DREAMS COME TRUE จากฝัน...ถึงเธอ

10.0

เขียนโดย winnerella

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 12.04 น.

  17 บท
  0 วิจารณ์
  16.72K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 17.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) ความฝัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
หลังจากที่กินข้าวกลางวันเสร็จ เหลือเวลาช่วงบ่ายที่ว่างก่อนจะไปเข้าร่วมกิจกรรมห้องเชียร์ตอนหนึ่งทุ่มตรง ผมแยกย้ายกับพาวและดวงกลับหอ เพื่อจะได้พักผ่อนให้สบายตัว ก่อนจะไปรับน้องซึ่งเราไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไรบ้าง ออมแรงไว้ดีกว่า ผมคิดงั้น
เปิดแอร์ นอนบนเตียงนุ่มๆ อุ่นๆ คงเป็นสวรรค์ของใครหลายคน ผมก็เช่นกัน ผมปัดมือถือ เข้าๆ ออกๆ แอปพลิเคชั่น ระหว่างเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรมไปมา ก่อนจะพบเสียงแจ้งเตือนจากเฟซบุ๊กดังขึ้น พร้อมกับเห็นชื่อของคนคนหนึ่งที่ส่งคำขอเป็นเพื่อนมากับผม
Thara Thuntiyakul
"พี่ธาร" ผมได้แต่ตะโกนชื่อของคนที่ส่งคำร้องขอเป็นเพื่อนมา ทำไมพี่เข้าแอดผมมานะ ผมกดรับคำขอเป็นเพื่อนนั้น ก่อนผมจะเข้าไปส่องเฟซบุ๊กของพี่ธาร มันดูเงียบเหงายังไงไม่รู้ โพสล่าสุดคือเมื่อสองปีที่แล้ว แถมเป็นโพสที่มีคนแท็กพี่เขามาอีก ผมเลื่อนไปดูจนสุดทามไลน์ของเฟซบุ๊กพี่ธาร ข้อความเดียวที่พี่ธารเคยโพสนั้นก็ คือ 'คิดถึงมาก' พี่เค้าคิดถึงใครกันนะ
 ผมพอจะรู้นิสัยพี่ธารได้อย่างหนึ่ง พี่เขาอาจจะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยอยากคุยกับใครก็ได้ หรือไม่ก็ปิดกลั้นตัวเองจากอะไรบางอย่างอยู่
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนจากเฟซบุ๊กดังขึ้นอีกครั้งหนึ่งแต่ครั้งนี้มันไม่ได้อยู่ในช่องเเจ้งเตือนคำขอร้องเป็นเพื่อนเหมือนกับครั้งแรก สัญญาลักษณ์แจ้งเตือนเลขหนึ่งสีขาวล้อมรอบด้วยทรงกลมๆสีแดง มันแจ้งเตือนอยู่ในช่องแชท ผมกดเข้าไปดู แต่มันไม่ได้ปรากฏข้อความอะไร นอกจาก
Thara Thuntiyakul กำลังพิมพ์...
พี่ธาร... มีเขามีอะไรรึป่าวนะ หรือว่าผมทำอะไรผิดไปไหมนะ ผมว่าผมก็ทำถูกระเบียบอยู่นะ ป้ายก็ห้อยอยู่บนคอ ในหัวคิดสงสัยจนเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นต่อเนื่อง ผมตัดสินใจกดเขาไปดู
Thara Thuntiyakul ปอ นี่พี่ธารเองนะ
                                             พี่ขอโทษที่ทำสีหน้าแบบนั้นกับเรา
                                             พี่ไม่ได้ตั้งใจ
ข้อความที่พี่ธารส่งมา ทำให้ผมคิดได้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในร้านกาแฟ ผมทักพี่ธารเรื่องสร้อยข้อมือนั้น สีหน้าพี่ธารดูเปลี่ยนไป ผมก็รู้สึกผิดนะแต่ทำไมคนที่รู้สึกผิดมากกว่าผมกลับเป็น พี่ธารล่ะ
                                                                Por thawin ไม่เป็นไรครับพี่ธาร
                                                                                   ที่จริงผมน่าจะเป็นฝ่ายขอโทษพี่มากกว่านะครับ
Thara Thuntiyakul ยังไง พี่ขอโทษจริงๆนะ
                                                                Por thawin ครับ เจอกันตอนเย็นนะครับ
 Thara Thuntiyakul สติ๊กเกอร์รูปหมีดีใจ
             หลังจากสติ๊กเกอร์นั้นบทสนทนาของเราก็จบลง แต่สิ่งที่ไม่จบคือใจของผมเอง ที่มันเต้นแรงจนผมหายใจแทบไม่ทัน ทำไมกันนะ มันเต้นแรงไม่ได้เหมือนจังหวะเดิมที่เคยเต้นเมื่อครั้งที่เจอพี่ธารครั้งแรก ครั้งนี้มันดูเปลี่ยนไป มันคืออะไร...ความรู้สึกนี้
เวลาผ่านไปช้าเหลือกัน สิ่งที่ผมอยากจะทำตอนนี้คืออยากนอนที่สุด แต่ก็นอนไม่หลับ พลิกตัวไปมาบนเตียง ผ้าปูที่นอนที่เดิมเรียบตอนนี้มันหลุดลุ่ยไปหมดแล้ว ผ่านไปจะสองชั่วโมงแล้วตาผมมันก็ไม่หลับสักที
สายตาเหลือบไปมองเห็นสมุดไดอารี่ประจำของผมที่ว่างอยู่บนโต๊ะ ผมเอื้อมมือไปคว้ามัน คิดว่าลองหยิบมาอ่านเล่นๆเผื่อจะทำให้ง่วงขึ้นมา ผมยันตัวขึ้นพิงหัวเตียงท่าสบายๆก่อนจะเริ่มเปิดมัน
ผมเปิดอ่านไดอารี่เล่มนี้ หน้าแรกของมันคือ วันที่ 1 มกราคม 2562 ปีนี้เอง ผมอ่านไปก็คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา มันสนุกดีนะครับ เหมือนอ่านนิยายเรื่องหนึ่งของชีวิตคนคนหนึ่งเลย มีทั้งสุข ทั้งทุกข์ ปนๆ กันไป ผมอ่านไปเรื่อยๆ เพื่อฆ่าเวลา จนผมอ่านถึงหน้าหนึ่ง หัวกระดาษไม่ได้เขียนวันที่ที่ข้อความนี้ถูกเขียนขึ้น เพียงแต่ คำแรกของหน้าที่ มันขึ้นตอนด้วยคำว่า
ความฝัน...
ข้อความถูกบรรยายเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งพูดคุยกับชายผู้เป็นคนที่เธอรักใต้ต้นหูกวางข้างโรงเรียน เนื้อความในนั้นมันดูมีความสุขและอบอุ่นมากอย่างบอกไม่ถูก แต่ทำไมผมกับรู้สึกว่ามันดูเศร้ายังไงไม่รู้ ผมจำไม่ได้ว่าผมเขียนอะไรแบบนี้ด้วยหรอ หรือมันอาจจะผ่านมานานแล้วจนลืมไปแล้วก็ได้
“เราสองคนต้องเป็นหมอให้ได้นะ หนูอยากอยู่เคียงข้างกับพี่ แบบนี้ตลอดไป” เสียงดังขึ้นมาในหัวของผมอีกครั้ง ผมรู้สึกคุ้นเคยเหมือนเพิ่งได้ยินเมื่อไม่นานนี้เอง
ใช่ ไม่นานนี้เอง...
มันคือความฝันเมื่อเช้านี้...
ตลอดในช่วง5ปีที่ผ่านมา ผมมักจะฝันถึงเรื่องราวของใครคนหนึ่งมาตลอด ที่ผมรู้สึกว่ามีความผูกพันกับผมมาก รู้สึกเหมือนเราเป็นคนคนเดียวกัน เรื่องราวของเธอนั้นมันเหมือนเกิดขึ้นจริงกับตัวผม ผมไม่รู้ว่าเธอคือใคร เธออยู่ที่ไหน หรือว่าเธอมีตัวตนจริงๆ หรือเปล่า
ทุกครั้งที่ผมฝันถึงเธอ เท่าที่ผมจำได้ ผมมักจะเขียนเรื่องราวความฝันนั้นลงบนไดอารี่ของผมเสมอ ผมเขียนเรื่องราวของเธอให้ละเอียดที่สุดเท่าที่ผมจะสามารถจำความฝันได้ รวมถึงครั้งนี้ข้อความในไดอารี่ทำให้ผมนึกออกว่ามันคือความฝันที่ผมฝันเมื่อเช้า
ทำไมผมนึกชื่อเธอไม่ออก
ทำไมผมถึงอยากรู้จักเธอ
ทำไมผมถึงรู้สึกผูกพันกับเธอขนาดนี้
คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวผม
ใจผมเต้นแรงขึ้นทุกที ทุกอย่างรอบกายดูเงียบสงัด เสียงหัวใจยังคงได้ยินชัดเจน
ในหัวผมกลับมีแต่ความว่างเปล่า
แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ผ่านมาในหัวผมตอนนี้
พี่ธาร....
หอประชุมกลางที่หอในวันนี้ก็ยังคงมีเสียงกลองและเพลงสันทนาการเดิม เหมือนเดิมกับเมื่อวาน เหล่าน้องปีหนึ่งคณะแพทย์ต่างแต่งการด้วยชุดนักศึกษาถูกระเบียบเข้าร่วมกิจกรรม ทุกคนต่างถูกจัดให้เข้าแถวตามลำดับเลขรหัสนักศึกษา โดยยืนห่างกันประมาณหนึ่งช่วงแขนรอบตัวเอง
“เงียบ!!!!” เสียบตะโกนของหัวหน้าพี่วินัยคนเดิมดังนำมาก่อนที่จะปรากฏกลุ่มพี่วินัยหน้าเดิม มายืนล้อมน้อง ทรงผม เครื่องแต่งกาย ยังเนี้ยบเหมือนเดิม
“วันนี้ กิจกรรมของเรามีความสำคัญมาก เราจะได้รู้กันสักทีว่าใครจะเป็นพี่รหัสของน้องๆ” ประโยคนี้ทำเอาเหล่าน้องๆ ปีหนึ่งต่างส่งเสียงอืออาดังทั่วห้องประชุม ต่างตื่นเต้นที่วันนี้จะได้รู้ว่าใครจะเป็นพี่ของเรา
“แต่ก่อนอื่น” ประโยคขัดจังหวะความตื่นเต้น
“เชิญพี่ลีดครับ”
“สวัสดีค่ะ น้องๆ เมื่อเช้าเราได้คัดเลือกลีดคณะกัน เดี๋ยวพี่จะประกาศว่าใครได้เป็นลีดของคณะนะ”
ใช่ เมื่อเช้ามีคัดลีด เกือบลืมไปเลย ไอ้ดิวมันไปคัดลีดเมื่อเช้านิ ผมมองไปหาเพื่อนสนิทผมที่อยู่ถัดจากแถวผมไปแถวหนึ่ง ผมไม่เจอหน้ามันเลยตั้งแต่เช้า นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่หลังจากตอนเช้าที่ผมเห็นใบหน้าของมัน ใบหน้าอันหล่อเหลาของมันเต็มไปด้วยความกังวล แสดงอาการลุ้นอย่างตัวโก่ง
“น้องแพรว” ชื่อแพรวถูกประกาศคนแรกของลีดผู้หญิง เสียงปรบมือดังขึ้นไปทั่วหอประชุม
"น้องมินนี่ น้องแก้ว"
"น้องส้มโอ และก็น้องวิวค่ะ"
หลังพี่ลีดก็ประกาศรายชื่อลีดหญิงจนครบมีทั้งหมดห้าคนต่อมาตามด้วยรายชื่อลีดชายที่ก็คัดเหลือเพียงห้าคนเช่นกัน รายชื่อลีดชายถูกประกาศไปเรื่อยๆ
"น้องเบนซ์ค่ะ"
"น้องเจมส์ น้องก้อง"
ไอ้ดิวมันเริ่มพนมมือ ปากบ่นพึมพำ ผมเดาว่ามันต้องกำลังสวดมนจากหลวงพ่อวัดดังที่มันนับถืออยู่ก็เป็นได้
"น้องอาร์ทค่ะ"
เจ้าตัวยังคงร่ายมนต์ ร่ายคาถาต่างๆ เพื่อนจะให้ชื่อผู้ที่ผ่านคัดหลีกคนสุดท้ายเป็นมัน
“และคนสุดท้ายของลีดชายนะคะ... น้องดิว”
คุณพระช่วย เหมือนคาถาเวทมนต์ของมันได้ผล ไอ้ดิวได้ เจ้าตัวถึงกับกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจที่มีชื่อมันอยู่ในนั้น แต่มันคงไม่รู้ว่าต่อจากนี้มันจะเจออะไรบ้าง เท่าที่ฟังพาวเล่ามามันโหดอยู่ใช่ย่อย ซ้อมหลังเลิกเรียนเกือบทุกวัน กลับดึกอีก บางวันกว่าจะได้กินข้าว หมดแรงพอดี แต่การดูแลของเหล่าพี่ลีดรุ่นก่อนๆ ถือว่าดีมาก พาวบอกว่าเขาจะช่วยเหลือรุ่นน้องลีดที่มีปัญหาทุกคน ไม่ว่าจะเรื่องเรียน รวมถึงความรัก
หลังจากที่ประกาศลีดตัวแทนคณะได้เสร็จสิ้นลงพี่วินัยก็ดำเนินกิจกรรมต่อทันที
“ให้น้องทุกคนหลับตา ห้ามลืมตา เดี๋ยวพี่รหัสจะเดินเข้าไปหาน้องเอง”
ทุกคนหลับตาตามคำสั่งนั้นโดยไม่รีรอ อยากรู้จะแย่อยู่แล้วว่าใครคือพี่รหัสของผม
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากเริ่มดังขึ้นเรื่องๆ มีเสียงพูดคุยเบาๆกระซิบถามว่าสายตนเองอยู่ไหน ผมเดาคงเป็นพวกพี่รหัสแหละที่หาตำแหน่งน้องไม่เจอ น้องปีหนึ่งทำได้เพียงยืนหลับตานิ่งๆเท่านั้น ในใจผมนี่อยากจะหรี่ตาดูจริงๆว่าใครจะเดินมาหาผม
“ให้น้องทุกคนลืมตาได้” สิ้นเสียงนั้น เหล่าน้องๆ ปีหนึ่งลืมตาพบเจอกับพี่รหัสของตัวเอง บ้างก็กอดกัน บ้างก็ถ่ายรูปเซลพี่ ส่วนใหญ่พี่รหัสมากันไม่ครบทุกชั้นปีหรอกครับ แล้วแต่สายรหัส บางสายก็เป็นปีสองบ้าง ปีสามบ้าง ปีสี่บ้าง หรือก็เป็นพี่ปีสูงๆ เลย ผมคิดว่าพี่บางคนอาจจะไม่ว่างก็ได้
แต่พี่สายรหัสผมไม่ว่างสักคนเลยหรอ
ผมลืมตาตามเสียงประกาศจากหัวหน้าพี่วินัยแต่กลับว่าไม่พบใครอยู่ตรงหน้า ผมหันไปมองซ้ายมองขวา เห็นสายอื่นๆหัวเราะกัน กอดกัน ก็แอบน้อยใจเล็กๆ ก่อนจะได้ยินเสียงคนคนหนึ่งที่ผมไม่อยากจะเชื่อ
“มองหากูอยู่สินะ ฮ่าๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะอันน่าขนลุกดังขึ้นมาจากด้านหลังผม
“พะ พี่ สะ สายฟ้า”
ครับ หัวหน้าพี่วินัยสุดเนี้ยบที่หัวมันวาวราวกับใส่เจลทั้งกระปุกลงบนหัวเป็นพี่รหัสผมเองครับ
“กูเองจะใครละ”
“แล้วพี่ปีอื่นๆ ไม่ว่างกันหรอครับ”
“ทำไม มึงไม่อยากได้กูเป็นพี่รหัสหรอ อะไรว่ะ เเม่งเจอกูแต่ถามหาคนอื่น”
“ปะ ปะ เปล่าครับ”
“พี่ปีอื่นๆ เค้าไปรอกันที่ร้านหมูกระทะกัน”
มันคงเป็นประเพณีของทุกคณะที่หลังจากเฉลยพี่รหัสก็ต้องมีการเลี้ยงสายรหัส ผมนั่งรถพี่วินัยไปถึงร้านหมูกระทะ ร้านเดิมที่ผมกินฉลองกันตอนหลังสอบเข้ามหา’ลัย แต่บรรยากาศมันแปลกไปเล็กน้อยตรงที่ว่า ร้านทั้งร้านคือคณะแพทย์ทั้งหมด เหมือนกับเหมามาเพื่อเลี้ยงน้องๆ ปีหนึ่งโดยเฉพาะ
เรานั่งตามสายรหัสก็จริงแต่โต๊ะที่ทางร้านจัดเป็นโต๊ะยาวติดกันหลายโต๊ะทำให้หลายสายรหัสต้องนั่งกินรวมกันปนไปหมด สายเรา073 เราได้นั่งรวมกับสายรหัส098ซึ่งเป็นสายรหัสของพาว
“พาวตรงนี้ว่างไหม”
“ว่างๆ นั่งเลย สายเราใกล้มาครบและ เหลือพี่ปีสีอีกคนหนึ่งกำลังตามมา”
ผมนั่งลงข้างพาว ซึ่งตรงข้ามผมยังคงเป็นเก้าอี้ว่าง คงเว้นไว้สำหรับพี่ปีสี่ของสายรหัสพาว อีกข้างหนึ่งของผมก็เป็นพี่ปีสองชื่อโบว์ เป็นพี่ผู้หญิงที่น่ารักดีครับ คุยเก่งทำให้ผมไม่เกร็ง แตกต่างจากไอ้พี่วินัยจอมโวยที่นั่งข้างเก้าอีกตัวตรงข้ามผมที่มันยังว่างอยู่ พอเบียร์เข้าปากมันไม่นานก็แหกปากส่งเสียงร้องเพลงที่ไม่เป็นจังหวะ ภาพลักษณ์พี่วินัยของมันหายไปทันทีเมื่อดื่มเบียร์ เรากินกันไปเรื่อยจนเจ้าของเก้าอี้ที่ว่างนั้นมาถึง
“ธาร มานั่งตรงนี้” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งจากสายรหัสข้างผมทักเอ่ยชายร่างสูงที่กำลังมองหาโต๊ะของสายรหัสตัวเอง
ทันทีพี่ธารลงนั่ง เสียงจากคนเมาก็ดังขึ้น
“ไอ้ธารมาแล้ว ถึงเวลา แล้วคร้าบบบ ถึง เออะ” เสียงเรอจากปากคนเมาดังสนั่น
“ถึงเวลาแนะ นำ ตัวววววววว”
ก็ปกติที่เราก็ต้องแนะนำตัวกับพี่ๆสายรหัสของเรา ตามธรรมเนียมก็ต้องเริ่มด้วยน้องปีหนึ่ง พาวเป็นคนเริ่มก่อน ไม่ต้องแปลกใจครับสายเรานั่งร่วมโต๊ะกัน เราเลยรวมแนะตัวไปเลยของสองสาย หลังจากพาวพูดจบก็ถึงคิวผม
การแนะนำตัวก็คือการแนะนำตัวก็คงพูดเกี่ยวกับตัวเราว่าเราชื่ออะไร มาจากโรงเรียนอะไร จังหวัดอะไร ชอบไม่ชอบอะไร
“ผมชื่อ ปอ ธาวิน ฤทัยภัทร สาย073 มาจากโรงเรียนศึกษาพัฒน์ จังหวัดพิษณุโลก ชอบกินไข่เจียวหมูสับครับ แต่จะชอบมากถ้าใส่ดอกอัญชันด้วย”
คำพูดผมคงทำให้ใครคนหนึ่งกำลังกินหมูกระทะนั้นหยุดกิน แล้วให้ความสนใจมองมาที่ผม
“ผมไม่ชอบกินผัก เพราะมันเหม็นเขียว แล้วสิ่งที่ผมชอบอีกอย่างหนึ่งคือชาไทย”
ผมแนะนำตัวเองเสร็จ หลังจากนั้นก็ถึงคิวพี่ปีต่อไปได้มีโอกาสแนะนำตัว แต่ผมกับรู้สึกว่า คนตรงหน้าผมมองผมด้วยสายตาที่เศร้าหมอง ราวกับว่าสงสัยบางอย่างในตัวผม
หัวใจ หัวใจผมทำไมสั่น...เพราะอะไร
"เอาไอ้ธาร นั่งเหม่ออยู่นั่นแหละถึงคิวมึงแล้ว" พี่สายฟ้าพูดแนะนำตัวจบ ก็เรียกคนที่กำลังจ้องผมให้ลุกขึ้นแนะนำตัวบ้าง
"พี่ชื่อธารา เรียกว่าธารก็ได้ พี่อยู่ปีสี่" เสียงพูดดูธรรมดา แต่สายตาที่มองผมนี่คืออะไร
เวลาผ่านล่วงเลยไปจนถึงตอนนี้ก็เกือบสี่ทุ่ม พี่ก็เริ่มหยิบของต่างๆ ที่ตนเองเตรียมมาให้น้อง ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกหนังสือ สมุด ปากกา ก็สิ่งของที่จำเป็นต่อการเรียนนั้นล่ะครับ
งานเลี้ยงก็ย่อมมีวันเลิกรา คงได้เวลาที่ต้องแยกย้าย เพราะพรุ่งนี้น้องปีหนึ่งยังต้องมีเรียนพื้นฐานแต่เช้า พี่ๆ บางคนก็ต้องกลับบ้านต่างจังหวัดเพราะมันยังอยู่ช่วงปิดเทอมอยู่
“อ้ายยย ธาร กูฝากน้องปีหนึ่งกลับด้วยนะ กูจะไปต่อกับเพื่อน” ไอ้คนเมามันยังเมาไม่เต็มที่ หลังจากไอ้พี่วินัยที่แม่งตอนนี้สภาพไม่ต่างอะไรกับหมาพูดจบ โต๊ะเราก็แยกย้ายกันออกไป
รถยนต์ต่างๆ ของพี่ในสายถูกจับจองโดยสายรหัสคนอื่นๆ จนเต็ม เหลือเพียงแค่ผมที่มากับไอ้พี่วินัยสายเมาคนนั้น ยังคงหารถกลับไม่ได้
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“มะ ไม่เป็นไรครับพี่ธาร”
“พี่สัญญากับเพื่อนพี่แล้วว่าจะไปส่ง”
“...”
“ดึกขนาดนี้จะหาทางกลับยังไง ไหนจะของพวกนี้อีก”
ผมมองดูของที่อยู่บนมือผม ใช่มันเยอะมากเหมือนกัน ทั้งหนังสือต่างๆ ของต่างๆ ไหนจะตอนนี้ก็ไม่มีรถคันใดที่เหลือให้ผมนั่งไปอีกแล้ว คงจะเหลือแค่เจ้ามอเตอร์ไซค์สีดำคันนั้นที่จอดอยู่เพียงคันเดียวหน้าร้านในตอนนี้ ผมจึงต้องจำใจเดินตาม พี่ธารไปโดยไม่มีคำพูดอะไรมาขัดแย้ง
“อะนี้ หมวก” พี่ธาร ยื่นหมวกกันน็อกให้ผมใส่ ผมจะใส่ยังไง มือผมเต็มไปด้วยของ ผมนึกภาพตัวเองใส่ไม่ออกถ้ายังถือของมากมายอย่างนี้ ไม่ทันที่มันจะเอ่ยปากบอกอะไร หมวกกันน็อกใบนั้นมาอยู่บนหัวผมเรียบร้อยแล้ว
“เดี๋ยวพี่ใส่ให้ อยู่นิ่งๆ”
“คะ คับ”
ใจสั่น...
"เกาะแน่นๆนะ เดี๋ยวตก" คำพูดพี่ธารคืออะไร ให้เกาะอะไร 
ใจสั่น...ผมกำกางเกงที่หน้าขาของผมอย่างแน่น...
ผมซ้อนมอเตอร์ไซค์พี่ธารมาถึงหน้าหอใน บรรยากาศหอใน ณ เวลานี้ก็เงียบมาก เวลาเกือบจะห้าทุ่มแล้ว มีเพียงเสียงแมลงเป็นเพื่อนเราสองคนเท่านั้นเอง เราจอดรถที่ลานจอดข้างศูนย์อาหาร รอบตัวเรามืดเกือบสนิท มีเพียงแสงไฟดวงน้อยๆที่ห้อยอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่ค่อยให้แสงสว่างกับพวกเรา
“มา เดี๋ยวพี่ช่วยถือ”
“มะ ไม่เป็นไรคับ” การบอกของผมไม่ได้ทำให้คนฟังทำตามเลยสักนิด
มือของพี่ธาร คว้าพวกหนังสือต่างๆ ออกจากผมไปหมด เลือกเพียงพวกปากกา ดินสอเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นที่มันยังอยู่ดีที่มือผม
"ขะ ขอบคุณครับ" มันคงเป็นประโยคที่ดีที่สุดนะตอนนี้แล้ว
เราใช้เวลาเดินไปถึงหอพักเราไม่ถึงสิบนาที อย่างที่ทราบกันดีหอนี้เป็นหอรวมของแพทย์ทุกชั้นปี ก็จะมีบรรดาพี่ชั้นปีสูงอยู่รวมด้วย มีเพียงบางคนที่ออกไปอยู่หอนอกข้างมหา’ลัยซึ่งก็น้อย เพราะหอนอกราคาแพงมาก อยู่หอในถูกกว่าหลายพันบาท
“พี่ธาร ห้องพักพี่อยู่ชั้นไหนครับ”
“ชั้นหนึ่งห้องสอง จะนอนห้องพี่ป่ะล่ะ”
"..." หน้าผมชา ใจเต้น ตุบ ตุบ ตุบ
"ล้อเล่น ดูทำเข้า ยืนแข็งทื่ออะไรขนาดนั้น" ถามจริง ใครโดนประโยคนี้ไป ก็ไปไม่ถูกเหมือนกันแหละครับ
“งั้นพี่ถือของให้ผมถึงแค่นี้พอก็ได้ครับ เดี๋ยวผมลงมาขนต่อเอง ห้องผมอยู่ตั้งชั้นสี่” แต่ก็เหมือนอย่างเช่นเคยคำพูดผมไม่เคยจะสั่งใครได้
ร่างสูงใหญ่เดินนำหน้าผมขึ้นบันไดไป ผมได้เพียงแต่ต้องเดิมตามหลังของพี่ธารไปเท่านั้น
ผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง เดินตรงไปที่สวิตช์ไฟที่อยู่ไกลหน้าต่าง หยิบรีโมทแอร์ที่มันอยู่บนโต๊ะของไอ้ดิว เปิดแอร์ ปิดหน้าต่าง ก่อนจะได้ยินเสียงพี่ธารเอ่ยถาม
“ให้พี่เอาของวางไว้ตรงไหน”
“เอาวางบนโต๊ะหนังสือผมเลยครับพี่ธาร”
ผมมัวแต่ยุ่งกับการปิดหน้าต่างบานเกล็ดที่แสนจะปิดยาก ก่อนจะเห็นชายคนนั้นยืนจองไปที่สมุดไดอารี่ของผมที่กางเปิดไว้บนโต๊ะ
พี่ธารร้องไห้ทำไม?
ความฝัน...
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา