แก้วนพคุณ

-

เขียนโดย เวลา

วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 16.59 น.

  38 บท
  0 วิจารณ์
  30.01K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) เสียงจากเล้าไก่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

   ดึกแล้วพริมายังไม่นอน เพราะพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์หล่อนไม่ต้องรีบ               ไปโรงเรียน คืนนี้จึงมีเวลาขลุกอยู่กับเจ้าไก่แจ้ของหล่อนได้นานจนดึกดื่น วันนี้นอกจากโรตีสายไหมของโปรดแล้ว คุณลุงยังซื้อสุ่มไก่มาให้หล่อนด้วย   หล่อนจะได้ขังไก่ของหล่อนบนพื้นหญ้าได้ ไม่ต้องคอยตามจับไปทั่วบ้าน   เวลาไก่ของหล่อนแผลงฤทธิ์ ปกติกลางคืนนพคุณจะนอนในเล้าสำเร็จรูปที่แม่หล่อนสั่งซื้อและขนส่งมาพร้อมกับไก่ของหล่อน วันที่มาส่งไก่ พนักงานก็ต่อเล้าไก่ให้เสร็จศัพท์ เล้าไก่ของหล่อนมี 2 ชั้น ออกแบบมาได้น่ารักเหมาะกับสัตว์เลี้ยงตัวเล็กของหล่อนมาก แต่วันนี้หล่อนได้สุ่มไก่มาใหม่ มันเบาและพกพาได้ง่าย เพราะมันพับได้ ถ้าไม่ใช้ก็พับเก็บได้สะดวกดี แถมยังมีกระเป๋าด้วย พริมาลองเอาไก่ใส่กระเป๋า ดูเหมือนไก่แจ้ของหล่อนจะชอบกระเป๋ามาก เพราะพอลงกระเป๋าแล้ว หล่อนเห็นมันหลับ หลับคอพับเลย คืนนี้หล่อนเล่นกับไก่อยู่ตั้งแต่หัวค่ำจนดึกดื่น

   “น่าจะห้าทุ่มแล้วมั้งขึ้นนอนดีกว่า” พริมาหันไปบอกลาไก่แจ้ พร้อมตรวจดูกรงว่าปิดมิดชิดดีแล้ว ก่อนหมุนตัวกลับเข้าบ้าน...จังหวะนั้นเอง        ที่หล่อนได้ยินเสียงเขา

    “เมื่อเช้าทำไมไม่รอไปโรงเรียนพร้อมกัน? แม่เธอก็บอกไว้แล้วไม่ใช่หรือ?” นพคุณถามเสียงเย็น พริมาชะงักฝีเท้า หัวค่ำหล่อนกลับเข้าบ้านมาเห็นเขานั่งกินข้าวอยู่กับคุณนพรักษ์ แต่หล่อนกับแม่แวะห้างสรรพสินค้าซื้อของแล้วก็หาอะไรกินกันตามประสาแม่ลูกไปก่อนแล้ว พอถึงบ้านหล่อนจึงเลี่ยงกลับขึ้นห้องตัวเองไป ไม่เข้าไปร่วมโต๊ะอาหารด้วย ใครจะคิดว่าตกดึกจะได้เจอ...

   นพคุณเห็นแล้วว่าลูกสาวแม่เลี้ยงหลบหน้าเขา เมื่อตอนหัวค่ำที่เขานั่งกินข้าวกับพ่อ เด็กหนุ่มเล่าทุกอย่างให้พ่อฟัง...แต่ไม่ได้พูดเรื่องที่เห็นยัยตัวปัญหานั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ผู้ชาย เรื่องของหล่อนไม่ใช่เรื่องของเขา อยากจะทำอะไรก็เชิญ แต่แปลก...พอเห็นหน้ายัยเด็กนั่นแล้วรู้สึกหงุดหงิด หล่อนกล้ามาก เขาต้องหาทางต่อว่าหล่อนให้ได้ ห้องของเขาอยู่ใกล้เล้าไก่มากกว่าห้องของหล่อน ถ้ามีความเคลื่อนไหวหรือเสียงอะไรในสวนหลังบ้าน ก็จะได้ยินอย่างชัดเจน คืนนี้ก็เหมือนกัน...เขาได้ยินหล่อนคุยกับไก่บ้านั่นมาสามชั่วโมงแล้ว ดึกดื่นห้าทุ่มเที่ยงคืนแล้วยังไม่นอน เห็นทีต้องลงไปดู แม่หล่อนก็แปลก เลี้ยงลูกสาวยังไงปล่อยให้ไปนั่งซ้อนท้ายรถผู้ชายไม่พอ ดึกดื่นแบบนี้ก็ไม่สอนลูกสาวว่าไม่ควรออกมาเตร็ดเตร่อยู่นอกห้อง ยังไงซะบ้านนี้ก็มีผู้ชาย...ถึงจะไว้ใจได้       แต่ก็ต้องสอนให้รู้และระวังตัวไว้บ้าง

   “รอแล้วค่ะ แต่ฉันเห็นคุณออกไปแล้ว” หล่อนสวนทันควัน             พริมาซ้อมคำตอบไว้แล้วอย่างดี ถ้าเขาว่าหล่อน หล่อนก็จะตอกกลับ      เพราะเขาเองก็หนีออกไปไม่รอเหมือนกัน

   “ฉันออกไปตอนไหน? ฉันบอกเธอหรือว่าจะออกไปโรงเรียนก่อน?” คำถามมาเป็นชุด นพคุณพอเดาเรื่องได้ว่าหล่อนไม่เห็นเขาในบ้าน ตอนที่เขาออกไปวิ่ง เด็กนี่คงจะนึกว่าเขาหนีไปโรงเรียนก่อนแล้ว...หนีไปแบบที่ตัวเองคิดหนีนั่นแหละ หนอย...นี่กะจะโทษว่าเขาเป็นฝ่ายทิ้งหล่อนไปก่อนอย่างนั้นหรือ? เด็กหนุ่มพยายามข่มอารมณ์โกรธ

   “ไม่ได้บอกค่ะ คุณออกไปเฉยๆ ไม่อยู่ในห้อง เรียกหาแล้วก็ไม่เจอ ฉันก็เลยต้องไปโรงเรียนเอง...คนเดียว” พริมาพูดไม่มองหน้าเขา หล่อนจ้องนิ้วเท้าตัวเองอีกแล้ว สงสัยกำลังมองหานิ้วที่สิบเอ็ดตามเคย

   “เธอไม่เห็นฉัน เรียกหาไม่เจอ? ตอนกี่โมง?”

   “ตีห้าครึ่ง”

   “เวลาปกติที่ออกจากบ้านหรือ?”

   “ไม่ค่ะ...ปกติออกหกโมง” ถูกถามแบบนี้พริมาชักเริ่มลังเล เด็กหญิงเหงื่อตก หรืออะไรๆ จะไม่เป็นอย่างที่หล่อนคิด

“แล้วทำไมไม่ออกเวลาปกติ?” นพคุณถามเนิบๆ ช้าๆ ชัดๆ เขาอยากให้หล่อนเข้าใจทุกคำไม่ตกหล่น

   “ก็... เอ่อ ตื่นแล้ว...พอดีเห็นว่าแม่ไม่ได้ไปส่ง ต้องนั่งรถไปเองเลยเผื่อเวลาน่ะค่ะ” เด็กหญิงเหงื่อเริ่มแตก คืนนี้อากาศก็ไม่ร้อน แต่ทำไมเหงื่อแตกฟะ!

   “แต่แม่ก็สั่งไว้ให้ไปพร้อมกัน?”

   “ก็คุณไม่อยู่ เลยไม่ได้ไปพร้อมกันไงคะ” พริมากลับตอบประโยคเดิมซ้ำอีกครั้ง

   “ฉันออกไปวิ่ง!”

   “หะ! ... ก็ฉันไม่รู้”

   “แล้วทำไมไม่โทรถาม?”

   “....” เด็กหญิงไม่ตอบ อีกแล้วเด็กนี่เก่งนักเรื่องกวนประสาท แล้วดูเหมือนหล่อนจะทำสำเร็จทุกครั้ง หล่อนทำเขาโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงได้เสมอ นพคุณจับแขนเล็กๆ นั่นบีบแรงๆ กระชากทีเดียวพริมากระเด็นมาเหมือนวันแรกที่ทะเลาะกันเรื่องไก่ไม่มีผิด หล่อนดิ้นสุดแรงแต่ดูเหมือนเรี่ยวแรงต่างกันลิบลับ...ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด นพคุณเหลือบมองเล้าไก่ เขาเห็นมันปิดมิดชิดไม่มีทางที่ไอ้ไก่ผีจะวิ่งออกมาได้แน่ๆ แต่เขาเห็นสายตาอาฆาตของมันจ้องผ่านซี่ลูกกรงออกมา...ไม่กลัวหรอก! ยังไงมันก็ออกมาไม่ได้ สมน้ำหน้า!!!

   “ปล่อยนะ ลูกแก้วเจ็บ” พริมาพูดเสียงสั่น

   “ฉันถามเธอว่าทำไมไม่โทรมาถาม แล้วก็บอกว่าเธอจะไม่ไปด้วยกัน ก็ใช่ว่าฉันจะอยากไปพร้อมกับเธอนักนี่ แค่โทรบอกจะได้ไม่เสียเวลาทั้งสองฝ่าย” นพคุณกระซิบเสียงเย็นแผ่วเบา ริมฝีปากเขาชิดติดหูหล่อนห่างแค่ไม่กี่เซน ด้วยส่วนสูงของเด็กหญิงที่อยู่ใต้คางเขาพอดีแค่โน้มหน้านิดเดียว...พริมาเย็นวาบไปทั้งตัว น้ำเสียงของนพคุณน่ากลัวเหลือเกิน หล่อนกลัวเขา...ไม่รู้ทำไมกลัวยิ่งกว่าเวลาแม่ดุหล่อนเสียอีก

   “ตอบ!!!” คราวนี้พริมาสะดุ้งสุดตัว น้ำตาเริ่มคลอ

   “ลูกแก้วเอ้ย...ฉันไม่มีเบอร์คุณนี่คะ”

   “ไม่มีได้ยังไง? ฉันยังมีเบอร์เธอ เบอร์แม่เธอ...ฮึ! ทั้งที่ไม่ได้อยากมีเลยสักนิด” นพคุณนึกถึงตอนที่บิดาคะยั้นคะยอเขาให้เก็บเบอร์โทรศัพท์ของสองแม่ลูกไว้ ตอนแรกเขาไม่อยากเซฟไว้ในเครื่องนัก แต่ทนความเซ้าซี้ของบิดาไม่ไหว ไลน์กลุ่มยังมีเลย...ไลน์ 4 คน เขาจะบ้าตาย!!!

   “แล้วทำไมไม่ไลน์บอก ไลน์กลุ่มเธอก็อยู่ในนั้น หรือเพราะเธอตั้งใจจะหนีไปคนเดียวอยู่แล้ว เลยไม่กล้าโทรไม่กล้าไลน์บอกใครทั้งนั้น” นพคุณเดาถูก

   “ก็กะจะไลน์บอก แต่ฉันเข้าใจว่าคุณออกไปก่อนแล้ว นึกว่าคุณรู้   อยู่แล้วค่ะ...เลยไม่ได้ไลน์บอก”

   “เธอนี่มันแถตัวแม่!” คราวนี้เขาบีบแขนหล่อนหนักกว่าเดิม       ทำไมแขนเล็กแบบนี้นะ ถ้าบีบหนักกว่านี้จะหักไหม? คิดได้แบบนั้นเขาก็เบามือลง

   “ลูก เอ้ย ฉันไม่ได้แถ...” คราวนี้เด็กหญิงน้ำตาหยดแหมะ หล่อนไม่ได้ อยากร้องไห้ แต่เจ็บใจทำไมหล่อนเถียงสู้เขาไม่ได้สักทีนะ พอจะเถียงทีไร   สมองก็คิดอะไรไม่ทัน หล่อนร้องไห้เพราะโมโหตัวเอง นพคุณเข้าใจไปอีกทาง เด็กนี่แกล้งบีบน้ำตา! ตอนซ้อนมอเตอร์ไซค์เมื่อเช้านี่เห็นหน้าระรื่นเชียว    ต่างจากตอนนี้ลิบลับ หล่อนแสดงละครเก่งเหมือนแม่ เขาห้ามใจอ่อน           มีอย่างที่ไหนจะโยนความผิดให้เขารับไปทั้งหมด

   “ไม่ได้แถ? ถ้าฉันตาไม่ฝาดนะ ไม่สิ! ฉันคิดว่าฉันตาไม่ฝาดแน่ๆ    เมื่อเช้าฉันเห็นเธอนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ผู้ชาย...โอบเอวนี่แน่นเชียว       ผ่านหน้าหมู่บ้านออกไปหน้าปากซอย นั่งคอตั้งไม่หันมามองบ้านสักแวบเลย ถ้าเธอหันมานะ เธอจะเห็นว่าฉันยืนรอแท็กซี่อยู่ริมถนนที่เธอผ่านไปพอดี”   พริมาตกใจตาเหลือก หล่อนแหงนหน้าอย่างเร็วขึ้นเพื่อมองเขา จังหวะนั้นเองหัวของเด็กหญิงเสยเข้าไปใต้คางเด็กหนุ่มพอดี นพคุณถูกเสยคางเต็มๆ ก็มึนเห็นดาวอยู่เหมือนกัน

   “โอ๊ะ!” หนุ่มน้อยตกใจถอยหลังเซเสียหลักล้มลง แต่มือเขายังจับแขนพริมาไว้ จึงทำให้ล้มลงไปทั้งคู่ พริมาล้มคว่ำทับลงบนตัวเขาเต็มๆ หน้าผากหล่อนชนเข้ากับปากเขาพอดี

   “ว้าย...” ยังร้องโวยวายไม่สุดคำ หล่อนถูกพลิกตัวลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว นพคุณคร่อมตัวเด็กหญิงไว้ พร้อมเอามือปิดปากหล่อนไว้แน่น

   “เงียบ!” ไม่ใช่แค่หล่อนที่ตกใจ เขาเองก็ตกใจ แต่มันเป็นอุบัติเหตุ เขาไม่ได้ตั้งใจ...นี่ถ้าใครผ่านมาเห็นภาพนี้คงคิดว่าเขากำลังจะทำอนาจารเด็กแน่ๆ เขายอมให้หล่อนแหกปากเสียงดัง จนพ่อกับแม่เลี้ยงเขาตื่นไม่ได้เด็ดขาด ดีนะที่ห้องของเขากับหล่อนอยู่ติดกันฝั่งหลังบ้าน ส่วนห้องใหญ่ของบ้านอยู่ฝั่งด้านหน้า เสียงจากเล้าไก่คงจะไปไม่ถึง พริมาตาเหลือกจนจะถลนออกจากเบ้าอยู่แล้ว นพคุณเห็นแบบนี้ก็ทั้งขำทั้งสงสาร

   “ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า แต่ถ้าเธอแหกปากเสียงดังเหมือนเมื่อกี้ มีหวังได้ตื่นกันมาดูทั้งหมู่บ้าน แล้วผลเสียมันจะตกอยู่กับเธอเองเข้าใจใช่ไหม?” เด็กหญิงคิดตามแล้วพยักหน้า แล้วจังหวะที่นพคุณกำลังจะปล่อยมือ พลันมีเงาขนาดย่อมพุ่งตรงมาโจมตีเขา เสียงพั่บๆ ดังอย่างดุดัน มันโจมตีหัวเขา...คราวนี้มันบิน! และมันบินได้สูงทีเดียว นพคุณคนกับนพคุณไก่ ตีกันนัวเนีย ไอ้ไก่ผีนั่นเปิดประตูกรงได้? เกิดสงครามขนาดย่อม แต่เป็นสงครามไม่มีเสียง จะว่าไป ถ้าเห็นภาพจะเห็นได้ว่าสงครามนั้นดุเดือดมาก แต่มันดูเบาลง เพราะเป็นสงครามใบ้...ไม่มีเสียงเอะอะโวยวายใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่เสียงพั่บๆ ของไก่แจ้เท่านั้น

    “นพคุณ อย่า!!!” พริมาตะโกนเสียงดังแบบไม่ออกเสียง ฟังดูพิลึกทีเดียว พร้อมกันนั้นหล่อนก็รีบเข้าไปห้ามการประลองยุทธ์ของคนกับไก่ไปด้วย กว่าจะจับ ตัวไก่แจ้ของหล่อนได้ ก็เล่นเอาหมดแรง เด็กหญิงมั่นใจว่าปิดกรงแน่นดีแล้ว ไม่มีทางที่ไก่ของหล่อนจะหลุดออกมาได้อย่างแน่นอน...ทำไมมันถึงหลุดออกมาได้นะ หรือมันจะเป็นไก่ผีอย่างที่นพคุณชอบว่า ไม่! ถึงมันจะเป็นไก่ผี ไก่ปีศาจ หรือไก่บ้า ยังไงหล่อนก็รักมันแล้วมันก็รักหล่อน...รักมากขนาดพังกรง ออกมาทำร้ายคนที่ทำร้ายหล่อนได้ แบบนี้ต้องเรียกไก่องค์รักษ์สิถึงจะถูก

   “ล็อคให้ดีเลยนะ อย่าให้มันหลุดออกมาได้” นพคุณคลำหัวตัวเองป้อยๆ มันทั้งตบทั้งจิกหัวเขาจนมึนไปหมด เด็กหนุ่มสำรวจตัวเอง เขาเห็นรอยแผลเล็กๆ เต็มแขน...คงได้แผลตอนที่เขาเอามือขึ้นปัด

   “เรียบร้อยแล้วค่ะ...เข้าบ้านกันดีกว่า” พอเกิดสงครามย่อมๆ ขึ้นเมื่อกี้ ทำเอาทั้งสองคนลืมประเด็นที่เถียงกันจนถึงขั้นน้ำตาตกได้ไปชั่วขณะ         พริมาเห็นแผลที่แขนเขาหล่อนตกใจ

   “เป็นอะไรรึเปล่าคะ ไหนมาดูสิ โห...แผลเต็มเลยเจ็บไหมคะ?” เด็กหญิงพูดไปพลางจับมือจับแขนเขาพลิกหาแผลไปทั่ว เมื่อกี้ยังดิ้นพล่านๆ จะไปให้ไกลเขาอยู่เลย พอตอนนี้กลับเข้ามาชิด...ชิดซะจนได้กลิ่นแป้ง...แป้งเด็ก อืม...หอมจัง เฮ้ยไม่สิ! เข้ามาใกล้แบบนี้ไม่ดีเลย แล้วเขาก็เป็นผู้ชายนะ ฮอร์โมนวัยรุ่นมันพลุ่งพล่านเฟ้ย!

   “ไม่เป็นไร!” เขาตอบเสียงดัง พร้อมผลักเด็กหญิงกระเด็นออกไป ขนาดว่าออกแรงนิดเดียว แต่ด้วยที่ตัวหล่อนเองก็เล็กนิดเดียวเหมือนกัน     ถ้ามีข้างฝาก็คงกระเด็นติดข้างฝา แต่ตรงนั้นเป็นพุ่มไม้ เด็กหญิงเลยกระเด็นเข้าไปกองในพุ่มไม้

   “เฮ้ย!” นพคุณตกใจ เขาไม่ได้ตั้งใจผลักหล่อนไปไกลขนาดนั้น       พริมาเข้าไปกองอยู่ในพุ่มไม้จริงๆ เด็กหญิงหน้าซีดเผือด จ้องหน้าเขาตาไม่กระพริบ หล่อนทั้งตกใจ เจ็บตัว...และก็ไม่เข้าใจด้วย และสิ่งที่นพคุณคิดไม่ถึงคือเด็กหญิงร้องไห้โฮ คราวนี้หล่อนร้องโฮจริงๆ และเขาก็เชื่อว่าหล่อนไม่ได้แกล้งบีบน้ำตาเหมือนตอนแรก ใครจะมาบีบน้ำตาลงในสภาพแบบนั้น      นพคุณทำอะไรไม่ถูก ในชีวิตเขาไม่เคยแกล้งเด็กผู้หญิงจนร้องไห้แบบนี้มาก่อน เสียงในเล้าไก่เริ่มอีกแล้ว พั่บๆๆๆๆๆ...เสียงขยับปีกอย่างดุเดือด

   “เอิ้กกกกก!!!” คราวนี้ไก่แจ้แหกปากเสียงดังสนั่น ตายๆ ไอ้ไก่บ้านั่น จะปลุกคนทั้งหมู่บ้านแน่ แล้วเด็กผู้หญิงในพุ่มไม้นั่นก็ร้องไห้ผสานเสียงกันได้ลงตัวพอดิบพอดีกับไก่ในเล้า หรือเพราะไอ้ไก่นั่นได้ยินเสียงพริมาร้องไห้มันเลยร้องด้วย นพคุณคิดหาวิธีอย่างไว งั้นก็ทำให้เงียบเป็นคนๆ ไปก่อน ภาวนาอย่าให้เสียงดังไปหน้าบ้านเลย ไม่งั้นเขาต้องอธิบายยาวแน่ ว่าสองคนมาทำอะไรกันตรงนี้

   “ลูกแก้ว... ลูกแก้วใจเย็นๆ นะ พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจ ไม่คิดว่าผลัก เอ้ย!ดันนิดเดียวลูกแก้วจะกระเด็นหกล้มแบบนี้ ลูกแก้วหยุดร้องนะ จุ๊ๆๆๆ” พริมามองหน้าเขา เด็กหญิงร้องไห้โฮพร้อมสะอื้นอย่างกลั้นไม่อยู่ วันนี้เขาทำเกินไปแล้วนะ เมื่อกี้ก็ด่า สักพักก็บีบแขนหล่อนจนเจ็บไปหมด แล้วสุดท้ายก็ผลักหล่อนกระเด็นแบบนี้ ยิ่งปลอบกันแบบนี้หล่อนยิ่งเสียใจ เหมือนเวลามีคนมาถามว่าร้องไห้ทำไมตอนที่กำลังร้องไห้อยู่ แทนที่จะเป็นการปลอบกลับทำให้ร้องไห้หนักกว่าเดิม

   “จุ๊ๆๆๆ อย่าร้องนะโอ๋ๆ” ไม่ได้ผล ดูเหมือนพริมาจะแหกปากร้องไห้หนักกว่าเดิม เข้าคู่กันพอดีเป๊ะกับไก่ในเล้าที่ตอนนี้ทั้งขันทั้งกรีดร้องอย่างหนักหน่วงเอาเป็นเอาตาย ชาวบ้านแถวนี้ได้ยินเข้าคงคิดว่าแปลก...ไก่บ้านั่นขันข้ามคืนกันเลยทีเดียว นพคุณรีบเข้าช่วยดึงเด็กหญิงออกจากพุ่มไม้          ดูเหมือนหล่อนจะไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหน เขาพลิกตัวเด็กหญิงหมุนไปมาตรวจดูอย่างละเอียด พริมายังสะอื้นฮักอยู่ จนปัญญาไม่รู้จะทำอย่างไร       เขาดึงเด็กหญิงมากอด กอดปลอบเหมือนตอนที่แม่กอดเขา เขายังจำได้และมันก็ช่วยได้เสมอ

   “อย่าร้องไห้นะ พี่ขอโทษ” นพคุณพูดเสียงอ่อย เจอร้องไห้หนักมากแบบนี้ เขาใจอ่อนยวบ

    “ฮึกๆ“ เสียงร้องไห้แหกปากแบบตอนแรกเงียบลงแล้ว เหลือแค่เสียงสะอื้น

    “โอ๋ๆ” นพคุณตบหัวเด็กหญิงเบาๆ ตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงน้ำตา...หรือขี้มูกนะ เปียก...เปียกเต็มอกเสื้อไปหมด น้ำตาคนมันจะไหลได้มากขนาดนี้เชียวหรือ? มันต้องมีขี้มูกด้วย อี๋!!! เขาสังเกตเสียงไก่ในเล้าก็เงียบลงแล้ว แต่เขามองเห็นตามัน! ตาไอ้ไก่นั่นมันจ้องเขาตาไม่กระพริบ มันเอาหน้าแนบลูกกรงด้วย     เขาไม่ได้เพ้อเจ้อไปเอง น่าขนลุกชะมัด!

   “เข้าบ้านกันเถอะ” นพคุณดึงมือเด็กหญิง ลากเดินตามเขาเข้าบ้าน ไม่เอาหรอกยืนตรงนั้นนานๆ ขนหัวลุก ไก่บ้านั่นน่ากลัวจะตาย เด็กหญิงหยุดร้องแล้ว หล่อนเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย เด็กหนุ่มเดินไปส่งหล่อนที่ห้อง แล้วเขาค่อยเดินกลับเข้าห้องตัวเอง นึกไม่ถึงว่าจะเหนื่อยขนาดนี้ ตอนแรกแค่ตั้งใจจะไปตำหนิหล่อนนิดหน่อยก่อนนอน ไม่คิดว่าจะวุ่นวายได้แผลเต็มแขนเต็มหัวไปหมด แถมตัวก็สกปรก คงต้องอาบน้ำอีกรอบ โอ๊ย! เจ็บปากด้วย? นพคุณส่องกระจกดูแผลที่ปาก ไอ้ไก่นั่นเตะปากเขาตอนไหนนะ? ไม่ใช่รอยตีนไก่? ไม่ใช่แผลภายนอกแต่มันแตกจากข้างใน โดนอะไรนะ? อ๋อ...ตอนที่ล้มกระแทกปากเขาไปโดน...หน้าผาก เล่นเอาปากแตกเลยแฮะ ดีนะฟันไม่หัก...ไม่งั้นหมดหล่อกันพอดี ถ้าเขาปากแตกขนาดนี้แล้วยัยนั่นหัวจะปูดหรือเปล่านะ? ช่างเถอะ! ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า กว่าจะได้นอนคืนนี้คงอีกพักใหญ่ พรุ่งนี้ค่อยนอนตื่นสายชดเชยก็แล้วกัน

   พริมานอนไม่หลับ เมื่อกี้หล่อนง่วงจนตาจะปิด แต่พอปิดไฟล้มตัวลงนอนกลับนอนไม่หลับ เด็กหญิงคิดถึงตอนที่นพคุณจูบหน้าผากหล่อน ไม่สิ!ไม่ได้จูบแต่มันเป็นอุบัติเหตุ แต่ยังไงก็เถอะนอกจากแม่ ตา และยายแล้ว       ไม่เคยมีใครเคยกอดจูบหล่อน (ไม่นับตอนผายปอดนะ ไม่นับ!) แต่นี่เป็นเขา...นพคุณ! คนคนนั้น คืนนี้เขาทั้งจูบ (เออไม่...จูบไม่นับก็ได้) ทั้งกอด เด็กหญิงคิดมาถึงตรงนี้ก็ใจเต้นแปลกๆ หล่อนไม่เห็นหน้าตัวเองในความมืด เลยไม่รู้ว่ามันแดงขนาดไหน คืนนี้เป็นคืนที่ยาวนานสำหรับหล่อน หรือถ้าจะให้ถูกคือทั้งวันเลยก็ว่าได้ มีเรื่องเกิดขึ้นมากเหลือเกิน ตอนเช้าหล่อนวิ่งหนีผู้ชายสองคน สักพักก็กอดเอวผู้ชายอีกคน พอตกดึกก็โดนผู้ชายกอด! (จูบด้วย ถึงจะไม่นับก็เถอะ) ตายๆ ถ้าแม่รู้เข้าหล่อนโดนหนักแน่ เสียงไก่แจ้ของหล่อนขัน...เหลือบตาดูนาฬิกา

   “จะตีห้าแล้ว ทำไงดีนอนไม่หลับเลย” หรือจะลงไปหานพคุณ โอ๊ย! ชื่อนี้ยิ่งทำให้นอนไม่หลับ

   “คงลงไปตอนนี้ไม่เหมาะหรอก เกิดคนนั้นยังไม่หลับแล้วออกมาเดินเหมือนกันอีก” พริมาพยายามข่มตานอน...ยาวนาน...จนแสงของเช้าวันใหม่ส่องเข้าห้องมา สาวน้อยผล็อยหลับไปเมื่อใดไม่รู้ตัว

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา