นรกบนดิน(yuri)
เขียนโดย themockingjay
วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 13.54 น.
แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2563 14.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
24) ปทุมธานี
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“เร็วๆๆ เครื่องบินจะมาถึงแล้วเราต้องรีบขนอุปกรณ์ก่อนนะ”
“ปัดโถ่ ฉันขนอยู่ไม่เห็นรึไง”
“เอออย่าพึ่งทะเลาะกันน่า เดี๋ยวขนไปไว้บนดาดฟ้านะตรงนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ลำเลียงของขึ้นเครื่องบิน เราแค่ขนของขึ้นไปพอ”
“ครับ/ครับ” เจ้าหน้าที่สามนายขนของต่างๆ ขึ้นไปยังบนดาดฟ้า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ทุกนายต้องรีบขนของขึ้นมา มันจะได้เสร็จไวและไม่ล่อซอมบี้มากันด้วย
“เครื่องบินมาแล้ววๆ ” เสียงตะโกนจากชั้นดาดฟ้าทำให้เจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่รับผิดชอบเตรียมโบกธงให้เครื่องบินลง เครื่องบินลงจอดเรียบร้อยเปิดใต้ท้องเครื่องบินก่อนจะดับเครื่องเพื่อกันเสียงไม่ให้ดังไปมากกว่านี้
“ขนยาวๆ ไปป”
“ฮึบหนักชำมัดนี่มันอะไรวะ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันเห็นว่าเก็บตัวอย่างวิจัยมางี้ แต่ที่แน่ๆ อย่าทำหลุดแกละกัน” เจ้าหน้าที่ขนของเข้าไปในเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ทยอยพาผู้อพยพขึ้นเครื่องไปเรื่อยๆ จนครบทุกคน
“เอาล่ะครบกันแล้วใช่ไหม งั้นปิดท้องเครื่องได้! ”
“เดี๋ยวค่ะๆ หัวหน้าคะเพื่อนแพรวยังไม่มาเลยค่ะ” แพรวที่ตามหารินตั้งแต่ขนของเสร็จก็ยังไม่เจอเอ่ยถามตอนอยู่บนเครื่องบิน
“เป็นไปได้ยังไง โทรตามสิ”
“ได้ค่ะๆ แปบนะคะ” เธอกดมือถือด้วยมือสั่นๆ ก่อนจะกดโทร แต่ไม่มีคนรับสาย
“บ้าเอ้ย ทำไมไม่รับวะ” แพรวลองอีกหลายครั้งก็ไม่ติดทำให้เสียเวลาไปมากโข
“ไม่ได้เจ้าหน้าที่ เพื่อนเธอคนเดียวจะทำให้พวกเราช้าไม่ได้นะ ปิดท้องเครื่องเลย”
“แต่ แต่เพื่อนแพรวยังอยู่ด้านล่างนะคะหัวหน้า”
“พวกเราเกือบสามร้อยคนจะให้มารอคนเดียวเหรอ”
“คือแต่ว่า…”
“กลับไปนั่งที่ของคุณได้แล้ว ดูแลคนป่วยเพื่อนคุณให้ดีๆ ล่ะ”
“บ้าจริง!! ” เพื่อนเธอไปอยู่ไหนกันเนี่ย แพรวกระวนกระวาย เครื่องบินได้ขับออกไปจากฐานเรียบร้อยแล้วให้เหลืออยู่1ร่างที่ซ่อนตัวหลังประตูได้เดินออกมา
“ฉันขอโทษแพรว แต่เรื่องนี้ฉันบอกให้ใครรู้ไม่ได้จริงๆ ” เธอเก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าเธอเตรียมอาวุธและอุปกรณ์อื่นๆ ในรถจิ๊บด้านล่างเรียบร้อย พอที่เธอจะเดินทางไปยังเป้าหมายถัดไปได้สบายๆ เธอเดินลงมาชั้นล่างก่อนจะมาสำรวจดูรถจิ๊บที่หัวหน้าให้มา มีที่นั่งพอให้สำหรับสุนัขและหมั่นโถวเธอพอดีเลย เธอขับรถไปยังหน้าบ้านและกระโดดเข้าบ้านไปทักทายพวกมันก่อนที่จะพังประตูด้านในออกมา เธอเปิดประตูรถด้านหลังก่อนจะเรียกให้พวกมันขึ้นรถไปจนครบ ส่วนหมั่นโถวเธอเปิดให้มันขึ้นด้านหน้าข้างคนขับก่อนจะเปิดที่ระบายอากาศเล็กน้อย เธอให้มันนั่งรอในรถไปก่อนเพราะเธอต้องไปขนอาหารสุนัขมาไว้หลังรถ ดีนะที่เธอเอาสายจูงและปลอกคอมาครบทุกตัวรวมเจ้าหมั่นโถวด้วย เธอขนกระสอบอาหารสุนัขและของติดมือมานิดหน่อย ก่อนจะขึ้นรถมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายของเธอ แต่ก่อนหน้านั้นเธอต้องฟาร์มอาหารสุนัขและอาหารเธอก่อนไม่อย่างนั้นมันหวังอดตายก่อนระหว่างทางแน่ๆ ตอนนี้เธอแวะร้านค้าสะดวกซื้อใกล้ๆ โดยจอดรถและเปิดกระจกให้มีอากาศเข้าไปก่อนจะสะพายปืนคู่ใจเข้าไปซึ่งไม่ลืมที่จะเอากระเป๋าผ้าเข้าไปด้วย เธอเดินดูรอบๆ ก็กอบโกยอาหารมาได้เยอะเหมือนกันได้ทั้งของเธอและลูกๆ เธอครบ ใช้เวลาขนอยู่หลายรอบเหมือนกันและเธอไม่ลืมที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยที่ไม่ให้ใครรู้ว่าเธอเป็นเจ้าหน้าที่ เธอจัดการทิ้งเสื้อผ้าเจ้าหน้าที่ของเธอทันทีในถังขยะ ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อในร้านเป็นเสื้อยืดสีดำและกางเกงยีนสีกรมพร้อมกับหมวกสีเขียวพื้นและแว่นตาดำ ก่อนจะหยิบมาสัก4-5ชุดและเดินขึ้นรถไป เธอขึ้นมานั่งเสร็จแล้วก็กางแผนที่ดู
“ที่เราต้องไปคือนครสวรรค์สินะ” เธอหาปากกาหรืออะไรมาเขียนก่อนจะเจออยู่ตรงบริเวณประตูฝั่งเธอ เธอหยิบปากกาขึ้นมามาร์คไว้ว่าต้องผ่านจังหวัดไหนบ้าง
“อืมมมม อย่างแรกต้องผ่านปทุมธานี สระบุรี ลพบุรีก่อนจะถึงนครสวรรค์สินะ ไกลเอาเรื่องเลยแฮะ” เธอเคยขี่รถยนต์มาบ้างแต่ไม่ค่อยแข็งก็ได้แต่หวังจะรอดถึงปลายทาง
“เอาล่ะไปกันดีกว่าเนอะ” เธอขยี้หัวหมั่นโถว ยิ้มให้มันก่อนจะขับรถยนต์ออกไป รถจิ้บเธอเป็นรถที่ค่อนข้างเล็กทำให้ประหยัดน้ำมันลงไปได้เยอะ เธอขับตามทางไปเรื่อยๆ จนถึงปทุมธานี สภาพเมืองก็ไม่ต่างกันมากเท่าไร เธอขับมาเรื่อยๆ เหมือนว่าจะมีด่านที่ตั้งกันขึ้นมาเองของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งบนทางที่เธอจะต้องไปด้วย เธอค่อยๆ ขับไปจอดก่อนจะเปิดกระจกทักทาย
“สวัสดีค่ะ”
“คุณมาจากไหนเหรอ”ผู้หญิงรูปร่างท้วม ผมสีแดง อายุประมาณ30กว่าได้เอ่ยทักด้วยยอมยิ้ม
“กรุงเทพฯ ค่ะ”
“โห้รอดมาได้ที่บุญนะหนู แล้วหนูมากับใครอีกไหม”
“มากับสุนัขค่ะ”
“หื้มจริงเหรอต้องหารมาพักกับพวกเราก่อนไหม”
“เอ่อไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” เธอดูเหมือนว่าจะมีอะไรที่ท้ายรถเลยปฏิเสธดีกว่าไม่แน่อีกคนที่เฝ้าอยู่อีกด้านหนึ่งของเธอหายไปแล้วด้วย
“งั้นเหรอ ถ้าหนูไม่ลงมาจากรถพร้อมกับเพื่อนๆ หนู ไม่แน่กระสุนอาจจะผ่านหัวหนูไปก็ได้นะ” ผู้หญิงผมแดงยกปืนจ่อเธอ โดยที่เธอทำได้แค่มองเฉยๆ
“เอ่อ คือหนูต้องผ่านทางนี้จริงๆ ช่วยเปิดประตูหน่อยได้ไหมคะ”
“ฉันบอกให้ลงมาจากรถไง ไม่ได้ยินเหรอ! ”ผู้หญิงผมแดงตะคอกใส่เธอ เธอเข้าไปกระซิบหมั่นโถวให้ไปซ่อนตัวด้านหลังก่อน ก่อนจะเปิดประตูและลงไปจากรถเพื่อไปเจรจาแบบดีๆ
“เอโคๆ หนูลงแล้ว”เธอยกมือขึ้นทั้งสองข้างก่อนจะมองไปรอบๆ ดูแล้ว เธอเห็นลำกระบอกปืนโผล่ออกมาจากพุ่มหญ้าข้างทางอยู่หลายกระบอก สงสัยการปะทะคงไม่ใช่ทางเลือกเธอแล้ว
“จีน ควัน เข้าไปขนรถผู้หญิงคนนี้”
“เดี๋ยวก่อนอย่าพึ่ง เดี๋ยวสุนัขหนูหนีออกมาหมด”
“ฉันบอกเงียบๆ ไง หูหนวกรึไง! ”ผู้หญิงผมแดงตระคอกใส่เธอ ผู้หญิงอีกสองคนโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ทำท่าเล็งปืนมาที่เธอก่อนจะเดินไปที่รถและเปิดประตูรถทั้ง4ด้านออก
“หนูเตือนแล้วนะว่าห้ามเปิด”
“กริ้ดดดดดดดดด”
“เกิดอะไรขึ้น!! ”
“ตัว ตัวอะไรไม่รู้อยู่ด้านหลัง!! ” ผู้หญิงทั้งสามที่เดินไปค้นดูรถกลับถอยออกมาทันทีทำให้พวกที่ซุ่มอยู่ตรงพุ่งหญ้าทั้ง2ข้างทางลุกขึ้นมาเล็งกล้องเตรียมยิง
“ตัวเชี้ยอะไรวะนั่น!! ”
“ยิงเลย!! ”
“หยุดก่อน อย่ายิงนะคะ! ”เธอกางแขนเอาตัวไปกั้นรถเธอก่อนที่คนพวกนี้จะรุมยิง เธอไม่ห่วงหมั่นโถวหรอกแต่ห่วงสุนัขที่ต้องโดนลูกหลงไปด้วยนี่สิ
“งั้นก็ยิงมันทั้งหมดนี่แหละ!! ”ผู้หญิงผมแดงสั่ง ทำให้เธอรู้ทันทีว่าใครคือหัวโจกของที่นี่
“คุณจะบ้าเหรอฉันมีสุนัขอยู่หลังรถนะ พวกมันไม่รู้อะไรด้วยแล้วอีกอย่างแค่เห็นอะไรประหลาดก็จะยิงเลยเหรอ คุณไม่ใช้สมองอันน้อยนิดของคุณคิดหน่อยเหรอว่าถ้าเกิดยิงไปแล้วมันจะเกิดอันตรายกับพวกคุณไหม”
“แกเป็นใครมาด่าฉัน!! ”
“หรือไม่จริง สั่งแต่จะยิง แค่มีปืนมันคือพระเจ้ารึไงคิดว่าจะสั่งทำอะไรก็ได้เหรอ แล้วดูแต่ละคนก็เด็กๆ ไม่มีประสบการณ์ทั้งนั้น แค่จับปืนยังผิดเลยจะยิงคนรอดเหรอ คุณพาเด็กมาอันตรายเปล่า”
“แล้วแกเป็นใครห้ะ มาฉอดๆๆ แบบนี้อยากตายนักใช่ไหนห้ะ เดี๋ยวฉันจะสงเคราะห์ให้” ผู้หญิงผมแดงหยิบปืนพกขึ้นมายิงเธอแต่ไม่โดนสักนิดโดยที่เธอไม่ได้หลบหรือทำอะไรทั้งสิ้น
“หนอยยยย” เธอขี้เกียจมาต่อล้อต่อเถียงกับคนพวกนี้แล้วจึงยกตราหน่วยพิเศษของเธอขึ้นมาให้ผู้หญิงผมแดงดูก่อนจะเบิกตาโพลงและเข้ามาขอโทษขอโพยเธอซะยกใหญ่ ทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสีเป็นสีแดงอมเหลืองในเวลายามเย็นที่สวยส่องประกายอยู่บนท้องฟ้า เธอปิดประตูทั้ง4ด้านก่อนจะขึ้นรถเลี้ยวตามผู้หญิงผมแดงไปเพราะเธอเสนอว่ามันเย็นแล้วจึงให้พักที่นี่ได้
เธอใส่ปอกคือในสุนัขทุกตัวรวมหมั่นโถวด้วยก่อนจะสะพายกระเป๋าโดยบอกให้คนดูแลรถว่าอย่าเอาของไปแม้แต่ชิ้นเดียว ที่พักของที่นี่เป็นกำแพงไม้แน่นหนาล้อมรอบหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีอยู่ประมาณเกือบยี่สิบหลัง ที่พักเป็นปูนบ้างไม้บ้างสลับกันไป คนที่นี่ส่วนมากเป็นผู้หญิงมีผู้ชายเป็นส่วนน้อย เธอเดินจูง8ชีวิตเข้าในบ้านพักไม้ก่อนจะผูกมันไว้กับขอบเตียงเธอ
“ที่นอนออกจะไม่ค่อยสบายเท่าไรนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ รินอยู่ได้อยู่แล้ว”
“ค่ะเอ่อป้าชื่อ อ้อมนะคะ จะดีถ้าเราออกมาคุยกันข้างนอกน่ะ”ผู้หญิงผมแดงชื่อป้าอ้อมยืนอยู่หน้าทางเข้าเพราะกลัวเจ้าหมั่นโถวของเธอ ดูสีหน้าของป้าแล้วคงอยากจะถามอยู่แหละ
“เอ่อได้ค่ะ แต่เดี๋ยวรินต้องเอาอาหารให้มันกินก่อนนะคะ” เธอบอกให้หมั่นโถวดูแลน้องๆ ด้วยเดี๋ยวเธอจะเอาข้าวมาให้ เธอเดินออกจากที่พักไปยังรถของเธอ เธอเทอาการสุนัขใส่ทั้งหมด8ชามก่อนจะวานให้คนที่อยู่ใกล้ๆ ช่วยถือไปให้หน่อย เธอเดินมาถึงที่พักและแจกจ่ายอาหารและน้ำที่ขอไปเมื้อจนครบทุกตัวก่อนจะออกมายังด้านนอก หมู่บ้านที่จะเป็นที่พักอยู่รอบๆ เป็นวงกลมและจะมีกองไฟอยู่ตรงกลางเป็นสถานที่บันเทิงสนุกสนานเต้นรำกันไป ตอนนี้เวลาประมาณทุ่มกว่าทุกคนจะไปรวมตัวกันที่คล้ายๆ บ้านพักแต่เป็นครัวทำอาหาร แต่ละคนเรียงรายกันเข้าแถวก่อนจะไปนั่งรวมกันอยู่รอบกองไฟ ป้าอ้อมพาเธอเดินไปเอาอาหารก่อนจะพามานั่งแยกที่ไม่ไกลจากกองไฟมากแต่ก็ดูส่วนตัวไม่มีใครมายุ่ง
“เเล้วเจ้าหน้าที่อินทรีมาทำอะไรแถวนี้เหรอ”
“โดนเครื่องบินทิ้งน่ะค่ะ เลยต้องกลับไปเอง”
“โถ่น่าสงสารร หนูชื่อรินใช่ไหม ป้าขอเรียกหนูว่ารินละกันนะ”
“ตามสบายเลยค่ะป้าอ้อม ว่าแต่ป้าอ้อมรู้จักหน่วยอินทรีได้ยังไงเหรอคะ”
“โถ่วว หนูรินคงไม่ได้ยินชื่อหน่วยตัวเองว่าดังไกลขนาดไหนสินะ”
“คะ รินก็นึกว่าหน่วยนี้เป็นหน่วยลับซะอีก”
“เมื่อก่อนน่ะใช่แต่ตั้งแต่ไอเจ้าเชื้อโรคบ้าๆ นั่นมาหน่วยนี้ก็พยายามช่วยเหลือคนที่อยู่ด้านนอกเยอะแยะ”
“แล้วเอ่อ…”
“ป้าได้ยินมาไม่ได้เจอหรอก ถ้าเจอป้าคงไม่อยู่ตรงนี้หรอกนะ5555”
“อ๋ออค่ะ แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ แบบว่าทั้งอาหาร ยาต่างๆ ”
“ก็ยังพอมีนะอยู่ได้เรื่อยๆ คนที่นี่ปลุกพืชกินกันเอง เลี้ยงสัตว์ก็เลยรอดน่ะ”
“ดีแล้วค่ะ แต่ยังขาดเรื่องการซ้อมอาวุธอยู่นะคะ”
“อืมหนูรินเก่งมากเลยที่ที่ดูออกตั้งแต่ปราดเดียวน่ะว่าคนที่นี่ไม่ได้เก่งปืนกันรวมถึงป้าด้วย”
“ไม่มีใครพอที่จะใช้ของพวกนี้เป็นเลยเหรอคะ”
“ไม่มีหรอก ถึงมาก็ตายไปแล้ว กินเหล้าหน่อยไหมเดี๋ยวป้าไปเอาให้”
“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวรินไปเอาให้ค่ะ” เธอพักเรื่องคุยกันสักครู่ก่อนจะเดินไปเอาเหล้าที่ผู้ชายดูแล้วน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันที่เมาตัวโยนนั่งอยู่ข้างๆ เธอหยิบมาขวดหนึ่งก่อนเดินกลับไปที่เดิมแต่จู่ๆ ผู้ชายคนนั้นก็มาจับแขนเธอและเหมือนจะดึงเธอเข้าไปหาแต่ฝันไปอยู่แล้ว เธอที่ฝึกร่างกายมาขนาดนั้นจะให้โอนอ่อนเหมือนในหนังน้ำเน่าก็กระไรอยู่ เธอสะบัดแขนอย่างสุภาพก่อนจะเดินออกมาแต่ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะไม่เลิกราเธอง่ายๆ ลุกขึ้นมากอดเธอยังดีที่เธอแค่ใช้มือผลักก็กลิ้งๆ ไปอยู่แล้ว
“โถ่ผู้หญิงอะไรวะแรงอย่างควาย” ผู้ชายตะโกนออกมาทำให้คนรอบตัวเริ่มหันมามองกันแล้ว เธอไม่สนใจเดินเอาเหล้ามาให้แต่โดนคำด่าทิ้งท้ายว่า “ของพี่ใหญ่นะไม่มาลองดูหน่อยเหรอจ้ะน้องสาว” ซึ่งถ้าเธอไม่ได้ถูกฝึกมาละก็คงปรี๊ดแตกไปแตะปากที่มีสุนัขหลายตัวอยู่ในนั้น เธอก็ยังคงไม่สนใจและไปนั่งกับป้าอ้อมที่เดิม
“ไอนั่นมันปากเสียอยู่เเล้วน่ะ แก้ยังไงก็ไม่หาย ป้าขอโทษด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ รินไม่ถือ ปกติดื่มทุกวันรึเปล่าคะ” เธอถามป้าอ้อม
“เกือบๆ แหละ ตั้งแต่เกิดเรื่องนี้มาความสุขอย่างเดียวของป้าคืออันนี้ ไม่รู้ว่าตัวเองจะตายตอนไหน แต่ก็คงเร็วๆ นี้แหละ”
“โถ่ป้าอ้อมคะอย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะ งั้นเอางี้ไหมคะพรุ่งนี้รินจะอยู่อีกเพื่อที่จะฝึกให้น้องๆ เป็นอาวุธกันดีไหมคะ”
“จริงเหรอ ป้าไม่ได้หูฝาดไปนะ”
“แต่รบกวนป้าอ้อมไปประกาศด้วยนะคะเผื่อใครสนใจ”
“ได้สิ งั้นตอนนี้หนูรินไปสนุกกันดีกว่านะ ดูเหมือนว่าจะมีแข่งสู้กันด้วย”
“เอ่อค่ะ” เธอตอบแบบเกรงใจเดินตามป้าอ้อมเข้าไปร่วมวงด้วย ป้าอ้อมพอดื่มไปสักพักอาการเริ่มออกทำให้ป้าอ้อมถูกชวนและออกไปเต้นได้ง่าย เธอที่นั่งอยู่บนตอไม้แห้งสำหรับนั่งก็ดูแต่ละคนเต้นๆ กันไป
“เฮ้ยย คนที่เข้ามาไหม่น่ะอยากมาออกกำลังสู้กันสักหน่อยไหม”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ