DREAMS COME TRUE จากฝัน...ถึงเธอ
10.0
เขียนโดย winnerella
วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 12.04 น.
17 บท
0 วิจารณ์
16.72K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 17.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) ความคิดถึง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 11 ความคิดถึง
... (ธารา)...
ผมเห็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาของเด็กคนนั้น มันช่วยยืนยันความคิดของผมว่า'ปอ'ต้องมีความสัมพันธ์อะไรกับ'ป่าน'แน่นอน ความรู้สึกสงสัยของผมตลอดช่วงที่ผมเจอกับปอ มันกำลังจะเปิดเผยแล้วหรือเปล่า
"คุณย่าครับ เดี๋ยวผมคงต้องไปแล้ว" คำพูดของผม ทำให้ผู้หญิงชราที่ผมรักคลายอ้อมกอดออกจากปอที่กำลังยืนงงในความรู้สึกของตัวเอง
"ถ้าผมมีโอกาส ผมจะมาหาคุณย่าใหม่นะครับ"
ปอ ยังคงยืนนิ่งท่ามกลางความสับสนของตัวเองที่มีต่อคำพูดของคุณย่า
"ปอ พี่ว่าเรากลับไปที่โรงเรียนกันเถอะ พวกไอ้สายฟ้ามันคงรอเรานานแล้ว"
ผมเรียกคนที่ยืนนิ่ง พร้อมจูงมือปอไปที่รถ ก่อนขับรถออกไป ตลอดทางผมมองเห็นสีหน้าของปอผ่านกระจกมองหลังของรถคนนี้ สีหน้านั้นที่เต็มไปด้วยความสงสัย
หลังจากที่ผมกับปอมาถึง กิจกรรมต่างๆก็เริ่มเสร็จเป็นรูปเป็นร่างขึ้น อาคารเรียนที่เคยชำรุด สีหลุดลอกต่างถูกเติมเต็มด้วยวัสดุใหม่ ลวดลายการ์ตูนต่างๆถูกวาดเพิ่มเติมเพิ่มสีสันให้กับกำแพงอาคารเรียน ขยะเศษใบไม้ต่างๆถูกจัดการเก็บจนสะอาดตา กิจกรรมต่างๆที่ทำให้แก่พวกเด็กๆและโรงเรียนแห่งนี้ก็จบสิ้นลง สิ่งที่เรารอคอยกันมาตลอด การเล่นน้ำตกหลังโรงเรียนกำลังจะเริ่มขึ้น
น้ำตกแห่งนี้ยังไม่ได้ถูกตั้งชื่ออะไรอย่างเป็นทางการ ชาวบ้านที่นี่รวมถึงผมด้วยก็ต่างเรียกว่า น้ำตกอัญชัน เพราะแถวนั้นเต็มไปด้วยดอกอัญชันป่าขึ้นเต็มไปหมด การเดินทางไปน้ำตกนั้นสามารถมาได้สองทาง ทางแรกก็คือเดินขึ้นเนินเขาหลังโรงเรียนประมาณหนึ่งร้อยเมตรก็ถึงแล้วแต่ทางมันอาจจะลำบากนิดหน่อย ไม่สามารถเอายานพาหนะขับมาได้ คนในหมู่บ้านเลยสร้างถนนอีกเส้นทางหนึ่งขึ้นมาเพื่อให้พาหนะสามารถเข้ามาถึงน้ำตกนี้ได้ จากโรงเรียนมาถึงน้ำตกใช้เวลาเพียงแค่สิบกว่านาที
เหล่าน้องปีหนึ่ง รวมถึงพวกพี่ๆต่างเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศที่นี้เงียบสงบ เสียงน้ำจากที่สูงตกกระทบลงมายังผืนน้ำด้านล่างสร้างละอองน้ำเล็กๆปกคลุมทั่วบริเวณ
"ไม่ไปเล่นน้ำกับเพื่อนหรอ" ผมเดินมาที่โขดหินข้างน้ำตก ที่ผมเห็นน้องปีหนึ่งคนนั้นนั่งอยู่คนเดียว สีหน้าและสายตาคู่นั้นมองมาที่ผมเต็มไปด้วยความสงสัย
"พี่ธารครับ" เสียงเอ่ยทักขึ้นมาทันทีที่ผมนั่งลงข้างเขา
"อยากถามเรื่องป่านใช่ไหม" ผมรีบพูดคำถามที่คิดว่าเจ้าตัวน่าจะถามผม
"ครับ"
ผมสูดหายใจเข้าออกเต็มที่ ตั้งสติ บรรยากาศรอบข้างดูเงียบสงบ เหมือนสถานที่นี้มีเพียงเราสองคน
"ป่านคือผู้หญิงที่พี่เคยรัก แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว"
เพียงคำพูดของผมประโยคเดียว สีหน้าของปอก็เริ่มสงสัยมากขึ้น
"เขาทิ้งพี่ไปหรอ" เสียงตอบกลับทำให้ผมถึงกับนิ่ง แล้วตั้งสติตอบคำถามนั้นอีกครั้ง
"ป่าน ตายจากพี่ไปหลายปีแล้ว ช่วงนั้นมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในหมู่บ้านเรา ซึ่งตอนนั้นก็ไม่มียาหรือวัคซีนที่จะรักษาได้ คนในหมู่บ้านต่างล้มตายกันจำนวนมาก ป่านเองก็อาการหนัก"
คนฟังยังคงฟังผมอย่างตั้งใจ สายตาคู่นั้นที่เหมือนป่านจ้องมองมาที่ผม
"พี่ยังไม่ได้พูดลากับป่านเลย คำสัญญาที่เราเคยให้กันไว้เราก็ทำไม่ได้"
"เพราะอย่างนี้หรือเปล่าครับ พี่ถึงดูเศร้าๆ"
"ใจของพี่ปิดมาโดยตลอด ไม่เคยเปิดให้กับใคร จนมาเจอ..."
ผมหยุดพูดครู่หนึ่ง ผมมองไปที่ปอ สายตายังจ้องมาที่ผมเหมือนเดิม
"จนมาเจอ อะไรหรอครับ"
“เออ ไม่มีอะไรหรอก" ผมกลัวความรู้สึกผมจะหลุดออกไปจึงต้องพูดตัดบทไปแบบนั้น
"แล้วก็ส่วนคุณย่านั้น ก็คือคุณย่าของป่าน ตั้งแต่พ่อแม่พี่จากไป ก็มีย่าของป่านนี้แหละที่ค่อยดูแลพี่"
สีหน้ารู้สึกผิดของปอเกิดขึ้นหลังจากที่ผมเล่าเรื่องให้ฟังทั้งหมด
"ผมขอโทษนะครับ ที่ถามเรื่องส่วนตัว"
"ไม่เป็นไร"
ผมได้เเต่เพียงนั่งนิ่งจมอยู่ในอดีตที่หวนคืนกลับมา ก่อนจะมีมืออุ่นๆขนาดเล็กมาสัมผัสที่มือของผม ผมคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี สายตาของปอนั้นมองมาเพื่อให้กำลังใจผม ผมทนเก็บความรู้สึกคิดถึงไม่ไหว ก่อนจะดึงคนที่อยู่ข้างผมมากอด
"ขอพี่กอดหน่อยนะ พี่คิดถึง"
อ้อมกอดของผมกอดรัดร่างของผู้ชายตรงหน้าผมอย่างเเน่น โดยที่คนที่ถูกกอดไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของผมเลยแม้แต่น้อย ในใจผมคิดเพียงว่าอยากอยู่แบบนี้นานๆ
"..."
... (ปอ)...
อ้อมกอดอันอบอุ่นที่ผมสัมผัสได้จากพี่ธาร มันคงเป็นความรู้สึกคิดถึงที่พี่ธารมีให้กับป่าน ผมทำได้เพียงปล่อยให้ผู้ชายคนนี้ระบายความรู้สึกนั้นออกมา ผ่านการกอดผมเท่านั้นเอง
เวลาผ่านล่วงเลยไปทุกคนต่างทยอยกลับมาที่โรงเรียนกันแล้ว คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของการมาทำกิจกรรมรับน้องนอกสถานที่ เรามานั่งรวมกันที่ใต้ถุนอาคารเรียนเพื่อสรุปกิจกรรม โดยมีหัวหน้าพี่วินัยอย่างพี่สายฟ้าเป็นคนดำเนินงาน เราต่างพูดคุยเรื่องจิปาถะมากมาย จนมาถึงช่วงสุดท้าย พี่วินัยเลือกตัวแทนน้องปีหนึ่งให้ออกมาบอกถึงความรู้สึกของการที่มาเข้ารวมกิจกรรมในครั้งนี้ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสนุก เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ มีความสุขในการช่วยเหลือคนอื่นๆ
"อะ คนสุดท้าย เอาเป็นไอ้ปอและกัน" พี่สายฟ้าเอ่ยชื่อผม คงเป็นเพราะเป็นสายรหัสเลยต้องพูดจบกิจกรรม
ผมลุกขึ้นยืนจากที่นั่งผม ก่อนมองเห็นสายตาของพี่ธารยืมจ้องมาที่ผม
"ผะ ผมรู้สึกดีมากครับ ที่ได้มีโอกาสมาทำกิจกรรมครั้งนี้ ผมเชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนก็คงรู้สึกอย่างเดียวกับผม สถานที่นี้ดูอบอุ่นมากนะครับ" ผมพูดไปแต่สายตาของผมกลับมองไปยังผู้ชายร่างสูงคนนั้นที่มองมาที่ผมอยู่ตลอดเวลา
"เออคือที่จริง ผมเคยมาน้ำตกนี้แล้วครั้งหนึ่งกับคุณแม่ครับ ตอนก่อนที่ผมจะมาเรียนที่นี่ จริงสิ ผมมีสถานที่หนึ่งอยากจะแชร์ให้กับทุกคนครับ"
ผมก้มไปหยิบมือถือของผมขึ้นมา เปิดไปที่อัลบัมรูปภาพก่อนเปิดภาพที่ผมเคยถ่ายเก็บไว้ขึ้นมา
"ภาพนี้เป็นภาพเนินเขาครับ สวยไหมครับ น่าเสียดายที่เราไม่ได้ไปกัน ที่จริงถ้าเราเดินต่อไปตามทางของลำธารที่เชื่อมกับน้ำตกเรื่อยๆ ก็จะเจอครับ" รูปภาพที่ผมแสดงนั้นเป็นจุดสนใจของทุกคน รวมทั้งสายตาคู่นั้น ของพี่ธาร
กิจกรรมของค่ำคืนนี้จบลง พี่วินัยแจ้งกำหนดการกับเราว่าเราต้องออกเดินทางกันเช้าตรู่เหมือนเดิม ให้ถึงก่อนเที่ยง เพื่อให้ทุกคนได้มีเวลาเตรียมตัวที่จะเปิดเทอมจริงๆที่จะเกิดขึ้นในวันจันทร์ที่จะมาถึง ความเหนื่อยล้าพาร่างกายของทุกคนแยกย้ายกันไปนอน ถึงเวลาพักผ่อนของเราแล้ว
ผมเปิดมือถือไปที่แอปพลิเคชั่นเฟซบุ๊ก ผมเลือกที่จะลงภาพเนินเขาที่ผมถ่ายมาเพื่อเป็นเหมือนไดอารี่ของผมว่าผมได้กลับมาที่นี่อีกครั้งหนึ่ง เพื่อนในคณะผมต่างเข้ามากดไลค์ และคอมเมนต์กันมากมายใต้รูปนั้น แต่คอมเมนต์หนึ่งที่แจ้งเตือนผมจนผมต้องรีบเข้าไปดูนั้นก็คือ
Thara Thuntiyakul คิดถึงมันเหมือนกันเนาะ
ผมได้แต่อ่านข้อความนั้น อ่านซ้ำไปมาอยู่อย่างนั้น ในหัวเกิดคำถาม พี่ธารต้องการจะบอกอะไรกับผมหรือเปล่า
เงาของต้นหูกวางต้นนี้ยังคงร่มเย็นเหมือนเดิม เราสองคนไม่ได้ไปที่เนินเขาอย่างทุกๆวัน เราใช้เวลาทำการบ้านกันใต้ต้นหูกวางในช่วงเย็น นักเรียนหลายคนต่างเดินทางกลับบ้าน ยังพอมีนักเรียนที่เล่นฟุตบอลอยู่เป็นเพื่อนเรา
"พี่ หนูมีอะไรจะให้" ฉันยื่นสร้อยข้อมือที่มีจี้รูปดาวสีเหลืองให้กับชายที่ฉันรักที่สุด ฉันจับข้อมือข้างขวาของเขาขึ้นมาสวมสิ่งนี้ให้ทันที
"เราทำเองหรอ"
"ใช่แล้ว มีสองอันด้วย หนูให้พี่อันหนึ่ง เราจะได้ใส่คู่กันไง" ฉันจับแขนของผู้ชายคนนั้นที่สวมสร้อยข้อมือแล้วมาเทียบกับแขนของฉัน สร้อยข้อมือทั้งสองสัมผัสกัน ดาวดวงน้อยๆแกว่งไกวตามการสั่นไหว
"ดวงดาวสองดวงนี้จะคู่กันไปตลอดนะ ป่านรักพี่ธารนะ"
เสียงหายใจหอบของผมดังเฮือก ตาของผมเปิดขึ้นมาในความมืด บรรยากาศเงียบสงบ มองไปรอบๆทุกคนรอบข้างผมหลับสนิท ผมสัมผัสได้ดึงความเย็นของน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาของผม ใจของผมเหมือนถูกบีบอย่างแรง ผมหมดแรงจะต่อต้านกับอารมณ์ต่างๆที่ผ่านเข้ามาในหัวผม ผมเหนื่อยเหลือเกิน เสียงพูดของผมตอนนี้มีเพียงลมอันแผ่วเบาเป็นชื่อของคนในความฝัน
"ป่าน... พี่ธาร..."
"อ้าวทุกคน รีบกินข้าวนะ แล้วไปช่วยกันขนของขึ้นรถกัน แล้วจะได้ออกเดินทาง" เสียงของพี่วินัยคนหนึ่งดังขึ้นบ่งบอกว่าเป็นสัญญาณของการเริ่มเดินทางกลับ ขากลับนี้ยังดีหน่อย รถออกประมาณหกโมงครึ่งไม่ได้เช้ามืดเหมือนครั้งตอนที่เรามา ผมเดินขึ้นรถไปนั่งที่เดิมของผม ส่วนที่นั่งข้างผมเดิมมันเป็นที่ของไอ้ดิว แต่ตอนนี้มันว่างแล้วครับ เพราะไอ้ดิวมันย้ายไปนั่งด้านหลังกับพวกเพื่อนลีดมัน ผมจึงต้องจำใจนั่งคนเดียว
คนในรถดูแน่นมากกว่าปกติ ขากลับมีอาจารย์ขอนั่งรถบัสเรากลับด้วยสองคน เนื่องจากเมื่อคืนอาจารย์ที่นำรถตัวเองมาต้องรีบกลับไปผ่าตัดด่วนในเมือง เบาะนั่งที่ต่างๆจึงเต็มเกือบทุกที่นั่ง
"ตรงนี้ว่างไหม พี่ขอนั่งด้วยได้ไหม" เสียงพี่ธารเอ่ยดังขึ้นมาจากข้างหลังผม ผมมองไปรอบๆ เบาะนั่งทุกที่ไม่เหลือที่เเล้ว ที่ว่างตรงนี้ก็ไม่มีไอ้ดิวแล้ว พี่ธารนั่งจะเป็นอะไร
"ดะ ได้ครับ"
"อะนี้ เสื้อกันหนาว เผื่อเราหนาว" พี่ธารส่งเสื้อกันหนาวสีน้ำตาลตัวเดิมยื่นมาให้ผม
"มะ ไม่เป็นไรครับ" คำปฏิเสธของผมยังใช้การไม่ได้อยู่ดี ร่างชายสูงใหญ่กางเสื้อกันหนาวออก ก่อนนำมันมาวางทับร่างของผม
"เอาหนะ ห่มไว้นะ จะได้อุ่น"
"..."
มันอุ่นจริงๆ
ผมได้แต่แอบมองหน้าพี่ธารตลอดการเดินทาง คิดถึงเรื่องความฝันเมื่อคืนตลอดเวลา ความฝันทำไมมันชัดเจนขึ้นขนาดนี้ พี่ธารกับป่าน ชื่อของสองคนนี้ยังวนเวียนอยู่ในหัวของผม หรือจริงๆแล้วพี่ธารอาจจะรู้ความจริงอะไรหรือเปล่า
ตลอดห้าปีที่ผมฝันมา เมื่อคืนเป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้ชื่อของเจ้าของความฝัน และคนที่เธอรัก สถานที่แห่งนี้ต้องเป็นสถานที่ที่เชื่อมโยงกับความฝันของผมอย่างแน่นอน รวมถึงพี่ธารด้วย
เราเดินทางกลับมาถึงมหา’ลัยก็ประมาณเกือบๆบ่ายโมง กว่าจะช่วยกันขนของลงจากรถเอาไปเก็บเวลาก็ล่วงเลยไปบ่ายสองกว่าแล้ว ทุกคนต่างแยกย้ายกลับที่พักของตัวเอง เพื่อเตรียมตัวในการเรียนเปิดเทอมที่จะเกิดขึ้นจริงในวันพรุ่งนี้ ผมเดินกลับมาที่ห้องพร้อมกับไอ้ดิว มันไม่ทำอะไรหลังจากกลับมาเลย เอานอนตีพุงอยู่บนเตียง ส่วนผมก็จัดของให้เข้าที่ เตรียมตะกร้าเพื่อเอาผ้าไปซักที่ชั้นหนึ่ง
"ไอ้ดิว เดี๋ยวกูเอาผ้าลงไปซักข้างล่างก่อนนะ มึงจะฝากอะไรไหม"
"ไปเลยๆ กูขอนอนพักแป๊บ เดี๋ยวกูเอาลงไปซักเอง"
ที่ชั้นหนึ่งของหอจะมีห้องคอมมอนรูมขนาดใหญ่กว่าชั้นอื่นๆอยู่ข้างซ้ายมือถ้าเราเดินลงมาจากหอ ส่วนขวามือก็เป็นทางเดินที่มีห้องพักขนาบข้างตลอดทาง ข้างในห้องคอมมอนรูมก็จะมีพวกคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะสามเครื่องที่ไม่ค่อยมีคนใช้มันเพราะสภาพรุ่นมันเก่ามากจนคนคิดว่ามันอาจจะพังไปแล้ว มีห้องน้ำหนึ่งห้อง ข้างๆนั้นจะมีเครื่องสักผ้าแบบหยอดเหรียญค่อยอำนวยความสะดวกให้แก่คนที่พักในหอนี้
"หลับตาลงยังรู้สึกท่ามกลางความอ้างว้างในหัวใจ
ค่ำคืนยาวนานกับความเดียวดายและลมหายใจ ที่ว่างเปล่า"
เสียงคำร้องพร้อมเสียงกีตาร์ดังขึ้นมาจากชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงหน้าหอ ตอนแรกผมก็ไม่ได้สังเกตว่ามีใครอยู่หรือเปล่า ผมเดินออกมามองที่หน้าต่างของห้องคอมมอนรูม ชายคนนั้นไม่ได้เป็นคนอื่นไกลสำหรับผม
พี่ธาร...
"อยากให้เธอได้สัมผัสกับความห่วงใยที่มีให้เธอ
ได้ยินเสียงของพระจันทร์จะกล่อมเธอฝันดีให้เธอได้รู้ตลอดไป..."
เสียงร้องหยุดลงชั่วขณะ บรรยากาศตอนนั้นเงียบ ปราศจากเสียงใด ผมคิดว่าพี่ธารคงรู้สึกคิดถึงใครสักคนอย่างสุดหัวใจ เสียงร้องที่ผมได้ฟังมันดูโหยหาเหลือเกิน ผมยืนมองอยู่สักพักหนึ่งก่อนเสียงร้องประสานกีตาร์นั้นจะดังขึ้นอีกครั้ง
"ว่าทุกเวลาที่เราห่างกันแสนไกล ยังมีอีกคำในหัวใจ
ที่จะบอกเธอให้เธอได้รู้ และเข้าใจว่าคิดถึงเธอ
เมื่อเราห่างกันแสนไกล มีคำหนึ่งคำจะพูดไป
ให้เธอได้รู้ จะแทนความหมายความห่วงใย
ฉัน คิดถึงเธอ..."
(เพลง คิดถึง - บอย peacemaker)
เสียงคำถามที่พี่ธารเคยถามผมว่าดังขึ้นมาในหัวผมอีกครั้ง 'เราละปอ คิดถึงมันบ้างไหม' ตอนนี้ผมได้คำตอบของคำถามนั้นแล้ว
"คิดถึงมาก เลยครับ พี่ธาร..."
...
ไม่รู้ว่าเสียงตอบผมมันดังเกินไปหรือเปล่า ผู้ชายที่กำลังร้องเพลงคนนั้น หยุดร้องแล้วมองมาตรงหน้าต่างพี่ผมยืน แต่ผมหลบจากสายตาของเขาได้ทันเวลาพอดี เกือบไปแล้วสิเรา
จากบทเพลงที่ผมได้ฟัง ความรู้สึกผมตอนนี้ที่มีให้กับพี่ธารมันมากขึ้นเรื่อย ภายในใจผมมันยังคงสับสนกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผม หรือเราจะชอบพี่ธารจริงๆกันแน่นะ
ผมรอเวลาที่เครื่องซักผ้าแสดงตัวเลขนับถอยหลังจนเหลือศูนย์ ผมจัดการหยิบเสื้อผ้าลงใส่ในตะกร้า ค่อยๆเดินกลับขึ้นบันได พลางมองดูที่หน้าหอว่ายังมีพี่ธารนั่งอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว
ไอ้ดิวมันยังคงนอนไขว่ห้างอยู่บนเตียง เล่นมือถือของมันอยู่อย่างนั้น ผมจัดการเอาเสื้อผ้าที่ซักแล้วไปตากที่ระเบียงห้องของผม จากชั้นสี่ตรงห้องผมพอจะมองเห็นวิวไกลๆข้างหอได้ รอบๆมหา’ลัยมีทุ่งนาสีเขียวหลายร้อยไร่ ไกลสุดลูกหูลูกตา ดูแล้วสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก มองลงไปข้างล่างก็จะเห็นผู้คนเดินตามทางหน้าหอ ทำกิจกรรมต่างๆของตัวเอง แต่สายตาผมกับเห็นพี่ธารเดินออกจากหอไป
ใจผมเต้น ตุบ ตุบ ตุบ
ผมยังนึกถึงเสียงเพลงนั้นที่ออกมาจากปากพี่ธาร ผมว่ามันเพราะสำหรับผมมาก เสียงเพลงมันเข้าไปในทุกความรู้สึกรับรู้ของผมจริงๆ อยากรู้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผมตอนนี้จริงๆ คนคนเดียวที่ผมจะปรึกษาได้ในตอนนี้คงเป็นไอ้ดิว
“ดิวกูมีเรื่องอยากปรึกษาหน่อย” ผมเดินกลับเข้ามาในห้องตรงไปยังเตียงของมัน นั่งลงบนปลายเตียงของคนที่กำลังนอน
“มีอะไร อยู่ๆมึงจะมาปรึกษากูเนี่ยนะ แปลกๆ”
ครับ มันแปลกจริง เพราะตั้งแต่เป็นเพื่อนกับมันมา ผมแทบไม่เคยจะปรึกษาอะไรกับมันเท่าไร มีแต่มันที่มักจะหาเรื่องต่างๆมาปรึกษาผม ผมคิดว่าเรื่องความรู้สึกในตอนนี้ มันคงช่วยผมได้ดีที่สุด เพราะมันมีประสบการณ์โชกโชนเกี่ยวกับเรื่องความรัก
เจ้าตัวดันตัวเองขึ้นลุกนั่ง วางมือถือของมัน พร้อมจะฟังสิ่งที่ผมจะพูด
“คือ กูอยากรู้ว่าเวลามึงชอบใคร มึงรู้สึกอย่างไง” คำถามผมเป็นที่แปลกใจกับมันมาก สีหน้าของมันดูตกใจกับคำถามที่ผมพูดไป
“วันนี้ มึงมาอารมณ์ไหนว่ะ”
“เออน่า ตอบกูหน่อย”
“คืองี้ กูเองก็ไม่ได้จะรู้เรื่องอะไรเท่าไรหรอกนะ แต่เวลากูชอบใคร เวลากูอยู่ใกล้เขา ใจกูมันจะเต้นแรง...”
เพียงแค่ประโยคแรกของมัน ผมถึงกับไปไม่ถูกเลย ใจเต้นแรงหรอ...
“...มึงจะเห็นเขาคนนั้นอยู่ในสายตามึงตลอด ทั้งๆที่มึงก็ไม่ได้ที่จะตั้งใจมอง...”
ประโยคคำพูดของมัน ทำให้ผมคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ที่ผมเห็นพี่ธาร จริงๆผมก็ไม่ได้ตั้งใจมอง แต่ผมก็เจอพี่ธาร
“...หรือไม่นะ ถ้ามึงชอบเขาจริงๆ มึงจะคิดถึงแต่เรื่องของเขา เขาจะทำอะไรให้มึง มึงก็จะจำได้ตลอด ในหัวมึงก็จะคิดแต่เรื่องของเขา”
ผมถึงกับนิ่งไปเลยเมื่อสิ้นประโยคคำพูดของไอ้ดิว
“ไอ้ปอ ไอ้ปอ มึงเป็นอะไร”
“ปะ เปล่า”
“มึงจะตอบกูมาได้หรือยัง ที่มึงถามเรื่องนี้ เพราะอะไร” ความอยากรู้อยากเห็นของไอ้ดิวมันมากขึ้นเรื่อยๆ
“ถามเป็นความรู้ไว้ไง เห็นมึงเคยมีแฟนมาเยอะ มึงน่าจะมีประสบการณ์ดีๆที่ช่วยกูได้” กู!!! ผมหลุดพูดไปได้ไง
“มึงว่าอะไรนะ กูหรอ หรือว่ามึงมีความรักกันแน่” สายตาเจ้าเล่ห์ของมัน ขยับเขามาใกล้ผมมากขึ้น เรื่อยๆ ผมได้แต่หลบสายตามัน ทำตัวนั่งนิ่งๆ
“คะ คือ”
“อย่าบอกกูนะว่ามึง! ชอบพี่ธาร”
ประโยคคำถามของมันถึงกับทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก กูจะออกจากตรงนี้ยังไงดี จะทำไงดี ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตอบประโยคคำถามของมัน
“อืม” เห้ย ผมตอบอะไรไปโดยที่ผมไม่รู้ตัวอีกแล้ว
ไอ้ดิวมันอมยิ้มเล็กน้อย ก่อนค่อยๆเลื่อนตัวของมันออกห่างจากผมไป
“ก็แค่นั้น ก็ดีเพื่อนกูจะได้มีความรักกับคนอื่นเขาสักที”
“ไอ้สัส”
ผมได้แต่ด่ามัน แล้วเดินมานั่งที่โต๊ะของผม ผมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ผมจับใบหูของผมมันร้อนขึ้น ใจผมเต้นแรงเล็กน้อยแต่จังหวะของมันตอนนี้กับทำให้ผมตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เขินจัง ทำไมรู้สึกเขินอย่างนี้
ผมคิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกปรึกษาเรื่องแบบนี้กับไอ้ดิว มันเป็นที่ปรึกษาได้ดีจริงๆสำหรับผมในเรื่องนี้
ผมรู้สึกชอบพี่ธาร...
แต่ผมไม่รู้ว่าจริงๆพี่ธารรู้สึกยังไงกับผม...
ไม่รู้ว่าเขายังคิดถึงเธอคนนั้นอยู่หรือเปล่า...
ค่ำคืนที่ผมรู้สึกมีความสุขมากกว่าปกติอย่างบอกไม่ถูก เวลาตอนนี้ก็ใกล้เวลาที่ผมจะเขานอนแล้ว ผมไม่ลืมที่จะหยิบไอดารี่เล่มนั้นขึ้นมาเขียนเรื่องราวของวันนี้
‘วันที่ 31 พฤษภาคม 2562
วันนี้เป็นวันที่เราเพิ่งกลับมาจากค่ายรับน้องนอกสถานที่
มันเป็นค่ายที่สนุกมาก มีความสุขมากจริงๆ
วันนี้ได้ฟังเพลงหนึ่ง มันเป็นเพลงที่เพราะมาก คำร้องทำนองเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ดี
พี่ธารร้องเพลงเพราะนะเนี่ย อยากฟังพี่ธารร้องเพลงอีกจัง
ผม ชอบพี่นะครับ’
ผมว่าไดอารี่ของผมวันนี้ไม่ต้องเขียนเรื่องราวอะไรไปมากกว่านี้แล้ว เพียงเท่านี้ผมว่าผมรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้หมดแล้วล่ะครับ ความสุขในวันนี้
ผมมองไปหน้าว่างอีกหน้าหนึ่งของไดอารี่ ผมไม่ลืมที่จะเขียนเรื่องราวที่ผมฝันในค่ายลงไป ความฝันแรกที่ทำให้ผมรู้ถึงชื่อของเจ้าของความฝันนั้นคือ ป่าน
‘ความฝัน
ไข่เจียวใส่ดอกอัญชัน ป่านของโปรดปราน
พี่ธารก็ชอบเหมือนกัน’
‘ความฝัน
สร้อยข้อมือที่ป่านให้กับพี่ธาร สร้อยข้อมือจี้รูปดาว’
ผมมองไปที่สร้อยข้อมือที่พี่ธารให้กับผม ผมไม่รู้ว่ามันเป็นอันเดียวกับที่ป่านให้พี่ธารหรือเปล่า แต่มันดูคล้ายกันเหลือเกิน แต่ในความฝันภาพไม่ได้ชัดเจนถึงขนาดที่ผมจะจำลักษณะของมันได้ทั้งหมด
‘มันเป็นของเราปอ’ เสียงของพี่ธารดังขึ้นมาในหัวผม
คำถามที่ผมเคยถามพี่ธารว่าทำไมถึงให้สร้อยข้อมือจี้รูปดาวนี้กับผม คำตอบของพี่ธารมีเพียงประโยคสั่นๆที่ทำให้สับสนตลอดมา
ผมนอนลงบนเตียงหลังจากเคลียร์เรื่องราวในไดอารี่จบ ปิดโคมไฟ พอได้ยินเสียงกรนจากไอ้ดิวดังมาเป็นระยะๆ ผมเปิดมือถือดูเฟซบุ๊กของผม มันยังคงมีการแจ้งเตือนเรื่อยๆ จากรูปที่ผมลงไปตอนนั้น เนินเขา ผมได้แต่เพียงเลื่อนหาข้อความนั้นอีกครั้ง
ข้อความที่พี่ธารพิมพ์ให้กับผม
Thara Thuntiyakul คิดถึงมันเหมือนกันเนาะ...
... (ธารา)...
ผมเห็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาของเด็กคนนั้น มันช่วยยืนยันความคิดของผมว่า'ปอ'ต้องมีความสัมพันธ์อะไรกับ'ป่าน'แน่นอน ความรู้สึกสงสัยของผมตลอดช่วงที่ผมเจอกับปอ มันกำลังจะเปิดเผยแล้วหรือเปล่า
"คุณย่าครับ เดี๋ยวผมคงต้องไปแล้ว" คำพูดของผม ทำให้ผู้หญิงชราที่ผมรักคลายอ้อมกอดออกจากปอที่กำลังยืนงงในความรู้สึกของตัวเอง
"ถ้าผมมีโอกาส ผมจะมาหาคุณย่าใหม่นะครับ"
ปอ ยังคงยืนนิ่งท่ามกลางความสับสนของตัวเองที่มีต่อคำพูดของคุณย่า
"ปอ พี่ว่าเรากลับไปที่โรงเรียนกันเถอะ พวกไอ้สายฟ้ามันคงรอเรานานแล้ว"
ผมเรียกคนที่ยืนนิ่ง พร้อมจูงมือปอไปที่รถ ก่อนขับรถออกไป ตลอดทางผมมองเห็นสีหน้าของปอผ่านกระจกมองหลังของรถคนนี้ สีหน้านั้นที่เต็มไปด้วยความสงสัย
หลังจากที่ผมกับปอมาถึง กิจกรรมต่างๆก็เริ่มเสร็จเป็นรูปเป็นร่างขึ้น อาคารเรียนที่เคยชำรุด สีหลุดลอกต่างถูกเติมเต็มด้วยวัสดุใหม่ ลวดลายการ์ตูนต่างๆถูกวาดเพิ่มเติมเพิ่มสีสันให้กับกำแพงอาคารเรียน ขยะเศษใบไม้ต่างๆถูกจัดการเก็บจนสะอาดตา กิจกรรมต่างๆที่ทำให้แก่พวกเด็กๆและโรงเรียนแห่งนี้ก็จบสิ้นลง สิ่งที่เรารอคอยกันมาตลอด การเล่นน้ำตกหลังโรงเรียนกำลังจะเริ่มขึ้น
น้ำตกแห่งนี้ยังไม่ได้ถูกตั้งชื่ออะไรอย่างเป็นทางการ ชาวบ้านที่นี่รวมถึงผมด้วยก็ต่างเรียกว่า น้ำตกอัญชัน เพราะแถวนั้นเต็มไปด้วยดอกอัญชันป่าขึ้นเต็มไปหมด การเดินทางไปน้ำตกนั้นสามารถมาได้สองทาง ทางแรกก็คือเดินขึ้นเนินเขาหลังโรงเรียนประมาณหนึ่งร้อยเมตรก็ถึงแล้วแต่ทางมันอาจจะลำบากนิดหน่อย ไม่สามารถเอายานพาหนะขับมาได้ คนในหมู่บ้านเลยสร้างถนนอีกเส้นทางหนึ่งขึ้นมาเพื่อให้พาหนะสามารถเข้ามาถึงน้ำตกนี้ได้ จากโรงเรียนมาถึงน้ำตกใช้เวลาเพียงแค่สิบกว่านาที
เหล่าน้องปีหนึ่ง รวมถึงพวกพี่ๆต่างเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศที่นี้เงียบสงบ เสียงน้ำจากที่สูงตกกระทบลงมายังผืนน้ำด้านล่างสร้างละอองน้ำเล็กๆปกคลุมทั่วบริเวณ
"ไม่ไปเล่นน้ำกับเพื่อนหรอ" ผมเดินมาที่โขดหินข้างน้ำตก ที่ผมเห็นน้องปีหนึ่งคนนั้นนั่งอยู่คนเดียว สีหน้าและสายตาคู่นั้นมองมาที่ผมเต็มไปด้วยความสงสัย
"พี่ธารครับ" เสียงเอ่ยทักขึ้นมาทันทีที่ผมนั่งลงข้างเขา
"อยากถามเรื่องป่านใช่ไหม" ผมรีบพูดคำถามที่คิดว่าเจ้าตัวน่าจะถามผม
"ครับ"
ผมสูดหายใจเข้าออกเต็มที่ ตั้งสติ บรรยากาศรอบข้างดูเงียบสงบ เหมือนสถานที่นี้มีเพียงเราสองคน
"ป่านคือผู้หญิงที่พี่เคยรัก แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว"
เพียงคำพูดของผมประโยคเดียว สีหน้าของปอก็เริ่มสงสัยมากขึ้น
"เขาทิ้งพี่ไปหรอ" เสียงตอบกลับทำให้ผมถึงกับนิ่ง แล้วตั้งสติตอบคำถามนั้นอีกครั้ง
"ป่าน ตายจากพี่ไปหลายปีแล้ว ช่วงนั้นมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในหมู่บ้านเรา ซึ่งตอนนั้นก็ไม่มียาหรือวัคซีนที่จะรักษาได้ คนในหมู่บ้านต่างล้มตายกันจำนวนมาก ป่านเองก็อาการหนัก"
คนฟังยังคงฟังผมอย่างตั้งใจ สายตาคู่นั้นที่เหมือนป่านจ้องมองมาที่ผม
"พี่ยังไม่ได้พูดลากับป่านเลย คำสัญญาที่เราเคยให้กันไว้เราก็ทำไม่ได้"
"เพราะอย่างนี้หรือเปล่าครับ พี่ถึงดูเศร้าๆ"
"ใจของพี่ปิดมาโดยตลอด ไม่เคยเปิดให้กับใคร จนมาเจอ..."
ผมหยุดพูดครู่หนึ่ง ผมมองไปที่ปอ สายตายังจ้องมาที่ผมเหมือนเดิม
"จนมาเจอ อะไรหรอครับ"
“เออ ไม่มีอะไรหรอก" ผมกลัวความรู้สึกผมจะหลุดออกไปจึงต้องพูดตัดบทไปแบบนั้น
"แล้วก็ส่วนคุณย่านั้น ก็คือคุณย่าของป่าน ตั้งแต่พ่อแม่พี่จากไป ก็มีย่าของป่านนี้แหละที่ค่อยดูแลพี่"
สีหน้ารู้สึกผิดของปอเกิดขึ้นหลังจากที่ผมเล่าเรื่องให้ฟังทั้งหมด
"ผมขอโทษนะครับ ที่ถามเรื่องส่วนตัว"
"ไม่เป็นไร"
ผมได้เเต่เพียงนั่งนิ่งจมอยู่ในอดีตที่หวนคืนกลับมา ก่อนจะมีมืออุ่นๆขนาดเล็กมาสัมผัสที่มือของผม ผมคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี สายตาของปอนั้นมองมาเพื่อให้กำลังใจผม ผมทนเก็บความรู้สึกคิดถึงไม่ไหว ก่อนจะดึงคนที่อยู่ข้างผมมากอด
"ขอพี่กอดหน่อยนะ พี่คิดถึง"
อ้อมกอดของผมกอดรัดร่างของผู้ชายตรงหน้าผมอย่างเเน่น โดยที่คนที่ถูกกอดไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของผมเลยแม้แต่น้อย ในใจผมคิดเพียงว่าอยากอยู่แบบนี้นานๆ
"..."
... (ปอ)...
อ้อมกอดอันอบอุ่นที่ผมสัมผัสได้จากพี่ธาร มันคงเป็นความรู้สึกคิดถึงที่พี่ธารมีให้กับป่าน ผมทำได้เพียงปล่อยให้ผู้ชายคนนี้ระบายความรู้สึกนั้นออกมา ผ่านการกอดผมเท่านั้นเอง
เวลาผ่านล่วงเลยไปทุกคนต่างทยอยกลับมาที่โรงเรียนกันแล้ว คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของการมาทำกิจกรรมรับน้องนอกสถานที่ เรามานั่งรวมกันที่ใต้ถุนอาคารเรียนเพื่อสรุปกิจกรรม โดยมีหัวหน้าพี่วินัยอย่างพี่สายฟ้าเป็นคนดำเนินงาน เราต่างพูดคุยเรื่องจิปาถะมากมาย จนมาถึงช่วงสุดท้าย พี่วินัยเลือกตัวแทนน้องปีหนึ่งให้ออกมาบอกถึงความรู้สึกของการที่มาเข้ารวมกิจกรรมในครั้งนี้ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสนุก เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ มีความสุขในการช่วยเหลือคนอื่นๆ
"อะ คนสุดท้าย เอาเป็นไอ้ปอและกัน" พี่สายฟ้าเอ่ยชื่อผม คงเป็นเพราะเป็นสายรหัสเลยต้องพูดจบกิจกรรม
ผมลุกขึ้นยืนจากที่นั่งผม ก่อนมองเห็นสายตาของพี่ธารยืมจ้องมาที่ผม
"ผะ ผมรู้สึกดีมากครับ ที่ได้มีโอกาสมาทำกิจกรรมครั้งนี้ ผมเชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนก็คงรู้สึกอย่างเดียวกับผม สถานที่นี้ดูอบอุ่นมากนะครับ" ผมพูดไปแต่สายตาของผมกลับมองไปยังผู้ชายร่างสูงคนนั้นที่มองมาที่ผมอยู่ตลอดเวลา
"เออคือที่จริง ผมเคยมาน้ำตกนี้แล้วครั้งหนึ่งกับคุณแม่ครับ ตอนก่อนที่ผมจะมาเรียนที่นี่ จริงสิ ผมมีสถานที่หนึ่งอยากจะแชร์ให้กับทุกคนครับ"
ผมก้มไปหยิบมือถือของผมขึ้นมา เปิดไปที่อัลบัมรูปภาพก่อนเปิดภาพที่ผมเคยถ่ายเก็บไว้ขึ้นมา
"ภาพนี้เป็นภาพเนินเขาครับ สวยไหมครับ น่าเสียดายที่เราไม่ได้ไปกัน ที่จริงถ้าเราเดินต่อไปตามทางของลำธารที่เชื่อมกับน้ำตกเรื่อยๆ ก็จะเจอครับ" รูปภาพที่ผมแสดงนั้นเป็นจุดสนใจของทุกคน รวมทั้งสายตาคู่นั้น ของพี่ธาร
กิจกรรมของค่ำคืนนี้จบลง พี่วินัยแจ้งกำหนดการกับเราว่าเราต้องออกเดินทางกันเช้าตรู่เหมือนเดิม ให้ถึงก่อนเที่ยง เพื่อให้ทุกคนได้มีเวลาเตรียมตัวที่จะเปิดเทอมจริงๆที่จะเกิดขึ้นในวันจันทร์ที่จะมาถึง ความเหนื่อยล้าพาร่างกายของทุกคนแยกย้ายกันไปนอน ถึงเวลาพักผ่อนของเราแล้ว
ผมเปิดมือถือไปที่แอปพลิเคชั่นเฟซบุ๊ก ผมเลือกที่จะลงภาพเนินเขาที่ผมถ่ายมาเพื่อเป็นเหมือนไดอารี่ของผมว่าผมได้กลับมาที่นี่อีกครั้งหนึ่ง เพื่อนในคณะผมต่างเข้ามากดไลค์ และคอมเมนต์กันมากมายใต้รูปนั้น แต่คอมเมนต์หนึ่งที่แจ้งเตือนผมจนผมต้องรีบเข้าไปดูนั้นก็คือ
Thara Thuntiyakul คิดถึงมันเหมือนกันเนาะ
ผมได้แต่อ่านข้อความนั้น อ่านซ้ำไปมาอยู่อย่างนั้น ในหัวเกิดคำถาม พี่ธารต้องการจะบอกอะไรกับผมหรือเปล่า
เงาของต้นหูกวางต้นนี้ยังคงร่มเย็นเหมือนเดิม เราสองคนไม่ได้ไปที่เนินเขาอย่างทุกๆวัน เราใช้เวลาทำการบ้านกันใต้ต้นหูกวางในช่วงเย็น นักเรียนหลายคนต่างเดินทางกลับบ้าน ยังพอมีนักเรียนที่เล่นฟุตบอลอยู่เป็นเพื่อนเรา
"พี่ หนูมีอะไรจะให้" ฉันยื่นสร้อยข้อมือที่มีจี้รูปดาวสีเหลืองให้กับชายที่ฉันรักที่สุด ฉันจับข้อมือข้างขวาของเขาขึ้นมาสวมสิ่งนี้ให้ทันที
"เราทำเองหรอ"
"ใช่แล้ว มีสองอันด้วย หนูให้พี่อันหนึ่ง เราจะได้ใส่คู่กันไง" ฉันจับแขนของผู้ชายคนนั้นที่สวมสร้อยข้อมือแล้วมาเทียบกับแขนของฉัน สร้อยข้อมือทั้งสองสัมผัสกัน ดาวดวงน้อยๆแกว่งไกวตามการสั่นไหว
"ดวงดาวสองดวงนี้จะคู่กันไปตลอดนะ ป่านรักพี่ธารนะ"
เสียงหายใจหอบของผมดังเฮือก ตาของผมเปิดขึ้นมาในความมืด บรรยากาศเงียบสงบ มองไปรอบๆทุกคนรอบข้างผมหลับสนิท ผมสัมผัสได้ดึงความเย็นของน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาของผม ใจของผมเหมือนถูกบีบอย่างแรง ผมหมดแรงจะต่อต้านกับอารมณ์ต่างๆที่ผ่านเข้ามาในหัวผม ผมเหนื่อยเหลือเกิน เสียงพูดของผมตอนนี้มีเพียงลมอันแผ่วเบาเป็นชื่อของคนในความฝัน
"ป่าน... พี่ธาร..."
"อ้าวทุกคน รีบกินข้าวนะ แล้วไปช่วยกันขนของขึ้นรถกัน แล้วจะได้ออกเดินทาง" เสียงของพี่วินัยคนหนึ่งดังขึ้นบ่งบอกว่าเป็นสัญญาณของการเริ่มเดินทางกลับ ขากลับนี้ยังดีหน่อย รถออกประมาณหกโมงครึ่งไม่ได้เช้ามืดเหมือนครั้งตอนที่เรามา ผมเดินขึ้นรถไปนั่งที่เดิมของผม ส่วนที่นั่งข้างผมเดิมมันเป็นที่ของไอ้ดิว แต่ตอนนี้มันว่างแล้วครับ เพราะไอ้ดิวมันย้ายไปนั่งด้านหลังกับพวกเพื่อนลีดมัน ผมจึงต้องจำใจนั่งคนเดียว
คนในรถดูแน่นมากกว่าปกติ ขากลับมีอาจารย์ขอนั่งรถบัสเรากลับด้วยสองคน เนื่องจากเมื่อคืนอาจารย์ที่นำรถตัวเองมาต้องรีบกลับไปผ่าตัดด่วนในเมือง เบาะนั่งที่ต่างๆจึงเต็มเกือบทุกที่นั่ง
"ตรงนี้ว่างไหม พี่ขอนั่งด้วยได้ไหม" เสียงพี่ธารเอ่ยดังขึ้นมาจากข้างหลังผม ผมมองไปรอบๆ เบาะนั่งทุกที่ไม่เหลือที่เเล้ว ที่ว่างตรงนี้ก็ไม่มีไอ้ดิวแล้ว พี่ธารนั่งจะเป็นอะไร
"ดะ ได้ครับ"
"อะนี้ เสื้อกันหนาว เผื่อเราหนาว" พี่ธารส่งเสื้อกันหนาวสีน้ำตาลตัวเดิมยื่นมาให้ผม
"มะ ไม่เป็นไรครับ" คำปฏิเสธของผมยังใช้การไม่ได้อยู่ดี ร่างชายสูงใหญ่กางเสื้อกันหนาวออก ก่อนนำมันมาวางทับร่างของผม
"เอาหนะ ห่มไว้นะ จะได้อุ่น"
"..."
มันอุ่นจริงๆ
ผมได้แต่แอบมองหน้าพี่ธารตลอดการเดินทาง คิดถึงเรื่องความฝันเมื่อคืนตลอดเวลา ความฝันทำไมมันชัดเจนขึ้นขนาดนี้ พี่ธารกับป่าน ชื่อของสองคนนี้ยังวนเวียนอยู่ในหัวของผม หรือจริงๆแล้วพี่ธารอาจจะรู้ความจริงอะไรหรือเปล่า
ตลอดห้าปีที่ผมฝันมา เมื่อคืนเป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้ชื่อของเจ้าของความฝัน และคนที่เธอรัก สถานที่แห่งนี้ต้องเป็นสถานที่ที่เชื่อมโยงกับความฝันของผมอย่างแน่นอน รวมถึงพี่ธารด้วย
เราเดินทางกลับมาถึงมหา’ลัยก็ประมาณเกือบๆบ่ายโมง กว่าจะช่วยกันขนของลงจากรถเอาไปเก็บเวลาก็ล่วงเลยไปบ่ายสองกว่าแล้ว ทุกคนต่างแยกย้ายกลับที่พักของตัวเอง เพื่อเตรียมตัวในการเรียนเปิดเทอมที่จะเกิดขึ้นจริงในวันพรุ่งนี้ ผมเดินกลับมาที่ห้องพร้อมกับไอ้ดิว มันไม่ทำอะไรหลังจากกลับมาเลย เอานอนตีพุงอยู่บนเตียง ส่วนผมก็จัดของให้เข้าที่ เตรียมตะกร้าเพื่อเอาผ้าไปซักที่ชั้นหนึ่ง
"ไอ้ดิว เดี๋ยวกูเอาผ้าลงไปซักข้างล่างก่อนนะ มึงจะฝากอะไรไหม"
"ไปเลยๆ กูขอนอนพักแป๊บ เดี๋ยวกูเอาลงไปซักเอง"
ที่ชั้นหนึ่งของหอจะมีห้องคอมมอนรูมขนาดใหญ่กว่าชั้นอื่นๆอยู่ข้างซ้ายมือถ้าเราเดินลงมาจากหอ ส่วนขวามือก็เป็นทางเดินที่มีห้องพักขนาบข้างตลอดทาง ข้างในห้องคอมมอนรูมก็จะมีพวกคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะสามเครื่องที่ไม่ค่อยมีคนใช้มันเพราะสภาพรุ่นมันเก่ามากจนคนคิดว่ามันอาจจะพังไปแล้ว มีห้องน้ำหนึ่งห้อง ข้างๆนั้นจะมีเครื่องสักผ้าแบบหยอดเหรียญค่อยอำนวยความสะดวกให้แก่คนที่พักในหอนี้
"หลับตาลงยังรู้สึกท่ามกลางความอ้างว้างในหัวใจ
ค่ำคืนยาวนานกับความเดียวดายและลมหายใจ ที่ว่างเปล่า"
เสียงคำร้องพร้อมเสียงกีตาร์ดังขึ้นมาจากชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงหน้าหอ ตอนแรกผมก็ไม่ได้สังเกตว่ามีใครอยู่หรือเปล่า ผมเดินออกมามองที่หน้าต่างของห้องคอมมอนรูม ชายคนนั้นไม่ได้เป็นคนอื่นไกลสำหรับผม
พี่ธาร...
"อยากให้เธอได้สัมผัสกับความห่วงใยที่มีให้เธอ
ได้ยินเสียงของพระจันทร์จะกล่อมเธอฝันดีให้เธอได้รู้ตลอดไป..."
เสียงร้องหยุดลงชั่วขณะ บรรยากาศตอนนั้นเงียบ ปราศจากเสียงใด ผมคิดว่าพี่ธารคงรู้สึกคิดถึงใครสักคนอย่างสุดหัวใจ เสียงร้องที่ผมได้ฟังมันดูโหยหาเหลือเกิน ผมยืนมองอยู่สักพักหนึ่งก่อนเสียงร้องประสานกีตาร์นั้นจะดังขึ้นอีกครั้ง
"ว่าทุกเวลาที่เราห่างกันแสนไกล ยังมีอีกคำในหัวใจ
ที่จะบอกเธอให้เธอได้รู้ และเข้าใจว่าคิดถึงเธอ
เมื่อเราห่างกันแสนไกล มีคำหนึ่งคำจะพูดไป
ให้เธอได้รู้ จะแทนความหมายความห่วงใย
ฉัน คิดถึงเธอ..."
(เพลง คิดถึง - บอย peacemaker)
เสียงคำถามที่พี่ธารเคยถามผมว่าดังขึ้นมาในหัวผมอีกครั้ง 'เราละปอ คิดถึงมันบ้างไหม' ตอนนี้ผมได้คำตอบของคำถามนั้นแล้ว
"คิดถึงมาก เลยครับ พี่ธาร..."
...
ไม่รู้ว่าเสียงตอบผมมันดังเกินไปหรือเปล่า ผู้ชายที่กำลังร้องเพลงคนนั้น หยุดร้องแล้วมองมาตรงหน้าต่างพี่ผมยืน แต่ผมหลบจากสายตาของเขาได้ทันเวลาพอดี เกือบไปแล้วสิเรา
จากบทเพลงที่ผมได้ฟัง ความรู้สึกผมตอนนี้ที่มีให้กับพี่ธารมันมากขึ้นเรื่อย ภายในใจผมมันยังคงสับสนกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผม หรือเราจะชอบพี่ธารจริงๆกันแน่นะ
ผมรอเวลาที่เครื่องซักผ้าแสดงตัวเลขนับถอยหลังจนเหลือศูนย์ ผมจัดการหยิบเสื้อผ้าลงใส่ในตะกร้า ค่อยๆเดินกลับขึ้นบันได พลางมองดูที่หน้าหอว่ายังมีพี่ธารนั่งอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว
ไอ้ดิวมันยังคงนอนไขว่ห้างอยู่บนเตียง เล่นมือถือของมันอยู่อย่างนั้น ผมจัดการเอาเสื้อผ้าที่ซักแล้วไปตากที่ระเบียงห้องของผม จากชั้นสี่ตรงห้องผมพอจะมองเห็นวิวไกลๆข้างหอได้ รอบๆมหา’ลัยมีทุ่งนาสีเขียวหลายร้อยไร่ ไกลสุดลูกหูลูกตา ดูแล้วสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก มองลงไปข้างล่างก็จะเห็นผู้คนเดินตามทางหน้าหอ ทำกิจกรรมต่างๆของตัวเอง แต่สายตาผมกับเห็นพี่ธารเดินออกจากหอไป
ใจผมเต้น ตุบ ตุบ ตุบ
ผมยังนึกถึงเสียงเพลงนั้นที่ออกมาจากปากพี่ธาร ผมว่ามันเพราะสำหรับผมมาก เสียงเพลงมันเข้าไปในทุกความรู้สึกรับรู้ของผมจริงๆ อยากรู้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผมตอนนี้จริงๆ คนคนเดียวที่ผมจะปรึกษาได้ในตอนนี้คงเป็นไอ้ดิว
“ดิวกูมีเรื่องอยากปรึกษาหน่อย” ผมเดินกลับเข้ามาในห้องตรงไปยังเตียงของมัน นั่งลงบนปลายเตียงของคนที่กำลังนอน
“มีอะไร อยู่ๆมึงจะมาปรึกษากูเนี่ยนะ แปลกๆ”
ครับ มันแปลกจริง เพราะตั้งแต่เป็นเพื่อนกับมันมา ผมแทบไม่เคยจะปรึกษาอะไรกับมันเท่าไร มีแต่มันที่มักจะหาเรื่องต่างๆมาปรึกษาผม ผมคิดว่าเรื่องความรู้สึกในตอนนี้ มันคงช่วยผมได้ดีที่สุด เพราะมันมีประสบการณ์โชกโชนเกี่ยวกับเรื่องความรัก
เจ้าตัวดันตัวเองขึ้นลุกนั่ง วางมือถือของมัน พร้อมจะฟังสิ่งที่ผมจะพูด
“คือ กูอยากรู้ว่าเวลามึงชอบใคร มึงรู้สึกอย่างไง” คำถามผมเป็นที่แปลกใจกับมันมาก สีหน้าของมันดูตกใจกับคำถามที่ผมพูดไป
“วันนี้ มึงมาอารมณ์ไหนว่ะ”
“เออน่า ตอบกูหน่อย”
“คืองี้ กูเองก็ไม่ได้จะรู้เรื่องอะไรเท่าไรหรอกนะ แต่เวลากูชอบใคร เวลากูอยู่ใกล้เขา ใจกูมันจะเต้นแรง...”
เพียงแค่ประโยคแรกของมัน ผมถึงกับไปไม่ถูกเลย ใจเต้นแรงหรอ...
“...มึงจะเห็นเขาคนนั้นอยู่ในสายตามึงตลอด ทั้งๆที่มึงก็ไม่ได้ที่จะตั้งใจมอง...”
ประโยคคำพูดของมัน ทำให้ผมคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ที่ผมเห็นพี่ธาร จริงๆผมก็ไม่ได้ตั้งใจมอง แต่ผมก็เจอพี่ธาร
“...หรือไม่นะ ถ้ามึงชอบเขาจริงๆ มึงจะคิดถึงแต่เรื่องของเขา เขาจะทำอะไรให้มึง มึงก็จะจำได้ตลอด ในหัวมึงก็จะคิดแต่เรื่องของเขา”
ผมถึงกับนิ่งไปเลยเมื่อสิ้นประโยคคำพูดของไอ้ดิว
“ไอ้ปอ ไอ้ปอ มึงเป็นอะไร”
“ปะ เปล่า”
“มึงจะตอบกูมาได้หรือยัง ที่มึงถามเรื่องนี้ เพราะอะไร” ความอยากรู้อยากเห็นของไอ้ดิวมันมากขึ้นเรื่อยๆ
“ถามเป็นความรู้ไว้ไง เห็นมึงเคยมีแฟนมาเยอะ มึงน่าจะมีประสบการณ์ดีๆที่ช่วยกูได้” กู!!! ผมหลุดพูดไปได้ไง
“มึงว่าอะไรนะ กูหรอ หรือว่ามึงมีความรักกันแน่” สายตาเจ้าเล่ห์ของมัน ขยับเขามาใกล้ผมมากขึ้น เรื่อยๆ ผมได้แต่หลบสายตามัน ทำตัวนั่งนิ่งๆ
“คะ คือ”
“อย่าบอกกูนะว่ามึง! ชอบพี่ธาร”
ประโยคคำถามของมันถึงกับทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก กูจะออกจากตรงนี้ยังไงดี จะทำไงดี ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตอบประโยคคำถามของมัน
“อืม” เห้ย ผมตอบอะไรไปโดยที่ผมไม่รู้ตัวอีกแล้ว
ไอ้ดิวมันอมยิ้มเล็กน้อย ก่อนค่อยๆเลื่อนตัวของมันออกห่างจากผมไป
“ก็แค่นั้น ก็ดีเพื่อนกูจะได้มีความรักกับคนอื่นเขาสักที”
“ไอ้สัส”
ผมได้แต่ด่ามัน แล้วเดินมานั่งที่โต๊ะของผม ผมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ผมจับใบหูของผมมันร้อนขึ้น ใจผมเต้นแรงเล็กน้อยแต่จังหวะของมันตอนนี้กับทำให้ผมตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เขินจัง ทำไมรู้สึกเขินอย่างนี้
ผมคิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกปรึกษาเรื่องแบบนี้กับไอ้ดิว มันเป็นที่ปรึกษาได้ดีจริงๆสำหรับผมในเรื่องนี้
ผมรู้สึกชอบพี่ธาร...
แต่ผมไม่รู้ว่าจริงๆพี่ธารรู้สึกยังไงกับผม...
ไม่รู้ว่าเขายังคิดถึงเธอคนนั้นอยู่หรือเปล่า...
ค่ำคืนที่ผมรู้สึกมีความสุขมากกว่าปกติอย่างบอกไม่ถูก เวลาตอนนี้ก็ใกล้เวลาที่ผมจะเขานอนแล้ว ผมไม่ลืมที่จะหยิบไอดารี่เล่มนั้นขึ้นมาเขียนเรื่องราวของวันนี้
‘วันที่ 31 พฤษภาคม 2562
วันนี้เป็นวันที่เราเพิ่งกลับมาจากค่ายรับน้องนอกสถานที่
มันเป็นค่ายที่สนุกมาก มีความสุขมากจริงๆ
วันนี้ได้ฟังเพลงหนึ่ง มันเป็นเพลงที่เพราะมาก คำร้องทำนองเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ดี
พี่ธารร้องเพลงเพราะนะเนี่ย อยากฟังพี่ธารร้องเพลงอีกจัง
ผม ชอบพี่นะครับ’
ผมว่าไดอารี่ของผมวันนี้ไม่ต้องเขียนเรื่องราวอะไรไปมากกว่านี้แล้ว เพียงเท่านี้ผมว่าผมรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้หมดแล้วล่ะครับ ความสุขในวันนี้
ผมมองไปหน้าว่างอีกหน้าหนึ่งของไดอารี่ ผมไม่ลืมที่จะเขียนเรื่องราวที่ผมฝันในค่ายลงไป ความฝันแรกที่ทำให้ผมรู้ถึงชื่อของเจ้าของความฝันนั้นคือ ป่าน
‘ความฝัน
ไข่เจียวใส่ดอกอัญชัน ป่านของโปรดปราน
พี่ธารก็ชอบเหมือนกัน’
‘ความฝัน
สร้อยข้อมือที่ป่านให้กับพี่ธาร สร้อยข้อมือจี้รูปดาว’
ผมมองไปที่สร้อยข้อมือที่พี่ธารให้กับผม ผมไม่รู้ว่ามันเป็นอันเดียวกับที่ป่านให้พี่ธารหรือเปล่า แต่มันดูคล้ายกันเหลือเกิน แต่ในความฝันภาพไม่ได้ชัดเจนถึงขนาดที่ผมจะจำลักษณะของมันได้ทั้งหมด
‘มันเป็นของเราปอ’ เสียงของพี่ธารดังขึ้นมาในหัวผม
คำถามที่ผมเคยถามพี่ธารว่าทำไมถึงให้สร้อยข้อมือจี้รูปดาวนี้กับผม คำตอบของพี่ธารมีเพียงประโยคสั่นๆที่ทำให้สับสนตลอดมา
ผมนอนลงบนเตียงหลังจากเคลียร์เรื่องราวในไดอารี่จบ ปิดโคมไฟ พอได้ยินเสียงกรนจากไอ้ดิวดังมาเป็นระยะๆ ผมเปิดมือถือดูเฟซบุ๊กของผม มันยังคงมีการแจ้งเตือนเรื่อยๆ จากรูปที่ผมลงไปตอนนั้น เนินเขา ผมได้แต่เพียงเลื่อนหาข้อความนั้นอีกครั้ง
ข้อความที่พี่ธารพิมพ์ให้กับผม
Thara Thuntiyakul คิดถึงมันเหมือนกันเนาะ...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ