Memory of Tomorrow วันพรุ่งนี้ในความทรงจำ
-
เขียนโดย Xiaobei
วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 13.24 น.
40 ตอน
0 วิจารณ์
34.21K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 14.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
28) บทที่28 ศัตรูผูกพันง่ายดาย(7)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่28 ศัตรูผูกพันง่ายดาย(7)
ข้างในงานครึกครื้นจริงๆ อี้เป่ยซีนั่งอยู่บนชิงช้าข้างนอก มองบรรยากาศในห้องพิธีการผ่านกระจกใส ทั้งๆ ที่เชิญคนมาเยอะขนาดนี้ ครื้นเครงขนาดนี้ แต่ว่าทำไมถึงยังรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่อีก ระหว่างแกว่งขาสบายๆ แต่ละครั้ง ชิงช้าก็เคลื่อนไหวเบาๆ ตามไปด้วย
กดปุ่มเร่งไปข้างหน้าได้หรือเปล่า ตอนนี้มันน่าเบื่อเกินไปแล้ว เสียงถอนหายใจเหนื่อยหน่ายล่องลอยอยู่ในสวนดอกไม้ร้างผู้คน คืนฤดูหนาวที่ไม่มีลมช่างเงียบสงัด เงียบเสียจนไม่รู้สึกถึงร่องรอยของสิ่งมีชีวิต
“ฮัดเช้ย…”ทำไมถึงหนาวแบบนี้ เธอลูบจมูกที่ระคายเคือง กลับไปสวมเสื้อเพิ่มหน่อยก็ดี แต่ว่า…ไม่อยากเข้าไปเลยสักนิด
ขณะที่กำลังลังเลว่าจะเข้าไปดีหรือเปล่านั้น เสื้อโค้ทใหญ่หนาตัวหนึ่งคลุมลงบนตัวเธอ อี้เป่ยซีห่อตัวแน่นตามสัญชาตญาณ ชิงช้าแกว่งไกวเล็กน้อย มีคนคนหนึ่งนั่งลงข้างๆ เธอ
“อี้เป่ยซี” น้ำเสียงทุ้มต่ำรื่นหูเป็นพิเศษในคืนที่เงียบสงบ อี้เป่ยซีต้องการจะเอาเสื้อบนตัวออก แต่มือกลับถูกคนข้างๆ หยุดไว้
“นะ นายจะทำอะไรน่ะ” เธอหดตัวไปด้านข้าง รักษาระยะห่างของสองคนเอาไว้ แค่พูดผิดไปไม่กี่คำเอง ผู้ชายอกสามศอกอย่างเขาคงไม่ใจแคบแบบนั้นหรอกมั้ง
“เธอกลัวฉันมากเหรอ”
หางตาเธอกระตุก“เปล่า เปล่านี่ แค่อากาศหนาวไปหน่อย”
“เรื่องคราวก่อนฉันขอโทษจริงๆ คงไม่ได้ทำให้เธอเจ็บใช่ไหม” ผ่านไปเนิ่นนาน ลั่วจื่อหานจึงกล่าวคำขอโทษได้อย่างลื่นไหล อี้เป่ยซีนิ่งไปครู่หนึ่ง แก้มทั้งสองข้างแดงขึ้นมาด้วยความผิดหวัง
เธออ้ำๆ อึ้งๆ เล็กน้อย“อ่อ อืม ฉันรู้แล้ว”
“แล้วก็เรื่องของจื่อเซี่ยวันนี้…”
ในที่สุดก็เข้าเรื่องแล้วเหรอ นี่คือเหตุผลที่เขามาสินะ จะออกหน้าแทนหลิงจื่อเซี่ยหรือไง? ขอร้องล่ะเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดเธอตั้งแต่แรกโอเคไหม ถ้าหลิงจื่อเซี่ยไม่ได้ทำตัวเหมือนแมลงวันละก็ เธอก็คงไม่พูดจาแบบนั้นออกมา
“จื่อเซี่ยเอาแต่ใจตั้งแต่เด็ก เธอก็อย่าไปถือสาเขาเลย”
“หา?” บทมันไม่ค่อยเข้ากันนี่นา ตอนนี้นายควรจะต่อว่าฉันด้วยเหตุผลที่ฟังขึ้นอย่างหน้ามืดตามัวไม่ใช่เหรอ?
“หึ…”ดูเหมือนว่าอารมณ์ของเขาจะดีมาก อี้เป่ยซีหันมองใบหน้าด้านข้างของเขา แสงไฟเผยให้เห็นเค้าโครงของใบหน้ากับลำคอ ดูสง่างามและผ่อนคลาย จู่ๆ หัวใจก็เต้นรัวเร็วกว่าเดิม
“หืม?” เขาหันมา สบสายตาหลงใหลซึ่งราวกับแสงสว่างของหิ่งห้อยยามค่ำคืนเข้าพอดี
“ฉัน ฉันนึกขึ้นมาได้ว่ายังมีธุระ ขะ...ขอตัวก่อน” จบพูดอี้เป่ยซีก็ก้มหน้าวิ่งเหยาะๆ จากไป ทิ้งไว้เพียงแผ่นหลังของตัวเองที่หนีไปด้วยความเร่งรีบ ดวงตาของลั่วจื่อหานค่อยๆ เผยแววยิ้ม
ดูเหมือนจะจากไปด้วยความกระอักกระอ่วนใจแบบนี้ทุกครั้งเลย เขาพิงชิงช้า แกว่งไปมาเป็นครั้งคราว กลิ่นหอมหวานคล้ายยังลอยค้างอยู่กลางอากาศ ไม่น่าล่ะพวกเขาถึงชอบนั่งชิงช้ากัน
อี้เป่ยซีก้มหน้าวิ่งเข้าไปในห้องโถง อยากหาที่มุดเข้าไปจนแทบทนไม่ไหว
แม้ว่าทุกคนจะรักความสวยงาม แต่เธอไปจ้องคนอื่นเขาตรงๆ แบบนี้ก็น่าขายหน้าไปหน่อย ขายหน้าจริงๆ ขายหน้ามาก
เธอมัวแต่โทษตัวเองในใจ จึงไม่ได้ดูทางเลย
“โอ๊ย”
“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ” อี้เป่ยซีก้มหัวขอโทษคนที่ตัวเองชน
“อี้เป่ยซี” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธที่ข่มเอาไว้ “ทำไมถึงเป็นเธออีกแล้ว”
ฉันก็อยากถามแบบนี้เหมือนกันโอเคไหม แต่สุดท้ายแล้วเธอคือคนผิด จึงเอ่ยปาก“ขอโทษด้วย ขอโทษจริงๆ เมื่อกี้ฉันไม่ได้ดูทาง”
“เสื้อของฉัน อี้เป่ยซี เธอนี่ไม่ดูตาม้าตาเรือเลยมองไม่เห็นรึไง?” หลิงจื่อเซี่ยมองเสื้อผ้าที่เปื้อนอย่างปวดใจ นี่คือของขวัญที่พี่จื่อหานมอบให้เธอ เธอเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นเสียงก็เปลี่ยนเป็นแหลมสูง“ทำไมเสื้อของพี่จื่หานถึงอยู่บนตัวเธอได้”
อี้เป่ยซีได้ยินเสียงแหลมสูงก็นวดคลึงหู“เธอพูดเบาๆ หน่อยสิ อยากให้ทุกคนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพี่ชายเธอเหรอ? เธออยากได้ งั้นคืนเธอก็แล้วกัน” พูดจบก็ยื่นเสื้อให้อีกฝ่ายแล้ววิ่งจากไป
หลิงจื่อเซี่ยกำเสื้อตัวนั้นไว้แน่นจนข้อกระดูกเป็นสีขาว‘อี้เป่ยซี ฉันจะไม่ให้เธออยู่อย่างสงบแน่’
“พี่ พี่จื่อหาน” ลั่วจื่อหานที่เข้ามาเห็นหลิงจื่อเซี่ยก้มหน้า มือยังคงกำเสื้อคลุมของเขาไว้แน่น รอยด่างของไวน์ยังคงอยู่บนชุดเดรสสีฟ้า
“ทิ้งไปเถอะ” พูดจบเขาก็ออกไปจากฝูงชนที่ส่งเสียงดัง
‘เธอเห็นแล้วหรือยังอี้เป่ยซี ในสายตาของพี่จื่อหาน เธอก็เป็นแค่คนธรรมดาที่เขาต้องการจะหลีกเลี่ยงเท่านั้นเอง’หลิงจื่อเซื่ยคิดในใจ
ฝ่ายอี้เป่ยซียังวิ่งหนีไม่ทันไร ก็รู้สึกว่ามีคนคว้าคอเสื้อของตัวเองไว้ เสียงคุ้นเคยดังมาจากข้างหลัง“ยังจะวิ่งวุ่นไปทั่วอีก”
“นายอย่าดึงฉันเหมือนจับเด็กตัวเล็กๆ จะได้ไหม” เธอกล่าวอย่างไม่พอใจ แต่กลับทำให้คนที่อยู่ข้างหลังทำตัวไม่ถูก
หลานฉือเซวียนปล่อยเธอ ยัดเสื้อผ้าเข้าไปในอ้อมกอดเธอทันที“เธอดูตัวเธอเองสิ เหมือนผู้ใหญ่ซะที่ไหน”
“ฉันเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เหมือนหรอก”
“ไม่เถียงกับเธอแล้ว พี่เธอโทรมา ให้ฉันพาเธอกลับเดี๋ยวนี้ ไปเถอะแม่คุณ”
เธอพยักหน้าเชื่อฟัง สวมเสื้อเรียบร้อยแล้วก็เดินตามหลังเขาไป ต่อไปคงไม่มาร่วมงานปาร์ตี้อะไรง่ายๆ อีกแล้ว น่าเบื่อจะตาย คิดถึงลั่วจื่อหานกับหลิงจื่อเซี่ยทั้งสองคน เป็นตัวซวยของเธอชัดๆ อี้เป่ยซีส่ายศีรษะ นี่มันแปลกเกินไปแล้ว
ไฟรถอบอุ่นส่องสว่าง เสียงเพลงผ่อนคลายดังออกมา อี้เป่ยซีกำลังมองหาแผ่นเสียง บทเพลงโปรดของเธอดังขึ้น พิงเก้าอี้อย่างพึงพอใจ นี่ต่างหากคือความเพลิดเพลินที่แท้จริง
“เสียงเทพบุตรมู่ไป๋ของฉันเพราะที่สุดเลย” ปากพูดอย่างนี้ แต่เสียงหัวเราะทุ้มต่ำของใครบางคนยังดังอยู่ในหู ไม่สามารถลบออกไปได้
หลานฉือเซวียนได้แต่พยักหน้าเออออให้ เมื่อรถวิ่งอย่างราบรื่นอยู่บนถนนใหญ่ เขาจึงทำเป็นเอ่ยปากลอยๆ“เธอรู้จักกับลั่วจื่อหานได้ยังไง?”
เขาอีกแล้วเธอกอดตัวเองไถลตัวลงด้านล่างเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าไม่อยากตอบคำถามนี้
“ก็ไม่รู้ว่าเป่ยเฉินตามใจเธอจนกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง”
“อิจฉาใช่ไหมล่ะ?”
มุมปากของหลานฉือเซวียนกระตุก“เธอคิดเยอะไปแล้ว”
เธอหลับตา ไม่ได้พูดอะไรอีก หลานฉือเซวียนก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
เมื่อรถเพิ่งมาถึงจิ่งหยวนก็เห็นเงาร่างสูงใหญ่แล้ว ทันทีที่รถจอดอี้เป่ยซีก็เปิดประตูลงจากรถทันที ไม่ได้กล่าวคำลา แต่วิ่งเข้าไปหาคนคนนั้นด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเลย หลานฉือเซวียนเห็นจนชินตาแล้ว หลังจากผิวปากเป็นสัญญาณแล้วก็ขับรถจากไป
เหลือเพียงพวกเขาสองคน คนหนึ่งตามใจจนไม่ลืมหูลืมตา อีกคนถูกตามใจจนคิดว่าตัวเองถูกเสมอ ดวงตาที่เขามองกระจกหลังของรถทั้งอิจฉาทั้งผิดหวัง
“เสี่ยวซีไปเที่ยวสนุกไหม?”อี้เป่ยเฉินถาม
อี้เป่ยซีส่ายหัว“พี่คะ วันเกิดของฉัน พี่พาฉันไปสวนสนุกได้หรือเปล่า”
“ยังเหมือนเด็กเลย”
“เปล่านะ” เธอโอบเอวเขา สูดหายใจเข้าลึก“ฉันก็แค่อยากไปสวนสนุกกับพี่”
อี้เป่ยเฉินกอดเธอ“ได้ เสี่ยวซีอยากได้อะไรก็ตามนั้น”
“พี่เป่ยเฉิน พี่ดีมากๆๆๆ เลย”
เขาจูงมือน้อยๆ ที่เย็นเฉียบของอี้เป่ยซีไว้“เสี่ยวซีกินอะไรมาแล้วยัง?”
“ยังค่ะพี่…ฮัดเช้ย…”อี้เป่ยเฉินเอื้อมมือโอบคนข้างๆ พลางพยักหน้า
“ถ้างั้นเสี่ยวซีอยากกินข้าวเป็นเพื่อนพี่ไหมล่ะ”
“ได้ค่ะ ฮัดเช้ย…”
อี้เป่ยเฉินส่ายหัว“สงสัยเธอจะเป็นหวัดอีกแล้ว”
“เปล่า ฉัน…ฮัดเช้ย”
------------
ข้างในงานครึกครื้นจริงๆ อี้เป่ยซีนั่งอยู่บนชิงช้าข้างนอก มองบรรยากาศในห้องพิธีการผ่านกระจกใส ทั้งๆ ที่เชิญคนมาเยอะขนาดนี้ ครื้นเครงขนาดนี้ แต่ว่าทำไมถึงยังรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่อีก ระหว่างแกว่งขาสบายๆ แต่ละครั้ง ชิงช้าก็เคลื่อนไหวเบาๆ ตามไปด้วย
กดปุ่มเร่งไปข้างหน้าได้หรือเปล่า ตอนนี้มันน่าเบื่อเกินไปแล้ว เสียงถอนหายใจเหนื่อยหน่ายล่องลอยอยู่ในสวนดอกไม้ร้างผู้คน คืนฤดูหนาวที่ไม่มีลมช่างเงียบสงัด เงียบเสียจนไม่รู้สึกถึงร่องรอยของสิ่งมีชีวิต
“ฮัดเช้ย…”ทำไมถึงหนาวแบบนี้ เธอลูบจมูกที่ระคายเคือง กลับไปสวมเสื้อเพิ่มหน่อยก็ดี แต่ว่า…ไม่อยากเข้าไปเลยสักนิด
ขณะที่กำลังลังเลว่าจะเข้าไปดีหรือเปล่านั้น เสื้อโค้ทใหญ่หนาตัวหนึ่งคลุมลงบนตัวเธอ อี้เป่ยซีห่อตัวแน่นตามสัญชาตญาณ ชิงช้าแกว่งไกวเล็กน้อย มีคนคนหนึ่งนั่งลงข้างๆ เธอ
“อี้เป่ยซี” น้ำเสียงทุ้มต่ำรื่นหูเป็นพิเศษในคืนที่เงียบสงบ อี้เป่ยซีต้องการจะเอาเสื้อบนตัวออก แต่มือกลับถูกคนข้างๆ หยุดไว้
“นะ นายจะทำอะไรน่ะ” เธอหดตัวไปด้านข้าง รักษาระยะห่างของสองคนเอาไว้ แค่พูดผิดไปไม่กี่คำเอง ผู้ชายอกสามศอกอย่างเขาคงไม่ใจแคบแบบนั้นหรอกมั้ง
“เธอกลัวฉันมากเหรอ”
หางตาเธอกระตุก“เปล่า เปล่านี่ แค่อากาศหนาวไปหน่อย”
“เรื่องคราวก่อนฉันขอโทษจริงๆ คงไม่ได้ทำให้เธอเจ็บใช่ไหม” ผ่านไปเนิ่นนาน ลั่วจื่อหานจึงกล่าวคำขอโทษได้อย่างลื่นไหล อี้เป่ยซีนิ่งไปครู่หนึ่ง แก้มทั้งสองข้างแดงขึ้นมาด้วยความผิดหวัง
เธออ้ำๆ อึ้งๆ เล็กน้อย“อ่อ อืม ฉันรู้แล้ว”
“แล้วก็เรื่องของจื่อเซี่ยวันนี้…”
ในที่สุดก็เข้าเรื่องแล้วเหรอ นี่คือเหตุผลที่เขามาสินะ จะออกหน้าแทนหลิงจื่อเซี่ยหรือไง? ขอร้องล่ะเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดเธอตั้งแต่แรกโอเคไหม ถ้าหลิงจื่อเซี่ยไม่ได้ทำตัวเหมือนแมลงวันละก็ เธอก็คงไม่พูดจาแบบนั้นออกมา
“จื่อเซี่ยเอาแต่ใจตั้งแต่เด็ก เธอก็อย่าไปถือสาเขาเลย”
“หา?” บทมันไม่ค่อยเข้ากันนี่นา ตอนนี้นายควรจะต่อว่าฉันด้วยเหตุผลที่ฟังขึ้นอย่างหน้ามืดตามัวไม่ใช่เหรอ?
“หึ…”ดูเหมือนว่าอารมณ์ของเขาจะดีมาก อี้เป่ยซีหันมองใบหน้าด้านข้างของเขา แสงไฟเผยให้เห็นเค้าโครงของใบหน้ากับลำคอ ดูสง่างามและผ่อนคลาย จู่ๆ หัวใจก็เต้นรัวเร็วกว่าเดิม
“หืม?” เขาหันมา สบสายตาหลงใหลซึ่งราวกับแสงสว่างของหิ่งห้อยยามค่ำคืนเข้าพอดี
“ฉัน ฉันนึกขึ้นมาได้ว่ายังมีธุระ ขะ...ขอตัวก่อน” จบพูดอี้เป่ยซีก็ก้มหน้าวิ่งเหยาะๆ จากไป ทิ้งไว้เพียงแผ่นหลังของตัวเองที่หนีไปด้วยความเร่งรีบ ดวงตาของลั่วจื่อหานค่อยๆ เผยแววยิ้ม
ดูเหมือนจะจากไปด้วยความกระอักกระอ่วนใจแบบนี้ทุกครั้งเลย เขาพิงชิงช้า แกว่งไปมาเป็นครั้งคราว กลิ่นหอมหวานคล้ายยังลอยค้างอยู่กลางอากาศ ไม่น่าล่ะพวกเขาถึงชอบนั่งชิงช้ากัน
อี้เป่ยซีก้มหน้าวิ่งเข้าไปในห้องโถง อยากหาที่มุดเข้าไปจนแทบทนไม่ไหว
แม้ว่าทุกคนจะรักความสวยงาม แต่เธอไปจ้องคนอื่นเขาตรงๆ แบบนี้ก็น่าขายหน้าไปหน่อย ขายหน้าจริงๆ ขายหน้ามาก
เธอมัวแต่โทษตัวเองในใจ จึงไม่ได้ดูทางเลย
“โอ๊ย”
“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ” อี้เป่ยซีก้มหัวขอโทษคนที่ตัวเองชน
“อี้เป่ยซี” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธที่ข่มเอาไว้ “ทำไมถึงเป็นเธออีกแล้ว”
ฉันก็อยากถามแบบนี้เหมือนกันโอเคไหม แต่สุดท้ายแล้วเธอคือคนผิด จึงเอ่ยปาก“ขอโทษด้วย ขอโทษจริงๆ เมื่อกี้ฉันไม่ได้ดูทาง”
“เสื้อของฉัน อี้เป่ยซี เธอนี่ไม่ดูตาม้าตาเรือเลยมองไม่เห็นรึไง?” หลิงจื่อเซี่ยมองเสื้อผ้าที่เปื้อนอย่างปวดใจ นี่คือของขวัญที่พี่จื่อหานมอบให้เธอ เธอเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นเสียงก็เปลี่ยนเป็นแหลมสูง“ทำไมเสื้อของพี่จื่หานถึงอยู่บนตัวเธอได้”
อี้เป่ยซีได้ยินเสียงแหลมสูงก็นวดคลึงหู“เธอพูดเบาๆ หน่อยสิ อยากให้ทุกคนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพี่ชายเธอเหรอ? เธออยากได้ งั้นคืนเธอก็แล้วกัน” พูดจบก็ยื่นเสื้อให้อีกฝ่ายแล้ววิ่งจากไป
หลิงจื่อเซี่ยกำเสื้อตัวนั้นไว้แน่นจนข้อกระดูกเป็นสีขาว‘อี้เป่ยซี ฉันจะไม่ให้เธออยู่อย่างสงบแน่’
“พี่ พี่จื่อหาน” ลั่วจื่อหานที่เข้ามาเห็นหลิงจื่อเซี่ยก้มหน้า มือยังคงกำเสื้อคลุมของเขาไว้แน่น รอยด่างของไวน์ยังคงอยู่บนชุดเดรสสีฟ้า
“ทิ้งไปเถอะ” พูดจบเขาก็ออกไปจากฝูงชนที่ส่งเสียงดัง
‘เธอเห็นแล้วหรือยังอี้เป่ยซี ในสายตาของพี่จื่อหาน เธอก็เป็นแค่คนธรรมดาที่เขาต้องการจะหลีกเลี่ยงเท่านั้นเอง’หลิงจื่อเซื่ยคิดในใจ
ฝ่ายอี้เป่ยซียังวิ่งหนีไม่ทันไร ก็รู้สึกว่ามีคนคว้าคอเสื้อของตัวเองไว้ เสียงคุ้นเคยดังมาจากข้างหลัง“ยังจะวิ่งวุ่นไปทั่วอีก”
“นายอย่าดึงฉันเหมือนจับเด็กตัวเล็กๆ จะได้ไหม” เธอกล่าวอย่างไม่พอใจ แต่กลับทำให้คนที่อยู่ข้างหลังทำตัวไม่ถูก
หลานฉือเซวียนปล่อยเธอ ยัดเสื้อผ้าเข้าไปในอ้อมกอดเธอทันที“เธอดูตัวเธอเองสิ เหมือนผู้ใหญ่ซะที่ไหน”
“ฉันเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เหมือนหรอก”
“ไม่เถียงกับเธอแล้ว พี่เธอโทรมา ให้ฉันพาเธอกลับเดี๋ยวนี้ ไปเถอะแม่คุณ”
เธอพยักหน้าเชื่อฟัง สวมเสื้อเรียบร้อยแล้วก็เดินตามหลังเขาไป ต่อไปคงไม่มาร่วมงานปาร์ตี้อะไรง่ายๆ อีกแล้ว น่าเบื่อจะตาย คิดถึงลั่วจื่อหานกับหลิงจื่อเซี่ยทั้งสองคน เป็นตัวซวยของเธอชัดๆ อี้เป่ยซีส่ายศีรษะ นี่มันแปลกเกินไปแล้ว
ไฟรถอบอุ่นส่องสว่าง เสียงเพลงผ่อนคลายดังออกมา อี้เป่ยซีกำลังมองหาแผ่นเสียง บทเพลงโปรดของเธอดังขึ้น พิงเก้าอี้อย่างพึงพอใจ นี่ต่างหากคือความเพลิดเพลินที่แท้จริง
“เสียงเทพบุตรมู่ไป๋ของฉันเพราะที่สุดเลย” ปากพูดอย่างนี้ แต่เสียงหัวเราะทุ้มต่ำของใครบางคนยังดังอยู่ในหู ไม่สามารถลบออกไปได้
หลานฉือเซวียนได้แต่พยักหน้าเออออให้ เมื่อรถวิ่งอย่างราบรื่นอยู่บนถนนใหญ่ เขาจึงทำเป็นเอ่ยปากลอยๆ“เธอรู้จักกับลั่วจื่อหานได้ยังไง?”
เขาอีกแล้วเธอกอดตัวเองไถลตัวลงด้านล่างเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าไม่อยากตอบคำถามนี้
“ก็ไม่รู้ว่าเป่ยเฉินตามใจเธอจนกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง”
“อิจฉาใช่ไหมล่ะ?”
มุมปากของหลานฉือเซวียนกระตุก“เธอคิดเยอะไปแล้ว”
เธอหลับตา ไม่ได้พูดอะไรอีก หลานฉือเซวียนก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
เมื่อรถเพิ่งมาถึงจิ่งหยวนก็เห็นเงาร่างสูงใหญ่แล้ว ทันทีที่รถจอดอี้เป่ยซีก็เปิดประตูลงจากรถทันที ไม่ได้กล่าวคำลา แต่วิ่งเข้าไปหาคนคนนั้นด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเลย หลานฉือเซวียนเห็นจนชินตาแล้ว หลังจากผิวปากเป็นสัญญาณแล้วก็ขับรถจากไป
เหลือเพียงพวกเขาสองคน คนหนึ่งตามใจจนไม่ลืมหูลืมตา อีกคนถูกตามใจจนคิดว่าตัวเองถูกเสมอ ดวงตาที่เขามองกระจกหลังของรถทั้งอิจฉาทั้งผิดหวัง
“เสี่ยวซีไปเที่ยวสนุกไหม?”อี้เป่ยเฉินถาม
อี้เป่ยซีส่ายหัว“พี่คะ วันเกิดของฉัน พี่พาฉันไปสวนสนุกได้หรือเปล่า”
“ยังเหมือนเด็กเลย”
“เปล่านะ” เธอโอบเอวเขา สูดหายใจเข้าลึก“ฉันก็แค่อยากไปสวนสนุกกับพี่”
อี้เป่ยเฉินกอดเธอ“ได้ เสี่ยวซีอยากได้อะไรก็ตามนั้น”
“พี่เป่ยเฉิน พี่ดีมากๆๆๆ เลย”
เขาจูงมือน้อยๆ ที่เย็นเฉียบของอี้เป่ยซีไว้“เสี่ยวซีกินอะไรมาแล้วยัง?”
“ยังค่ะพี่…ฮัดเช้ย…”อี้เป่ยเฉินเอื้อมมือโอบคนข้างๆ พลางพยักหน้า
“ถ้างั้นเสี่ยวซีอยากกินข้าวเป็นเพื่อนพี่ไหมล่ะ”
“ได้ค่ะ ฮัดเช้ย…”
อี้เป่ยเฉินส่ายหัว“สงสัยเธอจะเป็นหวัดอีกแล้ว”
“เปล่า ฉัน…ฮัดเช้ย”
------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ