Trap Demons หลุมพรางร้าย ปีศาจร้อน
-
เขียนโดย Piano_sp
วันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 08.04 น.
14 ตอน
0 วิจารณ์
12.94K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2563 08.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) Trap Demons : 02
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ2
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะที่ดังกระหน่ำอยู่ต่อเนื่องทำให้หญิงสาวรูปหน้าสวยอย่างกับนางฟ้าผู้เป็นเจ้าของห้องต้องตื่นออกมาจากห้วงนิทราหลังจากที่เธอพึ่งหลับได้เพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ดวงตากลมโตลืมขึ้นท่ามกลางความมืดด้วยความงัวเงีย
“อ่า ใครกันมาเคาะประตูดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้”
หญิงสาวบ่นออกมาด้วยความหงุดหงิดพร้อมกับยกมือเรียวยาวขึ้นมาขยี้ผมยาวสลวยของเธออย่างหัวเสีย แล้วเธอก็เดินกระแทกเท้าออกไปยืนที่หน้าประตู มือเรียวยาวเอื้อมไปเปิดประตูให้เปิดออก สิ่งแรกที่เธอเห็นคือหญิงชายคู่หนึ่งยืนนัวเนียกันอยู่หน้าห้องอย่างไม่อายสายตาคนที่มองพวกเขาอย่างเธอเลยสักนิด ชายหนุ่มที่กำลังมึนเมานัวเนียกับหญิงสาวสุดเซ็กซี่อยู่นั้นใช้สายตามองหญิงสาวที่เป็นเจ้าของห้องอย่างเรียบนิ่ง
“ไปม่านรูดเลยไหม”
ฉันมองดูผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าแฟนตัวเองยืนกอดจูบลูบคลำกับผู้หญิงอื่นอยู่อย่างใจเย็น ถ้าว่าฉันตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าไหมบอกเลยว่าไม่ มันเรียกว่าความเคยชินแล้วมั้งเพราะผู้ชายคนนี้มีผู้หญิงไม่เคยขาดมือทั้งๆ ที่มีฉันเป็นแฟนอยู่เขาก็คิดที่จะทำมันอยู่ดี
“ก็อยากน่ะ แต่ห้องเธอใกล้กว่า ขอยืมห้องซักคืนดิ”
เหมือนที่เขาพูดออกมานั้นเหมือนเป็นเรื่องที่สมควรพูดกับแฟนของตัวเองอยู่อีกเหรอ ไม่รู้ว่าฉันมาเป็นแฟนของผู้ชายแบบนี้ได้ไงกัน
“โทษทีห้องฉันไม่ต้อนรับคนสาธารณะ”
ฉันเหมือนคนใจกว้างเนอะที่ยอมให้แฟนของตัวเองไปนอนกับผู้หญิงอื่น แต่ใครจะคิดล่ะว่าใจฉันที่อยู่ข้างในเนี้ยมันเจ็บจะเจียนตายอยู่แล้ว
“อย่าใจแคบไปหน่อยเลย วาโย”
วาโย ไม่ใช่ชื่อของใครแต่เป็นชื่อของฉันผู้หญิงที่ทุกคนต่างคิดว่าฉันโชคดีที่ได้ผู้ชายอย่าง ปักษา มาเป็นแฟน แต่ความจริงแล้วมันเรียกว่าตกนรกทั้งเป็นเลยแหละที่ต้องทนมองเขาไปมีอะไรกับผู้หญิงอื่นแบบนี้ ไม่รู้ว่าฉันทนคบกับเขามาได้ไงมาเป็นปี มันเป็นหนึ่งปีที่ฉันทรมานมากเกินกว่าจะมีความสุข ไม่รู้ว่าฉันเสียน้ำตาให้ผู้ชายเลวๆ อย่างเขาไปมากเท่าไหร่และคนอย่างเขาก็ไม่เคยที่จะเห็นค่าของน้ำตาฉันหรอก ตอนนี้น้ำตาฉันมันไม่ไหลให้ผู้ชายคนนี้แล้วล่ะ
“อ่อ แบบนี้เขาเรียกว่าใจแคบเหรอปักษา”
ฉันโต้กลับไปอย่างใจเย็น ทำไงได้ละฉันเป็นแค่ของตายสำหรับเขาร้องไห้ครวญครางไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก แต่ไม่รู้ว่าวันนี้ผู้ชายคนนี้เกิดนึกสนุกอะไรขึ้นมาที่พาผู้หญิงมานัวเนียกันถึงหน้าห้องฉัน ปกติเขาจะทำที่ห้องเขาไม่ใช่เหรอ เกิดบ้าอะไรของเขา
“ก็ไม่รู้สิน่ะ”
ปักษาพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจแล้วก้มลงไปจูบแลกลิ้นกับผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างดูดดื่ม อ่า น่าขยะแขยงจริงๆ
“งั้นก็ช่วยไม่ได้ที่ฉันมันใจแคบ แต่ขอโทษนี่มันพื้นที่ของฉัน”
ปักษา เขาเห็นฉันเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีได้ชื่อว่าเป็นแค่แฟน เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวฉันสักอย่าง เขารู้แค่ชื่อ เบอร์โทรแล้วก็ที่อยู่ของฉันแค่นั้น เขาไม่คิดที่จะถามและฉันก็ไม่คิดที่จะบอก ฉันไม่มีสิทธิ์ในตัวของเขาแม้แต่อย่างเดียว แต่เขากลับมีอิทธิพลต่อฉันมากจริงๆ เพราะที่ผ่านมามีแต่ฉันคนเดียวเท่านั้นมั้งที่รักเขา
“นี่วาโย อย่าพูดมากไปหน่อยเลย แค่ให้ยืมสองสามชั่วโมงแค่นี้ก็จบ”
แต่แทนที่คนอย่างเขาจะมีความเกรงใจว่านี่มันห้องฉันไม่ใช่ห้องของเขา แต่เขากลับมาว่าฉันด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดแทน
“ก็ไปที่อื่นแทนสิเรื่องมันจะได้จบ”
“ที่อื่นมันไม่เร้าใจเท่าห้องเธอไง”
ทันทีที่ปักษาพูดจบเขาก็ถือวิสาสะเดินเข้าห้องฉันมาอย่างหน้าตาเฉย อ่า ฉันทนไม่ไหวกับผู้ชายพรรณนี้แล้วน่ะ
“งั้นเสร็จแล้วก็เปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ด้วย มันน่าขยะแขยงนะ”
ฉันบอกเสียงเรียบแทนการห้ามปักษาแทน ผู้ชายอย่างเขาห้ามไปเขาก็ฟังอยู่ดียิ่งห้ามเขาก็ยิ่งทำ ปล่อยให้เขาทำในสิ่งที่เขาอยากทำเถอะ
“แล้วนั่นเธอจะไปไหน”
ปักษาที่สังเกตเห็นฉันหยิบกระเป๋าตังและโทรศัพท์เตรียมตัวออกไปจากห้องก็เอ่ยถามขึ้น ใช่ว่าเขาสนใจในตัวฉันหรอก แค่ฉันเดินเข้าไปขัดจังหวะเขากับยัยสาวนมโตที่กำลังเล่นจ้ำจี้กันอยู่นั่นต่างหาก
“เรื่องของฉัน”
ฉันพูดแค่นั้นก็เดินออกมาโดยไม่สนใจว่าปักษาจะแสดงสีหน้ายังไง ถ้าให้เดาเขาคงกำลังดีใจที่ฉันไม่อยู่เป็นก้างขวางคอที่ทำให้เขาเสียอารมณ์อยู่แน่ๆ ฉันก็ไม่ได้คิดที่จะอยู่ดูหนังสดหรอกมันเสียลูกตา
“เหนือ มารับหน่อย”
ฉันโทรบอกคนคนหนึ่งหลังจากที่เดินออกมาถึงหน้าคอนโด ทั้งๆ ที่ฉันยังใส่ชุดนอนอยู่เลย น่าสมเพชจริงชีวิตฉัน
เวลา 08.30 น.
ฉันเดินเข้าห้องของตัวเองหลังจากที่ไปนอนที่อื่นมาด้วยท่าทางสะลึมสะลือ ฉันนอนไม่หลับมาทั้งคืนเพราะคิดแต่เรื่องของผู้ชายที่ชื่อว่า ปักษา มันไม่ง่ายเลยที่จะสลัดผู้ชายคนนี้ออกจากหัวไป
“ไปไหนมากลับมาเอาป่านนี้”
เสียงของปักษาถามขึ้นหลังจากที่เห็นฉันเดินเข้าห้องมา นี่เขายังอยู่อยู่อีกเหรอฉันนึกว่าเขากลับไปแล้วเสียอีก พอดีเลยเรื่องมันจะได้จบๆ ไปเสียที
“นี่ยังอยู่อีกเหรอ”
แทนที่ฉันจะตอบคำถามเขาฉันกลับถามเขากลับไปแทน
“ฉันถามก็ตอบ”
“อยู่ก็ดีมีเรื่องจะคุยด้วยพอดี”
“ไปไหนมะ...”
“เลิกกันเถอะ”
ก่อนที่ปักษาจะพูดจบประโยคของเขาฉันก็ชิงพูดตัดหน้าเขาไปก่อน และสิ่งที่ฉันพูดออกมานั้นมันไม่ได้เป็นเรื่องล้อเล่นเลยสักนิดฉันคิดมาหลายวันแล้วล่ะ คบกันไปต่างฝ่ายก็ไม่มีความสุข ไปทางใครทางมันจะไม่ดีกว่าเหรอ
“พูดใหม่ซิ”
ปักษากล่าวขึ้นเสียงเรียบพร้อมกับใบหน้าที่เดาอารมณ์ได้ยาก
“เลิกกัน ฉันรักนายไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว”
ฉันพูดแล้วจ้องหน้าปักษานิ่งๆ ส่วนเขาก็จ้องหน้าฉันนิ่งๆ กลับมาเหมือนกัน
“รักไม่ไหวหรือว่าไม่เคยรัก”
ปักษาเสียงเรียบอย่างที่เขาชอบถามแต่คำถามแบบนี้มันหมายความว่ายังไง นี่เขาไม่เข้าใจความหมายของคำว่าเลิกกันเลยเหรอ เขาน่าจะดีใจน่ะที่ต่อไปนี้จะไม่มีฉันคอยตามตอแยอยู่แบบนี้
“ฉันนะรักนายแต่ตอนนี้ไม่ไหวจะรักแล้ว”
“รักแล้วขอเลิกทำไมว่ะ”
ปักษาหันมาตะคอกฉันด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด แล้วเขามาหงุดหงิดฉันเรื่องอะไรเป็นฉันมากกว่าไหมที่สมควรที่จะหงุดหงิดเขามากกว่า
“ฉันรัก แต่นายไม่รักแล้วจะอยู่ไปเพื่ออะไร”
ฉันตอบกลับด้วยอารมณ์ที่เริ่มน้อยใจขึ้นมา
“นายชนะแล้วละ”
ที่ว่าเขาชนะนั่นไม่ใช่อะไรหรอก การที่เราสองคนคบกันนั้นเป็นเพราะฉันไปท้าพนันเขาไว้ ฉันมันรักเขาข้างเดียวมาตลอดเลยไปท้าให้เขาคบกันฉันถ้าใครบอกเลิกก่อนคนนั้นแพ้ แล้วคนที่ไม่เคยมีคำว่าแพ้อยู่ในใจอย่างปักษาหรือจะยอมแพ้ เขาเลยไปมีอะไรกับผู้หญิงอื่นไม่ซ้ำหน้ากันโดยที่มีฉันเป็นแฟนอยู่อย่างนี้ไงล่ะ แต่ตอนนี้ฉันไม่ไหวแล้วจริงๆ เจ็บจนจำ
“เออ อยากเลิกก็เลิก แต่คนอย่างเธอเหรอจะขาดฉันได้”
ปักษาพูดดูถูกฉันออกมาอย่างคนที่เหนือกว่า ใช่ ฉันขาดเขาไม่ได้ แต่นั่นมันเมื่อก่อนมันไม่ใช่ตอนนี้
“หึ ได้แน่ปักษา นายไม่ได้สำคัญขนาดนั้น”
ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงไม่พูดแบบนี้กับเขาแน่ ฉันคงจะอ้อนวอนขอให้เขาอยู่ต่อ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เพราะสิ่งที่เขาทำกับฉันมันเจ็บจนกลายเป็นบทเรียนไปแล้ว และบทเรียนนี้สอนฉันดีเลยละว่าอย่าไปรักผู้ชายที่ชื่อว่าปักษาอีกต่อไป
“ให้มันจริง”
ปักษาพูดแล้วก็ยิ้มเยอะเย้ยฉันแต่ฉันหรือจะหวั่นฉันเลยส่งยิ้มหวานหยดกลับไปแทน ปักษาเลยเปลี่ยนหน้าเป็นหงุดหงิดแทนแล้วเดินออกจากห้องฉันไปอย่างกระแทกกระทั้น
“เฮ้อ จบแล้วสิน่ะ”
หลังจากที่ปักษาออกไปได้ไม่นานฉันก็ทรุดตัวลงนั่นบนโซฟาอย่างหมดแรง หนึ่งปีที่ไร้ความหมายแต่เป็นหนึ่งปีที่ฉันจำไปจนตาย
“อ่ะ”
ฉันอุทานออกมาเมื่อน้ำตาอุ่นๆ มันไหลลงมาอาบแก้มฉันอย่างห้ามไม่อยู่ ให้ตายสิ น่าสมเพชชะมัดที่ฉันต้องมาเสียน้ำตาให้ผู้ชายเลวๆ แบบนั้นอีก คิดได้แค่นั้นฉันก็เช็ดน้ำตาออกเพื่อไล่ความรู้สึกอ่อนแอของตัวเองออกไปให้หมด
หลายอาทิตย์ต่อมา
“วาโย ตื่น มีเรียนเช้าน่ะโว๊ย เดี๋ยวสายกันพอดี”
ทำมันไอ้เมืองเหนือมันต้องเสียงดังแต่เช้าด้วยคนจะนอน ถึงหูฉันจะได้ยินในสิ่งที่มันพูดแต่ร่างกายฉันมันไม่ตอบสนองเลยสักนิด
“ขอนอนต่ออีกนิดน้า”
ฉันพึมพำบอกแล้วซุกหน้าเข้าไปในผ้าห่มเพื่อหนีการก่อกวนจากเมืองเหนือ
“ไม่ได้”
เมืองเหนือไม่ใช่เพียงแค่พูดแต่เขากลับลากฉันลงจากเตียงด้วยแรงอันน้อยนิดของเขา แต่แรงอันน้อยนิดของมันก็ลากฉันลงไปกองที่ใต้เตียงได้อยู่ดี
“โอ๊ย จะอะไรกันนักกันหนา ตื่นแล้ว”
ฉันลืมตาขึ้นแล้วบ่นออกมาอย่างหงุดหงิดพร้อมกับใบหน้าที่บูดบึ้งทั้งๆ ที่ที่ฉันนอนอยู่ตรงนี้ก็ไม่ใช่ห้องของตัวเองด้วยซ้ำ ถูกแล้วล่ะ ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ห้องของตัวเองฉันมานอนอยู่ห้องของเมืองเหนือมาหลายอาทิตย์แล้ว เพราะว่าฉันนอนอยู่ห้องของตัวเองแล้วเผลอคิดเรื่องของปักษาขึ้นมาตลอด ฉันเลยมานอนอยู่ที่นี่ยังไงล่ะ
“เออ แล้วเมื่อไหร่จะกลับไปนอนห้องตัวเองสักทีละ”
เมืองเหนือยืนกอดอกมองฉันแล้วก็บ่นตามนิสัยของมัน
“นี่ไล่เหรอ”
ฉันมองหน้าเมืองเหนือด้วยทั้งหงุดหงิดทั้งโกรธที่เมื่อกี้ไอ้เมืองเหนือมันลากฉันลงมากองที่ใต้เตียง ผู้ชายอะไรไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลย ฉันกับเมืองเหนือเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมจนตอนนี้ก็อยู่ปีสามกันแล้ว เราสองคนเรียนคณะเดียวกันนั่นก็คือคณะนิเทศศาสตร์ ฉันกับมันเลยสนิทกันจนเพื่อนร่วมคณะเรียกเราว่าคู่ผัวเมียกันแล้ว
“เออ”
เมืองเหนือเป็นผู้ชายที่ได้ชื่อว่าหล่อคนหนึ่ง พูดมาก ปากหมา มันก็ยังเป็นคนที่พูดตรงอีก
“ไม่กลับ”
และฉันก็ขึ้นชื่อว่าเป็นดาวของคณะนิเทศศาสตร์แต่จะมีแต่คนวงในเท่านั้นที่จะรู้เพราะว่าฉันเป็นคนที่เก็บตัว ไม่ค่อยจะอยากให้คนอื่นรู้เท่าไหร่ว่าตัวเองเป็นอะไร ส่วนมากก็มีแต่เพื่อนในกลุ่มของฉันเท่านั้นแหละที่รู้
“นี่ห้องฉันปะว่ะ”
เมืองเหนือบ่น แค่นี้ทำเป็นบ่นเป็นผู้ชายอยู่ปะ
“เออ แค่นี้ทำให้ไม่ได้ นี่เหรอเพื่อน”
คราวนี้เป็นตาฉันบ้าง เรื่องจี้ใจดำคนอื่นนี่ฉันถนัด ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วชีวิตฉันก็อยู่แต่กับผู้ชายฉันเลยติดนิสัยแบบนี้มานิดหน่อยและฉันก็มีแต่เพื่อนผู้ชายซึ่งมีผู้หญิงในกลุ่มคนเดียวนั่นก็คือฉัน เรื่องไปไหนมาไหนกับผู้ชายหรือไปค้างที่ไหนมันเป็นเรื่องที่ปกติของฉันไปเสียแล้วล่ะ
“ชิ เออ ไปอาบน้ำแล้วไปมหาลัยกัน”
เมืองเหนือที่โดนฉันจี้ใจดำก็ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ไป แต่เขากลับหันมาไล่ฉันไปทำอย่างอื่นแทนน่ะสิ จู้จี้ชะมัด
“ค่ะ คุณพ่อ”
ฉันประชดแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไปอย่างเคยชินโดยที่ไม่คิดเลยว่านี่มันไม่ใช่ห้องของตัวเอง เพราะว่าห้องนี้แม้แต่เจ้าของห้องก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน เพราะฉันใหญ่สุด
ในเวลาต่อมา
กว่าพวกฉันจะเดินทางมาถึงมหาลัยได้ฉันก็โดนผู้ชายที่ชื่อว่าเมืองเหนือบ่นทุกเรื่องไม่ว่าฉันจะทำอะไรก็ตามเล่นเอาซะฉันเนี่ยหูชาไปหมด พ่อคุณไม่รู้ว่าไปสรรหาเรื่องมาบ่นฉันได้จากไหนทุกวัน สงสารคนที่โดนบ่นอย่างฉันบ้าง
“เฮ้ยโย กระเป๋า”
เมืองเหนือทักขึ้นขณะที่ฉันกำลังรีบลงจากรถ อ้าวฉันลืมกระเป๋าเหรอ
“อ่ะ ขอบใจ ก็ฉันรีบ”
“ก็บอกให้รีบตื่นตั้งแต่แรกก็ไม่เชื่อ เห็นไหม”
“พอๆ”
ฉันเอ่ยปากห้ามก่อนที่คนตรงหน้าฉันจะบ่นไปมากกว่านี้
“เดี๋ยวสายค่ะ”
ฉันบอกแล้วก็ยิ้มหวานเพราะรู้ว่าเมืองเหนือใช้เวลาตอนนี้มาบ่นฉันไม่ได้เพราะเราจะสายกันแล้ว ฉันกับเมืองเหนือเลยพักศึกกันชั่วคราวเราเลยรีบเดินขึ้นตึกเรียนไปด้วยกันอย่างรีบร้อน
“เอาหนังสือมา ถือให้”
เมืองเหนือที่เห็นฉันแบกทั้งกระเป๋าและหนังสือวิ่งก็ออกปากช่วย เพื่อนฉันสุภาพบุรุษก็วันนี้แหละ
“น่าจะพูดเร็วกว่านี้น่ะ”
ฉันก็ไม่วายที่จะแขวะเขา เมืองเหนือเลยส่งสายตาหงุดหงิดแทนที่จะพูด กว่าพวกเราจะมาถึงห้องเรียนได้ก็เล่นเอาซะเหงื่อตกกันเลยทีเดียว แต่การเสียเหงื่อครั้งนี้คุ้มค่าเพราะเรามาทันเวลาเข้าเรียนพอดี เส้นยาแดงผ่าแปดเลยไหมล่ะ
“มาช้าจริง ผัวเมียคู่นี้”
เทวาพูดขึ้นหลังจากที่เห็นพวกฉันเดินเข้ามานั่งที่เรียบร้อยแล้ว เทวาเป็นเพื่อนผู้ชายในกลุ่มของฉันเอง เป็นคนที่หล่อ ขี้เล่น ปากหมาได้โล่ แต่มันก็เป็นเพื่อนที่ดีของฉันคนหนึ่ง
“มัวทำอะไรกันอยู่หรือเปล่า”
เจ้าทัพ พูดเสริมอีกแรง เจ้าทัพเป็นผู้ชายที่หล่อ สูง ดีกรีหุ่นนายแบบ แต่หมอนี่เจ้าชู้ขั้นเทพเลยละ
“หึ แต่เช้า”
นาวา ที่ฟุบหน้าลงบนโต๊ะเรียนช่วยเสริมอีกแรงแล้วก็ฟุบหลับไปอีกครั้ง และนี่คือเพื่อนคนสุดท้ายในกลุ่ม นาวา ผู้ชายพูดน้อย ต่อยหนัก หน้าหล่อเข้ม นิสัยมาเฟีย ก็หมอนี่เป็นมาเฟียจริงๆ พวกผู้ชายไม่ค่อยอยากจะรู้จักหมอนี่เท่าไหร่หรอก ขืนพูดไม่เข้าหูไปก็โดนหมอนี่ยำเละเอาล่ะซิ
“มโน”
เสียงของฉัน
“เสือก”
เสียงของเมืองเหนือ
“โห่~”
เสียงของสามตัวที่เหลือ ถ้าฉันไม่มีพวกนี้อยู่ด้วยป่านนี้ฉันคงคิดฟุ้งซ่านอยู่คนเดียวแน่ แต่พวกเขาก็ช่วยทำให้ฉันลืมผู้ชายเลวๆ ที่ชื่อว่า ปักษา ได้ดีเลยละ
ทำไมปักษาเลวแบบนี้
โปรดติดตามตอนต่อไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ