แก้วนพคุณ
2) ส่วนเกิน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความนพคุณกลับมาอยู่บ้านได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว เวลาส่วนใหญ่เขามักจะหลบอยู่แต่ในห้อง คุณนพรักษ์เองก็เข้ามาชวนลูกชายคุยอยู่บ่อยๆ แต่ดูเหมือนลูกชายจะยังเคืองๆ เขาอยู่...ถามอะไรไปก็จะได้รับคำตอบแบบแกนๆ ในระหว่างวันเวลาที่พ่อไปทำงาน นพคุณแทบจะไม่ออกมาจากห้องเลย ก่อนหน้านี้นพคุณไม่เป็นห่วงพ่อนัก เพราะถึงแม้จะไม่มีแม่ แต่พ่อก็ยังมีเขา เขาไม่คิดจะทิ้งพ่อไปไหน ยังคิดว่าถ้าแต่งงานเมื่อไหร่ ก็คงจะอยู่ที่บ้านหลังนี้ และถ้าผู้หญิงที่เขาจะแต่งงานด้วยเข้ากันไม่ได้กับพ่อ เขาจะเลือกพ่อก่อนอย่างแน่นอน นพคุณคิดถึงขนาดที่ว่าถ้ามันยุ่งยากนัก เขาจะไม่มีเมีย และจะอยู่กับพ่อจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง เพราะถ้าให้เลือกระหว่างเอาปัญหาเข้าบ้าน เขาเลือกพ่อ! แต่นี่พ่อคงคิดต่างจากเขาสินะ...พ่อเลือกเอาปัญหาเข้าบ้าน ไม่คิดถึงความรู้สึกของเขาเลยสักนิด ตัวปัญหาของนพคุณ...แม่เลี้ยงของเขา ภารดี! เขาไม่รู้ว่าหล่อนทำงานอะไร รู้แต่เพียงว่าหล่อนไม่ค่อยจะอยู่บ้านนัก ทั้งสองคน จะอยู่พร้อมหน้ากันในวันหยุด หรือวันที่คุณนพรักษ์อยู่บ้าน ดีแล้ว...เขาจะได้ไม่อึดอัด ถึงเขาจะไม่ชอบหล่อน แต่เขาก็ไม่ชอบให้มีเรื่องปะทะกัน (ยกเว้นถ้ามันจำเป็นจริงๆ) ส่วนอีกตัวปัญหา...ลูกสาว หล่อนแทนตัวเองว่าอะไรนะ? ลูกแก้ว ฮึ! ยัยฝรั่งแคระ! ช่วงนี้ปิดเทอม ถ้าหล่อนอยู่บ้าน เขาไม่เห็นว่าเด็กนั่นจะทำอะไรนอกจากอยู่ที่เล้าไก่ได้ทั้งวัน ตั้งแต่เช้ายันเย็น ไอ้ไก่ผีนั่นมีดีอะไรนะ? น่ารักหรือก็เปล่า...ไอ้ไก่ปีศาจ! นพคุณรู้ เพราะห้องของเขากับหล่อนอยู่ติดกัน ถ้าอยู่บ้านกันสองคน หล่อนมักจะอยู่แต่ข้างล่าง...คงกลัวสินะ ดีแล้วไม่ต้องมาให้เห็นหน้าหรอก เขาไม่อยากเจอ แต่บางครั้งหล่อนก็ออกไปกับแม่...หายกันไป 2 – 3 วัน กลับมาอีกทีก็สุดสัปดาห์ ไปนานๆ หรือจะไปเลยไม่กลับมาก็ได้เขายินดี เมื่อก่อนเขาไม่เป็นห่วงพ่อ เพราะเขาคิดวางแผนในอนาคตไว้หมดแล้ว แต่พอสองแม่ลูกนี่เข้ามา ก็ทำเขาผิดแผนไปหมด ตอนนี้เขาเป็นห่วง...ห่วงว่าพ่อจะโดนหลอก แล้วยิ่งช่วงนี้เขาไม่อยู่บ้านยิ่งแล้วใหญ่ เขาจะทิ้งพ่อไว้ให้อยู่คนเดียว...หมายถึงรับมือคนเดียวได้อย่างไร? นพคุณคิดว่าตอนนี้เขาพูดอะไรไปพ่อก็คงไม่เชื่อ พ่อคงหลงหม้ายสาวพราวเสน่ห์คนนั้นจนโงหัวไม่ขึ้น นพคุณหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเองจนเกือบเที่ยง ตอนนี้เขาหิว...ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กิน...จะเที่ยงอีกแล้ว เฮ้อ! น่าเบื่อไม่มีอะไรให้ทำเลย เด็กหนุ่มออกจากห้องตัวเองลงไปข้างล่าง เขาไม่แน่ใจว่าตัวปัญหารุ่นเล็กวันนี้หล่อนอยู่บ้านหรือเปล่า แต่ตัวปัญหารุ่นใหญ่ออกไปตั้งแต่เช้า เพราะรถไม่อยู่ทั้งสองคัน เดินไปจะถึงประตูห้องครัวเขาชะงัก นพคุณได้ยินเสียงกุกกักอยู่ในครัว...ตัวปัญหารุ่นเล็กอยู่บ้าน! เขายืนดูหล่อนอยู่ที่ประตูครัวและดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้ยิน หรือเห็นว่ามีใครมายืนมองอยู่ด้วยซ้ำ...ยัยฝรั่งแคระนี่ไม่ระวังตัวเลย ถ้าเขาเป็นคนอื่นล่ะ? หรือเป็นโจรเข้าบ้านมาหล่อนคงโดนบีบคอตาย พริมาไม่ได้สนใจ สิ่งรอบตัวเลย หล่อนมัวแต่ง่วนอยู่กับข้าวของตรงหน้าอย่างขะมักเขม้น
“ทำอะไรวะ?” นพคุณพึมพำพูดกับตัวเอง เขาเห็นหล่อนดูโทรศัพท์ไปก็จัดการกับข้าวของตรงหน้าไป ถ้าเดาไม่ผิดเด็กนี่น่าจะทำอะไรสักอย่างตามตัวอย่างใน You Tube แน่ๆ เขาเห็นหล่อนกำลังนึ่งสิ่งนั้น...มันส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั้งครัว หล่อนปั้นขนมเป็นรูปนก...ไม่ใช่นกจริง แต่ทำออกมาได้น่ารักน่ากินทีเดียว เห็นแล้วก็อดหิวไม่ได้ นพคุณเดินถอยออกมา เขาหงุดหงิดตัวเอง...บ้านก็บ้านเขา...ครัวก็ของเขา ทำไมต้องเป็นฝ่ายถอยตลอด...เอาเถอะไว้ค่อยคิดทีหลัง เด็กหนุ่มหยิบเงินใส่กระเป๋ากางเกงเดินออกไปหาอะไรกินนอกบ้าน กว่าจะกลับเข้าบ้านมาก็พักใหญ่ เขาเดินเข้าบ้านผ่านประตูครัว เด็กคนนั้นหายไปแล้ว แต่สิ่งที่อยู่บนโต๊ะคือขนมที่มีฝาแก้วใสๆ ครอบอยู่ หล่อนจัดจานไว้น่ารักน่าชัง เสียงจากหลังบ้านก็ไม่มี...ที่เล้าไก่ก็ไม่มี
“สงสัยอยู่ข้างบน” นพคุณพูดกับตัวเอง
“ขอชิมชิ้นหนึ่งนะ” เขาเปิดฝาแก้วอย่างรวดเร็ว หยิบขนมที่ทำเป็นนกสีชมพูสดใสใส่เข้าปาก อืม...อร่อยดีมันเรียกว่าอะไรนะ? อยากชิมอีกชิ้นจัง แต่ไม่ได้! เขาเขี่ยขนมที่เหลือแทนที่ตัวที่หายไป ถ้าหล่อนลงมาแล้วเห็นว่าที่มันแหว่งไปเดี๋ยวจะรู้ว่าโดนขโมยกินขนม ได้ยินเสียงกุกกักข้างบน นพคุณรีบออกจากครัววิ่งขึ้นบันได เขาเห็นจานขนมวางอยู่หน้าห้องตัวเอง มันถูกจัดจานไว้อย่างสวยงามและครอบไว้ด้วยฝาแก้ว ดูดีมีราคาข้างจานมีกระดาษโน้ตลายมือขยุกขยิกเขียนไว้ว่า
“เรียน คุณนพคุณ...(มีคำขึ้นต้นด้วยแฮะ!) ขนมจีบนกไทยค่ะ เป็นอาหารว่างไทยโบราณ คุณนพคุณอาจจะไม่เคยเห็นเพราะมันใช้เวลาทำนาน เลยไม่ค่อยมีคนทำขาย ถ้าเคยกินขนมช่อม่วงก็จะรู้ว่าขนมสองอย่างนี้เหมือนกันเลยค่ะ ใช้แป้งและไส้เดียวกัน เพียงแต่จับจีบคนละแบบ ลูกแก้วลองทำครั้งแรก ถ้าไม่อร่อยก็อย่าว่ากันนะคะ ลูกแก้วเห็นเค้าทำกันในอินเตอร์เน็ต เลยลองทำตามดูบ้าง ความจริงอยากจะทำเป็นไก่มากกว่าแต่มันจะใช้เวลามากเกินไป สุดท้ายก็เลยทำตามอย่างในคลิป คุณนพคุณลองชิมดูนะคะ ถ้าอร่อยข้างล่างก็ยังมีอีกเยอะเลยค่ะ ลงไปกินได้เลยนะคะ...ลูกแก้ว”
อ่านจบเขาแทบกลั้นขำไม่อยู่ เด็กนี่เขียนโน้ตออกมาได้เหมือนเรียงความไม่มีผิด เขาไม่เคยเห็นโน้ตยาวขนาดนี้มาก่อน หรือหล่อนจะกำลังสับสนระหว่างการเขียนโน้ต เรียงความ หรือการเขียนจดหมายถึงเพื่อน แต่เขาจะไม่มาอ่านโน้ตที่ยาวเป็นหน้ากระดาษแล้วยิ้มขำอยู่หน้าห้องตัวเองให้หล่อนออกมาเห็นหรอก นพคุณวางจดหมายไว้ที่เดิม อดเสียดายขนมกับจดหมายประหลาดนั่นไม่ได้ แต่เขาจะไม่กินของหล่อน (แม้จะแอบกินไปแล้ว) ให้เสียศักดิ์ศรีหรอก ชิ! คิดจะติดสินบนเขาอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!
พริมาลงมาข้างล่างได้เกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว แต่ดูเหมือนคนในห้อง ยังไม่ออกมาเลย หล่อนเอาขนมกับโน้ตไปวางไว้ที่หน้าประตู เผื่อเขาเปิดประตูออกมาจะได้เห็น
“หรือว่าจะไปเคาะประตูเรียกดีนะ” เด็กหญิงยืนมองขึ้นไปจากตีนบันได หล่อนแค่คิด แต่ก็ไม่กล้า คราวก่อนที่เจอกันเขาก็เหวี่ยงน่าดู นี่ถ้าเห็นหน้าหล่อนอีกมีหวังได้อาละวาดอีกแน่ คุณลุงก็ไม่อยู่ ไม่เอาดีกว่าต่างคนต่างอยู่สงบๆ แบบนี้แหละดีแล้ว เด็กหญิงเดินไปนั่งในห้องรับแขก หล่อนเห็นชั้นวางหนังสือ มีหนังสือเต็มไปหมด ตอนนี้ไก่ของหล่อนหลับไปอีกแล้ว วันนี้หล่อนเล่นกับมันนานตลอดช่วงเช้า พยายามสอนให้มันขันอยู่นาน มันอาจจะหมดแรง เลยหลับคอพับคออ่อน หล่อนเองก็ไม่อยากจะรบกวนมันมากเกินไปนัก เห็นเขาว่ากันว่าถ้าเล่นมากไปมันจะเฉามือตาย หล่อนยังไม่อยากให้ไก่ของหล่อนตายหรือเป็นอะไรไป...ให้มันพักบ้างก็ได้
“เฮ้อ...ไก่ก็หลับ คนข้างบนก็ไม่ชอบขี้หน้าเรา ไม่มีอะไรทำเลยแฮะ” ระหว่างบ่นสายตาเด็กหญิงหันไปเห็นหนังสือมากมาย
“หาหนังสืออ่านดูสักเล่มดีกว่า” พริมาเดินไปเลือกดูหนังสือ แต่จากที่ไล่หาดูแล้ว มันเป็นตำราเรียนเสียเป็นส่วนใหญ่
“จะหาหนังสืออ่านแก้เซ็ง เจอหนังสือเรียนแบบนี้เซ็งหนักกว่าเดิมอีก” เด็กหญิงใช้เวลานานพอสมควรไล่ดูหนังสือ เกือบหมดทั้งชั้นก็ยังไม่มีเล่มไหนน่าสนใจ...รื้อดูไปเรื่อยๆ สายตาพลันไปเห็นอัลบั้มรูป
“เอ๊ะ! รูปนี่นา” เด็กหญิงนั่งลงบนพื้นหน้าชั้นวางหนังสือ หยิบอัลบั้มรูปออกมาวางตั้งใหญ่ หล่อนนั่งเปิดไล่ดูรูปในอัลบั้มอย่างสนใจ
“โห...คุณลุงสมัยหนุ่มๆ หล่อจัง หน้าเหมือน...” เด็กหญิงมองขึ้นไปข้างบน นพคุณมีเค้าหน้าตาละม้ายคล้ายพ่อ แต่เด็กหนุ่มขาวกว่าคุณนพรักษ์...น่าจะขาว เหมือนแม่ พริมาเดาไปเรื่อยเปื่อย เพราะหล่อนยังไม่เห็นรูปแม่ของนพคุณเลย เป็นรูปของเด็กหนุ่ม...ที่ตอนนี้หมกตัวอยู่แต่ในห้องข้างบนซะเป็นส่วนใหญ่ พริมาสังเกตเห็นว่าในรูปนพคุณเป็นเด็กอารมณ์ดี เขายิ้มสดใสแทบจะทุกรูป อัลบั้มรูปที่พริมานั่งดูอยู่นั้นมีรูปของนพคุณทุกๆ ช่วงวัย...จนเกือบถึงปัจจุบัน แต่ทำไมตอนนี้เขาไม่ยิ้มร่าเริงเหมือนในรูปเลยนะ
“ทำไมตัวจริงหน้าหงิกจัง...” พริมาพูดพึมพำไปดูรูปไป บางรูปหล่อนยิ้มตาม เขาดูมีความสุขจัง เด็กหญิงนั่งดูรูปไปเรื่อยจนจะหมดทุกอัลบั้มที่รื้อออกมาแล้ว พลันเห็นสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง...มีรูปเสียบอยู่ เด็กหญิงหยิบรูปจากสมุดบันทึกนั่น เห็นรูปผู้หญิงคนหนึ่งท่าทางใจดียิ้มตอบกลับมา
“เอ๊ะ!” พริมาอุทานเบาๆ หล่อนเหมือนจะเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ที่ไหนมาก่อน หรือเพราะคนในรูปก็มีเค้าละม้ายคล้ายคนข้างบนอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ใช่...หล่อนต้องเคยเจอผู้หญิงคนนี้มาก่อนแน่ๆ
“นั่นรูปแม่ฉันถ้าเธออยากจะรู้ล่ะนะ...ก่อนที่แม่เธอจะเข้ามาและยังมีรูปอีกเยอะ ที่เต็มไปด้วยความทรงจำอยู่ในตู้นั่น ฉันจะบอกให้ก็ได้ ถ้าช่วยให้เธอหายสอดรู้” นพคุณกอดอกมองจากประตูห้องรับแขก เขาลงมากินน้ำข้างล่าง และจังหวะที่นพคุณลงมาข้างล่างเขาจึงเห็นเด็กหญิงรื้อชั้นหนังสือนั่งดูรูปอยู่พอดี
“เอ่อ...” เด็กหญิงตกใจ หล่อนไม่ได้ยินเสียงคนลงมาจากข้างบน พอได้ยิน เสียงจากประตูจึงหันไปดู เห็นนพคุณกอดอกยืนมองหล่อนอยู่แล้ว เขามานานหรือยังนะ? แล้วนั่น...สีหน้านั่น เขาโมโหหล่อนอีกแล้ว ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่และทุกครั้งที่พวกเขาเจอกัน พี่คนนั้นไม่เคยยิ้มเลย หล่อนพอจะรู้ว่าเขาไม่พอใจที่พ่อเขามาจดทะเบียนกับแม่หล่อน เพราะคุณป้า...รูปแม่ของนพคุณอยู่ในมือของเด็กหญิง คุณป้าเพิ่งเสียได้ไม่ถึงปี เขาคงยังทำใจไม่ได้สินะ หล่อนเข้าใจดีว่าการสูญเสียคนที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับนั้นเป็นอย่างไร...เป็นหล่อนก็คงจะเสียใจเหมือนกัน พริมามองรูปในมือพร้อมคิดตาม จังหวะเดียวกับที่นพคุณเข้ามากระชากรูปที่อยู่ในมือของเด็กหญิงพอดี...รูปขาดเป็นสองส่วน พริมาตกใจหล่อนไม่คิดว่านพคุณจะดึงรูปในมือ ส่วนนพคุณเองก็ตกใจเช่นกัน เขาไม่คิดว่ารูปจะขาดแบบนี้ เพราะเด็กนี่คนเดียว ถ้าหล่อนไม่จุ้นจ้านสอดรู้ รูปแม่เขาก็คงไม่ขาด
“เธอ!!!” เด็กหนุ่มตวาดลั่น เขาโมโห...ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ แต่เพราะหลายๆ เรื่อง จะว่าเขาพาลมาลงกับเด็กผู้หญิงคนนี้ก็ได้
“ขอโทษค่ะ! ลูกแก้ว เอ่อ...ฉันไม่ได้ตั้งใจ” เด็กหญิงยกมือไหว้ หล่อนตกใจไม่คิดว่าเขาจะโมโหขนาดนี้
“ไม่ได้ตั้งใจ? ไม่ได้ตั้งใจของเธอคืออะไร? อัลบั้มรูปที่กองอยู่เต็มพื้นนี่คือสิ่งที่เธอบอกว่าไม่ตั้งใจอย่างนั้นเหรอ? เธอไม่ได้ตั้งใจรื้อของในตู้ เธอไม่ได้ตั้งใจรื้อรูปออกมาดู หรือเธอจะบอกว่าเธอไม่ได้ตั้งใจสอดรู้สอดเห็น!” เด็กหนุ่มสาวเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว เด็กหญิงถอยหลังกรูด
นพคุณไม่เคยพูดตวาดใครเสียงดังแบบนี้ แต่วันนี้เขาโมโห...โมโหที่แม่ตาย แล้วเขากับพ่อต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ โมโหที่พ่อพาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาอยู่ในบ้าน โมโหที่เขาไม่รู้อะไรเลย โมโหเด็กผู้หญิงคนนี้...เด็กนี่มีสิทธิ์อะไรมาถือวิสาสะค้นของในบ้านของเขา และเพราะหล่อนนั่นแหละ ที่ทำให้รูปแม่เขาขาดแบบนี้ นพคุณมองรูปแม่ส่วนหนึ่งที่อยู่ในมือตัวเอง และอีกส่วนที่อยู่ในมือของเด็กหญิง ลึกๆ เขารู้ว่าหล่อนไม่ได้ตั้งใจ แต่ตอนนี้เขาไม่อยากจะเข้าใจอะไรนัก
“พอใจเธอรึยัง! ทุกอย่างในชีวิตของฉันพังหมดแล้ว เพราะเธอเพราะแม่เธอ! แล้วนี่ยังจะรูปแม่ฉันอีก เธอไม่คิดจะเหลืออะไรไว้ให้ฉันบ้างเลยใช่ไหม? แย่งไปทุกอย่าง ทั้งพ่อ...ทั้งหมด!” นพคุณปารูปในมือใส่พริมา เด็กหญิงน้ำตาคลอ หล่อนไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะเรื่องไหนทั้งนั้น เขากล่าวโทษหล่อนมากเกินไป ทำไมกันนะ? อย่างหล่อนจะมีเรี่ยวแรงหรือสติปัญญาอะไรที่จะทำอย่างที่เขากล่าวหาได้ เด็กหญิงมองตามนพคุณที่ตอนนี้เดินขึ้นห้องตัวเองไปอย่างรวดเร็ว หล่อนโล่งอกที่วันนี้เขาไม่ได้เข้ามากระชากหรือโดนตัวหล่อนเหมือนครั้งก่อน เพียงแต่ “มองแรง” แล้วก็เดินปึงปังขึ้นห้องตัวเองไป
“ลูกแก้วไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ เฮ้อ...ใช้สก๊อตเทปแปะจะได้ไหมนะ” เด็กหญิงก้มลงเก็บรูปแม่ของนพคุณส่วนที่หล่นอยู่บนพื้น ลองเอาสองส่วนของรูปประกบกันแล้วมองดูรูปที่ขาดอย่างใช้ความคิด หมดอารมณ์...นพคุณใช้คำว่า “สอดรู้” สินะ พริมารีบเก็บอัลบั้มทั้งหมดกลับไปเก็บไว้ที่เดิม หล่อนไม่อยากสอดรู้อีกแล้ว
“ใครจะไปรู้กันว่าดูไม่ได้ ถ้าหวงก็เอาไปเก็บไว้ในห้องตัวเองสิ” เด็กหญิงบ่นเบาๆ ขณะเก็บทุกอย่างให้เรียบร้อยเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ไม่ได้เก็บเหมือนเดิมคือรูปแม่ของนพคุณที่ขาดเป็นสองส่วน พริมาถือรูปไว้ในมือ เด็กหญิงถอนใจเบาๆ หล่อนจะทำยังไงดีนะ?
นพคุณกลับเข้าห้องตัวเองไปอย่างร้อนรุ่มในใจ เขาโมโหและตอนนี้ก็พยายามควบคุมสติและอารมณ์ของตัวเองอย่างสุดความสามารถ อีกแค่สองอาทิตย์เท่านั้น เขาก็จะกลับเข้าโรงเรียนประจำแล้ว สิ่งที่ดีคือเขาจะไม่ต้องมาเจอกับยัยปากแดงและเด็กนั่นไปอีกหลายเดือน แต่ถ้าระหว่างที่เขาไม่อยู่ล่ะ? สองแม่ลูกนั่นจะทำอะไรอีก เขาไม่อยากพลาด...พลาดเหมือนตอนก่อนที่ทั้งสองคนนั่นจะเข้ามาอยู่ในบ้าน เด็กหนุ่มคิดทบทวนหลายอย่าง บางทีเขาอาจจะต้องยอมเสียสละบางอย่าง เพื่อไม่ให้เสียอะไรอีกหลายอย่างไป อย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้ทุกอย่างมันราบรื่นเกินไปสำหรับแม่เลี้ยงของเขา ถ้าพ่อไม่มีสติ พ่อก็ต้องการคนที่ยังพอมีสติคอยเตือน เขาต้องทำอะไรสักอย่างสินะ นพคุณนั่งลงใช้ความคิดอย่างหนัก
เวลาอาหารเย็นวันนี้ทุกคนนั่งพร้อมหน้ากันอยู่บนโต๊ะอาหาร นพคุณนั่งหน้าตึง พริมานั่งก้มหน้าหลบตาเด็กหนุ่ม หล่อนยังรู้สึกผิดกับเรื่องเมื่อตอนบ่าย ส่วนภารดีกับคุณนพรักษ์กำลังคุยกันเรื่องงานของแต่ละคน...เหมือนอยู่กันแค่สองคน พวกพ่อแม่ไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าลูกๆ ของพวกเขามีปัญหากัน
“ผมจะกลับมาอยู่บ้าน” อยู่ๆ นพคุณก็โพล่งขึ้นมา สำเร็จมันหยุด การสนทนาของคนทั้งสองทันที ทุกสายตาหันมามองเขา
“ลูกหมายความว่ายังไง?” คุณนพรักษ์ถามลูกชาย เขายังงงๆ อยู่ กับสิ่งที่ลูกชายบอก
“จะกลับมาตอนเสาร์อาทิตย์ หรือว่าจะไปกลับทุกวัน โรงเรียนอยู่ตั้งไกล ลูกจะเดินทางไหวหรือ?” คุณนพรักษ์ถามด้วยความเป็นห่วง เพราะถึงโรงเรียนประจำของนพคุณจะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แต่ก็ถือว่าไกลพอสมควรถ้าจะต้องเดินทางไปกลับทุกวัน
“ผมจะย้ายจากโรงเรียนประจำ มาอยู่โรงเรียนใกล้บ้าน” นพคุณตอบคำถามพ่อ แต่ตาเขาจ้องสองแม่ลูกเขม็ง ภารดีไม่ได้พูดอะไร หล่อนเพียงแต่นั่งฟังเฉยๆ ส่วนพริมาขมวดคิ้ว เหมือนหล่อนกำลังคิดว่า “โรงเรียนใกล้บ้าน” ที่ว่านั่นมีโรงเรียนอะไรบ้าง แต่เด็กหญิงไม่รู้จักแถวนี้มากนัก ชื่อโรงเรียนที่คิดออกจึงมีไม่มาก
“เหลวไหล!” คราวนี้ทุกคนตกใจ...พริมาไม่เคยเห็นคุณลุงโมโหเลยสักครั้ง แต่วันนี้ดูเหมือนว่าคุณลุงของหล่อนจะพยายามอย่างสุดความสามารถในการควบคุมอารมณ์ตัวเอง ส่วนนพคุณนั้น เขามองพ่อด้วยสายตาท้าทาย
“ไม่เหลวไหลอะไรทั้งนั้น ผมคิดดีแล้ว พ่อยังทำอะไรตามใจตัวเองได้ แล้วทำไมผมจะทำบ้างไม่ได้” เด็กหนุ่มสวนกลับบิดาทันควัน
“นี่มันไม่ใช่การเอาชนะกันนะตาคุณ ลูกจะเอาอนาคตมาเล่นแบบนี้เพราะอยากเอาชนะพ่อไม่ได้ สุดท้ายแล้วมันไม่มีใครชนะทั้งนั้นแหละ” พริมาเห็นคุณลุงของหล่อนขบกรามแน่น เขาคงพยายามอย่างยิ่งที่จะข่มอารมณ์ตัวเองให้เย็นลง แต่ดูท่าว่ามันจะยากเอาการ เพราะตัวต้นเหตุยังคงส่งสายตาท้าทายมาไม่หยุด
“มันไม่ใช่การเอาชนะ...นี่มันอนาคตของผม ผมจะทำอะไร มันก็ไม่ใช่ธุระอะไรของพ่อ เหมือนเรื่องของพ่อ ที่มันไม่ใช่ธุระอะไรของผม เพราฉะนั้นต่างคนต่างไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจอะไรของใครทั้งสิ้น เหมือนที่พ่อทำไงครับ!” ยิ่งพูดเสียงยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ พริมาเริ่มจะคิดหนัก หล่อนจะต้องมาอยู่ในเหตุการณ์ที่เหมือนสงครามย่อยๆ แบบนี้อีกกี่ครั้งกันนะ ตั้งแต่วันแรกที่เขากลับมา วันถัดไปก็ด้วย แล้วมาวันนี้อีก ใช้เวลาไม่ถึงอาทิตย์ พวกเขาทะเลาะกันเฉลี่ยวันเว้นวันเลยทีเดียว...แล้วนี่ถ้าเขากลับมาอยู่บ้าน เด็กหญิงไม่อยากจะคิดว่าบ้านจะลุกเป็นไฟขนาดไหน
“หยุดทำตัวเหลวไหลได้แล้วตาคุณ!” ดูเหมือนคราวนี้ความอดทนของคุณนพรักษ์หมดลงแล้ว เขาตบโต๊ะและตวาดลูกชายเสียงดัง
“กว่าลูกจะสอบเข้าโรงเรียนนั้นได้มันยากขนาดไหน แล้วลูกจะมาทำตัวแบบนี้ เพื่อประชดพ่อมันไม่คุ้มกันหรอกนะ สุดท้ายคนที่จะได้รับผลของมัน ไม่ใช่ใครเลย มันคือตัวลูกเอง” ภารดีเอื้อมมือไปจับมือคุณนพรักษ์เอาไว้ หล่อนพยายามส่งสัญญาณบอกให้เขาใจเย็นๆ แต่นพคุณตีความต่างออกไป...ยัยปากแดงเสแสร้ง ทำเป็นเหมือนเห็นใจพ่อเขา เพราะเขาสินะที่ก่อเรื่อง และทำให้เรื่องวุ่นวายกันไปหมด เขาทำให้พ่อหนักใจ ในขณะที่หล่อนทำเป็นเข้าใจและเห็นใจทุกอย่าง...พ่อเขาต้องหนักใจที่มีลูกแบบนี้...แบบเขา
“ผมไม่ได้จะขออนุญาต แค่จะบอกพ่อเอาไว้” เด็กหนุ่มลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารทำท่าจะเดินขึ้นข้างบน แต่คุณนพรักษ์ลุกตามเข้าไปขวางลูกชายไว้
“จะไปไหนตาคุณ คุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
“ผมรู้เรื่องแล้ว...ดูเหมือนคนที่ไม่รู้เรื่องน่าจะเป็นพ่อนะครับ ทำไม? กลัวผมกลับมาแล้วมาขัดความสุขของพ่อกับยัยปากแดงนี่รึยังไง!” สิ้นคำ คุณนพรักษ์ตบหน้านพคุณอย่างแรง เด็กหนุ่มตกใจ ตลอดชีวิตเขาไม่เคยถูกพ่อตีเลยสักครั้ง ดุก็แทบจะไม่เคย แต่วันนี้เขาถูกพ่อตบ...ตบต่อหน้าคนที่เขาเกลียด ใช่เขาเกลียด! เกลียดสองแม่ลูกที่แย่งพ่อเขาไป ในชีวิตเขาไม่เหลือใครแล้ว เหลือแต่พ่อคนเดียว...แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว นพคุณหันไปมองหน้าบิดา ที่ตอนนี้มองเขาอยู่เหมือนกัน พ่อเขาโกรธ พ่อไม่เคยโกรธเขามากมายแบบนี้ แค่เพราะเขาพาดพิงถึงเมียใหม่ของพ่อเท่านั้น เขาหันไปมองภารดีที่ตอนนี้ใช้สองมือจับแขนพ่อของเขาไว้ ฮึ! ทำเป็นเสแสร้ง ความจริงในใจคงสะใจอยู่สินะ ส่วนเด็กนั่นหล่อนไม่ได้ลุกขึ้นมาจากโต๊ะอาหารเหมือนคนอื่นๆ แต่เขารู้ว่าหล่อนกำลังเก็บข้อมูลทุกอย่าง ถ้าเขาไม่มีความสุขก็อย่าหวังเลยว่าสองแม่ลูกนี่ จะอยู่อย่างมีความสุขในบ้านของเขา!!!
เด็กหนุ่มกลับเข้าห้องตัวเองด้วยอารมณ์โมโหไม่ต่างจากบิดา เขานั่งสงบสติอารมณ์ของตัวเองแล้วคิดได้ว่าเขาไม่ควรปล่อยให้พ่ออยู่บ้านลำพังกับสองแม่ลูกนั่นในขณะที่เขาไปโรงเรียน...โรงเรียนนี้ที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดและเขาก็สอบเข้ามาได้สำเร็จ แต่วันนี้เขายอม...ยอมทิ้งความฝันของตัวเอง เขาต้องกลับมาดูแลพ่อ เขาจะไม่ปล่อยให้พ่อถูกหลอกเป็นอันขาด แต่ดูเหมือนพ่อจะไม่เข้าใจ คิดว่าที่เขาทำไปเพราะอยากประชด! ประชดเหรอ? สำหรับเขาจะไม่ใช้การประชด ถ้าประชดแล้วคนที่สูญเสียที่สุดคือเขาเอง สุดท้ายแล้วจะได้อะไร งานนี้เขาไม่ได้ประชด แต่เขาเป็นห่วงพ่อมากกว่า...มาคิดดูแล้ว เขาไม่ควรทิ้งพ่อไปตั้งแต่แรก แต่จะทำยังไงให้พ่อเข้าใจว่าที่เขาจะกลับมาอยู่บ้านมันมีเหตุผล แต่ถ้าจะบอกเหตุผลของเขาตรงๆ พ่อก็คงจะรับไม่ได้ เพราะเหตุผลของเขาคือไม่อยากให้สองแม่ลูกได้อยู่อย่างสบายและเสวยสุข เหตุผลของเขาคือเขาจะต้องคอยขวางทุกวิถีทาง เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่อยู่บ้านพ่อเลยพลาดท่าเอาแม่หม้ายลูกติดนี่เข้ามาอยู่ในบ้าน แต่ต่อไปถ้ามีเขา...พ่อจะไม่ทำพลาดแบบนี้อีก และเหตุผลที่สำคัญคือเขาเป็นห่วงพ่อ ตอนนี้เขาเหลือพ่อแค่คนเดียว ถ้าระหว่างที่เขาไม่อยู่ แล้วพ่อเป็นอะไรไป เขาจะอยู่ได้อย่างไร เหตุผลของเขามีมากมาย มันมากกว่าการประชดแบบที่พ่อเข้าใจ แต่เขาจะไม่บอกเหตุผลกับพ่อทั้งหมดหรอกนะ บางข้อก็คงต้องเก็บไว้ในใจ แต่เมื่อกี้นี้...ข้างล่างนั่น เขาทำพลาดไปหน่อย เขาใจร้อนเกินไป พอสงบสติอารมณ์ได้แล้ว นพคุณจึงคิดได้ เขาจะรอให้พ่ออารมณ์เย็นลงก่อน และเขาก็ต้องอารมณ์เย็นลงด้วย เขาจะคุยกับพ่อดีๆ คุณนพรักษ์เป็นคนมีเหตุผล ถ้าใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ พ่อจะต้องเข้าใจ เขาจะไม่ใช้อารมณ์แบบเมื่อตอนหัวค่ำอีกแล้ว พออารมณ์เย็นลงเด็กหนุ่มก็มีเวลาสำรวจตัวเอง หน้าเขายังมีรอยมือของพ่ออยู่...เด็กหนุ่มน้ำตาคลอ พ่อไม่เคยตีเขาเลยสักครั้ง เพียงเพราะเขาพูดจาพาดพิงถึงยัยแม่เลี้ยงนั่น ฝ่ามือของพ่อก็ฟาดลงมาเต็มๆ ที่หน้าของเขา แม่จะรู้ไหมว่าพ่อเป็นแบบนี้ไปแล้ว เขาอยากรู้ว่าตอนนี้พ่อจะยังเราเขา รักแม่เหมือนเดิมหรือเปล่า หรือในใจของพ่อไม่มีที่ว่างให้เขาอีกต่อไปแล้ว…เสียงท้องร้องทำให้นพคุณคิดได้ วันนี้เขาแทบจะไม่ได้กินอะไรเลย เมื่อกี้เรื่องก็ดันมาเกิดก่อนจะได้กินข้าว พอเกิดเรื่องก็ดูเหมือนจะไม่มีใครได้กินข้าวเลยสักคน หรือว่าพวกเขาจะนั่งกินกันต่อนะ กินข้าวเย็นกันสามคนพ่อแม่ลูก โดยไม่มีเขา เด็กหนุ่มเดินลงบันไดแล้วมุ่งตรงไปทางหลังบ้านบริเวณที่มีห้องครัวคั่นอยู่ จะยังพอมีอะไรเหลือให้เขากินบ้างไหมนะ นพคุณคิดแล้วว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาจะไม่หมกตัวอยู่แต่ในห้องอีกแล้ว บ้านนี้เป็นของเขา เขาจะอยู่ตรงไหนก็ได้ สองแม่ลูกนั่นแหละที่เป็นฝ่ายต้องหลบออกไป ขณะเดินไปเกือบจะถึงประตูครัวเขาได้ยินเสียงหัวเราะ มีเสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน นพคุณชะงักฝีเท้า ความจริงแล้วมันเป็นจริงดังที่เขาคาดการณ์ไว้ คือพวกเขาสามคนก็ยังทำตัวตามปกติ มีแต่เขา...เขาคนเดียวเท่านั้น ที่คิดกังวลบ้าบออยู่คนเดียว เด็กหนุ่มเดินไปถึงประตูครัว ภาพที่เห็นคือทั้งสามคนกำลังนั่งล้อมวงอยู่ในครัว พวกเขากำลังกินอะไรกันนะ...อ้อ! นั่นไง ขนมอะไรสักอย่างที่เขาจำชื่อมันไม่ได้ แต่เขาจำได้ว่าเป็นขนมที่เด็กนั่นเป็นคนทำ และทำออกมาได้อย่างน่ารักน่ากินทีเดียว...คงได้จังหวะอวดของพอดีสินะ ในขณะที่ลูกชายทำแต่เรื่องทุกข์ใจ ลูกสาว...ลูกใหม่ก็เข้ามาได้ถูกจังหวะพอดิบพอดี ถ้าเขาเข้าไปในครัวตอนนี้ ห้องครัวของบ้านหลังใหญ่ที่ไม่ใช่ห้องเล็กๆ เลย คงจะดูแคบและอึดอัดน่าดู นพคุณยืนมอง เด็กผู้หญิงคนนั้นกำลังพูดเจื้อยแจ้ว หล่อนพูดเก่งชะมัด ไม่ว่าคุยอะไรก็ดูเหมือนพ่อเขาจะชอบใจไปหมด เขาเห็นพ่อยิ้มตลอดเวลา ส่วนยัยปากแดง...วันนี้ก็ยังคงทาปากสีแดง เขาไม่ได้พูดใส่ร้ายหล่อนเกินไปเลย ตั้งแต่เจอกันวันแรกแดงยังไง วันนี้ก็ยังคงแดงหยั่งงั้น ตอนนี้หล่อนไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่นั่งมองพ่อเขากับลูกสาวตัวเองคุยกันเท่านั้น บางครั้งก็หยิบขนมเข้าปากหัวเราะตามคู่สนทนาที่หล่อนนั่งมองอยู่ ขนมถูกกินหมดไปแล้ว นพคุณยืนมองอยู่ตลอดเวลา...พ่อเขาดูเหมือนจะอารมณ์ดี ดูเป็นปกติ แต่เขานี่สิตอนนี้ไม่ปกติ ไม่ปกติอย่างมาก เมื่อคิดได้อย่างนั้น เด็กหนุ่มถอยหลังเดินกลับขึ้นห้องตัวเองไปอย่างเงียบที่สุด
หลังจากเกิดเรื่องเมื่อตอนหัวค่ำ นพคุณยังหมกตัวอยู่แต่ในห้อง ส่วนภารดีกับคุณนพรักษ์นั่งคุยอะไรสักอย่างกันอย่างเคร่งเครียด พริมายังไม่อยากขึ้นข้างบน แต่ก็ไม่อยากนั่งฟังผู้ใหญ่คุยกันในบ้านด้วยเหมือนกัน หล่อนจึงหลบไปอยู่หลังบ้าน...อยู่กับไก่ของหล่อนดีกว่า...สบายใจกว่า
“ลูกแก้วยังไม่ได้กินข้าวเลย...นพคุณรู้ไหมคุณลุงกับพี่คนนั้นทะเลาะกันแรงมากเลย ลูกแก้วไม่เคยเห็นคุณลุงโกรธมาก่อน แสดงว่าคราวนี้คุณลุงต้องโมโหมากแน่ๆ” เจ้านพคุณของเด็กหญิงนอนอยู่บนตัก ตอนนี้ก็เกือบสองทุ่มแล้ว แต่ดูเหมือนมันยังง่วงอยู่...นี่มันนอนมาตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วนะ! สงสัยหล่อนจะฝึกมันหนักไปหน่อย คงต้องแบ่งเวลาใหม่แล้วล่ะ พริมานั่งคุยกับไก่ของหล่อนอยู่อีกพักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าไก่ของหล่อนดูท่าว่าจะไม่ไหวแล้วจริงๆ หล่อนจึงเอามันเข้าเล้า แล้วกลับเข้าไปในบ้าน แม่กับพ่อเลี้ยงเดินเข้ามาในครัวพอดี
“อ้าวลูกแก้ว ยังไม่นอนอีกเหรอลูก” คุณนพรักษ์ทักเด็กหญิง ดูเหมือนอารมณ์เขาจะดีขึ้นมากแล้ว ภารดียืนยิ้มอยู่ข้างๆ หล่อนไม่รู้แม่คุยอะไรกับคุณลุง แต่ทั้งสองคนคงจะหาข้อยุติและทางออกของปัญหาได้แล้ว
“ลูกแก้วออกไปคุยกับนพ...กับไก่น่ะค่ะ แต่วันนี้มันเอาแต่หลับท่าเดียวเลย” เด็กหญิงเล่าว่าวันนี้หล่อนคงฝึกมันหนักเกินไป คงต้องหาวิธีใหม่ที่เหมาะกับไก่ของหล่อนมากกว่านี้...ฝึกเข้มไปเดี๋ยวไก่ของหล่อนจะตายซะก่อน
“แล้วนี่ลูกกินข้าวรึยัง? แม่เห็นเมื่อตอนหัวค่ำลูกยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่นา” ไม่ใช่แค่พริมา แต่ดูเหมือนยังไม่มีใครได้กินข้าวเย็นเลยสักคน
“แหะ...ยังเลยค่ะ อ้อ! แม่กับคุณลุงลองกินนี่สิคะ ลูกแก้วว่าจะอวดตั้งแต่เมื่อเย็นแล้ว” เด็กหญิง ยกขนมที่หล่อนเพิ่งนึ่งเสร็จก่อนที่แม่กับคุณลุงของหล่อน จะกลับถึงบ้านได้ไม่นาน ขนมถูกวางเรียงอยู่ในจานสวยงามมีฝาแก้วครอบไว้อย่างดี เด็กหญิงจัดจานไว้อย่างสวยงาม หล่อนจัดผักที่ใช้กินเป็นเครื่องเคียงให้เป็นรังของนกตัวน้อยๆ หลากสี ดูเหมือนสวนน้อยๆ ในจานแก้ว ภารดีภูมิใจถึงแม้ลูกสาวหล่อนจะเรียนหนังสือไม่เก่ง แต่หล่อนก็ค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบและถนัด เด็กหญิงทำมันออกมาได้ดี พริมาชอบงานศิลปะและหล่อนชอบทำอาหาร ของแบบนี้ไม่จำเป็นต้องสอน หรือที่เค้าเรียกกันว่าพรสวรรค์นั่นแหละ...ไม่ต้องสอนทำเป็นเอง แต่ถ้าฝึกฝนเรียนรู้เพิ่มเติมก็จะเก่งได้ไม่ยากเลย
“โอ้โห!!!” คุณนพรักษ์อุทาน เขาไม่ได้แกล้งอุทานแต่เขาดูจะแปลกใจจริงๆ กับสิ่งที่เห็น
“นี่หนูทำเองจริงๆ เหรอ? มันน่ารักมากเลย...แล้วกินได้จริงไหมนี่?” ผู้สูงวัยกว่าแกล้งเย้า เหมือนเวลาที่ใครทำอาหารแล้วหลายคนชอบแกล้งพูดว่า “จะกินได้ไหม ท้องจะเสียรึเปล่า” ภารดีตีแขนสามีเบาๆ
“แหม! กินได้สิคะ อร่อยด้วยนะ อ่ะ! ลองชิมดูค่ะ” ภารดีหยิบนกตัวน้อยสีชมพูป้อนสามี พริมาส่งยิ้มให้พ่อเลี้ยงส่งสายตาประมาณว่าสิบปากว่าไม่เท่าลองชิมเอง ไม่พูดมากคุณนพรักษ์ยกหัวแม่มือส่งให้สื่อความหมายว่า “สุดยอด” พริมาหัวเราะชอบใจ พวกเขานั่งกินขนมกันอีกพักใหญ่ ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้น ทุกคนดูจะอารมณ์ปกติแล้ว กว่าจะแยกย้ายกันเข้าห้องตัวเองก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่ม แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าในขณะที่พวกเขานั่งคุยหัวเราะกันนั้น...มีใครบ้างคนแอบดูอยู่ จะห้าทุ่มแล้ว...นพคุณกะเวลา ดึกขนาดนี้คงจะไม่มีใครลงไปข้างล่างแล้วสินะ เด็กหนุ่มออกจากห้องลงไปในห้องครัว ดูเหมือนจะไม่มีใครได้กินข้าว เพราะในหม้อข้าวไม่มีร่องรอยการตักข้าวเลย
“พวกนั้นก็ไม่ได้กินข้าวนี่นา” นพคุณเปิดฝาหม้อข้าว เขาสำรวจรอบห้องครัว ไม่มีร่องรอยใครกินเลยสักคนเดียว อิ่มแล้วเด็กหนุ่มไปนั่งเล่นที่ห้องรับแขก เขานึกถึงเรื่องเมื่อตอนบ่าย...ตอนนี้ห้องรับแขกดูปกติ ของทุกอย่างที่เด็กนั่น รื้อออกมาดูถูกเก็บไว้เรียบร้อยเหมือนเดิม เขาเดินไปหยิบอัลบั้มรูปจากในตู้มานั่งดู ตั้งแต่แม่ตายเขาเก็บรูปของแม่ใส่ตู้ไว้ทั้งหมด เพราะทนดูไม่ได้ แม่เขาไม่ชอบถ่ายรูป ตามปกติจึงมีรูปอยู่ไม่มากนัก...มีไม่มากและยังขาดอีก ขาดสองท่อนคามือเขาเลยด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มหยิบรูปแม่ใบหนึ่งมานั่งดู ในรูปคุณอารีกำลังนั่งทำสวน...สวนที่ตอนนี้ส่วนหนึ่งกลายเป็นเล้าไก่ไปแล้ว สองแม่ลูกนั่นคืบคลานไปทุกพื้นที่ในบ้านนี้จริงๆ รูปนี้เขาเป็นคนถ่ายเอง เขาจำได้ วันนั้นแม่เขาได้ต้นไม้มาใหม่ คุณอารีดูมีความสุขมาก เขาก็เช่นกัน...ในช่วงเวลานั้นเขามีความสุขมาก และไม่คิดเลยว่าความสุขจะหายไปหลังจากนั้นไม่กี่เดือน รูปนี้เป็นรูปสุดท้ายของแม่เขา หลังจากนั้นไม่นานคุณอารีก็ป่วยและจากไป คิดมาถึงตรงนี้เด็กหนุ่มร้องไห้ เกือบ 6 เดือนมาแล้วที่เขาไม่ได้เห็นหน้าแม่ เขาไม่กล้าดูแม้แต่รูป เพราะเขายังทำใจไม่ได้ บางครั้งเขาตื่นขึ้นมาตอนดึก ยังเคยคิดเลยว่าถ้าเวลาผ่านไป ยิ่งนานวัน เขาจะลืมหน้าแม่หรือเปล่า
“ทำไมแม่ต้องจากผมไป แม่ไม่ห่วงผมกับพ่อบ้างหรือครับ มันเร็วเกินไปนะ ทำไมแม่ไม่ให้เวลาผมได้ดูแลหรือให้เวลาตั้งตัวกันบ้างเลย” เด็กหนุ่มสะอื้น หลังจากแม่ตายเขาไม่เคยร้องไห้เลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจ ไม่คิดถึง แต่เพราะว่ามันเสียใจและคิดถึงมาก...มากจนมันตื้อไปหมด และที่สำคัญเขาไม่อยากร้องไห้ฟูมฟายให้พ่อเห็น เขาไม่อยากให้พ่อเสียใจหรือเป็นห่วง แต่ดูเหมือนผลลัพธ์ที่เขาต้องการจะตรงกันข้าม เพราะสิ่งที่เขาทำ มันกลับทำให้พ่อคิดว่าเขาปกติดีแล้ว ซ้ำร้ายหนักกว่าเดิม คือพาผู้หญิงเข้าบ้าน เขาไม่คิดว่าเรื่องจะกลับตาลปัตรไปหมดแบบนี้
“ถ้าแลกกันได้ ให้ผมตายแทนซะยังจะดีกว่า” นพคุณพูดจากใจจริง ในชีวิตเขามีแค่พ่อกับแม่ ถ้าให้เขาตายแทน แล้วพ่อกับแม่อยู่ก็คงจะดีกว่านี้ เด็กหนุ่มนั่งอยู่อย่างนั้นนานเป็นชั่วโมง ก่อนจะปิดไฟแล้วเดินกลับขึ้นห้องนอนของตัวเอง
พริมาเดินออกมาจากมุมมืดในห้องครัว...คืนนี้หล่อนนอนไม่หลับ จึงลงมาเดินเล่นข้างล่าง กะว่าจะลงมากินน้ำและแวะดูไก่ของหล่อนเสียหน่อย เพราะอย่างไรเสียอยู่บนห้องก็นอนไม่หลับอยู่ดี เกือบตีสองแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงไก่ของหล่อนก็คงจะตื่นขึ้นมาขัน แต่ตอนที่ลงบันไดมานั้น หล่อนเห็นแสงไฟข้างล่าง พริมาแปลกใจ...มีใครนอนไม่หลับแบบหล่อนหรือเปล่า เด็กหญิงเดินไปดู เห็นนพคุณนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก...หลบแทบไม่ทัน กลัว...กลัวถ้าเขาเห็นหล่อนแล้วจะโมโหอีก
“มานั่งทำอะไรตรงนั้นดึกๆ ดื่นๆ นะ” พริมาแอบมองอยู่จากในครัว จากในห้องครัวหล่อนมองเห็นเขาได้อย่างชัดเจน แต่นพคุณจะมองไม่เห็นหล่อน เพราะในห้องครัวค่อนข้างมืด เด็กหญิงยืนดูอยู่นาน หล่อนเห็นเขาร้องไห้และได้ยินทุกอย่าง พริมาสงสารเด็กหนุ่มคนนั้นจับใจ หล่อนเข้าใจเขา การสูญเสียคนที่รักมันทรมานมาก ตอนที่คุณตาคุณยายตายหล่อนก็นอนร้องไห้ทุกคืน แต่หล่อนยังโชคดีที่ยังมีแม่ ถ้าไม่เหลือใครหล่อนคงทำใจไม่ได้ แล้วนพคุณตอนนี้ล่ะ เขาคงจะเศร้ามากทีเดียว เขาคงคิดว่าไม่เหลือใครอีกแล้วแน่ๆ เพราะพ่อก็มีเมียใหม่ ส่วนแม่ก็จากไปแล้ว แต่หล่อนอยากให้เขาได้รู้และเข้าใจเหลือเกินว่าหล่อนกับแม่ไม่ได้ต้องการจะมาแย่งอะไรจากเขาไปเลย พริมานั่งอยู่ในครัวใช้ความคิดจากภาพที่หล่อนเห็น เขาต้องใช้ความอดทนมากแค่ไหนนะ ที่จะไม่ร้องไห้ออกมา และจะต้องเสียใจมากแค่ไหนกัน ถึงได้มาร้องไห้ฟูมฟายอยู่คนเดียวในเวลานี้ พริมาอยากเข้าไปปลอบและให้กำลังใจเขา แต่หล่อนรู้ว่าเขาคงไม่ต้องการ หล่อนจึงนั่งอยู่ตรงนี้มองดูเขาอยู่เงียบๆ อย่างน้อยก็นั่งเป็นเพื่อนตรงนี้ก็แล้วกัน ตอนนี้นพคุณขึ้นข้างบนไปแล้ว เหลือแต่พริมาอยู่คนเดียว ตั้งแต่แม่มาอยู่ที่นี่มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน หล่อนต้องใช้ความเข้าใจอย่างหนัก...ต้องเข้าใจทุกคน แต่ละคนก็มีเหตุผลของตัวเอง และไม่มีใครอยากจะให้เหตุผลของตัวเองไปทำร้ายคนอื่น เอาเป็นว่า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปหล่อนปฏิญาณไว้แล้วว่าจะพยายามเข้าใจเขาให้มากที่สุด แม้ว่าเขาจะเกลียดหล่อนก็ตาม
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ