สมองเจ้าตายแหงแก๋   ข้าแนะนำให้ไปฝึกวิ่งด้วย   เพราะที่นั่นคงไม่มีใครเขาจะมานั่งถกปัญหาทางปรัชญากับเจ้าแน่ ”

 

“ พูดถึงค่ายฝึกที่เจ้าว่ามีที่ไหนบ้าง   ถ้าข้าอยากเข้าร่วมต้องทำอย่างไร ”

 

เด็กชายชาวซีนาร์ยยังสนใจเรื่องนี้อยู่

เพราะเขาก็อยากเป็นนักรบที่มีฝีมือคนหนึ่ง

 

ไม่ใช่ว่าเขามักใหญ่ใฝ่สูง

แต่เป็นเพราะเด็กคนนี้มีใครบางคนที่เขาอยากปกป้อง

 

“ เรื่องนี้เจ้าน่าจะรู้ดีกว่าข้า   บิดาของเจ้าคืออาเธอร์ใช่หรือไม่   ปู่ของเจ้าชื่อโอดีรุสเมื่อก่อนเขาก็เคยมีค่ายฝึกทหารแต่ตอนนี้ได้ปิดตัวลงแล้ว ”

 

“ จริงหรือข้าไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ประหลาดใจ

แต่ก็อย่างว่าเป็นเพราะบิดาของเขาไม่เคยเล่าเรื่องเหล่านี้ไห้ฟังเลยสักครั้ง

 

“ ดูเหมือนเจ้าจะรู้ดีไปเสียทุกเรื่องเลยนะ ”

 

โลธอร์ว่า

 

“ แน่อยู่แล้วเรื่องนี้เป็นข่าวดังมาก   ข้าไม่รู้สิแปลก   ก็ค่ายทหารของปู่ฟิโลโซเฟอร์น่ะขึ้นชื่อที่สุด   อีกทั้งบุตรชายคนเล็กของเขารู้สึกจะชื่อแอสเธอลาสได้เป็นถึงผู้พิทักษ์หน้ากากทอง   เรื่องนี้ส่งผลดีต่อค่ายยิ่งนักแต่น่าประหลาด  หลังจากการหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยของแอสเธอลาสคนน้อง   อาเธอร์คนพี่ที่กำลังมีชื่อเสียงก็หนีไปอีก   ค่ายฝึกทหารที่กำลังเฟื่องฟูก็เป็นอันพังพาบไป   น่าเสียดายยิ่งนัก ”    

 

“ เยี่ยม   ไม่นึกมาก่อนว่าตระกูลของเจ้าจะโด่งดังถึงเพียงนี้   แต่เจ้าเคยบอกว่าเป็นลูกชาวนามิใช่หรือ ”

 

โลธอร์ว่า

 

“ ก็จริงอยู่   เรื่องราวในโอรีเวียข้าไม่เคยรู้เลย   แต่ตอนนี้พอเข้าใจความเกลียดชังของปู่น้อยต่อท่านพ่อแล้วล่ะ   ร้ายไปกว่านั้น   ข้าเพิ่งรู้ว่ามีคนชื่อแอสเธอลาสเป็นน้องชายของพ่อตอนเดินทางมาถึงโอรีเวียแล้วนี่แหละ ”

 

“ ขอโทษนะที่ข้าต้องบอกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล   บิดาของเจ้าคงพยายามปกป้องครอบครัวอยู่จึงต้องกันเจ้าออกไป   แต่โชคร้ายที่ชะตากรรมพาเขากลับมาที่โอรีเวียอีกครั้ง   อันที่จริงมีเหตุการณ์อีกเหตุการณ์หนึ่งที่คล้ายกันมากและเกิดขึ้นในระยะเวลาใกล้เคียงกันด้วย   ข้าไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่ ”

 

“ เรื่องอะไรล่ะ ”

 

โลธอร์อยากรู้

 

“ มันเป็นเรื่องของตระกูลฝึกนักฆ่าที่โด่งดังที่สุดในโอรีเวีย   ตระกูลของลอร์ดเดเวอร์ลอส ”

 

“ บ้านของดารีลน่ะหรือ   เกิดอะไรขึ้นกับเขา ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ถึงกับสะดุ้ง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา