DREAMS COME TRUE จากฝัน...ถึงเธอ

10.0

เขียนโดย winnerella

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 12.04 น.

  17 บท
  0 วิจารณ์
  16.70K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 17.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) ความคุ้นเคย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
...(ปอ)...
อาทิตย์ที่สองของการเรียนช่วงปิดเทอมของเราใกล้จะผ่านพ้นไป วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีซึ่งเป็นวันเรียนวันสุดท้าย ก่อนเราจะไปรับน้องนอกสถานที่สามวันสุดสัปดาห์ก่อนเปิดเทอม พี่วินัยนัดเรามารวมกันที่หอประชุมกลางของหอในอีกครั้งเพื่อชี้แจงรายละเอียดของกิจกรรมรับน้องนอกสถานที่ที่เราจะไป กิจกรรมที่พี่วินัยได้แจกแจงเรานั้น ส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมจิตอาสา เช่น ทำความสะอาด ปรับปรุงสถานที่ กิจกรรมสอนเรื่องสุขศึกษาต่างๆให้แก่นักเรียน โดยจะแบ่งนักศึกษาปีหนึ่งออกเป็นกลุ่มๆเพื่อกระจายงาน โดยให้ลงชื่อตามความสมัครใจ ผมได้ลงชื่อทำกิจกรรมปรับปรุงสถานที่พวกทาสี ซ่อมสิ่งของต่างๆที่ชำรุด โดยผมลากไอ้ดิวเพื่อนสนิทผมลงชื่อไปด้วย
"มึงแม่งไอ้ปอ กูกะจะไปลง สอนหนังสือเด็กๆกับแพรว มึงลากกูมาทาสีเฉย" ไอ้ดิวบ่นอย่างน้อยใจ
"เออนะ มาทาสีกับกูนั่นแหละเหมาะกับมึงแล้ว"
"ว่าแต่มึงกับแพรวนี้ยังไง" จริงๆผมรู้ว่ามันแอบชอบแพรวแหละ แต่มันก็ไม่บอกผมสักที
"..." มันถึงกับทำตัวไม่ถูกเมื่อได้ยินผมถาม
"อ่ะๆ ไม่ถามและ กลับหอไปจัดของกันเถอะ"
กำหนดการบอกว่าเราจะเดินทางไปในวันศุกร์ตอนเช้า ส่วนสถานที่นั้นพี่วินัยเพียงแค่บอกว่าอยู่ในจังหวัดพิษณุโลก แต่เราจะต้องเดินทางไกลหน่อย ที่นั่นมีน้ำตก มีหมู่บ้านเล็กๆตั้งอยู่ โดยเราจะเดินทางด้วยรถบัสของคณะสองคัน โดยมีเหล่าบรรดาพี่วินัยไปด้วยประมาณยี่สิบคนรวมกับน้องปีหนึ่งอีกหกสิบคน ส่วนอาจารย์จะขับรถตามไปเอง รวมๆแล้วการไปรับน้องนอกสถานที่ครั้งนี้มีคนไปร่วมแปดสิบกว่าคน
หน้าที่ผมยังคงต้องค่อยปลุกไอ้ดิวเหมือนเดิม เราสองคนเดินลงมาจากหอเพื่อจะไปขึ้นรถที่จอดไว้ข้างหน้าศูนย์อาหาร เหล่านักศึกษาแพทย์ทุกคนต่างหน้าตางัวเงีย เดินออกมาจากหอ ต่อแถวเพื่อจะเช็คชื่อขึ้นรถ
"ปรเมศว์ ครับ" ไอ้ดิวขึ้นไปบนรถบัสก่อน
"ผม ธาวินครับ" 
เราเดินทางตั้งแต่ตีห้า ผมนั่งข้างกับไอ้ดิวครับ ผมมักจะเลือกนั่งข้างหน้าของรถเสมอ เพราะผมเมารถ แถมอีกอย่างข้างหลังมักชอบมีเพื่อนคุยกันเสียงดัง ผมอยากจะนอน ผมง่วงมากที่ต้องตื่นเช้า
รถเคลื่อนไปเรื่อยๆ ไฟข้างในรถมืดสนิท มีเพียงแสงไฟจากไฟข้างถนนสาดส่องมาเป็นช่วงๆ ได้ยินเสียงคนคุยกันดังจากหลังรถบ้างเป็นระยะๆ แต่ไม่ได้ดังจนรบกวนการนอนของผม อุณหภูมิบนรถบัสมันหนาวมาก ผมมีเพียงพาห่มหนึ่งผืนที่มีประจำเบาะ ห่มเพื่อบรรเทาอาการหนาวเท่านั้นเอง ผมหนาวเหลือเกิน ผมนอนขดบนเบาะ ตัวสั่นราวกับลูกหมาเปียกน้ำ ก่อนได้ยินเสียงใครคนหนึ่งพูดกับผม
"ปอ อะพี่ให้ยืมเสื้อกันหนาว" เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากเบาะนั่งข้างหน้าผม ผมเห็นแค่เงารางๆของคนที่เปล่งเสียงนั้นไม่ค่อยชัดเท่าไร แต่ผมคุ้นเคยกับเสียงนั้น..พี่ธาร
ก่อนขึ้นรถผมไม่ได้สังเกตหรอกว่าใครนั่งเบาะข้างหน้าผม อีกอย่างผมหลับตลอดทางด้วย ก่อนจะลืมตาขึ้นพร้อมกับเสียงเรียกนั้น มองไปเบาะข้างผม ถึงรู้ว่าไอ้ดิวไม่ได้นั่งอยู่ข้างผมแล้ว พี่ธารขยับตัวเล็กน้อยก่อนหันหน้ามาหาผมพร้อมยื่นเสื้อกันหนาวสีน้ำตาลหนามาให้ผม อากาศสั่นของผมคงทำให้พี่ธารทนเห็นภาพแบบนี้ไม่ได้
"ขะ ขอบคุณครับ"
ผมรับเสื้อกันหนาวตัวนั้นทันทีโดยไม่รีรอ
ทั้งที่ผมหนาวมาก แต่ทำไมในใจกับอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
แสงแดดยามเช้าพุ่งผ่านทะลุผ้าม่านของรถบัส บ่งบอกว่าตอนนี้เช้าแล้ว ผมดูเวลาในมือถือ เวลาก็เกือบจะแปดโมงเช้าแล้ว หลายคนบนรถเริ่มตื่น เสียงพูดคุยก็ดังขึ้นมาเรื่อยๆ ผมมองหาเพื่อนสนิทของผมว่าเมื่อคืนมันหายตัวไป ก่อนจะเห็นว่ามันย้ายไปนั่งเบาะข้างหลังรถ กับเพื่อนลีดผู้ชายของมัน 
"เดี๋ยวเราจะพักกินข้าวเช้ากันที่ปั๊มน้ำมัน ต่อไปเราจะขึ้นเขากันแล้ว อีกนิดเดียวก็ถึงที่หมายแล้ว อย่าลืมซื้อข้าวกลางวันไปเผื่อด้วยนะ" พี่วินัยคนหนึ่งพูดขึ้นดังมาจากข้างหน้ารถ 
ผมพยายามชะโงกหน้าไปดูพี่ธารที่นั่งข้างหน้าผม พี่ธารยังคงหลับตาสนิท
น่ารักเหมือนกันนะเนีย 
มือของผมกำเสื้อกันหนาวตัวนั้นอย่างแน่น
หลังจากรถจอดสนิท ผมเดินลงมาจากรถ พร้อมพุ่งตรงไปยังร้านข้าวที่เปิดอยู่ไม่กี่ร้าน มันเป็นปั๊มน้ำมันขนาดกลางๆพอที่จะรองรับคนที่มาได้ไม่ขาดไม่เกิน ผมหยุดที่ร้านขายข้าวเเกงร้านหนึ่ง ก่อนจะสั่งเมนูประจำของผม ไข่เจียวหมูสับ ผมเดินมองเห็นโต๊ะที่พวกพาวกับแพรวนั่งกินกันอยู่ พาวเห็นผมกำลังมองหาโต๊ะเลยตะโกนเรียกให้ไปนั่งด้วย ไม่นานเสียงดังของไอ้ตัวที่หนีผมไปนั่งที่อื่นเมื่อคืนดังขึ้น
"ไอ้ปอ มึงใส่เสื้อกันหนาวใคร"
"ขะ ของกูเอง"
"อย่ามาโกหก เมื่อเช้ามึงไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวขึ้นรถ"
"คะ คือ" ผมตัวแข็งทื่อ เหมือนผู้ร้ายที่ทำผิดกำลังโดนสอบสวน "ว่าแต่มึงอะ เมื่อคืนทำไมไปนั่งด้านหลัง" ผมรีบเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาทันที แต่มันก็ไม่ได้ผล ไม่สามารถสู้กับความอยากรู้อยากเห็นของไอ้ดิวได้
"มึงอย่ามาโกหก ของพี่ธารใช่ไหม"
"ชะ ชะ ใช่" ผมหลุดตอบคำถามนั้นไป เมื่อได้ยินชื่อพี่ธาร
"กูว่าเเล้ว มึงกับพี่ธารต้องมีอะไรกันแน่ๆ"
"คิดมาก ไม่มีอะไร"
"กูเห็นคนพูดงี้ แม่งก็เป็นแฟนกันตลอด"
ใจสั่นรัว...
เราใช้เวลากินข้าวเช้ากันประมาณสิบห้านาทีก่อนเดินทางต่อ รถบัสเคลื่อนออกไปเรื่อยๆ บรรยากาศข้างทางเต็มไปด้วยป่าไม้เขียวขจีตลอดทาง แต่สิ่งที่แย่ก็คือถนน มันเป็นถนนดินลูกรังที่เวลารถเคลื่อนผ่านจะมีฝุ่นควันสีส้มตลบอบอวลลอยขึ้นมาตามทางที่รถเคลื่อนไป ก่อนผมจะเอะใจได้ว่า เห้ยนี้มันทางเดียวกับที่ไปน้ำตกกับแม่นิ ผมเพิ่งจะมานึกออก เพราะตอนที่มากับแม่ครั้งนั้นผมหลับเกือบตลอดทางไม่รู้ว่าทางที่ผ่านมาเป็นยังไง จำได้แค่ผ่านถนนลูกรังสายนี้
รถบัสเคลื่อนไปเรื่อยๆจนถึงที่หมายของเรานั้นคือโรงเรียนประจำหมู่บ้าน เป็นโรงเรียนเล็กๆที่มีตึกไม้ผสมกับปูนตั้งอยู่สองหลัง ตึกเหล่านั้นมีประมาณสามชั้น สภาพเก่าตามกาลเวลา กำแพงบางส่วนสีหลุดลอกออกจนหินอิฐสีส้มอย่างเด่นชัด ช่วงเวลานี้เป็นช่วงพักเที่ยงพอดีของโรงเรียน การมาของเราสร้างความสนใจให้กับบรรดานักเรียนเป็นอย่างมาก ต่างจับจ้องมองมาที่เรา สงสัยว่าเรามากันทำไม 
บรรยากาศตอนนี้ทำให้เราได้เห็นนักเรียนต่างเดินออกจากอาคารมานั่งเล่นตามโต๊ะหินอ่อนเพื่อกินข้าวกลางวัน เล่นฟุตบอลที่สนามหญ้าของโรงเรียนที่สภาพหญ้าเป็นสีน้ำตาลดูแห้งแล้ง บ้างก็นั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างโรงเรียนที่แผ่กิ่งก้านสร้างร่มเงา ผมรู้จักต้นไม้ต้นนั้นดี หูกวาง...
ระหว่างนี้บรรดาพี่วินัยก็แจกจ่ายหน้าที่ให้พวกเราเหล่าน้องปีหนึ่ง ช่วยกันขนของต่างๆที่เราจะเอามาทำกิจกรรมครั้งนี้ลงจากรถ พร้อมกับแจ้งเราว่าสถานที่นอนคืออาคารเรียนหลังเก่านั้น พวกเราต่างขนสัมภาระเราไปวางที่ตึกนั้น
"ให้พี่ช่วยถือไหม" เสียงของพี่ธารดังข้างหูผม
"ไม่เป็นไรครับ" คำปฏิเสธของผมมันยังคงใช้การไม่ได้อยู่ดีกับพี่ธาร
ผมต้องจำใจเดินตามหลังพี่ธารไปที่อาคารนั้นเหมือนเดิม โดยผมถือเพียงแค่กระเป๋าสะพายคู่ใจ ส่วนกระเป๋าใบอื่นๆอยู่ที่พี่ธารหมดแล้ว
หลังจากที่เราขนของ จัดแจงสัมภาระต่างๆเสร็จ เราก็นั่งพักกินข้าวกลางวันที่เราซื้อมาเผื่อในตอนเช้าใต้ถุนอาคารเรียน มองดูเหล่าพี่วินัยต่างช่วยกันจัดกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในตอนกลางคืน ดูวุ่นวายดี 
แสงแดดยามเย็นสีส้มอ่อนๆ สาดส่องไปทั่วพื้นที่ของโรงเรียนนี้ ผมนั่งเล่นใต้ถุนอาคารกับเพื่อนเผื่อรอกิจกรรมตอนกลางคืนที่ทุกค่ายนอกสถานที่ต้องมีคือ กิจกรรมรอบกองไฟ แต่สายตาผมมองไปเห็นพี่ธารที่กำลังยืนอยู่ใต้ต้นหูกวางต้นนั้นคนเดียว ผมตัดสินใจเดินไปหาเพื่อจะคืนเสื้อกันหนาวที่ผมใส่มาตลอดเกือบทั้งวัน
ยิ่งผมเดินเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่นี้มันก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สายลมเบาๆพัดใบไม้ที่ตกอยู่บนพื้นให้ลอยสูงขึ้น บรรยากาศเย็นสบายดูผ่อนคลาย ผมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะทักพี่ธาร
"พี่ธารครับ" คำเอ่ยผมทำให้คนที่ยืนนิ่งคนนั้นสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมาหาผม "ผมเอาเสื้อกันหนาวมาคืนครับ ขอบคุณพี่มากนะครับ" 
ผมยื่นเสื้อกันหนาวสีน้ำตาลตัวนั้นให้แก่พี่ธาร พร้อมกับมือหนาของพี่ธารรับไป ชายคนนั้นกลับเล่าเรื่องราวบางอย่างให้กับผมฟัง
"โรงเรียนที่เป็นโรงเรียนเก่าของพี่เอง ตอนกลางวันพี่กับคนที่พี่รักมากที่สุดมักจะมานั่งใต้ต้นหูกวางต้นนี้ เราชอบฟังเพลงจากโทรศัพท์เครื่องเก่า เราแบ่งหูฟังกันคนละข้างเสมอ คิดถึงเนาะ"
หลังจากพี่ธารพูดประโยคนั้นจบ สายตาอันอ่อนโยนของพี่ธารมองมาที่ผม ใจผมเต้นแรง มือผมสั่นอีกแล้ว ในหัวผมคิดถึงเรื่องราวในความฝันของผม ในไดอารี่หน้านั้น...
"..." ผมได้แต่ยืนนิ่งไม่ตอบอะไรจากคำชวนนั้น ก่อนที่ผมจะได้ยินประโยคที่ทำให้ผมถึงกับไปไม่เป็น
"เราละปอ คิดถึงมันบ้างไหม"
"..."
 "ไอ้ธารมาช่วยกูตรงนี้หน่อย" เสียงของหัวหน้าพี่วินัยอย่างพี่สายฟ้าตะโกนเรียกขัดบทสนทนาของเรา
"เออ เดียวไป"
พี่ธารหันหลังเดินไปตามเสียงเรียกนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินจากผมไป
ทิ้งให้ผมยืนนิ่งอยู่ใต้เงาของต้นหูกวางต้นนี้...
พร้อมกับคำถาม ที่ผมยังไม่สามารถตอบได้...
 
กิจกรรมรอบกองไฟในค่ำคืนนี้เริ่มขึ้น เสียงกลองสันทนาการ เสียงเพลงดังขึ้นตลอดเวลา มื้อเย็นมื้อนี้ดีหน่อยที่เราไม่ต้องออกไปหาข้าวกินเอง คนในหมู่บ้านนี้เตรียมให้ ส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารพื้นบ้านของแถวนี้ ผมว่ามันก็ถือว่าอร่อยเลยทีเดียว ข่าวเรื่องที่เราจะมาทำกิจกรรมอาสาคงรู้กันไปทั่วหมู่บ้านแหละครับ หมู่บ้านเล็กๆที่ใครทำอะไรคงรับรู้หมด
ค่ำคืนนี้ผ่านไปอย่างสนุกสนาน แต่ในใจของผมมันยังคิดถึงคำพูดของพี่ธารประโยคนั้น
"เราละปอ คิดถึงมันบ้างไหม"
สายลมยามเย็นยังคงเป็นเหมือนตัวบอกเวลาของฉันได้เป็นอย่างดี ตอนนี้ก็เกือบจะหกโมงเเล้ว ฉันพาคนที่ฉันรักไปกินข้าวเย็นที่บ้านฉัน วันนี้คุณย่าทำเมนูโปรดให้ฉันกินนั้นก็คือ ไข่เจียวใส่ดอกอัญชัน
"พี่อร่อยไหม" ฉันถามคนที่ฉันรัก ใบหน้าของเขาส่งรอยยิ้มมาให้ฉันเสมอ
"อร่อยมากครับ"
"เมนูนี้ของโปรดหนูเลยนะ"
"พี่ว่า ตอนนี้มันอาจจะเป็นเมนูโปรดของพี่ด้วยก็ได้" 
บทสนทนาของเราทำให้คุณย่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ วันนี้เป็นวันที่ฉันมีความสุขจริงๆ
 
กริ๊งงงงง
เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือผมช่วยดึงผมออกมาจากความฝัน ผมฝันมันอีกแล้ว ฝันถึงเรื่องราวของใครคนหนึ่ง ที่ผมยังหาคำตอบไม่ได้ว่ามันเป็นของใคร
เช้าวันที่สองของกิจกรรมรับน้องนอกสถานที่ เริ่มต้นขึ้นหลังจากเรากินข้าวเช้ากันเสร็จ ทุกคนต่างทำหน้าที่ที่ได้ลงชื่อไว้ วันเสาร์วันนี้กลับคึกคักมากเป็นพิเศษ มีนักเรียนของโรงเรียนนี้มาเพื่อช่วยเราปรับปรุงสถานที่ของโรงเรียน ต่างพากันช่วยขนของ ทาสี เก็บขยะเศษใบไม้ต่างๆกันเต็มไปหมด บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุก มีกิจกรรมสันทนาการที่ส่งเสียงร้องเพลงสร้างความสุขให้แก่เด็กนักเรียนและพวกเราตลอดทั้งวัน 
ผมกับได้ดิวเดินไปหยิบถังสีเพื่อมาทากำแพงของอาคารหลังเก่าไปเรื่อยๆ ตามจุดต่างๆที่เราได้แบ่งไว้
"เหนื่อยไหม" ผมหันไปหาเสียงทักนั้น
"พะ พี่ธาร"
"อะ น้ำ ดื่มซะจะได้สดชื่น"
"ขะ ขอบคุณครับ"
"โห่อะไรว่ะ ทำก็ทำด้วยกัน เหนื่อยก็เหนื่อยด้วยกัน ทำไมมีแต่ไอ้ปอได้กินน้ำอยู่คนเดียว" มันพูดประชดประชนผม
พี่ธารคงรำคาญเสียงประชดของมัน ก่อนจะยื่นขวดน้ำให้กับมัน
"นี่ของแก" 
"ขอบคุณคร้าบบบบบบบบ โผมมมมม"
เวลาล่วงเลยเกือบจะเที่ยงแล้ว ทุกคนเริ่มทยอยกันพักกินข้าวกลางวันกันที่ใต้ถุนอาคาร อาหารกลางวันวันนี้ยังคงเป็นอาหารที่ชาวบ้านในหมู่บ้านช่วยกันทำเพื่อเลี้ยงตอบแทนเราที่ช่วยมาพัฒนาโรงเรียน 
"ป้าครับ ไอ้สีม่วงๆในไข่เจียวมันคืออะไรหรอครับ" ไอ้ดิวถาม พลางมองจานข้าวมันที่มีไข่เจียวเจ้าปัญหานั้น
"มันเป็นดอกอัญชันจ๊ะลูก คนในหมู่บ้านนี้ชอบกินกัน" ผู้หญิงไว้กลางคนเอ่ยตอบข้อสงสัยของไอ้ดิว
เพียงผมได้ยินคำตอบนั้น ในใจคิดว่าคงไม่ใช่มีแค่ผมคนเดียวที่ชอบกินไข่เจียวใส่ดอกอัญชันแน่ๆ คนในหมู่บ้านที่ก็ชอบกินเหมือนผม แล้วก็ คนนั้นความฝันในด้วย....
"ไอ้ธาร น้ำใกล้หมดหวะ ฝากไปซื้อเพิ่มหน่อยสิ เดี๋ยวช่วงบ่ายน้ำจะไม่พอดื่มกัน" ผมได้ยินเสียงพี่วินัยดังมาจากที่ข้างหลังผม ก่อนจะได้ยินคำชวนดังขึ้น
"ปอ กินข้าวเสร็จแล้ว ไปซื้อน้ำเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ" พี่ธารเดินตรงมาหาผมที่กำลังนั่งกินข้าวกับไอ้ดิว
"ผมไปด้วยได้เปล่า พี่" เสียงไอ้ดิวตอบกลับพี่ธารทันทีทั้งที่พี่เขาไม่ได้ชวนมัน
"มึงไม่ต้องอู้เลยได้ดิว มึงกินเสร็จแล้วไปทาสีต่อ" เสียงของพี่รหัสผมอย่างพี่สายฟ้า เอ่ยขึ้นมาขัดความต้องการของไอ้ดิวอย่างกับรู้ว่ามันมีแผนที่จะอู้งาน สีหน้าของไอ้ดิวเต็มไปด้วยความผิดหวัง
"สรุปไปเป็นเพื่อนพี่ได้หรือเปล่า" พี่ธารถามย้ำ เพื่อให้ได้คำตอบจากผม
"ดะ ได้ครับ ว่าแต่เราจะไปยังไง"
"นั่นไง" พี่ธารชี้ไปที่รถสามล้อแดงคันเก่าๆที่จอดอยู่หน้าอาคารเรียน มันเป็นรถที่ใช้ขนพวกหม้อข้าวของชาวบ้านที่นำมาเลี้ยงเรา ลักษณะมันคล้ายกับรถมอเตอร์ไซต์สามารถนั่งซ้อนกันได้สองคน เพียงแต่ส่วนด้านหน้ามีที่ไว้สำหรับวางของเพิ่มขึ้นมา
"พี่ขับเป็นหรอ" ผมถามด้วยความสงสัย เพราะเคยเห็นแต่พี่ธารขับเเต่มอเตอร์ไซค์สีดำคันนั้น
"ได้สิ พี่เคยขับมาก่อน"
 
หลังจากที่ผมกินข้าวเสร็จ ผมก็นั่งซ้อนรถสามล้อแดงคันเก่าคันนั้น โดยมีพี่ธารเป็นคนขับ ถนนไม่ได้ลาดยางมีเพียงเศษหินเล็กๆบนดินลูกรังเท่านั้น ทางที่เราขับมาก็มีหลุมบ้างประปรายตามทาง ทำให้ตัวของผมเอนไปมา ผมจึงพยายามหาที่เกาะเพื่อไม่ให้ตกลงจากรถคันนี้ ผมไม่รู้จะเอามือไปวางตรงไหน ได้แต่กำกางเกงผมอย่างแน่นเพื่อทรงตัว ก่อนผมจะรู้สึกถึงฝ่ามือหนาอุ่นๆของคนข้างหน้า จับข้อมือของผมอ้อมเอวของเขา
"กอดพี่ไว้นะ เดี๋ยวตกลงไป" เสียงอันอบอุ่นดังขึ้น ในใจผมมีความสุขมากอย่างบอกไม่ถูก
ใบหน้าของผมซบลงบนแผ่นหลังอันกว้างใหญ่ของคนขับตลอดทาง
อบอุ่นจังเลย...
เราใช้เวลาไม่นานในการมาถึงร้านขายของ มันเป็นเพียงร้านเล็กๆในหมู่บ้านแต่นับว่ามีของเกือบทุกอย่างที่นั่น เราช่วยกันขนถังน้ำที่เราซื้อขึ้นรถ มันหนักมากเหมือนกันครับ ผมแทบหมดแรงเลย
"อะน้ำ กินซะจะได้สดชื่น"
"ขอบคุณครับ" พี่ธารยื่นน้ำอัดลมสีดำให้กับผม ผมรับไว้แล้วรีบเปิดขวดดื่มทันทีแก้กระหาย
"ก่อนกลับพี่ขอแวะบ้านพี่หน่อยสิ"
"ดะ ได้ครับ"
ผมไม่ได้แปลกใจอะไรเท่าไรหรอกครับที่พี่เขาอยากจะแวะบ้าน เพราะช่วงที่ผ่านมาคงไม่ได้กลับบ้านมานาน บ้านพี่เขาไกลขนาดนี้ แม้แต่ผมเองก็ยังไม่ได้กลับบ้านเลย แต่มีคุยทางโทรศัพท์กับแม่ในตอนเย็นบางวันเท่านั้นเองให้หายคิดถึง พี่เขาคงคิดถึงบ้านมากแน่ๆ
"พ่อแม่พี่ใจดีไหมครับ" คำถามผมเหมือนเป็นคำพูดแทงใจดำ คนที่ได้ยินคำถามถึงกลับหน้านิ่งไปเลย
"พ่อแม่พี่จากไปสิบกว่าปีแล้ว ตอนนั้นพี่อยู่ประมาณม.2มั้ง"
ผมได้ยินคำตอบนั้นถึงกับทำตัวไม่ถูก ได้แต่เพียงพูดว่า
"ขอโทษครับ"
"ไม่เป็นไร พี่ไม่ได้คิดมากหรอก มันผ่านมาแล้ว"
จากน้ำเสียงของพี่ธาร ผมสัมผัสได้ถึงความเศร้าที่ออกมาจากประโยคนั้น
ผมเข้าใจดี ผมเองก็เสียพ่อผมไปตั้งแต่เด็กเหมือนกัน...
"แต่ที่พี่จะแวะไป ไม่ใช่บ้านของพี่จริงๆหรอก เป็นบ้านของคนที่พี่รักมากและค่อยดูแลพี่แทนพ่อแม่ของพี่"
เราขับรถสามล้อแดงคันนั้นมาเรื่อยๆ ผมคุ้นทางนี้ดี มันเป็นทางไปน้ำตกที่ผมเคยมากับแม่ พี่ธารจอดรถหน้าบ้านไม้เก่าๆหลังหนึ่ง ผมจำบ้านหลังนี้ได้ บ้านหลังที่ผมเคยขับรถผ่าน มันคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก เราลงจากรถพร้อมกับเสียงของพี่ธารที่ตะโกนเรียกคนที่อยู่ในบ้านนั้นให้ออกมา
"คุณย่าครับ คุณย่า"
ทันทีที่พี่ธารเอ่ยเรียก หญิงวัยชราคนหนึ่งเดินออกมา ผมของเธอผู้นั้นขาวโพลน รูปร่างเธอท้วมๆ ใบหน้ามีรอยเหี่ยวย่นตามอายุ เธอค่อยๆเดินออกมาจากบ้าน เพื่อเปิดประตูรั่วสีน้ำตาลเก่าๆให้เรา
"ธาร ธารจริงๆ ด้วย" น้ำเสียงสั่นๆของหญิงชราผู้นั้นทักทายพี่ธาร ก่อนจะเอาฝ่ามือสัมผัสในหน้าของชายร่างสูงคนนั้น น้ำตาเธอไหลออกมาแสดงให้ถึงความรักความคิดถึงของเธอที่ส่งให้กับชายคนนี้
"ผมแวะมาหาครับ ผมมากับคณะ มาทำกิจกรรมอาสาที่โรงเรียนในหมู่บ้าน"
"ย่าคิดถึง คิดถึงหลานเหลือเกิน หลังจากที่ป่านจากไป ย่าเหลือแค่ธารเท่านั้นเอง"
น้ำตาของเธอยังไหลออกมาอย่างต่อเหนื่อง
"อย่าร้องไห้ไปเลยครับ ผมสัญญา ผมจะแวะมาหาคุณย่าบ่อยๆครับ"
บทสนทนาของสองคนตรงหน้าผม ทำให้ผมรู้สึกถึงความรักของคนในครอบครัว ที่ต่อให้เวลาผ่านพ้นไปนานเท่าไรก็มิอาจจะลืมเลือน
"ผมกลับพรุ่งนี้นะครับคุณย่า ขอโทษที่มาอยู่ด้วยได้ไม่นาน"
"ไม่เป็นไรเลยลูก มาให้ย่าเห็นหน้าเท่านี้ย่าก็ดีใจแล้ว เดินทางปลอดภัยนะลูก" น้ำตาของหญิงชรา ยังไหลริน ฝ่ามือของชายร่างสูงยกขึ้นมาสัมผัสใบหน้าของเธอผู้นั้น เพื่อเช็ดน้ำตาอันแสนอบอุ่นที่ไหลออกมา
"คุณย่าครับ ผมพาเพื่อนมาด้วย" สิ้นประโยคนั้น ผมเดินออกมาจากข้างหลังของพี่ธาร หญิงชรามองหน้าผมอย่างตกใจ รีบมากอดผม ผมสัมผัสอ้อมกอดที่คุ้นเคย ฝ่ามือหยาบกร้านสองข้างของหญิงผู้นั้นจับใบหน้าผม น้ำตาไหลผ่านใบหน้าของเธออีกครั้ง ก่อนผมจะได้ยินคำพูดของหญิงชราผู้นี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"ป่าน" 
ความรู้สึกเย็นบนใบหน้าของผมจากน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
เมื่อได้ยิน ชื่อของผมอย่างแผ่วเบาผ่านเสียงของเธอ
"ปอ" ...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา