DREAMS COME TRUE จากฝัน...ถึงเธอ

10.0

เขียนโดย winnerella

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 12.04 น.

  17 บท
  0 วิจารณ์
  16.71K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 17.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ตัวตน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

การเป็นอยู่ในมหาลัยถือเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับผม การปรับตัวเป็นสิ่งที่เฟรชชี่ใหม่ทุกคนต้องทำ ไม่ต่างอะไรจากผม ที่ต้องมาอาศัยที่หอในของมหาลัย ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยต้องนอนค้างคืนที่อื่นที่ไม่ใช่บ้าน สิ่งเดียวที่ผมไม่ต้องปรับตัวคงมีเพียงอย่างเดียวนั้นก็คือ รูมเมทของผม อย่างไอ้ดิวนั้นเอง

อย่างที่บอกครับ ผมกับไอ้ดิว เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ประถม ไม่ใช่สิ เท่าที่จำได้คือรู้จักมันมานานมาก เราเป็นเพื่อนที่สนิทกัน เราสองคนมักเคยนอนค้างบ้านของกันและกันอยู่เป็นประจำ บ้านไอ้ดิวมันอยู่หมู่บ้านถัดไปจากผม ระยะห่างบ้านเราสองคนประมาณสองกิโลเมตรกว่า ตอนเด็กๆเรามักจะขับจักรยานมาเล่นกันตรงทางเชื่อมของหมู่บ้านเรา ที่นั่นจะมีสวนเล็กๆ ให้คนในหมู่บ้านมาเดินเล่น ออกกำลังกาย หรือพาสัตว์ที่เลี้ยงมาอึ

หลังจากกิจกรรมสันทนาการที่ลานหน้าหอในเสร็จสิ้นลง รุ่นพี่ได้ชี้แจงกำหนดการการเรียนก่อนเปิดเทอมจริงที่ทางคณะได้จัดไว้ให้ กำหนดการบอกว่า เราจะเริ่มเรียนพื้นฐานในอีกสองวันข้างหน้า และก็จะมีกิจกรรมรับน้องห้องเชียร์ในวันนั้นๆ ด้วย ระยะเวลาทำกิจกรรมต่างๆ ก็กินเวลาประมาณสองสัปดาห์ก่อนเปิดเทอมจริง แต่ใช่ว่ากิจกรรมจะมีทุกวันครับ ก็มีวันที่ให้เราพักบ้าง

ก่อนน้องๆ จะแยกย้ายออกไป เดียวมารับเอกสารที่พี่ตรงนี้ก่อนนะคะ ส่งภายในหนึ่งทุ่มนะจ๊ะ ที่ห้องประชุมส่วนกลางของหอใน เดี๋ยวเราจะมีกิจกรรมกันต่อจ้า”

เหล่าเฟรชชี่ปีหนึ่งคณะแพทย์ต่างเข้าแถวเดินเรียงแถวไปรับเอกสาร ก่อนจะแยกย้ายไปที่หอของตัวเอง เอกสารก็ไม่ได้มีอะไรมาก เป็นเพียงช่องว่างให้เติมเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวของเราเอง หลังจากได้รับเอกสารเรียบร้อยแล้วผมกับดิวก็เดินไปที่หอใน ภายในเขตหอพักจะแบ่งหอนักศึกษาชายกับนักศึกษาหญิงชัดเจน โดยมีป้อมยามเล็กๆ เป็นตัวบ่งบอกเขตแดน โดยหอนักศึกษาชายจะเดินไปทางซ้าย ส่วนทางขวาก็เป็นของนักศึกษาหญิง ผมเดินไปถึงหอพักของเราซึ่งเป็นหอที่สิบสอง เป็นหอของคณะแพทย์นั้นเอง หอนี่ที่จริงไม่ใช่มีเพียงเฟรชชี่ปีหนึ่งเท่านั้นครับ ยังเป็นหอที่รวมพี่ปีสูงๆ ของคณะแพทย์เอาไว้หมดเลย

เหล่าเฟรชชี่หน้าใหม่ยืนดูป้ายประกาศหน้าหอพัก บางคนก็ถ่ายรูปเพื่อเอาไปอ่าน บางคนก็ยืนอ่านประกาศนั้นรวมทั้งผมกับไอ้ดิว ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกระเบียบข้อบังคับต่างๆ ทั่วไป ที่เราให้ความสนใจก็คือเลขห้องพักของเรานั้นเอง หลายคนพอได้เห็นเลขห้องพักต่างมีเสียงบ่นพึมพำออกมา ก็เพราะรุ่นพี่ได้บอกว่า ห้องที่ห่างไกลจากคอมมอนรูม ไวไฟมักจะไปไม่ถึงไงครับ ส่วนใหญ่จะเป็นเลขแรกๆ ครับ แต่ผมกับไอ้ดิวนั้นโชคดีหน่อยเราได้ห้องที่สิบชั้นที่สี่ เป็นห้องกลางๆ ของหอนั้นเอง

หลังจากเรารู้ตำแหน่งของสถานที่ที่เราต้องใช้ชีวิตตลอดปีในฐานะเฟรชชี่ปีหนึ่ง ผมกับไอ้ดิวก็เดินขึ้นบันไดเพื่อเดินหาห้องของเรา หอนี้มีทั้งหมดสี่ชั้น ไม่มีลิฟต์ แต่สภาพหอยังดูใหม่อยู่ ไม่ได้เก่าอะไรเท่ากับที่เคยอ่านรีวิวหอพักในมหาลัยมา

ปอ กูนอนตรงนี้และกัน กูชอบนอนติดหน้าต่าง”

ได้ แล้วแต่มึงเลย”

เสร็จแล้วเราจะทำอะไรต่อดี มีเวลาว่างตั้งหลายชั่วโมง” คนพูดก็พูดไปเถอะครับว่าจะทำอะไรดี หลังจากพูดจบประโยคมันก็หยิบรีโมทแอร์เปิดอุณหภูมิที่ผมคิดว่าหมีขั่วโลกเหนือยังบ่นว่าหนาว มันล้มตัวลงนอนกับเตียงจากนั้นก็ไม่ได้มีบทสนทนาอะไรต่อจากนั้นอีกเลย มีเพียงเสียงกรนเบาๆดังขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน

ผมได้แต่ถอนหายใจ

ใช้เวลาในการจัดของทุกอย่างที่ถูกบรรดาพี่ๆ ขนขึ้นมาให้เข้าที่ ทำความสะอาดห้อง ทั้งกวาดทั้งถู เวลาก็ล่วงเลยไปประมาณหนึ่งชั่วโมงเต็มเหงื่อเต็มตัวไปหมด ผมจึงใช้เวลาหลังจากนั้นอาบน้ำคลายร้อนสักหน่อย

หลังจากเคลียร์ตัวเองเสร็จผมแต่งตัวสบายๆ ใส่เสื้อยืดกางเกงสามส่วน มานั่งลงที่โต๊ะอ่านหนังสือตัวใหม่ที่ดูเก่าของผมในห้องนี้ ผมหยิบเอกสารที่พี่คณะแจกให้กรอกประวัติส่วนตัว ผมหันมองนาฬิกาเหลืออีกสองชั่วก่อนที่พี่จะให้เราส่ง

ประวัติส่วนตัว

ชื่อ-นามสกุล นาย ธาวิน ฤทัยภัทร อายุ 18 ปี

เกิดเสาร์ที่ 4 เมษายน 2545

ชื่อผมมันหมายความว่าผู้บริสุทธิ์และสมบูรณ์พร้อม มันเป็นความหมายที่ดีนะผมชอบ แม่เล่าว่าคนที่ตั้งชื่อให้ผมคือคุณย่า แต่เอาเข้าจริงผมไม่เคยเจอคุณย่าจริงๆ สักครั้งเหมือนกัน ไม่รู้ว่าท่านจะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่านะสิ ส่วนนามสกุลผมก็ไม่ได้ถามแม่ว่ามันหมายความว่าอะไร แต่ฟังดูแล้วมันก็ดูไพเราะเหมือนกันนะ ตอนนี้ผมอายุสิบแปดปีกว่าแล้วครับ มันคงเป็นสิ่งที่ทำให้ใครหลายคนคงภูมิใจไม่ใช่น้อย เพราะเราสามารถทำอะไรได้มากขึ้นโดยไม่ต้องมาเสียใจกับคำว่า เหมาะสำหรับผู้ชมที่มีอายุสิบแปดปีขึ้นไป อีกแล้ว

สิ่งที่ชอบ

สี ฟ้า

ตอนเด็กผมชอบเข้าใจผิดเสมอว่าวันเสาร์สีฟ้า ทำให้ผมนั้นชอบสีฟ้ามาตลอด จนผมขึ้นป.1 เริ่มรู้ว่าสีฟ้านั้นมันวันศุกร์ไม่ใช่วันเสาร์ เพราะวันเสาร์มันสีม่วง แต่ไงได้ล่ะ ผมชอบสีฟ้าไปแล้ว คงไม่ต้องหาเหตุผลอะไรมาอธิบายว่าทำไมถึงชอบสีฟ้าอีกแล้ว

อาหาร ไข่เจียวหมูสับ

ผมเป็นคนง่ายๆ จริงๆ กินอะไรได้หมดแหละครับ แต่ไข่เจียวหมูสับผมมักจะสั่งคู่กับเมนูอื่นๆเสมอ เอาเป็นว่าเกือบแทบทุกมื้อจานข้าวของผมต้องมีไข่เจียวหมูสับอยู่ในจาน ไข่เจียวหมูสับนับว่าเป็นเมนูแรกที่ผมสามารถทำได้เลยครับ แม่ผมเป็นคนสอน ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใส่เครื่องอะไรมากมาย ใส่ไข่สองฟอง หมูสับ ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย แต่ผมชอบใส่สิ่งหนึ่งมากเวลาทำกินเองนั่นคือ ดอกอัญชัน

เครื่องดื่ม ชาไทย

เมนูที่ผมคิดว่ามันเป็นเมนูน้ำยอดฮิตของใครหลายคน ผมว่ามันอร่อยดีนะ แต่ผมไม่รู้เหตุผลว่าทำไมถึงชอบ รู้แต่ว่าเท่าที่จำความได้ก็กินมาตั้งแต่เด็กแล้ว

สัตว์เลี้ยงที่ชอบ สุนัข

จะบอกว่าผมเคยเลี้ยงสุนัขตัวหนึ่ง จริงๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเลี้ยงมันหรอกครับ มันแอบเข้ามาในบ้านผมเอง มันมาจากไหนผมก็ไม่รู้ จะไปปล่อยก็สงสารมัน เลยตกลงกับแม่ว่าจะเลี้ยง มันเป็นสุนัขพันธุ์บางแก้วผสม ตัวสีดำเพศเมีย ขนมันสีดำสนิทขาวสุดก็คงเป็นฟันกับตาขาวของมัน มันมีชื่อว่า เจ้าเงิน แต่ตอนนี้มันไม่อยู่แล้วครับ มันถูกรถชนตายไปหลายปีแล้ว ผมกับแม่เสียใจมาก เลยตกลงกันคงจะไม่เลี้ยงสัตว์อะไรอีกแล้ว

สิ่งที่ไม่ชอบ

เมื่อเจอคำคำถามนี่ ผมถึงกับนั่งคิดอยู่นานเหมือนกัน สิ่งที่ไม่ชอบมันคืออะไรกันนะ สำหรับผมไม่ค่อยมีสิ่งที่ไม่ชอบเท่าไรครับ จะให้เขียนคงเป็นผักแหละมั้งครับ เป็นสิ่งที่ผมคิดแล้วว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบมากที่สุด ต่อให้ใครหลายคนจะบอกว่าผักมันดีต่อสุขภาพ แต่สำหรับผมมันคือสิ่งที่ไม่ควรมีบนโลกนี้

ในใจลึกๆ สิ่งที่ไม่ชอบอาจจะเป็น

ความฝัน...ก็ได้

 

เพื่อนสนิท

เป็นคำถามยอดฮิตที่เหล่าเอกสารให้กรอกประวัติส่วนตัวนั้น มันมีเพื่ออะไรหรอครับ ผมคิดว่าอาจจะเพื่อเอาไว้ตามเรามั้ง เวลาหาเราไม่เจอติดต่อเราไม่ได้คงติดต่อกับเพื่อนสนิทนี่แหละ ในหัวข้อนี้ตลอดชีวิตที่ผมจำได้มีเพียงชื่อเดียวที่ผมเขียนก็คือ ดิว ในส่วนของมันก็คงเขียนชื่อผมเช่นกัน อย่างที่บอกเรารู้จักกันมานาน รู้ไส้รู้พุง คือเราไม่สามารถจะเลิกคบกันได้ครับ ไม่อย่างงั้นแย่ทั้งคู่

หลังจากผมกรอกเรื่องราวส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย มองนาฬิกามันบอกว่าเวลาว่าตอนนี้หกโมงเย็นแล้ว อีกหนึ่งชั่วโมงเท่านั้นครับที่จะถึงเวลาที่พี่ให้ส่งเอกสาร

ดิว ไอ้ดิว!” ผมเดินไปที่เตียงที่ติดกับหน้าต่างบานใหญ่ของห้องเราพร้อมส่งเสียงเรียกร่างสูงใหญ่ที่นอนไม่ได้สติ เสียงกรนเบาๆดังออกมา ฟังแล้วเจ้าของเสียงนั้นคงหลับลึกน่าดู

ไอ้ดิว ตื่น นี่หกโมงกว่าแล้ว เดี๋ยวก็เขียนไม่ทันหรอก”

อือ อือ” เสียงตอบกลับมาทำให้ผมไม่รู้จะทำอย่างไรกับมันต่อดี

ทันใดนั้นตาของผู้ชายที่ตอนแรกนอนไม่ได้สติเบิกโพลงขึ้น ราวกับว่าเพิ่งตื่นจากฝันร้าย คำพูดของผมคงมีบางประโยคที่ทำให้มันได้สติ

เขียน!!!!!” มันตะโกนอย่างตกใจ

เชี่ยแล้วไง ไอ้ปอ ทำไมมึงไม่ปลุกกู”

กูปลุกมึงแล้ว แต่มึงไม่ยอมตื่น”

ทันทีที่มันได้สติ ร่างสูงใหญ่ รีบวิ่งตรงไปเข้าห้องน้ำ จัดการธุระของตัวเอง แต่งตัวตามสไตล์คนเท่ๆ ของมันก่อนจะมานั่งลงบนโต๊ะของมัน หยิบเอกสารมาเขียนพร้อมกับเอาเอกสารของผมที่ผมเพิ่งกรอกเสร็จไปลอก อย่างเร็ว

มึงชอบเหมือนกูหรอ ไอ้สัส

มันก็นั่งลอกข้อความที่เป็นของผมลงกระดาษของมัน โดยมันเขียนเหมือนผมทุกอย่าง ยกเว้นข้อมูลประวัติมัน และเพื่อนสนิทที่มันเขียนชื่อผมลงไปแทน

ระหว่างนั่งรอมันลอกข้อมูลอันเป็นเท็จ ผมได้สังเกตเห็นซองจดหมายเล็กวางอยู่บนโต๊ะ ตอนแรกผมไม่ทันสังเกตว่ามี อาจเป็นเพราะมันอยู่ข้างหลังเอกสารประวัติแผ่นใหญ่

ผมเปิดขึ้นมาพร้อมกับเห็นข้อความข้างใน

ให้น้องๆ เขียนลักษณะเด่นของตัวเองลงไปในจดหมายนี้ ห้ามให้เพื่อนคนใดรู้ แล้วเจอกัน

ผมเข้าใจว่า มันอาจจะเป็นกิจกรรมที่พี่ๆ จัดขึ้นมาเพื่อที่จะให้เราได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่

ผมจับปากาเขียนตามคำสั่งนั่น...

'ผมทรงรองทรง สีผมน้ำตาลเข้ม สูงประมาณร้อยเจ็ดสิบห้า ใส่แว่นบ้างไม่ใส่บ้าง มีแก้มกลมๆแต่ไม่อ้วนนะ'

ผมไม่รู้ว่ามันเป็นลักษณะเด่นของผมหรือเปล่า แต่ผมไม่รู้จะเขียนอะไรลงไปจริงๆ จะให้อธิบายมากกว่านี้ก็เอารูปผมใส่ซองจดหมายแทนเลยดีกว่า

ไอ้ดิว อย่าลืมเขียนซองจดหมายด้วย”

เออๆ แม่งเยอะจังว่ะ”

มันใช้เวลาจัดการเอกสารของมันประมาณสิบนาที ก่อนเราจะเดินลงจากหอ เรายังมีเวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมง เราเลยตกลงจะไปนั่งกินข้าวกันก่อนที่ศูนย์อาหารหน้าหอใน ก่อนจะถึงเวลานัดหมายตอนหนึ่งทุ่ม

ร้านเยอะเหมือนกันแหะ” ดิวเอ่ยถามพร้อมกวาดสายตาไปทั่วๆ คงไม่ได้มองหาร้านอาหารหรอก มันคงมองสาวๆ ที่มากินข้าวที่เดียวกับเรามากกว่า

ส่วนใหญ่เฟรชชี่ที่อยู่ตอนนี้ ก็เป็นคณะแพทย์ครับ เพราะคณะเราเปิดก่อนคณะอื่นๆ สองสัปดาห์ เดินไปทางไหนก็เพื่อนหมดแหละครับ แต่เราอาจจะไม่ได้รู้จักกัน มีเพียงแต่ป้ายชื่อที่ทำให้เรารู้ชื่อเล่นและคณะเท่านั้นเอง

ไอ้ปอ เดี๋ยวกูไปร้านนั้นนะ มึงไปจองที่เลยและกัน เดี๋ยวกูตามไป”

อืม

เราสองคนเดินแยกออกจากกัน เพื่อไปซื้อข้าวมื้อเย็น ผมเดินไปที่ร้านอาหารตามสั่งร้านหนึ่ง ก่อนสั่งเมนูที่ผมคุ้นเคยมาตลอด ไข่เจียวหมูสับ ผมไม่รู้จะสั่งอะไร ยังไม่มั่นใจความอร่อยของร้านที่เพิ่งเคยกิน เมนูนี้คงเป็นเมนูที่ง่าย และเป็นเมนูที่จะพิสูจน์ได้ว่าร้านอาหารนี้ได้ไปต่อสำหรับผมหรือเปล่า

ผมยืนรออาหารประมาณสิบนาที ก่อนจะได้ข้าวไข่เจียวหมูสับหอมๆ กับข้าวร้อนๆ ผมเดินไปที่โต๊ะนั่งของโถงกลาง มันมีโต๊ะนั่งจำนวนมากเรียงรายกัน มีคนนั่งกินข้าวเป็นกลุ่มๆ ผมจึงเดินเข้าไปหาโต๊ะนั่งเพื่อรอไอ้ดิวมันซื้ออาหาร

ไอ้ปอ” ผมหันตามเสียงพบว่ามันกำลังถือจานข้าวของมัน ไกลๆผมมองไม่ชัดหรอกนะว่ามันสั่งอะไร แต่เท่าที่ดูมันแดกเยอะมาก

ผมโบกมือเรียกมันเป็นการตอบประโยคทักทายว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้ แต่ที่ผมสังเกตเห็นความผิดปกตินั้นก็คือ ไอ้ดิวไม่ได้เดินมาคนเดียว แต่กลับเดินมาพร้อมกับผู้หญิงสองคน หน้าตาน่ารักสเปกไอ้ดิว ทั้งผมยาวกับผมสั้น

นี่ ปอ เพื่อนเราเอง” ไอ้คนหน้าหม้อเอ่ยแนะนำชื่อผมทันทีก่อนหญิงสองคนจะเอ่ยถาม

หวัดดี ปอ” สาวผมสั้นเอ่ยทักผม

วะ วะ หวัดดี พาว” ผมตอบกลับด้วยความตกใจ อันที่จริงผู้หญิงผมสั้นคนนี้ผมรู้จักเธอ เธอคือคู่แข่งของผมตอนเราไปแข่งตอบปัญหาชีววิทยาโอลิมปิก แล้วเคยคุยกันบ้างตอนไปแข่ง แต่ผมไม่ได้ติดต่อกับเธอเลยหลังจากที่จบการแข่งขัน ผมเลยตกใจที่เจอเธอที่นี่

อ้าว รู้จักกันด้วยหรอว่ะ” ไอ้ดิวมันเอ่ยทักพร้อมทำหน้าปากแบะ พร้อมมองบน

เออ นี่คือ แพรว เพื่อนเราเอง” พาวพูด

ครับ ผมรู้ ผู้หญิงผมยาวสีน้ำตาลหยักเล็กน้อยดูขี้อาย นั้นชื่อแพรว เพราะป้ายมันเขียนบอกขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่ชื่อแพรวจะชื่ออะไรครับ

เราใช้เวลากินข้าวกันประมาณสิบห้านาที พูดคุยกันเรื่องต่างๆ เล็กน้อย จนทำให้รู้ว่า พาว ชื่อเต็มๆคือพาวเดอร์ที่แปลว่าแป้ง เอาตรงๆก็เหมาะนะ เพราะพาวคือขาวมากยิ่งกว่ากระดาษเอสี่ แถมมีแฟนเป็นรุ่นพี่ปีสี่คณะพวกเรานี้แหละพ่วงด้วยดีกรีเป็นลีดคณะอีกด้วย พลางมองหน้าไอ้ดิวมันดูเสียใจไม่ใช่น้อย แต่มันกลับมีหน้าตาดูสดชื่นอีกครั้ง เพราะได้รู้ว่าผู้หญิงที่มันชวนมานั่งอีกคนนั้นยังโสด

มองดูมือถือเวลาก็ใกล้จะต้องไปเข้าร่วมกิจกรรมของรุ่นพี่แล้ว เราพากันไปเก็บจาน แล้วเดินไปที่ห้องประชุมกลางของหอใน ระหว่างทางที่เราเดินไปก็ได้ยินเสียงกลองและเสียงเพลงสันทนาการดังออกมาจากหอประชุมนั้น แสงไฟจ้าจากหอประชุมนั้นทำให้เราแสบตาไม่ใช่น้อย เราไปที่จุดลงทะเบียนเพื่อส่งเอกสารต่างๆ ทั้งประวัติและซองจดหมายกิจกรรม ก่อนเราจะได้ป้ายอีกอันหนึ่งที่เป็นป้ายสีต่างๆ ประมาณห้าสี เพื่อแยกเราออกเป็นกลุ่มในการร่วมกิจกรรม

ผมได้สีฟ้ากับพาว ไอ้ดิวได้สีเหลืองกับแพรว ดูแล้วมันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เราเดินเข้าไปในหอประชุมที่เต็มไปด้วยพี่ๆใส่ชุดเดิมกางเกงหลากสี เต้นอยู่หน้าเวทีของหอประชุม เพื่อนๆก็เริ่มทยอยกันเข้ามาเรื่อยๆเมื่อใกล้ถึงเวลาเริ่มกิจกรรม

น้องสีฟ้ามาเข้าแถวตรงนี้ครับ” เสียงรุ่นพี่ประจำกลุ่มสีฟ้าเรียกผมกับพาวให้ไปร่วมกลุ่มกับเพื่อนที่อยู่สีฟ้า ส่วนไอ้ดิวกับแพรวก็เดินไปกลุ่มสีเหลือง

รอเวลาไม่นานเหล่าบรรดาเฟรชชี่น้องใหม่ใสกิ๊ก ก็มาพร้อมหน้าพร้อมตากันจนเต็มหอประชุม เพลงสันทนาการกับเสียงกลองที่บรรเลงตลอดเวลา จนมีคำถามในใจว่า พี่ไม่เหนื่อยกันบ้างหรือครับ เสียงเพลงดังต่อไปได้อีกไม่นานก่อนจะได้ยินเสียงดังตะคอกที่ฟังดูแล้ว น่ากลัว

เงียบ!!!” เสียงตะโกนดังมาจากประตูทางเข้า เผยให้เห็นถึงกลุ่มคนที่แต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาถูกระเบียบ ผู้ชายคนหน้าสุดทรงผมดูเรียบร้อยมันวาวราวกับบนหัวนั้นถูกแทนที่ด้วยเจล ส่วนผู้หญิงก็รวบผมตึงดูแล้วคงเจ็บน่าดู เดินเรียงล้อมรอบเหล่าเฟรชชี่ปีหนึ่ง

ขอให้ทุกคนตั้งใจฟัง” เสียงชายคนหนึ่งพูดดังขึ้นมาท่ามกลางเสียงอันเงียบสงบของทุกคนที่อยู่ในหอประชุม คนนี้ผมเดาว่าคงเป็นผู้นำของกลุ่มคนพวกนี้

พวกพี่คือ พี่วินัย จะเป็นคอยดูแลน้องๆ ในเรื่องของการแต่งกาย ระเบียบข้อบังคับต่างๆ ของคณะเรา ใครมีข้อสงสัยอะไรสามารถสอบถามพวกพี่ได้เสมอ พี่ชื่อ สายฟ้า เป็นหัวหน้าพี่วินัย อยู่ปีสี่ และนี่คือ...”

สิ้นเสียงของหัวหน้าวินัยที่ตอนแรกเป็นจุดสนใจ กลับกลายเป็นตอนนี้ทุกสายตาให้ความสนใจกับคนที่เผยตัวออกมาจากอีกมุมหนึ่งของหอประชุม ชายรูปร่างสูง คาดว่าสูงน่าจะประมาณร้อยแปดสิบกว่าๆ รูปร่างสมส่วน สายตานิ่งๆ ใบหน้าถือว่าหล่อไม่ใช่น้อย ผิวสีแทน สันกรามคมชัด ใส่เสื้อนักศึกษารัดรูปพอประมาณไม่ได้ดูน่าเกลียด เผยให้เห็นความกว้างของไหล่และกล้ามหน้าอกชัดเจน ผมรองทรงสีดำดูถูกระเบียบไม่มีความแวววาวของเจลที่เป็นจุดแตกต่างจากคนที่พูดเชิญ

ผมพยายามมองไปที่ร่างสูงคนนั้น แต่ก็ต้องเพ่งตาอยู่นาน แต่โชคดีหน่อยที่วันนี้ผมได้พกแว่นของผมมาจึงหยิบมันใส่อย่างรวดเร็ว ถึงผมจะไม่ค่อยอยากใส่แว่นนี้เท่าไร แต่ผมก็อยากจะเห็นคนที่ถูกให้ความสนใจจากทุกคนในหอประชุมให้ชัดเจนขึ้น

สิ่งที่ผมเห็นนั้น

...ทำใจของผมนั้นเต้นแรงชัดเจนขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน พี่คนนั้น...

คนนี้คือ พี่ธารา หรือเรียกว่าพี่ธารก็ได้ เป็นรองหัวหน้าพี่วินัยจะมาคอยดูแลน้องด้วย ใครมีปัญหาอะไรก็บอกได้หมดเช่นกัน”

ธาร ธารา” เสียงผมพูดเบาจนแทบไม่ได้ยินเสียง

ธารน้ำ...

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา