DREAMS COME TRUE จากฝัน...ถึงเธอ

10.0

เขียนโดย winnerella

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 12.04 น.

  17 บท
  0 วิจารณ์
  16.71K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 17.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) อยากเจอ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
... (ธารา) ...
วันรับน้องได้เริ่มขึ้น ผมเองในฐานะพี่วินัยจำเป็นต้องตื่นเช้า เพื่อมาจัดแจงสถานที่ ดูความเรียบร้อยของทุกฝ่าย อีกทั้งยังต้องแต่งตัวด้วยชุดกาวน์ยาวสีขาวทับชุดนักศึกษาอันเป็นเครื่องหมายของพี่ปีสี่ เพื่อที่จะได้ติดต่อกับคณะเรื่องต่างๆ ได้อย่างสุภาพ กิจกรรมเริ่มขึ้นเมื่อเวลาแปดโมงครึ่ง ที่ลานหน้าหอใน เสียงกลอง เสียงเพลงของเหล่าพี่สันทนาการดังขึ้น เพื่อต้อนรับน้องที่เริ่มทยอยมา เหล่าเฟรชชี่ปีหนึ่งต่างแต่งกายด้วยชุดนักศึกษาถูกระเบียบ พร้อมกับสัมภาระที่ดูเทอะทะสำหรับการอยู่หอใน ยังดีที่คณะเราได้จัดพี่ๆ คอยช่วยยกของน้องๆ ขึ้นไปไว้หน้าห้องพักเหมือนทุกๆ ปี จนกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้ว
หลังจากจัดการในส่วนต่างๆ เรียบร้อยผมกับเพื่อนพี่วินัยก็ได้ถึงเวลาพักสักที เราเลือกไปนั่งพักที่ร้านกาแฟร้านประจำของเรา หน้าร้านตกแต่งด้วยต้นไม้สีเขียวๆ ดูเย็นตา ภายในร้านมีโต๊ะนั่งอยู่ไม่มาก แต่ก็ไม่ค่อยมีคนมานั่งเท่าไรหรอกครับ เพราะร้านนี้มันไม่มีแอร์ เราได้ความเย็นจากแค่ลมเบาๆ จากพัดลมเก่าๆ ส่วนใหญ่คนมักจะมาสั่งแล้วเอาไปกินที่อื่นมากกว่า เมนูประจำของผมคือ ชาไทยหวานน้อย อันที่จริงไม่ใช่เมนูที่ผมชอบหรอกครับ แต่เป็นเมนูที่คนรักของผมที่สุดชอบ
"แม่งเหนื่อยชิบหายเลยว่ะ ไม่คิดว่าการจัดกิจกรรมรับน้องมันจะเหนื่อยขนาดนี้" ไอ้สายฟ้าพูดขึ้นมาพร้อมกับหยิบนมชมพูที่มันชอบขัดกับบุคลิกมันขึ้นมาดื่ม
"เออ จริง แม่งเหนื่อยมาก" เสียงเพื่อนวินัยเสริมความเห็นด้วยกับคำพูดสายฟ้า
"ก็ยังดีหน่อยปีนี้ ได้ไปเที่ยวข้างนอกบ้าง รุ่นพี่ก็เก่งเนาะ ไปขออาจารย์ได้"
"เออ เก่ง เก่งที่มาโดนปีกูเนี่ย แม่งเหนื่อยขึ้นอีก" มันก็จริงอย่างที่สายฟ้ามันพูด แค่จัดกิจกรรมรับน้องในมหาวิทยาลัยแม่งยังเหนื่อยขนาดนี้ แถมปีนี้ยังเป็นปีแรกที่รับน้องนอกสถานที่อีกมันจะเหนื่อยขนาดไหน ไม่อยากจะคิดเลย
"เออ ไอ้ธาร เรื่องสถานที่ ตกลงว่าไงบ้าง"
"เรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาอะไร เหลือแค่เรื่องติดต่อรถบัสของคณะแค่นั้น"
"อืม งั้นกูฝากมึงด้วยนะ เพื่อนรักของกู"
"..." ผมไม่ได้พูดอะไรตอบ ผมรู้เพียงแค่ว่าถ้าผมเงียบไว้ไม่เสนอความคิด ผมก็คงไม่ต้องติดต่อหรอก
พวกเรานั่งรอที่ร้านนั้นกันไปเรื่อยๆ เฝ้าดูเหล่าสันทนาการให้ความบันเทิงแก่น้องปีหนึ่งที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเต็มใจอยากจะเต้นเพลงที่พวกมันร้องสักเท่าไร ไม่นานสิ่งที่ทำให้ผมต้องหยุดให้ความสนใจกับสันทนาการ สายตาผมได้เห็นเด็กนักเรียนคนนั้นที่เคยเจอในร้านหมูกระทะอีกครั้ง ทำไมผมรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก หลังจากที่เจอกันครั้งนั้น ผมคิดว่าในชีวิตนี้ผมอาจจะไม่ได้เจอเขาคนนั้นอีกแล้ว ชีวิตผมกลับเปลี่ยนไปจากคนที่ไม่เคยคิดจะรอคอยใครอีกแล้วในชีวิต กลับกลายเป็นว่าผมรอคอยที่จะเจอคนคนนี้ให้ได้อีกครั้ง
เพื่อนวินัยคนอื่นๆ เริ่มทยอยกลับไปทำงานที่ตนเองค้างอยู่ เหลือแค่ผมกับสายฟ้าที่ยังนั่งพักอยู่ที่ร้านกาแฟ
"มึง กูมีเรื่องอยากจะถาม" คำถามที่ผมพูดไปเป็นสิ่งที่ทำให้สายฟ้าหันมาให้ความสนใจกับผมอีกครั้งหนึ่ง
"อะไรอะ ว่ามา"
"มึงเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม..." คำถามผมมันคงยากไปสำหรับมันหรือเปล่า คิ้วของคนตรงหน้าผมขมวดเข้าหากัน
"...แบบว่า มึงอยากเจอใครสักคน หรือมึงรออะไรสักอย่างหนึ่ง ที่มึงคิดว่าอาจจะไม่มีทางได้เจอแล้ว แล้วอยู่ๆ มึงก็ได้เจอ" ผมพยายามอธิบายรายละเอียดของคำถามให้กับคนฟังอย่างเต็มที่เผื่อจะได้คำตอบ
"อะ เออ กูก็ ...ไม่รู้ดิ ไม่มีประสบการณ์"
ผมไม่ได้คำตอบในสิ่งที่ผมถาม แต่ผมก็เพิ่งจะเชื่อ เมื่อเจอกับตัวในวันนี้
หลังจากที่กิจกรรมสันทนาการที่ลานหน้าหอในเสร็จสิ้นลง พวกเราก็ให้น้องๆ แยกกันกลับไปหอเพื่อพักผ่อนก่อนถึงกิจกรรมช่วงเย็น พวกเราต่างเก็บสถานที่ไปพร้อมๆ กับจัดสถานที่ทำกิจกรรมในช่วงเย็นที่หอประชุมกลางของหอในมหาวิทยาลัยให้ทันกับเวลาที่นัดหมายน้องไว้
ถึงเวลานัดหมายเหล่าน้องเฟรชชี่ปีหนึ่งต่างเข้าร่วมกิจกรรมที่เราจัดให้ กิจกรรมก็มีเล่นเกมตามฐาน เต้นเพลงสันทนาการ รวมทั้งแนะนำตัวพี่วินัย พี่หลีด เวลาผ่านล่วงเลยไปจนถึงกิจกรรมสุดท้ายเป็นกิจกรรมที่ให้น้องๆ เขียนลักษณะตัวเองลงในซองจดหมายเพื่อที่จะให้เพื่อนตามหาว่าลักษณะนั้นเป็นใคร
“ผมทรงรองทรง สีผมน้ำตาลเข้ม สูงประมาณร้อยเจ็ดสิบห้า ใส่แว่นบ้างไม่ใส่บ้าง มีแก้มกลมๆ แต่ไม่อ้วนนะ” เสียงของคนนำกิจกรรมดังขึ้น เป็นสัญญาณที่ให้คนที่เล่นกิจกรรมต่างพากันวิ่งหาว่าใครคือคนนั้น ผมยืนดูกิจกรรมอยู่ประตูทางออกของหอประชุมกับไอ้สายฟ้า เพื่อนพี่วินัยหลายคนก็กลับไปกันเกือบหมดแล้วเพราะเหนื่อยกันมามากยังต้องเก็บแรงไว้ทำจัดกิจกรรมของวันพรุ่งนี้อีก ที่จริงผมจะกลับเลยก็ได้ แต่ผมเลือกที่จะอยู่ดูจนจบกิจกรรม
“ไอ้ธาร กูกลับก่อนนะ กูเหนื่อยมากเลยอ่ะ ต้องเก็บแรง” ไอ้สายฟ้าดูท่าจะอยู่เป็นเพื่อนผมไม่ไหวแล้ว มันคงเหนื่อยจริงๆ เป็นหัวหน้าพี่วินัย มันต้องรับผิดชอบหลายเรื่อง แถมต้องตื่นเช้ากว่าใครเพื่อน ผมก็สงสารมันก็เลยตามใจมัน
“เออ กลับไปเลย เดี๋ยวกูดูต่อเอง”
“เฮ้ยยยย อย่าบอกนะมึงติดใจน้องปีหนึ่งอ่ะ คนไหน น่ารักป่ะ”
“ไอ้สัส มึงกลับไปเถอะ” ผมพูดพร้อมเอามือหนาของผมตบหัวมันเบาแกมหยอก
“เออ กูไม่กวนตีนมึงและ กลับไปนอนตีพุงดีกว่า”
คนที่กำลังเล่นกิจกรรมต่างหาคนที่มีลักษณะนั้นอยู่นานเกือบสิบนาทีก็หาไม่เจอจนเจ้าของกิจกรรมตะโกนบอกให้ทุกคนนั่งลงแล้วยอมแพ้กับเกมนี้ เลยบอกให้คนที่เขียนลักษณะนั้นออกมาเฉลยตัวตนสักที
“ออกมา ออกมา ออกมา” เสียงเชียร์เร่งเร้าของผู้คนในหอประชุมดังขึ้นเป็นระยะๆ
ก่อนจะมีเสียงของน้องปีหนึ่งคนหนึ่งดังขึ้นมาขัดจังหวะเชียร์นั้น
“พี่คร้าบบบบบ ไอ้คนนั้นมันคือคนนี้ครับ”
คนนี้ คือคนที่ผมให้ความสนใจตลอดกิจกรรม ก็คือเด็กนักเรียนคนนั้น เด็กผู้ชายดูขี้อายค่อยๆ ลุกเดินออกไปหน้าพอประชุม“แอปเปิล แอปเปิล แอปเปิล มะละกอ มะละกอ มะละกอ กล้วย กล้วย กล้วย ส้ม ส้ม ส้ม แอปเปิล มะละกอ กล้วย ส้ม” เสียงร้องประกอบท่าเต้นดังไปทั่วหอประชุม
ผมไม่สามารถละสายตาจากคนคนนั้นได้
ใจผมสั่น...
“คิดถึงจัง”
 
เช้าวันนี้พี่วินัยอย่างผมยังต้องเตรียมกิจกรรมรับน้องเหมือนเดิมตั้งแต่เช้า เราใช้เวลาจัดสถานที่ที่หอประชุมกลางของหอในไว้สำหรับกิจกรรมในช่วงเย็น วันนี้พิเศษหน่อยเพราะเราจะมีกิจกรรมเฉลยพี่รหัส ผมว่าในบรรดากิจกรรมรับน้องมันคือสิ่งที่น้องปีหนึ่งทุกคนตั้งตารอคอยมากที่สุด จะได้เจอรุ่นพี่ปีอื่นๆ แถมยังมีการกินเลี้ยงสังสรรค์อีกด้วย งานกินเลี้ยงไม่ต้องพูดเยอะ ไอ้สายฟ้าผู้เป็นหัวเรือใหญ่ของงานได้จัดสถานที่ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ไม่ใกล้ไม่ไกล และไม่เคยเปลี่ยนแปลงนั้นก็คือ หมูกระทะ
เราใช้เวลาจัดสถานที่ตั้งแต่เช้าจนเที่ยง ยังดีที่หน้าหอในมีศูนย์อาหาร ทำให้เรื่องกินของเราไม่ต้องมีอะไรน่าเป็นห่วง ต่อให้จะมีร้านไม่มากแต่ก็พอประทังชีวิตเราได้ พวกเรานั่งกินข้าวกล่องที่เราสั่งมาที่หน้าหอประชุม ผมมองไปรอบๆ จนเห็นสิ่งที่ผมตามหา...
“เออมึงเดี๋ยวกูมานะ”
“มึงจะไปไหน ไอ้ธาร!!!” หัวหน้าพี่วินัยบ่นผมราวกับว่าผมทำอะไรผิด
“เออ กูหิวน้ำ เดี๋ยวกูไปซื้อน้ำก่อนนะ” หลังจากผมพูดจบ ผมก็เดินออกมาโดยไม่ได้หันไปฟังว่าคนที่ได้ยินจะอนุญาตหรือไหม ได้ยินเพียงเสียงบ่นตามหลังเบา
ผมรีบเดินไปร้านกาแฟหน้าหอในร้านประจำผม ผมเห็นน้องปีหนึ่งคนหนึ่งกำลังเปิดประตูเข้าร้านไป ผมไม่รอช้าที่จะรีบเดินเข้าไป ผมไม่อยากให้ความคิดถึงของผมมันจะทำร้ายผมไปมากกว่านี้ เมื่อเข้าไปใกล้ ใจของผมตอนนี้เต้นแรงขึ้นทุกที ในใจผมมันบอกแค่ว่า อยากเจอ
“ชาไทยหวานน้อยครับ”
ที่แรกผมเพียงแค่อยากจะสั่งเมนูตัดหน้าน้องเขาเท่านั้นเอง จะได้เป็นตัวเปิดประเด็นทำความรู้จักเผื่อได้คุยกัน แต่กลับกลายเป็นว่าเสียงของผมกับน้องปีหนึ่งคนนั้นพูดประสานกันราวกับในใจนั้นคิดเหมือนกัน
เจ้าของร้านตอบรับเมนูของเรา ก่อนจะเดิมไปจัดการสิ่งที่พวกเราได้สั่งไป
ก็เป็นอย่างที่ผมคิด น้องเขาทักผมก็จริง แต่ดูจะกลัวๆ ผมสักหน่อย เห็นท่าไม่ดีจึงรีบชิงพูดไปก่อน
“ไม่ต้องกลัวพี่ขนาดนั้นหรอกครับ”
แล้วไงต่อดี พูดไรต่อ
“ไปนั่งรอตรงนั้นไหม” ผมรีบหาวิธีที่ผมจะได้คุยกับน้องเขาต่อ ผมชิงหาที่นั่งเพื่อที่เราจะได้ทำความรู้จักกัน เราเดินมาที่โต๊ะนั่งในร้าน ผมนั่งนิ่งเงียบ ผมอยากจะพูดกับน้องแต่ผมกลับกลายเป็นว่านั่งนิ่งเงียบ ไม่มีอะไรจะคุยกับน้องเขาเลย มันมีแต่คำว่าคิดถึงที่ดังอยู่ในหัวผม
“ผมชื่อ ปอ ครับ รหัส 073” เสียงเด็กน้อยคนดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ น้องเขาพูดกับผมแล้ว ผมเพียงได้แต่ตอบไปเพียงแค่ชื่อของผมเท่านั้น
"พี่ชื่อธารา เรียกธารก็ได้"
ในหัวผมคิดถึงแต่เลขสามหลักนั้น
073 มันรหัสของเพื่อนผมนิ มันรหัสของไอ้สายฟ้า
ความเงียบยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง ทั้งที่ผมเป็นคนอยากคุยแท้ๆ แต่กลับว่าคนที่ชวนผมคุยกับเป็นเด็กผู้ชายที่นั่งข้างผมแทน
“สร้อยข้อมือจี้รูปดาวสวยดีนะครับ”
หัวใจผมแทบจะหยุดเต้น เมื่อได้ยินประโยคนี้ สร้อยข้อมือจี้ดาวอันนี้ มันเป็นสิ่งที่คนที่ผมรักมากที่สุดให้กับผมมา ความรู้สึกเศร้าถาโถมเข้ามาในใจผมอีกครั้ง ผมคิดถึงเธอเหลือเกิน ผมพอจับสีหน้าของคนถามได้ว่า คงเห็นความผิดปกติของแวดตาสีหน้าของผม
เสียงเรียกของเจ้าของร้านดังขึ้น ทันเวลาก่อนที่น้ำตาผมจะไหลออกมา
"ไปเอาน้ำกันเถอะครับ"
ผมได้แต่ทำตามประโยคนั้น สายตาของเด็กคนนี้ยังคงเหมือนรู้สึกผิดที่ถามผมไปอย่างงั้น ผมอยากจะพูดว่าไม่ต้องคิดมากใจจะขาดอยู่แล้ว แต่ก็พูดไม่ออก
"เจอกันตอนเย็นนะครับ" คำพูดจากลาของเด็กคนนี้ทำให้ผมเหมือนใจจะขาด ผมยังไม่อยากไปไหน ยังอยากอยู่ตรงนี้กับคนคนนี้อยู่
ผมได้แต่เพียงพยักหน้า เราต่างเดินไปหยิบเมนูที่เราสั่งไปนั้น ก่อนจะเดินแยกย้ายกันออกไป ผมหันไปมองด้านหลัง เด็กคนนั้นเดินจากผมไปเรื่อยๆ ผมเจ็บใจตัวเองมากที่อยากจะคุย อยากจะเจอเองแท้ๆ แต่กลับปล่อยให้โอกาสที่มีหลุดไป ผมทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้เลย
ผมเดินกลับมาที่หอประชุมที่ทุกคนเริ่มแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ต่างๆ ของตัวเอง มีเพียงสายฟ้าที่ยืนจ้องมาที่ผมขณะที่กำลังเดินกลับไปหามัน
“โห่ ไปนานจังหวะ”
“โทษที คนมันเยอะ เลยรอนาน”
ทันทีที่ผมเห็นหน้ามัน ผมไม่รอที่จะถามคำถามที่ผมต้องการจากมัน
“เออ ไอ้สาย น้องรหัสปีหนึ่งมึงคือใครวะ”
“เอ๋ มันชื่ออะไรวะ" มันทำถ้านึกอยู่นานจนในใจผมคิดว่ามึงเคยจำอะไรได้บ้างไหม "เหมือนจะชื่อ ปอ มั้ง”
โอเค ยังดีมันจำได้ ความหวังของผมยังพอมีแสงปลายทาง
“มีเฟสบุ๊ก ไลน์ เบอร์หรืออะไรที่ติดต่อน้องเขาได้ไหม”
“มึงจะเอาไปทำไมว่ะ” คำขอของผมเป็นที่สงสัยให้กับมันเป็นอย่างมาก
“เออนะ มีไหม”
“เออแป๊บหนึ่งกูหาก่อน” มันก้มหยิบมือถือมันขึ้นมาหาชื่อในเฟสบุ๊กก่อนจะยืนให้ผม
“อะนี้ กูเจอแหละ”
ผมมองไปที่โทรศัพท์มัน ก่อนจะเห็นชื่อเฟสบุ๊กของคนที่ผมต้องการ
Por Thawin
ผมรีบพิมพ์ชื่อที่ผมเห็นลงบนช่องค้นหารายชื่อในเฟสบุ๊ก ก่อนจะเดินหันหลังให้กับสายฟ้าอย่างไม่มีเยื่อใย ตอนนี้มันหมดประโยชน์แล้ว
"มึงจะไปไหนอีก" มันยังคงสงสัยในสิ่งที่ผมทำ
"เออ เข้าห้องน้ำ เดี๋ยวมา" ผมก็คงไม่ได้ฟังเสียงมันบ่นตามหลังอยู่ดี ที่จริงผมไม่ได้จะไปเข้าห้องน้ำหรอก ผมเพียงอยากหาสถานที่เงียบๆ เพื่อจะคุยกับน้องคนนั้นอีกครั้ง
รายชื่อที่ผมค้นหาแสดงขึ้นมา รูปโปรไฟล์ของชื่อนั้นเป็นรูปของเจ้าตัวที่ใส่ชุดนักเรียน ผมสั้นๆ แต่ดูเข้ากันดี ใบหน้ายิ้มแย้มชูเหรียญรางวัลสีทองสักอย่างหนึ่ง น่ารักดีครับ แต่ผมไม่รู้ว่าเป็นเหรียญจากการแข่งอะไร
ผมเอานิ้วโป้งสัมผัสไปที่ชื่อนั้น ก่อนเลื่อนหาปุ่ม เพิ่มเพื่อนในเฟสบุ๊ก ใจผมเต้นตุบ ตุบ ตุบ อีกครั้ง ในใจคิดว่าจะกดดีไหมน้า ทำไงดี ทำไงดี ผมกลั้นใจกดปุ่มนั้นไป กดพักหน้าจอ ผมเอามือถือมาแนบที่อกของผม หายใจเข้าออกอย่างช้า เพื่อลดความตื่นเต้น รอไม่ถึงเสี้ยงวินาที
ติ๊ง
เสียงแจ้งเตือนจากเฟสบุ๊กก็ดังขึ้น มันแจ้งเตือนว่าคนที่ผมส่งคำขอร้องเป็นเพื่อนไปตอบรับคำขอของผมแล้ว ผมไม่รอที่จะกดไปที่ช่องแชทเพื่อคุยกับปอ ผมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง ก่อนจะกล้าพิมพ์ข้อความส่งไป
Thara Thuntiyakul ปอ นี่พี่ธารเองนะ
พี่ขอโทษที่ทำสีหน้าแบบนั้นกับเรา
พี่ไม่ได้ตั้งใจ
ผมรีบพิมพ์ข้อความเป็นชุดๆ แล้วกดพักหน้าจอ รอว่าคนนั้นจะตอบผมไหม
ติ๊ง
ผมดูข้อความที่แจ้งเตือนบนหน้าจอมือถือผม ปอตอบผมแล้ว ผมรีบเปิดข้อความนั้นอ่านทันที
Por thawin ไม่เป็นไรครับพี่ธาร ที่จริงผมน่าจะเป็นฝ่ายขอโทษพี่มากกว่านะครับ
ผมอ่านข้อความตอบกลับนั้น อยู่ๆ ผมก็ยิ้มออกมาไม่รู้ตัว
Thara Thuntiyakul ยังไง พี่ขอโทษจริงๆ นะ
Por thawin ครับ เจอกันตอนเย็นนะครับ
ผมคิดแล้วคิดอีกว่าจะพิมพ์ตอบกลับข้อความนี้ว่าอะไรดี เพราะเคยตอบกลับด้วยการพยักหน้าแค่นั้นเอง ผมเลยตัดสิ้นใจส่ง....
Thara Thuntiyakul สติ๊กเกอร์รูปหมีดีใจ
มันคงดีที่สุดแล้วมั้ง หลังจากส่งไปนั้น ข้อความสติ๊กเกอร์ผมก็ถูกเปิดอ่าน ใจผมสั่น...
 
กิจกรรมเฉลยพี่รหัสก็ได้ผ่านพ้นไป หลังจากนั้นก็เป็นการกินเลี้ยงสังสรรค์ของสายรหัส เหล่าบรรดาพี่รหัสต่างพาน้องรหัสตนเองไปที่ร้าน แต่ผมซึ่งเป็นคนดูแลความเรียบร้อยของหอประชุมหลังเลิกงานจำเป็นต้องไปคนสุดท้าย ผมขับมอเตอร์ไซค์คู่ใจของผมไปยังร้านหมูกระทะร้านเดิม ทุกสายรหัสต่างนั่งภายในร้านเต็มทุกพื้นที่ ผมได้แต่ยืนมองหาโต๊ะของสายรหัสผม ก่อนจะมีเสียงเรียกจากพี่รหัสผม
“ธารมา นั่งตรงนี้”
มองเดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างไอ้สายฟ้าที่มันเหลือวางไว้ให้กับผม ผมกลับทำตัวไม่ถูกที่เห็นคนที่นั่งตรงหน้าผมเป็น ปอ... ความคิดถึง มันกลับมาในความคิดผมอีกครั้ง การรอคอยของผมมันจบลงที่ตรงนี้ การรอคอยที่ผมเคยคิดว่าไม่มีทางเป็นจริงอีกแล้ว กับเป็นจริงอีกครั้งในวันนี้
 
“ผมชื่อ ปอ ธาวิน ฤทัยภัทร สาย073 มาจากโรงเรียนศึกษาพัฒน์ จังหวัดพิษณุโลก ชอบกินไข่เจียวหมูสับ ชอบมากถ้าใส่ดอกอัญชันด้วย ผมไม่ชอบกินผัก เพราะมันเหม็นเขียว แล้วสิ่งที่ผมชอบอีกอย่างหนึ่งคือชาไทย”
คำพูดแนะนำตัวของปอ ทำให้ผมละจากการทำทุกอย่าง หัวใจผมถูกบีบแรงอีกครั้ง ผมเพียงได้แต่พูดด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า
“ป่าน”
หลังจากที่เรากินหมูกระทะเสร็จ โอกาสของผมยังมีอยู่ ไอ้สายฟ้ามันยังเมาไม่ถึงใจมันจะไปต่อกับเพื่อนๆ และรุ่นน้อง มันเลยขอให้ผมไปส่งน้องรหัสมันแทน น้องคนนั้นไม่ใช่ใคร คือปอ
ผมขับมอเตอร์ไซค์พร้อมกับมีปอซ้อนมาด้วย ดูท่าทางจะเกร็งกับการซ้อนผมไม่ใช่น้อย ต่อไปถ้าซ้อนพี่บ่อยๆ อาจจะไม่เกร็งแล้วก็ได้นะ เรามาถึงหน้าหอ จอดรถที่ลานข้างศูนย์อาหาร ผมหยิบของที่อยู่บนมือของปอ มาถือโดนไม่สนใจว่าคนคนนั้นจะพูดห้ามอะไรหรือไหม
เราสองคนเดินมาถึงหอ คุยกับเล็กน้อย ก่อนผมจะเดินตรงขึ้นไปชั้นสี่ ห้องของปอโดนไม่สนใจคำพูดเกรงใจของปอ ผมเพียงคิดว่าโอกาสของผมมาถึงแล้ว สภาพห้องในส่วนของปอ เรียบร้อยดี สะอาดสะอานต่างจากส่วนของรูมเมทโดยสิ้นเชิง
“ให้พี่เอาของวางไว้ตรงไหน” ผมถามปอขณะที่เจ้าตัวกำลังยุ่งกับการปิดบานเกล็ดที่หน้าต่างห้อง
“เอาวางบนโต๊ะหนังสือผมเลยครับพี่ธาร”
ผมหันไปที่โต๊ะอ่านหนังสือของปอ ผมเห็นสมุดเล่มหนึ่งว่าเปิดไว้อยู่บนโต๊ะ
ข้อความในไดอารี่บนโต๊ะของปอ ทำให้ใจของผมดำดิ่งสู่ความหลัง เรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดลงบนไดอารี่เล่มนี้มันเหมือนกับสิ่งที่ผมเคยเจอมาเมื่อช่วงเวลาที่ป่านยังมีชีวิตอยู่ทำไมปอถึงรู้เรื่องราวนั้นได้ ทำไมปอเหมือนป่านขนาดนี้ ปอ คือใครกันแน่
ความฝัน...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา