ก่อนตะวันจะลับตา(Y)
-
เขียนโดย Shinman33
วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 22.31 น.
3 ตอน
0 วิจารณ์
3,991 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 เมษายน พ.ศ. 2563 23.16 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) จุดเริ่มต้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่1 จุดเริ่มต้น
‘แจวมาแจวจ้ำจึก น้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว เอ้า! แจวมาแจวจ้ำจึก น้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว
แจวเรือจะไปเจอม้าลาย แจวเรือไปเจอม้าลาย ขอเชิญน้องผู้ชายลุกขึ้นมาแจว...’
เสียงตีกลองร้องเพลงของทีมสันทนาการนักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะเกษตรที่มาเล่นรับน้องในวันแรกของการเข้ารายงานตัวในคณะสร้างความครื้นเครงและสนุกสนานให้กับน้องๆ เฟรชชี่ได้เป็นอย่างดี ในกิจกรรมวันนี้ พวกพี่ๆ ตางก็มาเหล่น้องใหม่ ส่วนน้องๆก็ร้ายใช่ย่อย แซวรุ่นพี่ซะยับ
“หนูเต้นไม่ถูกค่ะพี่ รบกวน ช่วยให้พี่คนนั้นเต้นให้ดูใหม่ได้ป่ะคะ”
“ฮิ้วววว” เสียงโห่ร้องเกรียวกราวทั้งจากรุ่นพี่และปี1ด้วยกันเองเมื่อเฟรชชี่สาวสวยบุกแซวรุ่นพี่สันทนาการคนหล่อที่ต้องยอมรับว่าดูดีสุดในกลุ่มพี่ปี2 แล้ว
“เอ่อ น้องออย จ๊ะ เพื่อนพี่คนนี้มันชื่อคิม ลูกครึ่งเกาหลี แต่มันพูดไทยไม่รู้เรื่องหรอกนะ อย่าเสียเวลาคุยกับมันเลย 555” ทันทีที่พูดจบเพื่อนๆ ก็หัวเราะชอบใจกันยกใหญ่ ก็หนุ่มหล่อคนนี้อ่ะ เรียกว่าขวัญใจสาวๆ ทั้งมหาวิทยาลัยเลยก็ว่าได้ หนุ่มลูกครึ่งไทยเกาหลี หล่อใสตามแบบฉบับหนุ่มเกาหลีทุกประการ ฐานะทางบ้านก็ไม่ธรรมดา มิหนำซ้ำยังเต้นเก่งอีก ที่สำคัญโสดด้วย เหตุนี้ คิมทันจึงเป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั่วไป
“น้อยๆหน่อยไอ้เชี่ยเม่น กันซีนกูตลอดนะมึงอ่ะ” คิมรีบสวน
“อุ้ย เสียงพูดเพราะจัง อยากได้ยินพี่พูดบ่อยๆ ซะแล้วซิ” สาวๆ เฟรชชี่เอ่ยแซวคิมต่อ จากนั้นกิจกรรมก็ดำเนินต่อไปอย่างสนุกสนาน
“ไอ้อาทิตย์ มึงดูโน่นดิ”
“กูเห็นล้ะ น่าหงุดหงิดสัส อ่อยอยู่ได้” พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดพร้อมลากเพื่อนเดินเข้าไป
“อ้ะ มีน้องๆ มาเพิ่มอีกแล้ว ฮูยยย หล่อด้วย อร้ายยย ” เสียงร้องของรุ่นพี่คนสวยเรียกสายตาทุกคนให้หันไปมองยังเป้าหมายเดียวกัน.... เออ!! มันหล่อจริงๆ ว้ะ
“อ่ะ มาๆๆๆ ไอ้หล่อทั้งสอง แนะนำตัวให้พี่ๆ เพื่อนๆ รู้จักหน่อยซิ” เม่นลากแขนน้องออกมาข้างหน้า
“สวัสดีครับ ผม เมษเมธา จิระนนกุล ชื่อเล่น เมษ ครับ” สิ้นเสียงแนะนำตัว เสียงกรี๊ดของพี่ๆ และสาวๆก็ดังเกรียวกราว
“แล้วน้องคนหล่ออีกคนละคร้า ชื่ออาราย บอกเจ๊ซิ” เจ้เจนนี่ สาวสองคนสวยสุดแสนอวบอั๋นเอยแซว
“อาทิตย์ พิพัฒน์สกุล เรียกผม ตะวัน ก็ได้ครับ” สิ้นเสียงแนะนำก็ตามคาด เสียงกรี๊ดดังกว่าเมษด้วยซ้ำ
“ไอ้อาทิตย์ มึงเอาชื่อเชี่ยไรมาเนี่ย” เมษกระซิบอย่างตกใจ
“ทำไม กุแค่ไม่อยากให้ใครเรียกกุว่าอาทิตย์ แล้วตะวันก็ไม่ใช่ชื่อเชี่ย แต่จะเป็นชื่อสำหรับเรียกกู” อาทิตย์เอ่ยอย่างวางท่าเก๊กหล่อเต็มที่ จนเมษเองก็ได้แต่พยักหน้าคล้อยตาม แต่พฤติกรรมและความมั่นหน้าขี้เก๊กของเจ้าตัวกลับสร้างความหมั่นไส้ให้ใครหลายคนได้เหมือนกัน
“อ่ะ น้องเมษกับน้องตะวัน ละกันเนอะ น้องๆ เห็นที่เพื่อนๆ เล่นไปแล้วใช่มั๊ย เดี๋ยวน้องๆ จะต้อง”
“ผมก็เต้นไม่เป็น ขอผมเต้นกับพี่คนนั้นละกันครับ อะไรก็ได้” ตะวันเอ่ยสวน
“ใจเย็นไว้ไอ้คุณตะวัน” เมษเอ่ยเบรกเพื่อน
“อ่ะ คุณคิมทัน มาทำหน้าที่สิคร้า แต่ๆๆ กูขอเพลงแมงมุมนะ กูชอบ ฮ่าๆๆ” เจนนี่เอ่ยเรียกเพื่อนสุดหล่อออกมาพร้อมกับเสียงกรี๊ดของสาวๆ ทันทีที่ได้ยินเพลงแมงมุม ส่วนเจ้าตัวก็เดินออกมาอย่างไม่เต็มใจนักแต่ก็ต้องยิ้มสู้
“เดี๋ยวกูจะจัดการมึง อีเจนนี่” คิมกัดฟันกระซิบกับเพื่อน
“อ๋อ เพลงนี้ผมเต้นเป็นครับ แต่เป็นเฉพาะแค่แมงมุมตัวผู้นะ รบกวนพี่คิมเป็นตัวเมียให้หน่อยสิครับ” ตะวันเอ่ยพร้อมยักคิ้วให้คิมท่ามกลางเสียงกรี๊ดที่หนักขึ้นจากสาวๆ
“ไอ้น้องตะวันนี่น่าสนใจแฮะ เอ้าๆๆ อย่าให้ขายหน้านะไอ้คิม ปี2 เราจะแพ้ไม่ได้ ทุกคนช่วยกันร้องนะ” เม่นเอ่ยพร้อมกับสองหนุ่มตั้งท่าแมงมุม
“อร้ายยย ขอฉันหายใจก่อน ฉันเขิน อร้ายย” เจนนี่กรีดร้อง
“อยากมาเล่นเองมั๊ยมึง กุสละให้” คิมเอ่ย
“กลัวผมหรอ คิมทัน” ตะวันเอ่ยพร้อมกระตุกยิ้ม
‘แมงมุมขยุ้มขย้ำ พอถึงตีสามขย้ำขยุ้ม แมงมุมขยุ้มขย้ำ พอถึงตีสามขย้ำขยุ้ม’ เสียงเพลงดำเนินไปพร้อมกับคนสองคนที่กำลังเล่นกิจกรรมท่ามกลางเสียงกรี๊ดของสาวๆ ไม่ขาดเสียง
...................................................
ผมชื่อ อาทิตย์ พิพัฒน์สกุล ผมไม่มีชื่อเล่นหรอก ใครๆก็เรียกผมว่าอาทิตย์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผมเป็นคนเงียบๆ เฉยๆ แต่ผมหน้าตาดี ใครๆ ก็เลยบอกว่าผมขี้เก๊ก มั่นหน้า อันที่จริงถ้าใครที่รู้จักผมดี อย่างเช่นไอ้เมษ ที่เป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่เด็กๆ ก็จะรู้ว่าผมไม่ได้ขี้เก๊ก ขี้แอ๊คอะไรหรอก ผมแค่ไม่ชอบทำกิจกรรม ไม่ชอบสังสรรค์และผมไม่ด้แข็งแรงอย่างคนปกติทั่วๆ ไป ใช่ครับ ผมมีโรคประจำตัว คือผมไม่ชอบกินผัก กินข้าวไม่ตรงเวลาบ้าง พักผ่อนก็ไม่เคยจะเป็นเวลา ทุกวันนี้ผมมีปัญหากับกระเพาะและลำไส้ผมมาก ปวดท้องบ่อยๆ แต่กินยาเดี๋ยวมันก็หายไปเองแหละ ผมเข้าเรียนในคณะเกษตร หลายคนสงสัย ไอ้เมษก็สงสัยว่าผมจะไหวเหรอ? ผมชอบหรอ? ผมสนใจทางด้านนี้จริงๆ หรอ? ก็ไม่ใช่สักอย่างครับ เป้าหมายเดียวของผมที่เข้าคณะนี้เพราะมีใครบางคนเขาเรียนอยู่ในคณะนี้ต่างหาก เรียกง่ายๆ ว่าผมตามเขามา ส่วนไอ้เมษก็ตามผมมาอีกที มันรู้ว่าผมต้องการอะไร ผมจะทำอะไรและมันไม่เคยว่าผมเลย ซ้ำยังคอยช่วยเหลือผมมาตลอด แต่จริงๆ แล้วไอ้เมษมันชอบดนตรีมาก มันร้องเพลงเก่ง เล่นกีต้าร์ได้ แต่มันก็มาเรียนตามผม ก็เคยถามมันนะว่ามึงจะตามกูมาเรียนเกษตรทำไม แน่นอนว่าผมไม่เคยได้คำตอบดีๆจากคนกวนตรีนอย่างมันหรอกครับ มันมักจะบอกแค่ว่ามันเก่ง เรียนอะไรก็ได้ อีกอย่างมันบอกว่า ถ้ามันไม่ตามผมมาเรียนเกษตรแล้วใครจะคอยช่วยเหลือผม ก็นับว่ามันเป็นเพื่อนแท้ที่ดีคนนึงเลยที่ยอมทิ้งความฝันตัวเองเพื่อมาคอยช่วยเหลือผม
16.30 น. ณ ลานกิจกรรมหน้าคณะเกษตร
“ปี1 พวกผมนัดคุณกี่โมง แล้วนี่กี่โมงแล้ว” เสียงรุ่นพี่สวัสดิภาพดังขึ้นหลังจากพบว่า น้องๆเฟรชชี่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับกิจกรรมประชุมเชียร์เท่าที่ควร
“หรือเพราะเดี๋ยวนี้คุณคิดว่า กิจกรรมที่เราจัดกันมาทุกๆ ปีนี้มันไร้สาระ มันไม่เข้ากับยุคสมัย สังคมแอนตี้แล้ว พวกคุณก็เลยไม่ให้ความสำคัญกับมัน ใช่มั๊ย!!” พี่คนเดิมเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุขึ้น
“ไม่ใช่ครับ/ค่ะ” รุ่นน้องตอบ
“ไม่ใช่หรอ? งั้นคุณบอกผมมาซิ ออย ว่าเพื่อนคุณในคณะทั้ง7 สาขาวิชานี้มีทั้งหมดกี่คน แล้ววันนี้มากันกี่คน”
“มีทั้งหมด 396 คนค่ะ แต่ เอิ่มม ตอนนี้ยังมาไม่ครบค่ะ” ออยตอบอย่างเกรงๆ
“แล้วครั้งก่อนครบมั๊ย? แล้วพวกคุณจะรับผิดชอบกันอย่างไร มองว่ากิจกรรมนี้ไม่สำคัญงั้นซิ คุณเห็นแค่ด้านเดียวที่คุณต่อต้าน คุณไม่เห็นด้านอื่นๆ ที่มันดีๆ บ้างหรอ ความพยายามของพวกผม ความเสียสละ สามัคคีร่วมแรงร่วมใจ ความเคารพให้เกียรติซึ่งกันและกัน เหล่านี้คุณไม่เห็นมันบ้างเลยหรอ แต่อย่างน้อย ความรับผิดชอบก็ควรจะมาก่อน ถ้าพวกคุณไม่มีความรับผิดชอบกับเรื่องแค่นี้ อนาคตคุณจะทำงานอะไรได้”
“ขออนุญาต ครับ”
“เพื่อนผมยังพูดไม่จบ ไม่อนุญาต!!” รุ่นพี่อีกคนเอ่ยแทรกเสียงของตะวัน
“ผมปวดท้องครับ ขออนุญาตกินยาได้ไหมครับ?” ตะวันเอ่ย
“ผมกำลังจะปล่อยพวกคุณแล้ว ทนแค่นิดเดียวให้ผมพูดจบก่อนไม่ได้รึ ใจเสาะแท้ ลุกไปเลยไป!! พี่พยาบาลอยู่ไหน มาพาเขาออกไป” เสียงไล่ของรุ่นพี่สร้างความไม่พอใจให้น้องๆ หลายคน แม้แต่ตะวันเองก็ไม่ชอบใจกับการไร้เหตุผลเช่นนี้ แต่เจ้าตัวก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
“เดี๋ยวน้องตะวันนั่งพักตรงนี้ก่อนนะ ยาของน้องเพื่อนพี่กำลังไปหยิบให้” รุ่นพี่เอ่ย
“ขอบคุณครับพี่ฟ้าใส”
“อย่าคิดมากนะ พี่เขาก็แค่ทำตามบทบาทหน้าที่ ถึงเขาจะใช้คำพูดไม่ดีนักแต่อย่างน้อยการไล่น้องออกมาทันทีมันก็ทำให้น้องไม่ต้องอยู่ตรงนั้นไม่ใช่หรอ กินยาแล้วกินข้าวกลับหอได้เลยนะ ไม่ต้องร่วมกิจกรรมแล้ว”
“แต่..”
“เชื่อพี่สิ ไม่มีใครว่าอะไรตะวันหรอก” ฟ้าใสเอ่ยพร้อมส่งยิ้มให้ตะวัน
“ครับ ผมจะกินข้าวกินยา แต่ผมขอรอไอ้เมษก่อนนะพี่ ผมมาด้วยกันอ่ะ ต้องกลับพร้อมกันครับ”
“ตามใจ นั่งอยู่แถวนี้แล้วกันนะ มีอะไรก็เรียกพี่ได้เลย” ฟ้าใสเอ่ยพร้อมส่งยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเดินกลับไปยังลานกิจกรรมหน้าคณะ
หลังเลิกกิจกรรม...
“เป็นไงมั่งไอ้อาทิตย์ มึงปวดท้องอีกแล้วหรอ ไปหาหมอมั๊ย?” ทันทีที่เลิกกิจกรรมเมษก็วิ่งตรงมาหาเพื่อนรักทันทีพร้อมกับเอ่ยถามอากรอย่างเป็นห่วง
“ดีขึ้นแล้ว ขอบใจมึงนะ”
“แน่นะ?”
“เออ กลับหอเหอะ ไปส่งกูด้วย” อาทิตย์ตัดบทก่อนจะเดินออกนำไปที่รถ
“ถ้าไม่ไหวมึงต้องบอกกูนะ เข้าใจป่าวไอ้อาทิตย์” เมษที่วิ่งตามเพื่อนไปก็ยังไม่วายกำชับเพื่อน
...................................................
3 วันผ่านไป ณ หน้าคณะเกษตร...
“เมษ” เสียงเรียกของใครบางคนดังขึ้นขณะที่เมษกำลังเดินเข้าคณะ
“เอ้า ว่าไงพวกมึง”
“ไอ้ตะวันไม่มาด้วยหรอ? มันหายไปไหนกันอ่ะ 3 วันแล้วนะ” บอส เพื่อนในสาขาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“นั่นดิ ทุกทีเห็นตัวติดกันตลอด อย่างกะแฟนกันแน่ะ” ออยเอ่ยแซวเพื่อน
“ก็วันนั้นแหละที่รับน้องอ่ะ มันปวดท้อง พอกลางดึกแม่มันก็มารับกลับบ้าน” เมษเอ่ยพร้อมหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ กลุ่มเพื่อน
“แล้วมันบอกอะไรมึงมั่งว้ะ พวกกูติดต่อมันไม่ได้เลย” บอสเอ่ย
“มันไม่ได้บอกอะไรกูเหมือนกัน นี่กูก็รู้มาจากแม่ของมันแหละว่ามันกลับบ้านไปแล้ว กูโทร.ไปถามแม่มันอ่ะ”
“ตะวันมีโรคประจำตัวหรอ?” ออยถามต่อ
“มันปวดท้องบ่อย คงเพราะมันอ่ะไม่ชอบกินผักกินผลไม้ กินอะไรก็ไม่เป็นเวลา กีฬาก็ไม่ค่อยเล่น ไม่ชอบออกกำลังกาย เนี่ย เพราะเหตุนี้ไงกูถึงต้องตามมาเรียนกับมัน ” เมษร่ายยาว
“แลมึงจะรู้จักมันดีเนอะ” บอสเอ่ยพร้อมมองหน้าเมษอย่างสงสัย
“ก็รู้จักกับมันมาตั้งแต่กู 11 ขวบอ่ะ มันเป็นเพื่อนคนแรกของกูหลังจากที่กูย้ายมาเรียนโรงเรียนเดียวกับมัน” เมษตอบไม่เต็มคำนัก ใช่แล้ว เขารู้จักกับอาทิตย์มานาน รู้ทุกอย่างของเพื่อนคนนี้ดี
“แต่กิจกรรมดิวะ เมื่อวานตะวันไม่เข้าประชุมเชียร์ วันนี้ก็ไม่มาอีก ไอ้พี่กอล์ฟกับเพื่อนก็ชอบจี้ถามแต่กู เชี่ย วันนี้กูว่ากูโดนอีกแน่ๆ” ออยบ่น ซึ่งจากกิจกรรมรับน้องสองครั้งที่ผ่านมากอล์ฟที่รับหน้าที่เป็นพี่สวัสดิภาพจะคอยมาป้วนเปี้ยนแถวๆ ออยตลอด แม้ว่ากอล์ฟจะหน้าตาดี หล่อเข้มแบบไทยๆ แต่เวลาดุก็น่ากลัวชะมัด
“พี่เขาแอบชอบมึงอยู่รึเปล่า แบบหาเรื่องคุยกับมึงอะไรแบบเนี้ย” เมษแซว
“ใช่ม้ะ ไอ้เมษก็คิดแบบกู ผู้ชายด้วยกันมันมองกันออกเว้ยออย พี่กอล์ฟอ่ะต้องสนใจมึงแน่ๆ” บอสเสริม
“ชิ ผู้ชายที่ขึ้นเสียงกับชั้น อย่าหวังว่าชั้นจะเอา” ออยกล่าวพร้อมเชิดหน้าจนหนุ่มๆ ทั้ง2 อดขำไม่ได้
“เอ้า ขึ้นเรียนกันเถอะ เย็นนี้มีกิจกรรมประชุมเชียร์อีก ไปๆๆ” บอสเอ่ยตัดบทก่อนจะลากกันขึ้นห้องเรียน
16.30 น. ณ ลานกิจกรรมหน้าคณะเกษตร...
“วันนี้ กิจกรรมประชุมเชียร์ ครั้งที่ 3 แล้ว พวกคุณก็ยังมากันไม่ครบ” พี่กอล์ฟคนเดิม เอ่ยพร้อมเหล่สายตามายังออย
“บางคนก็เรื่องเยอะ เงื่อนไขเยอะ ข้ออ้างเยอะ แพ้นั่นแพ้นี่ ทนความยากลำบากไม่ได้ ความอดทนความพยายามไม่มี คุณถามตัวเองบ้างป่าวครับว่าคุณเข้ามาคณะนี้ทำไม เกษตรเราติดดิน อยู่กับแดดกับลม คุณทนมันไหวมั๊ย คุณรักในงานเกษตรมั๊ย กิจกรรมประชุมเชียร์ของเราถูกปรับให้เป็นการปฏิบัติ ให้เป็นกิจกรมสร้างสรรค์ ในแต่ละครั้งที่นัดพวกคุณมา นอกจากให้ความรู้ให้แนวทางในการใช้ชีวิตในระหว่างที่คุณอยู่ในมหาวิทยาลัยแล้ว เรายังให้คุณได้ร่วมกันทำกิจกรรมสร้างสรรค์มากมาย ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เดี๋ยวพวกคุณก็จะได้เจอมันอย่างเต็มรูปแบบอยู่แล้วในระหว่าง 4 ปีนี้” พี่กอล์ฟเอ่ย
“แต่น่าเสียดาย ที่พวกคุณไม่สนใจใส่ใจและไม่ให้ความสำคัญกับกิจกรรมเหล่านี้เลย” พี่สวัสดิภาพอีกคนเอ่ย
“ก็แล้วแต่นะครับ คณะเกษตรของเราไม่มีหรอกครับลูกคุณหนูที่ทนลำบากทนความเหน็ดเหนื่อยไม่ได้น่ะ ถ้าคิดว่ากิจกรรมแค่นี้คุณทนไม่ได้ คุณก็ไม่ต้องอยู่ในคณะนี้หรอกครับ ปฏิบัติมากมายรอคุณอยู่ในหลายๆ วิชา คุณไม่รอดแน่ๆ”รุ่นพี่อีกคนแทรก
“คุณ ยืนขึ้นแล้วตอบผมซิ สาขาคุณมีกี่คน แล้ววันนี้มากันครบมั๊ย?” พี่กอล์ฟวนมาถามออยจนได้
“เอิ่มม มีทั้งหมด40 คน วันนี้เข้ากิจกรรม 39 คนค่ะ” ออยตอบ
“หายไปไหนคนนึง” กอล์ฟเอ่ยถาม
“ออ ลืมไป เพื่อนคุณคนนั้นคงร่วมกิจกรรมกับเราไม่ได้ ผมภาวนาให้เขาแข็งแรงกว่านี้นะครับ เพื่อตัวเขาเองจะได้เรียนจบตามที่เขาตั้งใจ” รุ่นพี่เอ่ยแทรกก่อนที่ออยจะตอบ และหลังจากสิ้นเสียงของรุ่นพี่ก็มีเสียงของใครอีกคนเอ่ยแทรกขึ้นมา
“ขอบคุณครับ แต่ผมไม่ได้หายไปไหน แค่ผมมาช้า ขอโทษด้วยครับ” เสียงเอ่ยแทรกของตะวันพร้อมรอยยิ้มกว้างนั้นสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนที่หันไปมองได้เป็นอย่างดี
“ไหนมึงว่ามันกลับบ้านไงว่ะ ไอ้เมษ” บอสกระซิบถามเพื่อน
“ก็แม่มันบอกกูแบบนี้ มันคงดีขึ้นแล้วเลยมาทำกิจกรรมแหละมั้ง” เมษเอ่ยแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ ปกติอาทิตย์จะโทร.หาตนตลอดและไม่มีทางที่เพื่อนจอมเก๊กของมันจะส่งยิ้มออกมาได้ง่ายๆ แบบนี้
“มาได้ก็ดี ผมหวังว่าวันนี้คุณจะสามารถอยู่ร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ ได้ตลอดนะ” กอล์ฟเอ่ย
“แน่นอนครับพี่ ว่าแต่ อาทิตย์นั่งตรงไหนนะ”
“หื้มมม”
“เอิ่มม หมายถึง ผมต้องไหนตรงไหนครับ” ตะวันเอ่ยพร้อมยิ้มกว้าง
“เชี่ยย มันป่วยจนสมองเพี้ยนลืมที่นั่งตัวเองเลยหรอวะ” บอสเอ่ยพร้อมทำท่าเศร้าอย่างเสแสร้ง
“ที่นั่งคุณ อยู่ทางนั้น เชิญ” กอล์ฟชี้ไปทางเมษและบอส ตะวันจึงพยักหน้ารับก่อนจะวิ่งไปนั่งยังที่ว่างข้างๆ เพื่อน
“ไงเมษ บอส คิดถึงพวกมึงจัง”
“มึง โอเค มั๊ยว่ะ” บอสถาม
“อื้ม โอเค กูมาละ” ตะวันตอบพร้อมส่งยิ้มให้
‘มึงแปลกไปนะ ไอ้อาทิตย์’
ครับ และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวผมครับ ผมชื่อแทนตะวัน แต่ใครๆ ก็เรียกผมแค่ตะวัน เพราะเรียกง่ายกว่า ผมมีน้องชายครับ มันชื่ออาทิตย์ เราไม่เคยได้เจอกันเลยตั้งแต่อายุ 9 ขวบ จนตอนนี้ผม 18 แล้ว นับๆแล้วก็ 9 ปีแล้วสินะ ตั้งแต่ตอนนั้นก็พ่อแม่ของเราแยกทางกัน ผมไม่รู้หรอกว่าพวกเขามีปัญหาอะไรกัน เพราะตอนนั้นผมก็ยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจ รู้แต่ว่าผมได้มาอยู่กับพ่อ ส่วนน้องชายผมยู่กับแม่ 9 ปีที่ผ่านมาผมไม่ได้ติดต่อกับแม่เลย ไม่เคยไปหาพวกเขาด้วยซ้ำ แต่วันนี้จู่ๆ พ่อก็มาบอกว่าเราจะย้ายกลับไปอยู่กับแม่กับน้อง ก็ไม่รู้อีกนั่นแหละครับว่าพ่อกับแม่ผมเขาแอบคุยกันและคืนดีกันตอนไหน หรือคืนดีกันเพราะมีเหตุผลอื่นอะไรแต่ถามว่าผมโอเคไหมผมก็โอเคดิครับ ครอบครัวจะได้สมบูรณ์เหมือนคนอื่นเขาสักที แต่ทว่าความเป็นจริงของเหตุการณ์ครั้งนี้มันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดทั้งหมดนั่นสิครับ มันมีบางอย่างซ่อนไว้ในการกระทำของผู้ใหญ่ บางสิ่งที่ผมพึ่งจะรับรู้มาได้ไม่นานและเป็นสิ่งที่แสนจะเจ็บปวด
.............................................................................................................................................................................
‘แจวมาแจวจ้ำจึก น้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว เอ้า! แจวมาแจวจ้ำจึก น้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว
แจวเรือจะไปเจอม้าลาย แจวเรือไปเจอม้าลาย ขอเชิญน้องผู้ชายลุกขึ้นมาแจว...’
เสียงตีกลองร้องเพลงของทีมสันทนาการนักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะเกษตรที่มาเล่นรับน้องในวันแรกของการเข้ารายงานตัวในคณะสร้างความครื้นเครงและสนุกสนานให้กับน้องๆ เฟรชชี่ได้เป็นอย่างดี ในกิจกรรมวันนี้ พวกพี่ๆ ตางก็มาเหล่น้องใหม่ ส่วนน้องๆก็ร้ายใช่ย่อย แซวรุ่นพี่ซะยับ
“หนูเต้นไม่ถูกค่ะพี่ รบกวน ช่วยให้พี่คนนั้นเต้นให้ดูใหม่ได้ป่ะคะ”
“ฮิ้วววว” เสียงโห่ร้องเกรียวกราวทั้งจากรุ่นพี่และปี1ด้วยกันเองเมื่อเฟรชชี่สาวสวยบุกแซวรุ่นพี่สันทนาการคนหล่อที่ต้องยอมรับว่าดูดีสุดในกลุ่มพี่ปี2 แล้ว
“เอ่อ น้องออย จ๊ะ เพื่อนพี่คนนี้มันชื่อคิม ลูกครึ่งเกาหลี แต่มันพูดไทยไม่รู้เรื่องหรอกนะ อย่าเสียเวลาคุยกับมันเลย 555” ทันทีที่พูดจบเพื่อนๆ ก็หัวเราะชอบใจกันยกใหญ่ ก็หนุ่มหล่อคนนี้อ่ะ เรียกว่าขวัญใจสาวๆ ทั้งมหาวิทยาลัยเลยก็ว่าได้ หนุ่มลูกครึ่งไทยเกาหลี หล่อใสตามแบบฉบับหนุ่มเกาหลีทุกประการ ฐานะทางบ้านก็ไม่ธรรมดา มิหนำซ้ำยังเต้นเก่งอีก ที่สำคัญโสดด้วย เหตุนี้ คิมทันจึงเป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั่วไป
“น้อยๆหน่อยไอ้เชี่ยเม่น กันซีนกูตลอดนะมึงอ่ะ” คิมรีบสวน
“อุ้ย เสียงพูดเพราะจัง อยากได้ยินพี่พูดบ่อยๆ ซะแล้วซิ” สาวๆ เฟรชชี่เอ่ยแซวคิมต่อ จากนั้นกิจกรรมก็ดำเนินต่อไปอย่างสนุกสนาน
“ไอ้อาทิตย์ มึงดูโน่นดิ”
“กูเห็นล้ะ น่าหงุดหงิดสัส อ่อยอยู่ได้” พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดพร้อมลากเพื่อนเดินเข้าไป
“อ้ะ มีน้องๆ มาเพิ่มอีกแล้ว ฮูยยย หล่อด้วย อร้ายยย ” เสียงร้องของรุ่นพี่คนสวยเรียกสายตาทุกคนให้หันไปมองยังเป้าหมายเดียวกัน.... เออ!! มันหล่อจริงๆ ว้ะ
“อ่ะ มาๆๆๆ ไอ้หล่อทั้งสอง แนะนำตัวให้พี่ๆ เพื่อนๆ รู้จักหน่อยซิ” เม่นลากแขนน้องออกมาข้างหน้า
“สวัสดีครับ ผม เมษเมธา จิระนนกุล ชื่อเล่น เมษ ครับ” สิ้นเสียงแนะนำตัว เสียงกรี๊ดของพี่ๆ และสาวๆก็ดังเกรียวกราว
“แล้วน้องคนหล่ออีกคนละคร้า ชื่ออาราย บอกเจ๊ซิ” เจ้เจนนี่ สาวสองคนสวยสุดแสนอวบอั๋นเอยแซว
“อาทิตย์ พิพัฒน์สกุล เรียกผม ตะวัน ก็ได้ครับ” สิ้นเสียงแนะนำก็ตามคาด เสียงกรี๊ดดังกว่าเมษด้วยซ้ำ
“ไอ้อาทิตย์ มึงเอาชื่อเชี่ยไรมาเนี่ย” เมษกระซิบอย่างตกใจ
“ทำไม กุแค่ไม่อยากให้ใครเรียกกุว่าอาทิตย์ แล้วตะวันก็ไม่ใช่ชื่อเชี่ย แต่จะเป็นชื่อสำหรับเรียกกู” อาทิตย์เอ่ยอย่างวางท่าเก๊กหล่อเต็มที่ จนเมษเองก็ได้แต่พยักหน้าคล้อยตาม แต่พฤติกรรมและความมั่นหน้าขี้เก๊กของเจ้าตัวกลับสร้างความหมั่นไส้ให้ใครหลายคนได้เหมือนกัน
“อ่ะ น้องเมษกับน้องตะวัน ละกันเนอะ น้องๆ เห็นที่เพื่อนๆ เล่นไปแล้วใช่มั๊ย เดี๋ยวน้องๆ จะต้อง”
“ผมก็เต้นไม่เป็น ขอผมเต้นกับพี่คนนั้นละกันครับ อะไรก็ได้” ตะวันเอ่ยสวน
“ใจเย็นไว้ไอ้คุณตะวัน” เมษเอ่ยเบรกเพื่อน
“อ่ะ คุณคิมทัน มาทำหน้าที่สิคร้า แต่ๆๆ กูขอเพลงแมงมุมนะ กูชอบ ฮ่าๆๆ” เจนนี่เอ่ยเรียกเพื่อนสุดหล่อออกมาพร้อมกับเสียงกรี๊ดของสาวๆ ทันทีที่ได้ยินเพลงแมงมุม ส่วนเจ้าตัวก็เดินออกมาอย่างไม่เต็มใจนักแต่ก็ต้องยิ้มสู้
“เดี๋ยวกูจะจัดการมึง อีเจนนี่” คิมกัดฟันกระซิบกับเพื่อน
“อ๋อ เพลงนี้ผมเต้นเป็นครับ แต่เป็นเฉพาะแค่แมงมุมตัวผู้นะ รบกวนพี่คิมเป็นตัวเมียให้หน่อยสิครับ” ตะวันเอ่ยพร้อมยักคิ้วให้คิมท่ามกลางเสียงกรี๊ดที่หนักขึ้นจากสาวๆ
“ไอ้น้องตะวันนี่น่าสนใจแฮะ เอ้าๆๆ อย่าให้ขายหน้านะไอ้คิม ปี2 เราจะแพ้ไม่ได้ ทุกคนช่วยกันร้องนะ” เม่นเอ่ยพร้อมกับสองหนุ่มตั้งท่าแมงมุม
“อร้ายยย ขอฉันหายใจก่อน ฉันเขิน อร้ายย” เจนนี่กรีดร้อง
“อยากมาเล่นเองมั๊ยมึง กุสละให้” คิมเอ่ย
“กลัวผมหรอ คิมทัน” ตะวันเอ่ยพร้อมกระตุกยิ้ม
‘แมงมุมขยุ้มขย้ำ พอถึงตีสามขย้ำขยุ้ม แมงมุมขยุ้มขย้ำ พอถึงตีสามขย้ำขยุ้ม’ เสียงเพลงดำเนินไปพร้อมกับคนสองคนที่กำลังเล่นกิจกรรมท่ามกลางเสียงกรี๊ดของสาวๆ ไม่ขาดเสียง
...................................................
ผมชื่อ อาทิตย์ พิพัฒน์สกุล ผมไม่มีชื่อเล่นหรอก ใครๆก็เรียกผมว่าอาทิตย์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผมเป็นคนเงียบๆ เฉยๆ แต่ผมหน้าตาดี ใครๆ ก็เลยบอกว่าผมขี้เก๊ก มั่นหน้า อันที่จริงถ้าใครที่รู้จักผมดี อย่างเช่นไอ้เมษ ที่เป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่เด็กๆ ก็จะรู้ว่าผมไม่ได้ขี้เก๊ก ขี้แอ๊คอะไรหรอก ผมแค่ไม่ชอบทำกิจกรรม ไม่ชอบสังสรรค์และผมไม่ด้แข็งแรงอย่างคนปกติทั่วๆ ไป ใช่ครับ ผมมีโรคประจำตัว คือผมไม่ชอบกินผัก กินข้าวไม่ตรงเวลาบ้าง พักผ่อนก็ไม่เคยจะเป็นเวลา ทุกวันนี้ผมมีปัญหากับกระเพาะและลำไส้ผมมาก ปวดท้องบ่อยๆ แต่กินยาเดี๋ยวมันก็หายไปเองแหละ ผมเข้าเรียนในคณะเกษตร หลายคนสงสัย ไอ้เมษก็สงสัยว่าผมจะไหวเหรอ? ผมชอบหรอ? ผมสนใจทางด้านนี้จริงๆ หรอ? ก็ไม่ใช่สักอย่างครับ เป้าหมายเดียวของผมที่เข้าคณะนี้เพราะมีใครบางคนเขาเรียนอยู่ในคณะนี้ต่างหาก เรียกง่ายๆ ว่าผมตามเขามา ส่วนไอ้เมษก็ตามผมมาอีกที มันรู้ว่าผมต้องการอะไร ผมจะทำอะไรและมันไม่เคยว่าผมเลย ซ้ำยังคอยช่วยเหลือผมมาตลอด แต่จริงๆ แล้วไอ้เมษมันชอบดนตรีมาก มันร้องเพลงเก่ง เล่นกีต้าร์ได้ แต่มันก็มาเรียนตามผม ก็เคยถามมันนะว่ามึงจะตามกูมาเรียนเกษตรทำไม แน่นอนว่าผมไม่เคยได้คำตอบดีๆจากคนกวนตรีนอย่างมันหรอกครับ มันมักจะบอกแค่ว่ามันเก่ง เรียนอะไรก็ได้ อีกอย่างมันบอกว่า ถ้ามันไม่ตามผมมาเรียนเกษตรแล้วใครจะคอยช่วยเหลือผม ก็นับว่ามันเป็นเพื่อนแท้ที่ดีคนนึงเลยที่ยอมทิ้งความฝันตัวเองเพื่อมาคอยช่วยเหลือผม
16.30 น. ณ ลานกิจกรรมหน้าคณะเกษตร
“ปี1 พวกผมนัดคุณกี่โมง แล้วนี่กี่โมงแล้ว” เสียงรุ่นพี่สวัสดิภาพดังขึ้นหลังจากพบว่า น้องๆเฟรชชี่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับกิจกรรมประชุมเชียร์เท่าที่ควร
“หรือเพราะเดี๋ยวนี้คุณคิดว่า กิจกรรมที่เราจัดกันมาทุกๆ ปีนี้มันไร้สาระ มันไม่เข้ากับยุคสมัย สังคมแอนตี้แล้ว พวกคุณก็เลยไม่ให้ความสำคัญกับมัน ใช่มั๊ย!!” พี่คนเดิมเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุขึ้น
“ไม่ใช่ครับ/ค่ะ” รุ่นน้องตอบ
“ไม่ใช่หรอ? งั้นคุณบอกผมมาซิ ออย ว่าเพื่อนคุณในคณะทั้ง7 สาขาวิชานี้มีทั้งหมดกี่คน แล้ววันนี้มากันกี่คน”
“มีทั้งหมด 396 คนค่ะ แต่ เอิ่มม ตอนนี้ยังมาไม่ครบค่ะ” ออยตอบอย่างเกรงๆ
“แล้วครั้งก่อนครบมั๊ย? แล้วพวกคุณจะรับผิดชอบกันอย่างไร มองว่ากิจกรรมนี้ไม่สำคัญงั้นซิ คุณเห็นแค่ด้านเดียวที่คุณต่อต้าน คุณไม่เห็นด้านอื่นๆ ที่มันดีๆ บ้างหรอ ความพยายามของพวกผม ความเสียสละ สามัคคีร่วมแรงร่วมใจ ความเคารพให้เกียรติซึ่งกันและกัน เหล่านี้คุณไม่เห็นมันบ้างเลยหรอ แต่อย่างน้อย ความรับผิดชอบก็ควรจะมาก่อน ถ้าพวกคุณไม่มีความรับผิดชอบกับเรื่องแค่นี้ อนาคตคุณจะทำงานอะไรได้”
“ขออนุญาต ครับ”
“เพื่อนผมยังพูดไม่จบ ไม่อนุญาต!!” รุ่นพี่อีกคนเอ่ยแทรกเสียงของตะวัน
“ผมปวดท้องครับ ขออนุญาตกินยาได้ไหมครับ?” ตะวันเอ่ย
“ผมกำลังจะปล่อยพวกคุณแล้ว ทนแค่นิดเดียวให้ผมพูดจบก่อนไม่ได้รึ ใจเสาะแท้ ลุกไปเลยไป!! พี่พยาบาลอยู่ไหน มาพาเขาออกไป” เสียงไล่ของรุ่นพี่สร้างความไม่พอใจให้น้องๆ หลายคน แม้แต่ตะวันเองก็ไม่ชอบใจกับการไร้เหตุผลเช่นนี้ แต่เจ้าตัวก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
“เดี๋ยวน้องตะวันนั่งพักตรงนี้ก่อนนะ ยาของน้องเพื่อนพี่กำลังไปหยิบให้” รุ่นพี่เอ่ย
“ขอบคุณครับพี่ฟ้าใส”
“อย่าคิดมากนะ พี่เขาก็แค่ทำตามบทบาทหน้าที่ ถึงเขาจะใช้คำพูดไม่ดีนักแต่อย่างน้อยการไล่น้องออกมาทันทีมันก็ทำให้น้องไม่ต้องอยู่ตรงนั้นไม่ใช่หรอ กินยาแล้วกินข้าวกลับหอได้เลยนะ ไม่ต้องร่วมกิจกรรมแล้ว”
“แต่..”
“เชื่อพี่สิ ไม่มีใครว่าอะไรตะวันหรอก” ฟ้าใสเอ่ยพร้อมส่งยิ้มให้ตะวัน
“ครับ ผมจะกินข้าวกินยา แต่ผมขอรอไอ้เมษก่อนนะพี่ ผมมาด้วยกันอ่ะ ต้องกลับพร้อมกันครับ”
“ตามใจ นั่งอยู่แถวนี้แล้วกันนะ มีอะไรก็เรียกพี่ได้เลย” ฟ้าใสเอ่ยพร้อมส่งยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเดินกลับไปยังลานกิจกรรมหน้าคณะ
หลังเลิกกิจกรรม...
“เป็นไงมั่งไอ้อาทิตย์ มึงปวดท้องอีกแล้วหรอ ไปหาหมอมั๊ย?” ทันทีที่เลิกกิจกรรมเมษก็วิ่งตรงมาหาเพื่อนรักทันทีพร้อมกับเอ่ยถามอากรอย่างเป็นห่วง
“ดีขึ้นแล้ว ขอบใจมึงนะ”
“แน่นะ?”
“เออ กลับหอเหอะ ไปส่งกูด้วย” อาทิตย์ตัดบทก่อนจะเดินออกนำไปที่รถ
“ถ้าไม่ไหวมึงต้องบอกกูนะ เข้าใจป่าวไอ้อาทิตย์” เมษที่วิ่งตามเพื่อนไปก็ยังไม่วายกำชับเพื่อน
...................................................
3 วันผ่านไป ณ หน้าคณะเกษตร...
“เมษ” เสียงเรียกของใครบางคนดังขึ้นขณะที่เมษกำลังเดินเข้าคณะ
“เอ้า ว่าไงพวกมึง”
“ไอ้ตะวันไม่มาด้วยหรอ? มันหายไปไหนกันอ่ะ 3 วันแล้วนะ” บอส เพื่อนในสาขาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“นั่นดิ ทุกทีเห็นตัวติดกันตลอด อย่างกะแฟนกันแน่ะ” ออยเอ่ยแซวเพื่อน
“ก็วันนั้นแหละที่รับน้องอ่ะ มันปวดท้อง พอกลางดึกแม่มันก็มารับกลับบ้าน” เมษเอ่ยพร้อมหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ กลุ่มเพื่อน
“แล้วมันบอกอะไรมึงมั่งว้ะ พวกกูติดต่อมันไม่ได้เลย” บอสเอ่ย
“มันไม่ได้บอกอะไรกูเหมือนกัน นี่กูก็รู้มาจากแม่ของมันแหละว่ามันกลับบ้านไปแล้ว กูโทร.ไปถามแม่มันอ่ะ”
“ตะวันมีโรคประจำตัวหรอ?” ออยถามต่อ
“มันปวดท้องบ่อย คงเพราะมันอ่ะไม่ชอบกินผักกินผลไม้ กินอะไรก็ไม่เป็นเวลา กีฬาก็ไม่ค่อยเล่น ไม่ชอบออกกำลังกาย เนี่ย เพราะเหตุนี้ไงกูถึงต้องตามมาเรียนกับมัน ” เมษร่ายยาว
“แลมึงจะรู้จักมันดีเนอะ” บอสเอ่ยพร้อมมองหน้าเมษอย่างสงสัย
“ก็รู้จักกับมันมาตั้งแต่กู 11 ขวบอ่ะ มันเป็นเพื่อนคนแรกของกูหลังจากที่กูย้ายมาเรียนโรงเรียนเดียวกับมัน” เมษตอบไม่เต็มคำนัก ใช่แล้ว เขารู้จักกับอาทิตย์มานาน รู้ทุกอย่างของเพื่อนคนนี้ดี
“แต่กิจกรรมดิวะ เมื่อวานตะวันไม่เข้าประชุมเชียร์ วันนี้ก็ไม่มาอีก ไอ้พี่กอล์ฟกับเพื่อนก็ชอบจี้ถามแต่กู เชี่ย วันนี้กูว่ากูโดนอีกแน่ๆ” ออยบ่น ซึ่งจากกิจกรรมรับน้องสองครั้งที่ผ่านมากอล์ฟที่รับหน้าที่เป็นพี่สวัสดิภาพจะคอยมาป้วนเปี้ยนแถวๆ ออยตลอด แม้ว่ากอล์ฟจะหน้าตาดี หล่อเข้มแบบไทยๆ แต่เวลาดุก็น่ากลัวชะมัด
“พี่เขาแอบชอบมึงอยู่รึเปล่า แบบหาเรื่องคุยกับมึงอะไรแบบเนี้ย” เมษแซว
“ใช่ม้ะ ไอ้เมษก็คิดแบบกู ผู้ชายด้วยกันมันมองกันออกเว้ยออย พี่กอล์ฟอ่ะต้องสนใจมึงแน่ๆ” บอสเสริม
“ชิ ผู้ชายที่ขึ้นเสียงกับชั้น อย่าหวังว่าชั้นจะเอา” ออยกล่าวพร้อมเชิดหน้าจนหนุ่มๆ ทั้ง2 อดขำไม่ได้
“เอ้า ขึ้นเรียนกันเถอะ เย็นนี้มีกิจกรรมประชุมเชียร์อีก ไปๆๆ” บอสเอ่ยตัดบทก่อนจะลากกันขึ้นห้องเรียน
16.30 น. ณ ลานกิจกรรมหน้าคณะเกษตร...
“วันนี้ กิจกรรมประชุมเชียร์ ครั้งที่ 3 แล้ว พวกคุณก็ยังมากันไม่ครบ” พี่กอล์ฟคนเดิม เอ่ยพร้อมเหล่สายตามายังออย
“บางคนก็เรื่องเยอะ เงื่อนไขเยอะ ข้ออ้างเยอะ แพ้นั่นแพ้นี่ ทนความยากลำบากไม่ได้ ความอดทนความพยายามไม่มี คุณถามตัวเองบ้างป่าวครับว่าคุณเข้ามาคณะนี้ทำไม เกษตรเราติดดิน อยู่กับแดดกับลม คุณทนมันไหวมั๊ย คุณรักในงานเกษตรมั๊ย กิจกรรมประชุมเชียร์ของเราถูกปรับให้เป็นการปฏิบัติ ให้เป็นกิจกรมสร้างสรรค์ ในแต่ละครั้งที่นัดพวกคุณมา นอกจากให้ความรู้ให้แนวทางในการใช้ชีวิตในระหว่างที่คุณอยู่ในมหาวิทยาลัยแล้ว เรายังให้คุณได้ร่วมกันทำกิจกรรมสร้างสรรค์มากมาย ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เดี๋ยวพวกคุณก็จะได้เจอมันอย่างเต็มรูปแบบอยู่แล้วในระหว่าง 4 ปีนี้” พี่กอล์ฟเอ่ย
“แต่น่าเสียดาย ที่พวกคุณไม่สนใจใส่ใจและไม่ให้ความสำคัญกับกิจกรรมเหล่านี้เลย” พี่สวัสดิภาพอีกคนเอ่ย
“ก็แล้วแต่นะครับ คณะเกษตรของเราไม่มีหรอกครับลูกคุณหนูที่ทนลำบากทนความเหน็ดเหนื่อยไม่ได้น่ะ ถ้าคิดว่ากิจกรรมแค่นี้คุณทนไม่ได้ คุณก็ไม่ต้องอยู่ในคณะนี้หรอกครับ ปฏิบัติมากมายรอคุณอยู่ในหลายๆ วิชา คุณไม่รอดแน่ๆ”รุ่นพี่อีกคนแทรก
“คุณ ยืนขึ้นแล้วตอบผมซิ สาขาคุณมีกี่คน แล้ววันนี้มากันครบมั๊ย?” พี่กอล์ฟวนมาถามออยจนได้
“เอิ่มม มีทั้งหมด40 คน วันนี้เข้ากิจกรรม 39 คนค่ะ” ออยตอบ
“หายไปไหนคนนึง” กอล์ฟเอ่ยถาม
“ออ ลืมไป เพื่อนคุณคนนั้นคงร่วมกิจกรรมกับเราไม่ได้ ผมภาวนาให้เขาแข็งแรงกว่านี้นะครับ เพื่อตัวเขาเองจะได้เรียนจบตามที่เขาตั้งใจ” รุ่นพี่เอ่ยแทรกก่อนที่ออยจะตอบ และหลังจากสิ้นเสียงของรุ่นพี่ก็มีเสียงของใครอีกคนเอ่ยแทรกขึ้นมา
“ขอบคุณครับ แต่ผมไม่ได้หายไปไหน แค่ผมมาช้า ขอโทษด้วยครับ” เสียงเอ่ยแทรกของตะวันพร้อมรอยยิ้มกว้างนั้นสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนที่หันไปมองได้เป็นอย่างดี
“ไหนมึงว่ามันกลับบ้านไงว่ะ ไอ้เมษ” บอสกระซิบถามเพื่อน
“ก็แม่มันบอกกูแบบนี้ มันคงดีขึ้นแล้วเลยมาทำกิจกรรมแหละมั้ง” เมษเอ่ยแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ ปกติอาทิตย์จะโทร.หาตนตลอดและไม่มีทางที่เพื่อนจอมเก๊กของมันจะส่งยิ้มออกมาได้ง่ายๆ แบบนี้
“มาได้ก็ดี ผมหวังว่าวันนี้คุณจะสามารถอยู่ร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ ได้ตลอดนะ” กอล์ฟเอ่ย
“แน่นอนครับพี่ ว่าแต่ อาทิตย์นั่งตรงไหนนะ”
“หื้มมม”
“เอิ่มม หมายถึง ผมต้องไหนตรงไหนครับ” ตะวันเอ่ยพร้อมยิ้มกว้าง
“เชี่ยย มันป่วยจนสมองเพี้ยนลืมที่นั่งตัวเองเลยหรอวะ” บอสเอ่ยพร้อมทำท่าเศร้าอย่างเสแสร้ง
“ที่นั่งคุณ อยู่ทางนั้น เชิญ” กอล์ฟชี้ไปทางเมษและบอส ตะวันจึงพยักหน้ารับก่อนจะวิ่งไปนั่งยังที่ว่างข้างๆ เพื่อน
“ไงเมษ บอส คิดถึงพวกมึงจัง”
“มึง โอเค มั๊ยว่ะ” บอสถาม
“อื้ม โอเค กูมาละ” ตะวันตอบพร้อมส่งยิ้มให้
‘มึงแปลกไปนะ ไอ้อาทิตย์’
ครับ และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวผมครับ ผมชื่อแทนตะวัน แต่ใครๆ ก็เรียกผมแค่ตะวัน เพราะเรียกง่ายกว่า ผมมีน้องชายครับ มันชื่ออาทิตย์ เราไม่เคยได้เจอกันเลยตั้งแต่อายุ 9 ขวบ จนตอนนี้ผม 18 แล้ว นับๆแล้วก็ 9 ปีแล้วสินะ ตั้งแต่ตอนนั้นก็พ่อแม่ของเราแยกทางกัน ผมไม่รู้หรอกว่าพวกเขามีปัญหาอะไรกัน เพราะตอนนั้นผมก็ยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจ รู้แต่ว่าผมได้มาอยู่กับพ่อ ส่วนน้องชายผมยู่กับแม่ 9 ปีที่ผ่านมาผมไม่ได้ติดต่อกับแม่เลย ไม่เคยไปหาพวกเขาด้วยซ้ำ แต่วันนี้จู่ๆ พ่อก็มาบอกว่าเราจะย้ายกลับไปอยู่กับแม่กับน้อง ก็ไม่รู้อีกนั่นแหละครับว่าพ่อกับแม่ผมเขาแอบคุยกันและคืนดีกันตอนไหน หรือคืนดีกันเพราะมีเหตุผลอื่นอะไรแต่ถามว่าผมโอเคไหมผมก็โอเคดิครับ ครอบครัวจะได้สมบูรณ์เหมือนคนอื่นเขาสักที แต่ทว่าความเป็นจริงของเหตุการณ์ครั้งนี้มันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดทั้งหมดนั่นสิครับ มันมีบางอย่างซ่อนไว้ในการกระทำของผู้ใหญ่ บางสิ่งที่ผมพึ่งจะรับรู้มาได้ไม่นานและเป็นสิ่งที่แสนจะเจ็บปวด
.............................................................................................................................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ