Memory of Tomorrow วันพรุ่งนี้ในความทรงจำ
เขียนโดย Xiaobei
วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 13.24 น.
แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2563 14.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) บทที่11ชะตาลิขิต(4)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่11ชะตาลิขิต(4)
วันเวลาที่ผ่อนคลายไร้กังวลก็เหมือนกับนาฬิกาทรายลื่นไหลจากอุโมงค์แห่งเวลา ค่อยๆ ไหลผ่านไปอย่างต่อเนื่องและเงียบสงบ อี้เป่ยซีมองวันเดือนปีที่บอกไว้บนปฏิทินชัดเจน ตอนนี้กลับมาได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว เธอจัดแจงผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อย รอยคล้ำจางๆ ปรากฏอยู่ใต้ขอบตา
เธองดูเวลาในโทรศัพท์มือถือ แล้วโยนมันไปด้านข้าง ยังเช้าอยู่เลย...อีกแป๊บเดียวก็ปิดเทอมแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังต้องไปมหาวิทยาลัยอีกนะ อยากนอนต่ออีกเหลือเกิน อี้เป่ยซีคลายผ้าห่มออกแล้วพลิกตัว ทั้งที่รู้สึกว่าเมื่อวานเพิ่งกลับบ้าน ใครจะรู้ว่าผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว เธอลุกพรวดขึ้นนั่ง เดินลากเท้าเข้าไปในห้องน้ำ
“พี่เจี้ย” อี้เป่ยซีก้มหน้า เอ่ยปากอย่างไม่เต็มใจ“พี่”
เธอนั่งลงที่โต๊ะกินข้าว นั่งกินอาหารเช้าไปเงียบๆ คนเดียวเหมือนไม่มีใครอยู่ด้วย
“เป็นอะไรไป แค่ไม่กี่วันเอง โกรธกับนายอีกแล้วเหรอ?” เจี้ยถามอี้เป่ยเฉินที่ก้มหน้าอ่านเอกสาร ตอนนี้กลายเป็นแบบนี้ เขาอ่านเข้าหัวได้ก็แปลกแล้ว
อี้เป่ยเฉินวางเอกสารในมือลง นวดคลึงขมับ และยิ่งโมโหมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดขึ้นมา เขาหันมาเล็กน้อย ร่างอ่อนแอที่กินข้าวอยู่หน้าโต๊ะปรากฏอยู่ในสายตาของเขา ในใจรู้สึกหงุดหงิด
อะไรที่เรียกว่าการตัดสินชีวิตเธอโดยคิดว่าตัวเองถูก เธอที่ยังเด็กตอนนี้จะไปเข้าใจอะไร ทั้งๆ ที่เขาก็จากไปแล้ว เธอยังต้องการปล่อยให้คนคนนั้นผูกมัดเธอไว้ตลอดชีวิตอีก
อี้เป่ยเฉินมองความคิดของหญิงสาวออก จึงเอ่ยปาก“ฉันจะไปที่บริษัทก่อน นายพาเป่ยซีไปมหาลัยเถอะ”
เจี้ยมองดูทั้งสองคนแล้วพยักหน้า นั่งลงบนโซฟาอย่างสบายใจ รอจนอี้เป่ยเฉินจากไปแล้ว อี้เป่ยซีก็ยังอ้อยอิ่งอยู่ครู่ใหญ่ถึงจะเดินมาหาเจี้ย
“พี่เจี้ย พวกเราไปได้แล้ว”
เจี้ยส่งเอกสารให้อี้เป่ยซี ยื่นมือลูบหัวของเธอแล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า“เป่ยซี ตอนนี้ชายเธอลำบากมาก เธอต้องเข้าใจด้วยนะ รู้ไหม?”
อี้เปยซีกัดริมฝีปาก ไม่ได้พูดอะไร
“เอาละเป่ยซี ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจ อย่าลืมบอกพี่เจี้ยล่ะ”
“อืม” เธอยังคงไม่เงยหน้าขึ้น เจี้ยตบเธอเบาๆ ก่อนจะขับรถออกไป อี้เป่ยซีมองรถที่จากไปไกลแล้วจึงถอนหายใจ
เธอกอดเอกสารไว้ในมือ แต่ก็กำลังคิดอย่างลำบากใจ จะทำอะไรเพื่อพี่ชายได้บ้างนะ…
สือนั่ว: ถึงมหาลัยแล้ว?
อี้เป่ยซีเก็บกวาดหอพักเรียบร้อยก็เห็นแชทเด้งขึ้นมา
หลิงซี: อืม นายอยู่ไหน?
สือนั่ว: มาที่ห้องเรียนดนตรีE107
หลิงซี: ห้องเรียนดนตรี? นายทำอะไรเนี่ย?
สือนั่ว: ความสุขฉัน ไม่มาฉันจะไปแล้ว
หลิงซี: รอเดี๋ยว
......
“ข้างหน้าคืออาคารเรียนของพวกเรา” เด็กหญิงมองไปที่คนข้างๆ พลางพูด รอยยิ้มมีความสุขประดับเต็มใบหน้า ถ้าถนนเส้นนี้เป็นแบบนี้ตลอดไปก็ดีสิ
ลั่วจื่อหานขมวดคิ้วเล็กน้อย“จื่อเซี่ย…พี่…” เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? สายตาของลั่วจื่อหานจดจ้องอยู่บนถนน หลิงจื่อเซี่ยเลยมองตามสายตาของเขาไป
อี้เป่ยซีดูการนำทางของโทรศัพท์มือถือด้วยความฉุนเฉียวเล็กน้อย อะไรกัน ทางไหนกันนะ ตรงนี้ไม่มีอะไรเลยนี่นา เธอมองอาคารเรียนที่อยู่ตรงหน้าอย่างงุนงง ช่างเถอะ เธอไปถามเอาแล้วกัน
“สวัสดีค่ะ ขอถามหน่อย…”วินาทีต่อมา อี้เป่ยซีเบิกตากว้างเมื่อได้มาพบเจอคนที่ไม่อยากเจอ ทำไมถึงเจอเขาในมหาวิทยาลัยได้ ดวงซวยจริงๆ ไม่ถามแล้ว
“นี่เธอ” เสียงนุ่มนวลลอยเข้ามาในหู“ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรรึเปล่า?” หลิงจื่อเซี่ยเดินมาที่ด้านหน้าเธอท่าทางกระตือรือร้นมาก
ตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องหนีด้วย อี้เป่ยซีคิดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า น้ำเสียงเป็นมิตร แต่ว่าแววตากลับหมดความอดทนเล็กน้อย
“อยากถามหน่อยค่ะ ห้องเรียนดนตรีไปยังไง?”
ห้องเรียนดนตรี? หลิงจื่อเซี่ยพินิจพิจารณาคนตรงหน้า ทั้งตัวสวมเสื้อแจ็คเก็ตขนสัตว์หนาๆ เอาไว้ กางเกงยีนส์ตัวใหญ่เทอะทะอย่างเห็นได้ชัด แล้วสีก็ซีดมาก รองเท้าส้นเตี้ยสีขาวคู่หนึ่งยิ่งไม่มีอะไรพิเศษให้พูดถึง ดูเหมือนเป็นพวกขี้เกียจอย่างไรอย่างนั้น
ทำไมพี่จื่อหานถึงได้สนใจเธอเป็นพิเศษ? หรือเป็นเพราะว่าแต่งตัวตามสบายเกินไปงั้นเหรอ? เธอมองดูตัวเอง เสื้อสีชมพูเข้ากับการแต่งหน้าบางๆ ดูฉลาดสดใส นี่ต่างหากคือแบบที่พี่จื่อหานชอบ
“เธอก็ไม่รู้เหรอ ขอโทษที รบกวนแล้ว”
“ไม่ใช่” ทันใดนั้นหลิงจื่อเซี่ยก็เกิดความหยิ่งผยองในใจ “เดินตรงไปทางนี้แล้วเลี้ยวซ้ายตรงตึกที่สองก็เจอแล้ว” เธอเผยยิ้ม สงวนท่าทีสง่างามไว้ อี้เป่ยซีกล่าวขอบคุณและจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
หลิงจื่อเซี่ยหันกลับมาเห็นลั่วจื่อหานกำลังจับจ้องอยู่ที่ร่างนั้น เหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
“พี่จื่อหาน”
“เธอไม่หนาวเหรอ?” ลั่วจื่อหานเหลือบมองหลิงจื่อเซี่ยแล้วถามขึ้น
“หา?” นี่มันคำถามอะไร? ทำไมจู่ๆ ก็ถามแบบนี้‘นี่พี่จื่อหานกำลังเป็นห่วงฉันเหรอ?’ เธอคิดในใจ ในเวลานั้นไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไรดี
ลั่วจื่อหานมองดูนาฬิกาข้อมือ เอ่ยว่า“พี่ยังมีธุระกับลี่ไป๋ ไปก่อนนะ”
“อือ ขอบคุณนะพี่ที่วันนี้มาส่งฉัน” เธอพูดพลางก้มหัวลง ท่าทางเหมือนเด็กสาวตัวน้อยที่เขินอาย ลั่วจื่อหานหันหลังจากไป ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เธอมองดูร่างของเขาจากไปไกล ทั้งรู้สึกรักและเสียใจ เมื่อครู่น่าจะรีบตอบคำถามให้เร็วกว่านี้
ลั่วจื่อหานกลับมาที่รถ จุดบุหรี่อย่างเกียจคร้าน จากนั้นเปิดหน้าต่าง ควันบุหรี่ในรถค่อยๆ จางหายไป แต่ความทรงจำในหัวกลับยิ่งชัดเจนขึ้น
“ได้ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้” รถพุ่งออกไปจากมหาวิทยาลัยราวกับลูกศรที่ดีดตัวออกจากธนู
------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ