โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  135.53K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

28) แขกคนแรกของบ้าน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หลังจากกลับจากสุสานพวกเขาก็เดินเที่ยวเตร็ดเตร่กันในเมือง   เนื่องจากบรรยากาศหดหู่เกินกว่าจะกลับไปนั่งจมปุกกันที่บ้าน   ถนนสายกลางเมืองผู้คนค่อนข้างจะพลุกพล่าน   เสียงทหารม้าตะโกนสั่งให้ทุกคนหลบเข้าข้างทาง  

 

คาโอเรียถูกเบียดไปจนชิดกำแพง   ทหารม้าสองนายต้อนคนออกจากถนน   ตามหลังพวกเขาเป็นขบวนเกวียนขบวนใหญ่ที่ตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง   เด็กๆ มองขบวนเกวียนอย่างตื่นตะลึง   พวกเขาไม่เคยเห็นขบวนเกวียนที่งดงามเช่นนี้   เมื่อขบวนเหล่านั้นผ่านไปถนนก็กลับมาจอแจเหมือนเดิม

 

“ นั่นอะไรหรือ ”

 

คาโอเรียถาม

 

“ น่าจะเป็นขบวนเสด็จของราชนิกุลเมืองใดสักเมือง   ที่นี่เป็นศูนย์รวมของวิชาความรู้ใครๆ ก็อยากส่งบุตรหลานมาเรียนที่นี่ ”

 

อาเธอร์ตอบ

 

“ เฮ้ ดูซินั่นใคร ตาข้าคงฝาดไป ”

 

ผู้ชายสามคนจากอีกฝั่งส่งเสียงเอะอะ

พวกเขาวิ่งข้ามถนนมาและโผเข้ากอดอาเธอร์พร้อมกัน

 

“ เป็นอย่างไรบ้างเพื่อน   ข้าได้ยินข่าวลือว่าเจ้ากลับมาแล้ว   ไม่นึกว่าจะเป็นเรื่องจริง ”

 

ชายหนวดแดงเข้มถามเสียงดัง

 

“ ใช่   ก็คนที่บ้านของเจ้าบอกว่าเจ้าจะไม่กลับมาอีกแล้ว   วันก่อนวอลค่อนก็บอกว่าพบเจ้า   ข้านึกว่าหมอนั่นพูดเรื่องโกหก   นี่พวกเราถึงกับไปตามถึงที่บ้านก็ไม่พบแถมโดนไล่ออกมา   ไม่นึกว่าวันนี้จะได้พบกันตกลงเจ้าพักอยู่ที่ไหนกันแน่   แล้วที่กลับมาแบบนี้คืออะไร   ข้าหมายถึงเจ้ามีข่าวอะไรที่ทำให้ต้องเปลี่ยนแผน ”

 

“ ข้าไม่เคยพูดว่าจะไม่กลับมา ”

 

อาเธอร์ตอบโต้

 

“ ข่าวลือมักเชื่อไม่ได้   ตอนนี้ข้าพักอยู่บ้านตึกหลังเก่า   ส่วนคฤหาสนั่นข้าคงกลับไปไม่ได้แล้ว   พวกเจ้าล่ะเป็นอย่างไรกันบ้าง   บาบาดอสดูเจ้าสิดื่มหนักไปหรือเปล่า ”

 

เขาหันไปพูดกับชายร่างอ้วนลงพุง

 

“ ก็เรื่อยๆ แต่ยังไม่ใครหาภาระมาพันคอเช่นเจ้าหรอก   นี่เรากำลังจะไปหาอะไรดื่มกินกันสักหน่อยช่วงนี้อยู่ว่างๆ  ไม่มีอะไรให้ฟัดเล่นเลยชักเซ็ง   ข้าเบื่อความสงบ ”

 

ชายร่างยักษ์ทำท่าฟาดดาบอย่างคึกคะนอง

 

“ไม่ไปด้วยกันหรือ ”

 

อีกคนถามบ้าง

 

“ไว้คราวหลังละกัน   ข้ายังมีเรื่องต้องทำอีกมาก ”

 

ครู่ต่อมาพวกเขาแยกจากกัน

 

ฟิโลโซเฟอร์เดินทอดน่องชมเมืองอย่างสุขใจ   

เมืองนี้ใหญ่โตและคึกคักกว่าที่ซีนาร์ยมาก

มีตึกทรงประหลาดเรียงรายอยู่เต็มสองข้างทาง  

ปลายทางของพวกเขาอยู่ที่บ้านแต่ไม่มีใครรีบร้อน

 

“ ผู้คนที่นี่มากมายเหลือเกินแต่ไม่มีใครสนใจกันเลย ”

 

คาโลไรน์เอ่ยขึ้นเมื่อกลับถึงบ้าน

 

“ เมืองใหญ่ก็เป็นอย่างนี้แหละอดทนหน่อยนะ   เดี๋ยวพอเราตั้งหลักได้เราก็จะย้ายไปอยู่นอกเมืองกัน ”

 

“ นอกเมืองหรือ ”

 

คาโอเรียทำตาโต

ภาพของมังกรดำยังตามรังควานนางอยู่ทุกคืน

 

“ไม่ต้องห่วงเรื่องมังกรดำหรอกทางสภาพ่อมดกำลังจัดการเรื่องนี้อยู่   เมืองโอรีเวียมีชื่อเสียงมาตั้งแต่ครั้งอดีตเขาไม่ยอมเสียชื่อเพียงเพราะเรื่องอย่างนี้หรอก ”

 

อาเธอร์ให้ความมั่นใจ

เขาตามข่าวเรื่องนี้มาโดยตลอด

เขตทุ่งหญ้ารองโอรีเวียยังอยู่ในความคุ้มครองของเมือง

 

 

 

“ เดี๋ยวสักบ่ายๆ ข้าจะเข้าไปในปราสาทขาวกะจะเข้าไปคุยเรื่องโรงเรียนด้วย ”

 

อาเธอร์พูดขึ้นในเช้าวันหนึ่ง

 

“ ดีแล้วแต่ท่านน่าจะหาชุดที่สุภาพกว่านี้ ”

 

คาโลไรน์ว่า

ชุดของพวกเขาช่างไม่เหมาะกับเมืองที่หรูหราแห่งนี้เลย 

อาเธอร์กำลังนึกถึงชุดที่ตากไว้พอดีมีเสียงเคาะดังขึ้นที่หน้าประตู

พวกเขามองหน้ากันเลิกลักนึกไม่ออกว่าจะเป็นแขกคนใดที่มาเยี่ยม 

เมื่อประตูเปิดออกพ่อมดดีมีนก็ก้าวเข้ามาพลางหัวเราะ

 

“ ยินดีต้อนรับกลับบ้านอาเธอร์ ”

 

วันนี้พ่อมดดูแตกต่างจากที่เห็นที่ซีนาร์ย  

เขาสวมชุกคลุมสีขาวและปล่อยให้ผมหงอกยาวหวีเรียบและมัดอย่างเรียบร้อย  

แต่ไม้ท้าวตะปุ่มตะป่ำน่าเกลียดอันนั้นก็ยังคงเดิม

 

“ โอ้   ท่านดีมีนกลับเข้าเมืองมาแล้วหรือ   เชิญๆ แม้ตอนนี้บ้านของเรายังไม่เรียบร้อยดี   แต่พอต้อนรับใครสักคนได้แล้ว   ท่านคงไม่ถือนะ   ข้าดีใจที่ท่านมาเป็นแขกคนแรกของเรา ”

 

อาเธอร์ว่า

 

“ ข้ารู้น่า   พวกเจ้าเดินทางไกลมาเหนื่อยๆ   แล้วต้องมาจัดการกับบ้านร้าง   แต่สภาพตอนนี้ถือว่าดูดีทีเดียวพวกเจ้าเก่งมาก   ไม่ต้องคิดมากนะขาดเหลืออะไรบอกข้าได้ ”

 

“ ก็คงเป็นเรื่องโรงเรียนของเด็กๆ นั่นแหละ ”

 

“ อ้อเรื่องนั้น   ไม่เป็นปัญหาข้าอาจช่วยให้เรื่องง่ายขึ้น   แต่ต้องรีบหน่อยนะก่อนที่ข้าจะออกนอกเมืองไปอีก ”

 

“ อาเธอร์บอกว่าจะไปจัดการเรื่องนี้ตอนบ่าย ”

 

คาโลไรน์บอกพลางยกกาน้ำชาและขนมขบเคี้ยวมาให้

 

“ ก็ดี   วันนี้ข้ามีเวลาทั้งวัน   เป็นอย่างไรเด็กๆ ชอบเมืองใหญ่หรือไม่ ”

 

เขาหันมาทำตาซุกซนกับเด็กทั้งสอง

 

“ ข้ารู้สึกนอนไม่หลับ ”

 

คาโอเรียตอบตามตรง

 

“ เดี๋ยวก็ชินไปเองเจ้าอายุยังน้อยปรับตัวง่ายอยู่แล้วจริงไหมฟิโลโซเฟอร์ ”

 

ดีมีนหันไปทางคนพี่

 

เด็กชายไม่ตอบเขาเพียงแต่ยิ้มที่มุมปาก

ตอนนี้เขารู้สึกจิตใจว้าวุ่นไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

บางทีก็หวาดกลัวและวิตกกังวลโดยไร้สาเหตุ

 

“ ท่านมีข่าวเกี่ยวกับมังกรดำที่มาปรากฏแถวทุ่งหญ้าของโอรีเวียหรือไม่ ”

 

“ ดูเหมือนข่าวลือนั่นจะเป็นเรื่องจริง   จอมเวทวาลานส่งคนไปสืบแล้ว   สรุปว่ามันแค่หลงฝูงไม่ใช่เรื่องน่าวิตกเหตุการณ์แบบนี้เกิดไม่บ่อย   หลังจากการปะทะกันพวกมังกรดำก็รู้แล้วว่าไม่ควรข้ามเขต   งานนี้เจ้าวีแกนก็รับความดีความชอบไป ”

 

ดีมีนว่า

 

“ ใครกันวีแกน   ข้าได้ยินคนพูดถึงบ่อยๆ แต่ในเชิงประชดเสียมากกว่า   แล้วเขาไปทำอะไรมา ”

 

อาเธอร์สงสัย

 

“ นั่นแหละอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียน   ข้าไม่รู้เรื่องของเขามากนัก   อาจจะเป็นเพราะข้าอยู่ข้างนอกนานไปหน่อย   รู้แต่เพียงว่าอยู่ๆ เขาก็มีชื่อเสียงขึ้นมา   ทำไมไม่รู้เหมือนว่ามีคนคอยหนุนหลัง   แต่เพื่ออะไรกัน ”

 

“ เขาทำอะไรบ้างล่ะจึงเกิดเป็นที่รู้จัก ”

 

“ หลายเรื่องทีเดียว   ล่าสุดเขาเป็นคนไล่มังกรดำสองตัวออกจากพรมแดนของโอรีเวีย ”

 

“ อะไรนะ ”

 

อาเธอร์กับคาโลไรน์มองหน้ากัน

ด้วยสีหน้าประหลาดใจอย่างเปิดเผย

 

“ น่าแปลกใช่หรือไม่   ที่พ่อมดไร้พลังอย่างวีแกนสามารถจัดการมังกรดำได้โดยลำพัง   แต่เมื่อมีเพียงวีแกนที่อ้างตัวก็ต้องยอมรับว่าเป็นเขา   ไม่รู้ทำไมข้ารู้สึกว่าเมืองนี้ประหลาดขึ้นทุกวัน ”

 

อาเธอร์มีท่าทีอึดอัดเขารู้ว่าใครกันแน่ที่ทำเรื่องนี้

แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

เรื่องของนักเวทบางทีก็เข้าใจยาก

 

“ วันก่อนข้าเห็นขบวนของราชนิกุล ”

 

อาเธอร์เปลี่ยนเรื่อง

 

“ จริงหรือ   นั่นคงเป็นขบวนของเจ้าหญิงลูเซียน่าแห่งอันดอรีส ”

 

“ เจ้าหญิงมิได้พำนักอยู่ที่นี่หรอกหรือ   ทั้งที่อันดอรีสอยู่ใกล้อันตรายถึงเพียงนั้น ”

 

คาโลไรน์ประหลาดใจ

 

“ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก   เมื่อก่อนที่นั่นก็สงบดีเพิ่งจะเกิดเรื่องร้ายแรงก็ปีนี้แหละ   พระนางกลับไปทำอะไรบางอย่าง   อันที่จริงแล้วกษัตริย์แห่งอันดอรีสประสงค์จะส่งเจ้าหญิงลี้ภัยออกมาทันที   แต่พระองค์เกรงว่าเส้นทางจะไม่ปลอดภัยก็เลยออกจะล่าช้าสักหน่อย   เห็นว่าส่งมาแต่ทหารฝีมือดีพร้อมกับพระราชมารดาเท่านั้นน่าแปลกที่ไร้เงาของกษัตริย์   ทั้งที่ปกติแล้วพระองค์ต้องเสด็จมาส่งเองแต่เรื่องนี้ดูจะถูกปกปิดเป็นอย่างดี ”

 

พ่อมดกล่าว

 

“ เป็นไปได้ไหมกับข่าวที่ว่าพระองค์ถูกลักพาตัว ”

 

อาเธอร์ถาม

 

“ ทางสภาก็ห่วงเรื่องนี้อยู่เหมือนกันแต่อย่าไปสนใจเลย   ข้าเชื่อว่าคงไม่มีอะไรร้ายแรง   เพราะไม่เช่นนั้นทางอันดอรีสคงไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบไปเฉยๆ เอาเถอะเดี๋ยวจะเสียเวลามากไปกว่านี้   เจ้ามากับข้าดีกว่าจะได้ไปติดต่อเรื่องโรงเรียนด้วยกัน ”

 

           

ว่าแล้วพวกเขาทั้งสองก็ออกไปด้วย   กันภายในบ้านที่ไม่มีอาเธอร์ก็เงียบเหงาลงทันที   คาโลไรน์รู้สึกว่าบรรยากาศแบบนี้   น่ากลัวกว่าตอนที่ต้องเผชิญกับปีศาจทั้งฝูง

 

“ท่านแม่เป็นอะไรหรือเปล่า ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ถาม

เมื่อเห็นว่านางยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเป็นเวลานาน

 

“อ้อ จริงสิ   ข้าลืมไปว่ายังตัดผ้าค้างไว้คาโอเรียอยากจะช่วยแม่หรือเปล่า ”

 

นางกระวีกระวาดกลับไปยังตะกร้าผ้า

ทำให้ลูซึ่งนอนอยู่ในนั้นตกใจ 

คาโลไรน์รื้อผ้าออกมา

นางเย็บผ้าม่านค้างไว้ตั้งแต่เมื่อวาน

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา