โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  135.53K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

57) เจ้าหญิงลูเซียน่า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ในห้องกว้างใหญ่ขาวสะอาด   ประดับประดาด้วยผ้าลูกไม้สีเดียวเดียวกับผนังห้อง   สายลมเย็นพัดอ่อนๆ ผ่านช่องหน้าต่างที่เปิดกว้าง   กลิ่นสมุนไพรหอมละมุนฟุ้งไปทั่ว   หม้อดินเผาใบขนาดย่อมๆ กำลังเดือดพล่านบนเตาหิน   ดารีลนั่งหลังตรงมือข้างหนึ่งคลึงลูกแก้วสีดำบนหลุมหินบดยา   สายตาจับจ้องที่ใบสั่งยาอีกชุด   เจ้าหญิงลูเซียน่ามือเท้าคางจ้องหนุ่มน้อยตรงหน้าตาไม่กระพริบราวกับต้องมนต์สะกด

 

“ ข้าได้ส่งจดหมายเตือนห้ามท่านเดินทางมาที่โอรีเวียเหตุใดจึงไม่เชื่อฟัง ” 

 

ดารีลเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ

 

“ ข้าได้ส่งเทียบเชิญเจ้าไปยังเมืองอันดอรีสก็ถูกปฏิเสธเช่นกัน ”

 

พระนางตอบ

 

“ ในเวลาเช่นนี้โอรีเวียคือที่ๆ ข้าควรอยู่   มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย   คงจะสบายใจกว่าหากท่านไปอยู่ในดินแดนที่ปรอดภัยกว่า   ซึ่งข้าได้แนะนำไปแล้ว ”

 

“ ปัญหาคือข้าไม่อาจดำรงชีวิตต่อไปได้หากไม่มีเจ้า ”

 

“ เรื่องนั้นสามารถแก้ไขได้ ”

 

ดารีลตอบ

ฝ่ามือเนียนเรียบยังคลึงบนลูกแก้วไม่ขาดระยะ

 

“ คนของข้าส่งยาให้ท่านได้ตลอดและมีหมอเก่งๆ ที่สามารถจัดการเรื่องต้มยา ”

 

“ เจ้าช่างไม่เข้าใจอะไรเอาเสียเลย ”

 

สุรเสียงนั้นตัดพ้อ

 

พ่อมดน้อยจึงหยุดมือแล้วเงยหน้าดูคู่สนทนา

สมองคิดทบทวนถึงความหมายของประโยคเมื่อครู่

ในที่สุดก็ยิ้มอ่อน

 

“ ดูเหมือนว่าข้าจะเขลาเกินไป   ท่านหญิงต้องให้คำอธิบายกับข้าแล้ว ”

 

เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์จดจ้องหนุ่มน้อยตรงหน้า

แววตาเจ้าเล่ห์กับรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากน่ามองนั้น

บ่งบอกให้รู้ว่าเขาเข้าใจทุกอย่างดีแต่แกล้งทำเป็นไขสือ

 

ดังนั้นพระนางจึงดึงสร้อยที่คล้องพระศอออกมา

วางลงบนมือของดารีล

ทับทิมสีแดงบนจี้ส่องประกายระยิบระยับขึ้นมาทันที

 

“ ข้าไม่นิยมสวมสร้อย   โดยเฉพาะที่เป็นเครื่องประดับของสตรีเช่นนี้ ”

 

พ่อมดน้อยยังตีหน้าเซ่อไม่เลิก

 

เจ้าหญิงลูเซียน่าทอดถอนพระทัย

สองหัตถ์กุมมือแข็งแกร่งเอาไว้

 

“ สิ่งนี้เป็นสมบัติแห่งราชวงศ์   ผู้ที่ครอบครองคือผู้ที่จะนั่งเหนือบัลลังก็แห่งอันดอรีส   ข้ามอบไว้เพื่อเป็นของหมั้น   เป็นหนึ่งคำสัตย์ว่าในภายภาคหน้าทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของข้า   จะวางอยู่แทบเท้าเจ้า ”

 

ดารีลรีบเอาสร้อยเส้นนั้นสวมกลับบนพระศอของเจ้าหญิง

 

“ ทำแบบนี้คือเจ้าไม่ได้รักข้า ”

 

เจ้าหญิงน้ำตาคลอ

 

“ ไม่เคยมีใจให้ข้าเลยหรือ ”

 

ดารีลหยิบจี้ขึ้นมา

ลวดลายเถาวัลย์พันเกี่ยวรอบอัญมณีสีแดงสด

 

“ คำตอบนั้นท่านหญิงรู้อยู่แก่ใจ ”

 

เขาว่า

นิ้วเรียวยาววนเวียนอยู่รอบๆ จี้

พ่อมดน้อยสัมผัสถึงพลังลึกลับที่แผ่ออกมาจากสร้อยเส้นนั้น

 

“ ตราบใดที่ท่านยังสวมมันอยู่   จะไม่มีผู้ใดกล่าวเท็จโดยที่ท่านไม่ล่วงรู้   ของสิ่งนี้ไม่ได้มีไว้ประดับ   ท่านจำเป็นต้องใช้มันเพื่อปกป้องตัวท่านเอง ”

 

“ แต่ข้าต้องการปกป้องหัวใจของข้า   ชีวิตทั้งชีวิตของข้า   รับเอาสิ่งนี้ไว้เถอะแล้วเราหนีไปด้วยกัน   ที่ไหนก็ได้ขอเพียงมีเจ้าอยู่ด้วย   ดารีลของข้า   ทั้งหมดที่ข้าต้องการคือเจ้าเท่านั้น   ปล่อยวางเสียเถอะข้าพร้อมละทิ้งทุกอย่าง   เราจะไปด้วยกันในดินแดนที่สงบสุขสักที่   ใครจะทำอะไรก็ปล่อยเขาไปเลิกยุ่งเลิกคิดอะไรทั้งนั้น   เจ้าทำเพื่อข้าได้หรือไม่ ”

 

พระนางกุมมือของเขาขึ้นจุมพิตด้วยสีหน้าวิงวอน

 

ดารีลก้มหน้าลง

ซ่อนแววตาสับสนวุ่นวายเอาไว้

ในที่สุดเขาก็ค่อยๆ ดึงมือออกจากการเกาะกุมของเจ้าหญิง

จนเป็นอิสระ

 

“ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง ”

 

เขาตอบ

พลางหันไปสบตากับเจ้าหญิงลูเซียน่าตรงๆ

 

“ ท่านคงไม่คิดจะทิ้งประชาชนของท่าน   อีกทั้งความหวังมากมายของราชวงศ์   และข้าสามารถทำนายสิ่งหนึ่งได้   นับจากนี้เป็นต้นไปจะไม่มีคำว่าสงบสุข ”

 

“ ผิดแล้ว   เพื่อเจ้าข้าสามารถละทิ้งได้ทุกอย่าง   เว้นแต่ว่า   เจ้าจะยอมเสกสมรสกับข้า   ช่วยเหลือข้าปกป้องพลเมืองทั้งหลาย   เจ้าประสงค์สิ่งใดข้าทำเพื่อเจ้าได้ทั้งนั้น ”

 

“ หากปรารถนาจะมีพิธีกับท่านหญิง   ต้องให้เวลาข้าหาของหมั้นที่คู่ควรเสียก่อน ”

 

“ เพียงตัวเจ้าก็ล้ำค่ามากพอแล้ว ”

 

เจ้าหญิงตรัส

 

ดารีลหัวเราะอบอุ่น

 

“ เจ้าหญิงแห่งอันดอรีส   ก่อนจะตรัสอะไรกรุณาคำนึงถึงความรู้สึกของพระบิดาและบรรดาประชาชนของท่านด้วย   ข้าคนต่ำต้อยหากคิดจะปีนขึ้นที่สูงต้องออกแรงมากหน่อย ”

 

“ เจ้าต้องล้อข้าเล่นแน่เลย ”

 

พระนางตรัส

 

“ แต่ไหนแต่ไรผู้ใช้เวทมนตร์นั้นสูงศักดิ์ที่สุด   เจ้าพูดกดตัวเองลงเช่นนี้อยากให้ข้าคิดอย่างไร ”

 

“ อันที่จริงเราทั้งคู่ต่างเยาว์วัย   เรื่องแบบนี้ไม่เห็นต้องรีบร้อน ”

 

ดารีลว่า

 

“ ข้าป่วยหนัก   และอาจตายได้ทุกเมื่อเวลาของข้ามีน้อยนัก   ถ้าเจ้าไม่ตกลงตอนนี้เกรงว่าจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว   เข้าใจหรือไม่ ”

 

ดารีลไม่ตอบ

เขาเทยาที่บดละเอียดดีแล้วลงในถ้วย

เทน้ำร้อนจากหม้อต้มยาลงไปผสม

จากนั้นจึงได้เลื่อนถ้วยไปให้เจ้าหญิงลูเซียน่า

 

“ ถ้าหากท่านหญิงทำตัวดีๆ เชื่อฟังข้ารับรองว่าท่านสามารถมีชีวิตอยู่อีกนานเท่านาน   หัวใจที่บริสุทธิ์ของท่านคือของล้ำค่าเดียวที่ข้ามี   เหตุใดกันจึงจะไม่พยายามรักษาไว้เล่า ”

 

เมื่อได้ยินดังนั้นเจ้าหญิงผู้มั่นในรักแท้จึงยกถ้วยยาขึ้นดื่ม

 

“ เหตุใดจึงขมนัก ”

 

พระนางว่าพลางยกหัตขึ้นปิดปาก

 

ดารีลจึงลุกขึ้นเดินอ้อมไปเบื้องหลัง

 

“ ว่ากันว่ายาดีมักจะขม   ส่วนยาพิษเติมน้ำผึ้งได้ไม่จำกัด   หวานจัดเท่าใดก็ตายขึ้นเร็วเท่านั้น ”

 

เขาบอก

 

“ ความรักเป็นเช่นนี้ด้วยหรือไม่ ”

 

พระนางถาม

 

“ นั่นก็แล้วแต่มุมมอง   ยาแต่ละอย่างถูกระบุองค์ประกอบไว้แล้ว   แต่ความรักนั้นแตกต่าง   เราสามารถเลือกที่จะตัดสินใจด้วยตัวเองได้ ”

 

หนุ่มน้อยร่างสูงโปร่งพูดพลางรวบพระเกศาสีแดงเข้มของเจ้าหญิงมาไว้ในมือ

ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดลงบนลำคองามระหง

เลือดในกายสาวก็เดือดพล่านทันที

 

 

“ ถ้าท่านหญิงสามารถดื่มยานั่นหมดในคราวเดียว   คนต่ำต้อยเช่นข้าก็จะมีของกำนัลมอบไห้ ”

 

เมื่อได้ยินดังนั้นเจ้าหญิงแสนสวยก็รีบยกถ้วยยาขึ้นดื่มจนหมด

 

พ่อมดน้อยก็ม้วนเกศาของพระนางขึ้นแล้วปักสิ่งหนึ่งลงไป

 

หญิงรับใช้ที่อยู่ใกล้ๆ หยิบกระจกเงามาส่งให้

พระนางจึงพบว่าเหนือเกศาสีแดงนั้น

คือหวีทองคำสลักลวดลายอ่อนช้อย

ประดับมรกตสีเขียวเรืองรอง

 

“ ข้าทำด้วยตัวของข้าเอง   งานฝีมืออาจดูไม่เข้าท่า   แต่ข้าได้ทุ่มเทอย่างที่สุดแล้ว   ท่านหญิงเห็นว่าอย่างไร ”

 

เจ้าหญิงไม่อาจตรัสสิ่งใดได้

ปลายนิ้วบอบบางลูบไล้ไปบนขอบหวีนั้น

สายพระเนตถึงกับพร่ามัวไป

 

“ ข้าอยากขอร้องท่าน ”

 

ดารีลกล่าว

 

“ กลับไปยังเมืองของท่านเสียเถอะ   ถ้าให้ยอมรับความจริงคือแท้จริงแล้วข้านั้นไร้ความสามารถ   เกรงว่าวันหนึ่งอาจปกป้องท่านไม่ได้   ทางที่ดีจงอยู่ห่างจากโอรีเวียเข้าไว้ ”

 

“ เจ้าอยู่ที่ใดข้าก็อยู่ที่นั่น   การไม่ได้เห็นหน้าเจ้าเท่ากับตายทั้งเป็น ”

 

เจ้าหญิงตอบด้วยแววตาแสนเศร้า

 

ดารีลได้แต่ถอนหายใจยาว

หัวใจนั้นกลัดกลุ้มยิ่งนัก

 

            พ่อมดน้อยจัดการเรื่องยาอีกครู่ใหญ่   เขาเรียกหมอประจำตัวของเจ้าหญิงไปคุยเป็นการส่วนตัว   พร้อมทั้งมอบหนังสือตำราเล่มใหญ่เอาไว้ให้   หลังจากเข้าใจกันดีแล้วเขาก็ลากลับ   เจ้าหญิงแห่งอันดอรีสพยายามชักชวนให้เขาอยู่ต่อ   แต่ดารีลปฏิเสธไปเขายังมีธุระอื่นอีก

 

ขณะกำลังก้าวผ่านประตูเขาได้พบกระถางดอกไม้หนึ่ง

ต้นไม้ใบเรียวเล็กงอกอยู่ในกระถางนั้น

ใบสีเขียวทอประกายสีเงินออกมา

ดารีลขมวดคิ้วด้วยความฉงน

 

“ กิลลอนเทีย ”

 

เขาเอ่ยชื่อหนึ่งออกมา

 

“ ถูกแล้ว ”

 

เจ้าหญิงตอบ

 

“ ข้าพบมันงอกขึ้นมาจากที่แห่งหนึ่ง   ต้นไม้นี้สามารถงอกงามได้แม้ในซากแห่งความพินาศเบ่งบานได้แม้ในที่มืดมิด   ข้าปลูกมันไว้เพื่อเป็นความหวังระหว่างเรา ”

 

ดารีลยิ้มเศร้า

เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเหงาอย่างจริงจัง

นับตั้งแต่แต่ก้าวขามาเหยียบโอรีเวีย

 

ความหวังอย่างนั้นหรือ

ใช่เขาก็หวัง

หวังว่าวันหนึ่งจะสามารถหาทางกลับบ้านได้

 

บ้านที่แสนอบอุ่น

และทุกคนรอเขาอยู่

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา