โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
125) กล่องไม้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความรุ่งเช้าฟิโลโซเฟอร์ตื่นขึ้นด้วยอาการอ่อนเปลี้ย เขารีบลุกไปล้างหน้า เมื่อกลับเข้ามาในห้องนอนก็พบว่าเพื่อนทั้งสองของเขายังไม่ตื่น
เด็กชายชาวซีนาร์ยเดินไปกระชากม่านหน้าต่างให้เปิดออก แสงยามเช้าเปล่งประกายเจิดจ้าอยู่ด้านนอก โลธอร์ลุกขึ้นบิดขี้เกียจเมื่อถูกแสงแดดแยงตา
“ เช้าแล้วหรือนี่คืนนี้อากาศดีจริง ”
เจ้าเด็กร่างอ้วนส่งเสียงอู้อี้
แล้วหันไปมองเพื่อนที่นอนข้างๆ
“ อีเลียส! นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ”
“ หืม ว่าอย่างไรนะ ”
อีเลียสส่งเสียงออกมาจากผ้าห่ม
ที่เขาใช้พันร่างไว้จนกลายเป็นดักแด้
“ ตื่นๆ จะสายอยู่แล้ว ”
ไม่พูดเปล่า
โลธอร์ได้เลิกผ้าห่มขึ้น
เด็กร่างผอมแห้งก็กลิ้งหลุนๆ ออกมา
แล้วลุกขึ้นเกาหัวแรงๆ เพื่อสลัดความมึนงง
ตามร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ
“ อา ใช่วันนี้ เฮ๊ย!?! วันนี้มีเรียนตอนเช้านี่นา ”
เขากระโดดลุกขึ้น
ครู่ต่อมาก็ยืนโงนเงนเหมือนคนละเมอ
จากนั้นก็ทำท่าจะไปอาบน้ำแต่งตัวทั้งที่อยู่ในอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น
แต่โลธอร์ชิงจับนั่งลงบนเตียงเสียก่อน
“ ข้าปลุกเจ้าเพราะข้าหิวหรอกนะ เรื่องเรียนนะเอาไว้ก่อนได้ พรุ่งนี้ก็ยังทันปีหน้าก็ไม่สาย แต่เรื่องกินนี่สิสำคัญ ผู้คนมากมายต้องตายเพราะความหิวโหย ข้าไม่อยากให้คนที่ข้ารักต้องเผชิญชะตากรรมเยี่ยงนั้น ในเมื่อเรายังมีโอกาสก็รีบกินกันเถอะ ”
“ เจ้านี่ก็คิดถึงแต่เรื่องกินอย่างเดียวหรืออย่างไร ”
เสียงของเลโอน่าดังขึ้นที่หน้าประตู
เบื้องหลังของนางคือเด็กหญิงสองคน
ในมือถือตะกร้าใส่อาหารมาด้วย
“ ฟีไลร่า คาโอเรียข้ารักพวกเจ้า แม่เทพธิดาแสนงามข้านี่โชคดีจริงๆ ”
โลธอร์ร้องขึ้น
เมื่อเห็นสิ่งที่พวกนางถือมา
ฟีไลร่านั้นเครียดขรึมขอบตายังเป็นสีม่วงคล้ำ
ราวกับว่าอดนอนมาทั้งคืน
หรือไม่ก็ร้องไห้มาอย่างหนัก
แต่คาโอเรียกลับยังคงร่าเริง
นางปรบมือเสียงดัง
แล้วกล่าวว่า
“ ชื่นชมแด่ผู้กล้าทั้งหลาย วีรกรรมเมื่อคืนควรค่าแก่การจดจำ ”
เด็กๆ ได้เข้าไปนั่งรับประทานอาหารเช้ากันในห้องนอนของพวกผู้ชายนั้นเลย ต่างพูดคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างออกรส เพราะเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในโอรีเวีย ไม่ว่าจะยุคใดก็ตาม
“ ข้าว่าหลังจากวันนี้คงมีเด็กหลายคนทยอยกลับบ้านเกิด ”
อีเลียสว่า
ฟิโลโซเฟอร์กับน้องสาวมองหน้ากัน
พวกเขาไม่แน่ใจว่า
เวลานี้สามารถกลับไปยังซีนาร์ยได้หรือยัง
หรือว่า
แท้จริงแล้วไม่มีที่ใดให้พวกเขาอีกต่อไปแล้ว
“ ข้าไม่อยากกลับ ”
ฟีไลร่าพูดขึ้น
ด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง
“ แล้วเจ้าจะยื้ออยู่ที่นี่ต่อไปเพื่ออะไรกัน ”
เลโอน่านั้นดูขัดเคืองยิ่งนัก
“ ก็ข้าไม่มีที่ไปนี่นา ”
“ ไอโอเนียคือบ้านของเจ้า อะไรคือไม่มีที่ไป พูดให้ดีนะ ”
เด็กหญิงผมสีเงินยาวสลวยไม่ตอบ
นางก้มหน้าซ่อนหยาดน้ำตา
ที่ทำท่าจะหลั่งรินอีกครั้ง
“ ถ้าพูดเรื่องไม่มีที่ไปนี่พวกข้าไม่หนักกว่าหรือ ซีนาร์ยก็พังพินาศไปแล้วถ้าโอรีเวียยังอยู่ไม่ได้พวกเราคงต้องเร่ร่อนกันแล้ว ”
ฟิโลโซเฟอร์บอก
“ ใครจะปล่อยเจ้าไปแบบนั้นล่ะ หุบเขาของข้ามีที่ว่างมากมาย ทั้งสงบและปรอดภัยแต่ของอร่อยอาจหายากหน่อย ฟีไลร่าเจ้าอยากไปด้วยก็ได้นะ ข้าน่ะยินดีต้อนรับทุกคนอยู่แล้ว ”
สหายร่างอ้วนว่า
“ เจ้ามีเรื่องไม่สบายใจเกี่ยวกับทางบ้านหรืออย่างไร ”
อีเลียสหันไปถามฟีไลร่า
“ ไม่เกี่ยวกับทางบ้านหรอกนางแค่ชอบทำตัวน่าเบื่อ ”
เลโอน่าชิงพูดขึ้นก่อน
“ เจ้าไม่รู้อะไรก็เงียบไปเลยนะ ”
ฟีไลร่าเริ่มมีอารมณ์เกรี้ยวกราด
เด็กชายตัวน้อยนั้นไม่คุ้นชินกับบรรยากาศคุกรุ่น
เขาจึงหยิบขนมปังก้อนหนึ่ง
แล้วเดินไปรอบๆ ห้อง
สายตาก็ไปสะดุดเอากับ
กล่องไม้มะฮอกกานีขัดเงาสีเข้ม
กับจดหมายเล็กๆ
ที่มีลายมือสวยงามคุ้นตาเป็นอย่างดี
“ อีเลียส กล่องอะไรวางอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือของเจ้า ”
ฟิโลโซเฟอร์ร้องถาม
“ กล่องหรือ ไม่นะข้าไม่มีกล่อง ถ้าเป็นหีบหนังใส่หนังสือมีแน่ แต่คงไม่วางบนโต๊ะเพราะว่ามันใหญ่และหนักมาก ”
“ มีกล่องไม้เล็กๆ อยู่ตรงนี้ ใช่ของเจ้าหรือเปล่า ”
ฟิโลโซเฟอร์ยังข้องใจ
เหล่าสหายทั้งหลายจึงต้องลุกไปดู
มันเป็นกล่องไม้ฝีมือประณีต
ที่ไม่เห็นว่าเคยมีอยู่ในห้องนี้มาก่อน
“ ระวัง! มันคมมาก หมายความว่าอย่างไร กล่องไม้นี่นะจะมีคมเป็นไปไม่ได้หรอก ว่าแต่มันมาวางอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ”
โลธอร์ว่าพลางเกาคาง
“ หรือจะเป็นกับดัก ”
ความเห็นของอีเลียส
ทำเอาเด็กๆ ถอยหลังคนละก้าว
เว้นแต่ฟิโลโซเฟอร์ที่ยังยืนเฉยอยู่
“ เจ้ามีศัตรูที่ไหนหรือเปล่า ”
เลโอน่า
เด็กสาวผิวเข้มหันไปถามอีเลียส
ซึ่งเจ้าเด็กร่างผอมก็ส่ายหน้าตอบอย่างไว
“ ข้าไม่เคยไปวุ่นวายกับใคร จะมีคนมุ่งร้ายได้อย่างไร ”
อีเลียสบอก
“ แต่ข้าคิดว่ามันไม่มีอะไรซับซ้อนขนาดนั้น ”
ฟิโลโซเฟอร์ว่าพลางเปิดกล่องนั้นออก
ปลายหอกเก่าแก่วางอยู่สงบนิ่งอยู่บนผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้ม
เด็กชายตัวน้อยรู้สึกคุ้นตากับสิ่งนี้มาก
แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน
“ ใครกัน เอาหอกขึ้นสนิมมาใส่ในกล่องหรูหราอย่างนี้ ช่างเป็นของกำนัลที่พิลึกแท้ ”
โลธอร์อุทาน
รู้สึกประหลาดใจอย่างที่สุด
“ ข้ารู้แล้ว ”
อีเลียสร้อง
“ ของสิ่งนี้เป็นของข้า นึกไม่ถึงเจ้าหมอนั่นทำได้จริงๆ ”
“ หมอนั่น!?! อะไร ยังไง ”
เหล่าสหายต่างพากันสงสัย
“ หอกนี่เป็นของเก่าแก่ที่อยู่คู่กับโอรีเวีย ข้าขอให้ดารีลนำมาให้ แต่ก็ไม่คาดหวังว่าจะได้หรอก ”
“ อะไรกัน นอกจากสะสมหนังสือแล้วเจ้ายังสะสมเหล็กเก่าๆ ขึ้นสนิมด้วยหรือ ของเส็งเคร็งแบบนี้แถวบ้านข้ามีถมไป ถ้าเจ้าอยากได้ข้าจะขนมาให้จะเอาสักกี่เกวียน ”
โลธอร์ว่า
“ มันมีประโยชน์มากและไม่ใช่แค่เหล็กขึ้นสนิมอย่างแน่นอน เจ้าหาทั้งหุบเขาก็ไม่ได้อย่างนี้หรอก ข้ามีความตั้งใจจะทำบางสิ่งบางอย่างจึงได้ขอมา ”
“ เจ้าไปคุยกับดารีลเมื่อไหร่เหตุใดข้าไม่รู้ ”
ฟิโลโซเฟอร์ถามบ้าง
“ ใช่ๆ เจ้าคุยกับหนุ่มน้อยหน้าจืดนั่นรู้เรื่องด้วยหรือ ”
โลธอร์ว่าบ้าง
“ มันต้องมีเวลาส่วนตัวบ้างล่ะ ดารีลน่ะคุยยากแต่คุยได้ ฟิโลโซเฟอร์ข้าต้องเตือนเจ้า เจ้าไม่ได้รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับคนผู้นั้นหรอก เขามีเรื่องมากมายปิดบังเจ้าอยู่ ”
“ อ้อ ดีนี่ ต่อหน้าขอให้เขาช่วยแต่ลับหลังเจ้านินทาเขาหรือ ทำแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน ”
ฟีไลร่าสวนขึ้น
“ ข้าเปล่าว่าร้ายเขานะ แค่รู้สึกแปลกๆ คิดดูสิคนเลือดเย็นแบบเขามีเหตุผลอะไรที่ต้องมาสนใจกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ทั้งที่มีผู้คนมากมายอยากให้เขาสนใจ รวมทั้งจอมเวทวาลานด้วย เขาคิดอะไรอยู่ แล้วดูสิเขาทำอะไรได้บ้าง แอบเข้ามาในห้องนี้โดยพวกเราไม่รู้ตัวสักคน น่ากลัวไหมล่ะ ”
“ อีเลียส เจ้าพูดผิดแล้วความจริงมันสลับกันน่ะ ส่วนประเด็นหลังดารีลเคยเป็นมือหนึ่งของหน่วยลอบสังหาร เรื่องลักลอบเข้ามาในห้องนี้ ข้าไม่แปลกใจหรอกเขามันประหลาดคนอยู่แล้ว ”
ฟิโลโซเฟอร์ว่าเท่านั้น
แล้วถอนหายใจใหญ่
อีเลียสฉลาดและรู้เท่าทันคน
แต่คำพูดเมื่อครู่ไม่น่าเชื่อถือเลย
เด็กชายชาวซีนาร์ยมั่นใจว่าเขาไม่จำเป็นต้องระวังอะไรเกี่ยวกับดารีล
เว้นแต่มีดสีดำอาบยาพิษเล่มนั้น
“ จริงสิฟิโลโซเฟอร์ก็ได้ของกำนัลด้วยมิใช่หรือไม่นำมาอวดบ้างล่ะ ”
เด็กน้อยร่างอ้วนพูด
ฟิโลโซเฟอร์จึงไปหยิบดาบสีเงินที่วางอยู่บนเตียงมา
เมื่อคืนเขามัวแต่ชื่นชมยินดีกับของชิ้นใหม่
ถือเอาไว้ไม่ยอมวางจนหลับไปด้วยกัน
เด็กๆ ต่างลงความเห็นว่ามันเป็นดาบที่สวยมาก
จนเหมาะจะวางประดับในห้องรับแขก
มากกว่านำมาใช้จริง
อีเลียสเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นรูปสลักเล็กๆ ที่ด้ามดาบ
มันเรียงตัวเป็นอักษรแปลกๆ ซ้อนทับกันสองขั้น
เด็กร่างผอมลองหมุนมันดู
แต่ก็ไม่ขยับ
“ ตกใจหมดนึกว่าจะมีกลไกอะไร ”
เขากล่าว
แต่พอฟิโลโซเฟอร์ลองดูมันกลับขยับได้
“ หยุด พอแค่นั้น เขาบอกเจ้าหรือเปล่าว่ามันคืออะไร ”
อีเลียสถาม
สีหน้าเป็นกังวล
“ เมื่อคืนพวกเรารีบมากเลยไม่มีเวลาอธิบาย แต่เขาบอกว่านี่เป็นอาวุธเวท เขาสร้างมันขึ้นมาเพื่อตัวเอง ในเวลานี้ให้ข้ายืมใช้ไปก่อน ข้าเดาว่าตรงส่วนนี้น่าจะเกี่ยวกับยาพิษ ใช่ดารีลเตือนข้าอยู่เสมออาวุธของเขาไม่ใช่ของเล่น แต่มีไว้เพื่อสังหารโดยเฉพาะ ”
เด็กชายว่าพลางพลิกดาบในมือโดยไม่มีท่าทีเดือดร้อน
แล้วชักดาบออกมาดู
คมดาบทอประกายกล้ากับแสงแดดยามนั้น
ดูลึกลับและน่ากลัวยิ่ง
“ เขาโกหกเจ้าแล้ว ”
อีเลียสว่า
“ พลังของดาบตอบสนองเจ้าคนเดียว ไม่เห็นหรือมีเจ้าเท่านั้นที่ชักมันออกจากฝักได้ กลไกที่ด้ามดาบก็เช่นกัน เขาคงตั้งใจสร้างมันเพื่อเจ้า มอบอาวุธร้ายแรงให้แบบนี้เขาตั้งใจจะใช้เจ้าไปทำอะไร ”
“ ข้าไม่ได้เก่งขนาดนั้น จะใช้ข้าสู้ทำเองไม่ดีกว่าหรือ สหายเอ๋ยเจ้าอย่าคิดมากเลย ดารีลเตือนว่า ถ้าดาบเล่มนี้อยู่ในมือผู้ใช้เวทมนตร์มันจะอันตรายยิ่งขึ้น นั่นหมายความว่า อาวุธเวทมันไม่ใช่ของคนธรรมดาจะใช้ได้ เขาให้ข้ายืมก่อนเพราะเห็นว่าไม่มี ถ้าเขาตั้งใจจะให้ข้าจริงจะสร้างดาบเวทไปทำไม ในเมื่อข้าใช้พลังของมันไม่ได้อยู่แล้ว ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ