โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
57) เจ้าหญิงลูเซียน่า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในห้องกว้างใหญ่ขาวสะอาด ประดับประดาด้วยผ้าลูกไม้สีเดียวเดียวกับผนังห้อง สายลมเย็นพัดอ่อนๆ ผ่านช่องหน้าต่างที่เปิดกว้าง กลิ่นสมุนไพรหอมละมุนฟุ้งไปทั่ว หม้อดินเผาใบขนาดย่อมๆ กำลังเดือดพล่านบนเตาหิน ดารีลนั่งหลังตรงมือข้างหนึ่งคลึงลูกแก้วสีดำบนหลุมหินบดยา สายตาจับจ้องที่ใบสั่งยาอีกชุด เจ้าหญิงลูเซียน่ามือเท้าคางจ้องหนุ่มน้อยตรงหน้าตาไม่กระพริบราวกับต้องมนต์สะกด
“ ข้าได้ส่งจดหมายเตือนห้ามท่านเดินทางมาที่โอรีเวียเหตุใดจึงไม่เชื่อฟัง ”
ดารีลเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
“ ข้าได้ส่งเทียบเชิญเจ้าไปยังเมืองอันดอรีสก็ถูกปฏิเสธเช่นกัน ”
พระนางตอบ
“ ในเวลาเช่นนี้โอรีเวียคือที่ๆ ข้าควรอยู่ มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย คงจะสบายใจกว่าหากท่านไปอยู่ในดินแดนที่ปรอดภัยกว่า ซึ่งข้าได้แนะนำไปแล้ว ”
“ ปัญหาคือข้าไม่อาจดำรงชีวิตต่อไปได้หากไม่มีเจ้า ”
“ เรื่องนั้นสามารถแก้ไขได้ ”
ดารีลตอบ
ฝ่ามือเนียนเรียบยังคลึงบนลูกแก้วไม่ขาดระยะ
“ คนของข้าส่งยาให้ท่านได้ตลอดและมีหมอเก่งๆ ที่สามารถจัดการเรื่องต้มยา ”
“ เจ้าช่างไม่เข้าใจอะไรเอาเสียเลย ”
สุรเสียงนั้นตัดพ้อ
พ่อมดน้อยจึงหยุดมือแล้วเงยหน้าดูคู่สนทนา
สมองคิดทบทวนถึงความหมายของประโยคเมื่อครู่
ในที่สุดก็ยิ้มอ่อน
“ ดูเหมือนว่าข้าจะเขลาเกินไป ท่านหญิงต้องให้คำอธิบายกับข้าแล้ว ”
เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์จดจ้องหนุ่มน้อยตรงหน้า
แววตาเจ้าเล่ห์กับรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากน่ามองนั้น
บ่งบอกให้รู้ว่าเขาเข้าใจทุกอย่างดีแต่แกล้งทำเป็นไขสือ
ดังนั้นพระนางจึงดึงสร้อยที่คล้องพระศอออกมา
วางลงบนมือของดารีล
ทับทิมสีแดงบนจี้ส่องประกายระยิบระยับขึ้นมาทันที
“ ข้าไม่นิยมสวมสร้อย โดยเฉพาะที่เป็นเครื่องประดับของสตรีเช่นนี้ ”
พ่อมดน้อยยังตีหน้าเซ่อไม่เลิก
เจ้าหญิงลูเซียน่าทอดถอนพระทัย
สองหัตถ์กุมมือแข็งแกร่งเอาไว้
“ สิ่งนี้เป็นสมบัติแห่งราชวงศ์ ผู้ที่ครอบครองคือผู้ที่จะนั่งเหนือบัลลังก็แห่งอันดอรีส ข้ามอบไว้เพื่อเป็นของหมั้น เป็นหนึ่งคำสัตย์ว่าในภายภาคหน้าทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของข้า จะวางอยู่แทบเท้าเจ้า ”
ดารีลรีบเอาสร้อยเส้นนั้นสวมกลับบนพระศอของเจ้าหญิง
“ ทำแบบนี้คือเจ้าไม่ได้รักข้า ”
เจ้าหญิงน้ำตาคลอ
“ ไม่เคยมีใจให้ข้าเลยหรือ ”
ดารีลหยิบจี้ขึ้นมา
ลวดลายเถาวัลย์พันเกี่ยวรอบอัญมณีสีแดงสด
“ คำตอบนั้นท่านหญิงรู้อยู่แก่ใจ ”
เขาว่า
นิ้วเรียวยาววนเวียนอยู่รอบๆ จี้
พ่อมดน้อยสัมผัสถึงพลังลึกลับที่แผ่ออกมาจากสร้อยเส้นนั้น
“ ตราบใดที่ท่านยังสวมมันอยู่ จะไม่มีผู้ใดกล่าวเท็จโดยที่ท่านไม่ล่วงรู้ ของสิ่งนี้ไม่ได้มีไว้ประดับ ท่านจำเป็นต้องใช้มันเพื่อปกป้องตัวท่านเอง ”
“ แต่ข้าต้องการปกป้องหัวใจของข้า ชีวิตทั้งชีวิตของข้า รับเอาสิ่งนี้ไว้เถอะแล้วเราหนีไปด้วยกัน ที่ไหนก็ได้ขอเพียงมีเจ้าอยู่ด้วย ดารีลของข้า ทั้งหมดที่ข้าต้องการคือเจ้าเท่านั้น ปล่อยวางเสียเถอะข้าพร้อมละทิ้งทุกอย่าง เราจะไปด้วยกันในดินแดนที่สงบสุขสักที่ ใครจะทำอะไรก็ปล่อยเขาไปเลิกยุ่งเลิกคิดอะไรทั้งนั้น เจ้าทำเพื่อข้าได้หรือไม่ ”
พระนางกุมมือของเขาขึ้นจุมพิตด้วยสีหน้าวิงวอน
ดารีลก้มหน้าลง
ซ่อนแววตาสับสนวุ่นวายเอาไว้
ในที่สุดเขาก็ค่อยๆ ดึงมือออกจากการเกาะกุมของเจ้าหญิง
จนเป็นอิสระ
“ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง ”
เขาตอบ
พลางหันไปสบตากับเจ้าหญิงลูเซียน่าตรงๆ
“ ท่านคงไม่คิดจะทิ้งประชาชนของท่าน อีกทั้งความหวังมากมายของราชวงศ์ และข้าสามารถทำนายสิ่งหนึ่งได้ นับจากนี้เป็นต้นไปจะไม่มีคำว่าสงบสุข ”
“ ผิดแล้ว เพื่อเจ้าข้าสามารถละทิ้งได้ทุกอย่าง เว้นแต่ว่า เจ้าจะยอมเสกสมรสกับข้า ช่วยเหลือข้าปกป้องพลเมืองทั้งหลาย เจ้าประสงค์สิ่งใดข้าทำเพื่อเจ้าได้ทั้งนั้น ”
“ หากปรารถนาจะมีพิธีกับท่านหญิง ต้องให้เวลาข้าหาของหมั้นที่คู่ควรเสียก่อน ”
“ เพียงตัวเจ้าก็ล้ำค่ามากพอแล้ว ”
เจ้าหญิงตรัส
ดารีลหัวเราะอบอุ่น
“ เจ้าหญิงแห่งอันดอรีส ก่อนจะตรัสอะไรกรุณาคำนึงถึงความรู้สึกของพระบิดาและบรรดาประชาชนของท่านด้วย ข้าคนต่ำต้อยหากคิดจะปีนขึ้นที่สูงต้องออกแรงมากหน่อย ”
“ เจ้าต้องล้อข้าเล่นแน่เลย ”
พระนางตรัส
“ แต่ไหนแต่ไรผู้ใช้เวทมนตร์นั้นสูงศักดิ์ที่สุด เจ้าพูดกดตัวเองลงเช่นนี้อยากให้ข้าคิดอย่างไร ”
“ อันที่จริงเราทั้งคู่ต่างเยาว์วัย เรื่องแบบนี้ไม่เห็นต้องรีบร้อน ”
ดารีลว่า
“ ข้าป่วยหนัก และอาจตายได้ทุกเมื่อเวลาของข้ามีน้อยนัก ถ้าเจ้าไม่ตกลงตอนนี้เกรงว่าจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว เข้าใจหรือไม่ ”
ดารีลไม่ตอบ
เขาเทยาที่บดละเอียดดีแล้วลงในถ้วย
เทน้ำร้อนจากหม้อต้มยาลงไปผสม
จากนั้นจึงได้เลื่อนถ้วยไปให้เจ้าหญิงลูเซียน่า
“ ถ้าหากท่านหญิงทำตัวดีๆ เชื่อฟังข้ารับรองว่าท่านสามารถมีชีวิตอยู่อีกนานเท่านาน หัวใจที่บริสุทธิ์ของท่านคือของล้ำค่าเดียวที่ข้ามี เหตุใดกันจึงจะไม่พยายามรักษาไว้เล่า ”
เมื่อได้ยินดังนั้นเจ้าหญิงผู้มั่นในรักแท้จึงยกถ้วยยาขึ้นดื่ม
“ เหตุใดจึงขมนัก ”
พระนางว่าพลางยกหัตขึ้นปิดปาก
ดารีลจึงลุกขึ้นเดินอ้อมไปเบื้องหลัง
“ ว่ากันว่ายาดีมักจะขม ส่วนยาพิษเติมน้ำผึ้งได้ไม่จำกัด หวานจัดเท่าใดก็ตายขึ้นเร็วเท่านั้น ”
เขาบอก
“ ความรักเป็นเช่นนี้ด้วยหรือไม่ ”
พระนางถาม
“ นั่นก็แล้วแต่มุมมอง ยาแต่ละอย่างถูกระบุองค์ประกอบไว้แล้ว แต่ความรักนั้นแตกต่าง เราสามารถเลือกที่จะตัดสินใจด้วยตัวเองได้ ”
หนุ่มน้อยร่างสูงโปร่งพูดพลางรวบพระเกศาสีแดงเข้มของเจ้าหญิงมาไว้ในมือ
ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดลงบนลำคองามระหง
เลือดในกายสาวก็เดือดพล่านทันที
“ ถ้าท่านหญิงสามารถดื่มยานั่นหมดในคราวเดียว คนต่ำต้อยเช่นข้าก็จะมีของกำนัลมอบไห้ ”
เมื่อได้ยินดังนั้นเจ้าหญิงแสนสวยก็รีบยกถ้วยยาขึ้นดื่มจนหมด
พ่อมดน้อยก็ม้วนเกศาของพระนางขึ้นแล้วปักสิ่งหนึ่งลงไป
หญิงรับใช้ที่อยู่ใกล้ๆ หยิบกระจกเงามาส่งให้
พระนางจึงพบว่าเหนือเกศาสีแดงนั้น
คือหวีทองคำสลักลวดลายอ่อนช้อย
ประดับมรกตสีเขียวเรืองรอง
“ ข้าทำด้วยตัวของข้าเอง งานฝีมืออาจดูไม่เข้าท่า แต่ข้าได้ทุ่มเทอย่างที่สุดแล้ว ท่านหญิงเห็นว่าอย่างไร ”
เจ้าหญิงไม่อาจตรัสสิ่งใดได้
ปลายนิ้วบอบบางลูบไล้ไปบนขอบหวีนั้น
สายพระเนตถึงกับพร่ามัวไป
“ ข้าอยากขอร้องท่าน ”
ดารีลกล่าว
“ กลับไปยังเมืองของท่านเสียเถอะ ถ้าให้ยอมรับความจริงคือแท้จริงแล้วข้านั้นไร้ความสามารถ เกรงว่าวันหนึ่งอาจปกป้องท่านไม่ได้ ทางที่ดีจงอยู่ห่างจากโอรีเวียเข้าไว้ ”
“ เจ้าอยู่ที่ใดข้าก็อยู่ที่นั่น การไม่ได้เห็นหน้าเจ้าเท่ากับตายทั้งเป็น ”
เจ้าหญิงตอบด้วยแววตาแสนเศร้า
ดารีลได้แต่ถอนหายใจยาว
หัวใจนั้นกลัดกลุ้มยิ่งนัก
พ่อมดน้อยจัดการเรื่องยาอีกครู่ใหญ่ เขาเรียกหมอประจำตัวของเจ้าหญิงไปคุยเป็นการส่วนตัว พร้อมทั้งมอบหนังสือตำราเล่มใหญ่เอาไว้ให้ หลังจากเข้าใจกันดีแล้วเขาก็ลากลับ เจ้าหญิงแห่งอันดอรีสพยายามชักชวนให้เขาอยู่ต่อ แต่ดารีลปฏิเสธไปเขายังมีธุระอื่นอีก
ขณะกำลังก้าวผ่านประตูเขาได้พบกระถางดอกไม้หนึ่ง
ต้นไม้ใบเรียวเล็กงอกอยู่ในกระถางนั้น
ใบสีเขียวทอประกายสีเงินออกมา
ดารีลขมวดคิ้วด้วยความฉงน
“ กิลลอนเทีย ”
เขาเอ่ยชื่อหนึ่งออกมา
“ ถูกแล้ว ”
เจ้าหญิงตอบ
“ ข้าพบมันงอกขึ้นมาจากที่แห่งหนึ่ง ต้นไม้นี้สามารถงอกงามได้แม้ในซากแห่งความพินาศเบ่งบานได้แม้ในที่มืดมิด ข้าปลูกมันไว้เพื่อเป็นความหวังระหว่างเรา ”
ดารีลยิ้มเศร้า
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเหงาอย่างจริงจัง
นับตั้งแต่แต่ก้าวขามาเหยียบโอรีเวีย
ความหวังอย่างนั้นหรือ
ใช่เขาก็หวัง
หวังว่าวันหนึ่งจะสามารถหาทางกลับบ้านได้
บ้านที่แสนอบอุ่น
และทุกคนรอเขาอยู่
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ