โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) ป่าซีดาร์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพวกเขาเดินมุ่งไปข้างหน้าตรงที่แนวป่าทอดยาวรอท่าอยู่ เมื่อเดินเข้าไปใกล้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองเล็กลงในขณะที่ป่าใหญ่โตขึ้นและดูเหมือนว่ามันจะโอบล้อมเข้ามาอย่างมุ่งร้าย พอผู้เฒ่าชาโคลลับไปจากสายตาเบื้องหลังก็มีแต่ความเวิ้งว้างเมื่อมองไปรอบกายก็พบแต่ความโดดเดี่ยว ภายในป่ารกครึ้มปรากฏความนิ่งสงัดไร้การเคลื่อนไหวดุจดังสัตว์ป่าที่หมอบนิ่งรอให้เหยื่อเดินเข้าไปหา อาเธอร์เริ่มไม่มั่นใจกับการตัดสินใจในครั้งนี้แต่เขาก็ยังเดินนำเข้าไปในป่าโดยมือข้างหนึ่งยังกระชับดาบไว้มั่น พวกเขาเดินย่ำลงบนกิ่งไม้แห้งเปราะเกิดเสียงแกรกกรากสะท้อนไปในความเงียบ ป่าเบื้องบนกิ่งไม้และเถาวัลย์เกาะเกี่ยวกันหนาแน่นจนแสงแดดแทบจะส่องลงมาไม่ถึง แต่นั่นคงไม่ทำให้รอดพ้นจากสายตาของมังกรดำไปได้ถ้าหากว่ามันกำลังแสวงหาเหยื่อ
เสียงนกบินดังพรึบขึ้น
ฟิโลโซเฟอร์ยกธนูตามทันที
แต่ถูกอาเธอร์คว้าเอาไว้ก่อนที่ลูกศรจะปล่อยออกไป
“ อย่าลูกเราจะไม่ล่าสัตว์ถ้าไม่จำเป็น และลูกธนูจำนวนมีจำกัดที่ เจ้าต้องทำตอนนี้คือรีบเดินทางให้เร็วที่สุด ”
เด็กชายตีสีหน้าผิดหวังแต่ก็ยอมเก็บลูกศรเข้าซองเก็บแต่โดยดี
ซองนี้ทำมาจากหนังกวางแช่เกลือร้อยด้วยเชือกที่ทำจากเส้นเอ็น
บิดาของเขาเป็นคนทำให้และแน่นอนเขาเองก็มีส่วนช่วยอยู่เหมือนกัน
“ ข้านึกว่าจะไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในนี้ซะแล้ว ”
คาโลไรน์พูดขึ้นบ้าง
“ มีสิ แต่พวกมันแอบซุ่มอยู่เงียบๆ มันเป็นอย่างนี้มานานแล้ว ”
อาเธอร์บอก
เมื่อพวกเขาหยุดคุยกันความเงียบก็ถาโถมเข้าแทนที่มันเป็นความเงียบที่ชวนให้อึดอัด
ป่าดูหนาทึบและรกขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพวกเขาเดินลึกเข้าไป
กระรอกน้อยสีขาวเกาะอยู่บนคาคบไม้สูงลิ่ว
มันเอียงคอมองกลุ่มคนที่เดินผ่านไปเบื้องล่างอย่างสงสัยใคร่รู้
ด้วยว่ามันไม่เคยเห็นมนุษย์มาก่อน
พวกเขาเดินเกาะกลุ่มไปกันเงียบๆ ผ่านต้นไม้และเถาวัลย์ที่ห้อยระโยงละยาง
อากาศเริ่มเย็นชื้นเมื่อเข้ามาถึงกลางป่า
มอสส์สีเขียวคล้ำผุดขึ้นประปรายตามพื้นที่เป็นหินและโคนต้นไม้
คายเมือกเหนียวลื่นออกมาทำให้การเดินผ่านมันไปนั้นยากลำบากแต่พวกเขาก็ยังคงเร่งฝีเท้า
คาโอเรียเบียดอยู่ข้างมารดานางดึงเสื้อคลุมให้กระชับแล้วโอบกระต่ายลูเข้าแนบอก
ไออุ่นจากสัตว์ตัวน้อยไม่ทำให้ความเย็นเยือกลดลงเลย
นางไม่ชอบอากาศที่เย็นชื้นแต่นางก็ไม่ใช่เด็กงอแงนางจึงเดินไปเงียบๆ โดยไม่ปริปากบ่น
ผิดกับพี่ชายของนางที่ร่าเริงอยู่เสมอยิ่งได้บุกเข้าไปในป่าหรือสถานที่แปลกๆ เขาก็ยิ่งคึกคัก
คาโอเรียเดินไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าเดินมาไกลเท่าใดและไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางอยู่ที่ไหน
เด็กหญิงเหนื่อยจนแทบก้าวขาไม่ออกแต่นางก็ไม่อยากอยู่ในป่าแห่งนี้นานนักจึงต้องกัดฟันเดินต่อไปเรื่อยๆ
เสียงสายน้ำกระทบหินดังมาแว่วๆ พอได้ยินคณะเดินทางเร่งรีบมุ่งหน้าไปตามทางนั้น เสียงน้ำไหลดังชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อเดินเท้าใกล้เข้าไป อากาศในบริเวณนั้นเย็นยะเยือกไปด้วยละอองน้ำ พื้นดินชุ่มฉ่ำมอสส์สีเขียวอมน้ำเงินลามไปทั่ว กล้วยไม้หลากสีห้อยระย้าลงมาตามกิ่งก้านของต้นไม้ ผึ้งกลุ่มใหญ่บินวนเวียนอยู่ท่ามกลางดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานละลานตากลิ่นหอมของดอกไม้นาๆ พันธุ์ตลบอบอวนไปทั่ว คาโอเรียตื่นตะลึงกับหมู่มวลดอกไม้ตรงหน้า นางไม่เคยเห็นดอกไม้มากมายขนาดนี้แต่ก็ไม่กล้าอ้อยอิงอยู่นานจึงได้แต่ทอดสายตาอาลัยพลางเดินจากมา ไม่น่าเชื่อในดงสยองยังมีความงามซ่อนอยู่
กิ้งกือสีส้มแสดตัวใหญ่ค่อยๆ ไต่ไปตามขอนไม้ผุๆ ที่มีเห็ดสีขาวขึ้นเบียดเสียดอยู่เต็ม เมื่อมันไต่ขึ้นไปบนเห็ดดอกเห็ดก็เรืองแสงสีฟ้าออกมาทำไห้กิ้งกือออกอาการมึนงง ฟิโลโซเฟอร์ขว้างมันด้วยหอยทากที่เขาเก็บจากพื้นมันม้วนตัวเป็นวงก่อนจะกลิ้งตกลงมา ทำให้อาเธอร์คิดไปถึงกิ้งกือที่แม่มดผ่าออกมาจากหัวฝีของเด็กชายบุตรคนเลี้ยงแกะ
ในที่สุดพวกเขาก็เดินทะลุมาถึงสายน้ำใหญ่มันเป็นช่วงที่น้ำกว้างและไหลรุนแรง กลางลำน้ำเต็มไปด้วยโขดหินแหลมคมอาเธอร์เอากระติกน้ำไปเติมจนเต็มทุกกระติก เขามองดูน้ำที่ไหลกระทบหินจนแตกเป็นฟองฝอย หนุ่มใหญ่อดใจไม่ไหวเขายื่นเท้าลงไปแช่ในน้ำที่เย็นฉ่ำชั่วขณะเขานึกถึงการเดินทางที่โลดโผนและอิสระเสรีในครั้งก่อนนั้นที่เขากับบิดายังญาติดีกันอยู่ เขานั่งเพลินจนไม่ทันสังเกตว่ามีดอกไม้เล็กๆ สีขาวลอยมาติดขากางเกง
อาเธอร์ก้มลงมอง เขาจึงพบว่าท่ามกลางฟองฝอยของกระแสน้ำมีดอกไม้กำลังล่องลอยอยู่ กลิ่นของมันหอมลึกล้ำและสงบสุขชวนให้คิดถึงคืนวันอันแสนสุขของซีนาร์ย อาเธอร์ช้อนมันขึ้นมาหลายดอกเพื่อนำไปฝากคาโลไรน์ นางยังไม่เคยเห็นดอกไม้ชนิดนี้แต่เขามั่นใจว่านางต้องชอบ ดอกไม้งามคงร่วงจากต้น ณ ที่ใดที่หนึ่งสายน้ำได้ซัดมันมาไกลโดยไร้จุดหมาย อา....ชะตากรรมของคนจะเป็นเช่นไร
คาโลไรน์แกะห่อผ้าหยิบอาหารออกมาบางส่วน นางอยากอุ่นอาหารสักหน่อยแต่สถานที่ไม่สะดวกเป็นอย่างมาก จึงจัดวางลงบนใบไม้ไปทั้งอย่างนั้น ฟิโลโซเฟอร์ตามบิดาออกไปหาผลไม้ป่า ขณะเดินผ่านลำธารอาเธอร์มองเห็นปลาน้อยใหญ่มากมายในน้ำ เขาอยากจะจับปลาเหล่านั้นเพื่อว่าจะได้มีเนื้อปลาทานแทนเนื้อแห้งรมควันที่ทั้งเหนียวและแข็ง ชายหนุ่มรู้ว่าในนั้นมีปลามากมายลำน้ำส่วนนี้ตื้นเขินคงหาวิธีจับมันได้ไม่ยากแต่เขายังไม่อยากเสี่ยงก่อกองไฟและพวกเขาคงไม่กินปลาทั้งที่ยังดิบๆ
ขณะที่อาเธอร์กำลังคิดถึงความอิ่มท้องของทุกคนบุตรชายของเขาก็เอาแต่วิ่งเล่น เด็กน้อยกำลังสำรวจพื้นที่อย่างสนุกสนาน ฟิโลโซเฟอร์มาหยุดอยู่ที่ต้นไฟคัสต้นหนึ่งรากของมันห้อยระย้าลงมาเหมือนม่านบังตา สูงขึ้นไปนกเงือกหลายตัวกำลังสำราญอยู่กับลูกไม้สีสดที่มีอยู่ดกดื่น ไม่สนใจมนุษย์ตัวน้อยที่กำลังจ้องมองมันอยู่ เด็กชายมีธนูอยู่ในมือแต่เขารู้ดีว่ายังไม่จำเป็นต้องใช้ตอนนี้เขาคิดเรื่อยเปื่อยไปถึงมังกรดำ เมื่อคืนเขาเห็นมันเพียงรางๆ แต่มันช่างใหญ่โตเหลือเกิน ถ้าจะสอยมันด้วยธนูคันนี้เขาก็ยังสงสัยอยู่ว่าลูกธนูจะระคายผิวหรือเปล่าเท่าที่ได้ยินมาเก็ดมันแข็งพอๆ กับก้อนหินเลยทีเดียว
“ ท่านแม่คืนนี้เราจะนอนยังไงกันจ๊ะ ”
คาโอเรียจ้องมองไปรอบๆ แล้วอดที่จะโอดครวญไม่ได้
ดูเหมือนที่แห่งนี้จะไม่มีทีให้นางซุกหัวนอนอย่างอบอุ่นได้เลย
คาโลไรน์ลูบผมบุตรสาวอย่างอาธร
“ ถึงเวลาก็จะรู้เองแหละลูกตอนนี้ต้องอดทนให้มากพอถึงโอรีเวียทุกอย่างคงจะดีขึ้น ”
คาโอเรียทำหน้ามุ่ยพลางนวดเท้าน้อยๆ ของตัวเอง
ลูสะบัดขนสีขาวจนฟูนุ่มดวงตาสีส้มจับจ้องมาที่เด็กหญิงอย่างอบอุ่น
คราวนี้ไม่ทำตัวซุกซนเหมือนเคยแค่จะคอยเบียดอยู่ใกล้
คาโอเรียสอดนิ้วเข้าไปในความนุ่มนวลของเส้นขนสีขาวอย่างใจลอย
นางกำลังคิดถึงเด็กหญิงผมดำม้วนเป็นหลอดผู้มีดวงตาสีฟ้าเข้ม
ใครๆ ก็เรียกเธอผู้นี้ว่าลีเดียนางกับคาโอเรียสะนิดสนมกันมาก
“ แต่ลูกไม่รู้จักใครที่นั่นไม่มีเพื่อนไม่มีใครเลย ”
คาโอเรียพูด
“ พอไปถึงโอรีเวีย พ่อจะส่งลูกเข้าโรงเรียน ที่นั่นมีเด็กมากมายบางทีลูกอาจจะมีเพื่อนใหม่เป็นคนต่างเมืองด้วยก็ได้ ”
อาเธอร์ปลอบ
“ ใช่ เรื่องเพื่อนไม่เป็นปัญหาหรอก ”
ฟิโลโซเฟอร์ว่า
“ เมืองใหญ่ออกปานนั้น เจ้าจะหาเพื่อนใหม่สักกี่คนก็ได้ เว้นแต่เจ้าจะยึดติดกับลีเดียเกินไป จนไม่เปิดใจรับผู้อื่น ”
“ ผู้คนมากมายใช่ว่าจะเจอคนที่ถูกใจได้ง่าย ว่าแต่เจ้าเถอะฟิโลโซเฟอร์ คนแบบพี่เนี่ยจะมีใครยอมคบหาหรือไม่ ”
เด็กหญิงย้อน
“ เหลวไหลข้าออกจะนิสัยดี ใครบ้างไม่อยากรู้จัก คอยดูนะเด็กชายคนแรกที่ข้าพบที่โอรีเวีย คนๆ นั้นต้องเป็นเพื่อนกับข้าจนวันตาย ”
“ ไม่เอาน่า ”
คาโลไรน์ยกมือปาม
“ เจ้าไม่รู้หรอกว่าจะพบเจอคนแบบไหนบ้างในเมืองนั้นอย่าคิดสร้างข้อผูกมัดให้ตัวเองเลย ”
ฟิโลโซเฟอร์ส่งกระติกน้ำให้น้องสาว
นางรับมาจิบด้วยความกระหายน้ำนั้นเย็นสดชื่นมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของมวลดอกไม้
ถ้าไม่ได้มาเห็นกับตาคงไม่เชื่อว่าน้ำนี้ไหลมาจากเทือกเขาเงาปีศาจ
คาโอเรียอยากให้การเดินทางครั้งนี่นางอยากให้กลายเป็นว่าพวกนางกำลังเดินทางกลับไปยังซีนาร์ย นางก็ไม่แน่ใจว่าลีเดียจะยังคงปักหลักอยู่ที่เดิมหรือว่าโยกย้ายไปแล้ว แต่ชาวซีนาร์ยได้ชื่อว่าเป็นชนที่รักบ้านเกิดดังนั้นไม่ว่าต้องโยกย้ายไปไหนสุดท้ายก็จะขวานขวายกลับมาอยู่ที่เดิมจนได้ ไม่แน่ว่าหากคาโอเรียมีโอกาสได้กลับบ้านอีกครั้งนางอาจได้พบกับเพื่อรักคนนี้ ถ้าหากวันนั้นมีอยู่จริง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ