นรกบนดิน(yuri)

-

เขียนโดย themockingjay

วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 13.54 น.

  29 ตอน
  0 วิจารณ์
  22.86K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2563 14.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) กดดัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
 
"เฮ้ริน คิดอะไรอยู่ช้อนงอหมดแล้ว" แพรวที่เดินมากับอาจารย์เช่นเคยทักก่อนที่จะไปเดินเลือกซื้อข้าว
"อ่า จริงด้วย55555โทษทีๆ "
"เดี๋ยวฉันมานะ"
"อ่า" เธอยิ้มให้เพื่อนก่อนจะมองช้อนที่บิดงอในมือตัวเอง
"มาแล้ว ผบ.ว่าไงบ้าง"
"ฉันจะต้องไปประจำฐานจนกว่าจะอพยพคนเสร็จอะ"
"เชรด นานปะวะ"
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน"
"รินที่เอกสารอะไรเหรอ"
"เป็นเอกสารข้อมูลทั้งหมดที่หนูจะได้ไปอยู่ค่ะ"
"สาธุอย่าให้เป็นกรุงเทพนะเว้ย"
"เออ อย่าสาธุเลย ฉันไปกรุงเทพนี่แหละ"
"....... " ถ้าไปที่อื่นเพื่อนเธอจะมีโอกาสรอดมากกว่านี้ ถึงเพื่อนเธอจะเก่งมากแต่เราก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ข้างนอกมันอยู่ในระดับที่พวกเราจะรับมือไปได้รึเปล่า เพราะตอนนี้เหมือนเพื่อนเธอเอาชีวิตไปทิ้งเปล่าๆ กับเมืองที่เสี่ยงอันตรายมากที่สุดในประเทศแล้วเท่าที่ข้อมูลตอนนี้ทราบมา มันยังมีสิ่งที่พวกเรายังไม่รู้แต่ยังไม่มีใครค้นพบหรือไม่สามารถกลับมาบอกข้อมูลนั้นกับเราได้
"ฮึก ฮึกๆ ฮือออ ฉันยังไม่อยากจะเสียแกไปอีกคนนะเว้ยริน"
"เอาน่า ฉันรอดอยู่แล้วไม่ต้องห่วงหรอก" เธอยิ้มให้กับเพื่อนของเธอ ถึงเธอจะพูดแบบนั้นก็เถอะ ยิ่งข้อมูลที่พึ่งรู้จากแม่เธอแล้ว เธอคิดไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะต้องทำยังไง และข้างนอกนั้นเธอก็เดาอะไรไม่ได้เลย
"รอดมาให้ได้นะริน "
"อย่างหนูแล้วไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ" เธอยิ้มให้อาจารย์
"ฮึก แกต้องรอดนะเว้ยริน ไม่งั้นฉันโกรธแกจริงๆ นะ "
"55555ฉันรอดอยู่แล้ว เออแล้วฉันมีอะไรจะมาอวดแกด้วย"
"ฮึก อะไรอะ"
"ฉันได้หยุด1เดือนเลยนะเว้ย" เธอยิ้มอวดๆ
"เฮ้ยจริงดิ เจ๋งอะ"
"เออ หลังจากเดือนนั้นฉันต้องบินแล้ว"
"โห่ดีตรงไหน "
"ถ้าฉันรอดกลับมาก็แสดงว่าฉันได้หยุดตั้ง1เดือนเลยนะ ไม่แน่พอหลังจากฉันกลับมาแล้วฉันอาจจะได้พักยาวๆ เลยก็ได้ เห็นไหมดีจะตาย555555555"
"จ้าแม่คู้ณ"
"5555เออเดี๋ยวแกต้องไปฝึกต่อนิ ฉันกลับไปนอนก่อนนะ รู้สึกง่วงแล้ว"และเธอก็ยิ้มน้อยๆ ก่อนที่จะกินข้าวคุยสัพเพเหระกันไปและเธอก็แยกตัวออกไปห้องพักของตัวเอง
"รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะไปตายเลยแฮะ เริ่มกดดันมาเรื่อยๆ เเล้วแฮะเรา5555" เธอหัวเราะแห้ง
เธอกะว่าจะพักสักครึ่งชั่วโมงให้อาหารย่อยก่อนและค่อยไปฝึกโปรแกรมของเธอต่อ ระหว่างที่เธอกำลังนั่งพักที่โต๊ะทำงานนั้นก็หยิบชีทข้อมูลที่เธอจะต้องไปช่วยอพยพผู้คนทั้งหมดในสถานที่ประจำฐานนั้นมาอ่าน
"อืมมม ฐานที่เรากำลังจะไปช่วยมีประชากรอยู่176 คน ซึ่งเครื่องบินบรรจุได้100คน อืมต้องรอ2รอบสินะ จะว่าไปแถวนี้ใกล้กับบ้านไข่หวานเลยนี่นา ไว้ถ้าฉันมีเวลาฉันจะแวะไปหานะไข่หวาน" เธอจับสร้อยแหวนเล่นพลางอ่านชีทไปด้วย
ในการอพยพ1ครั้ง ใช้เวลา2วัน แต่ที่ลำบากกว่านั้น เสียงเครื่องบินมันดังคงเรียกพวกมันมาเยอะพอสมควร คราวนี้พวกเธอต้องลงในป่าข้างๆ และเดินทางอีก2วันกว่าจะถึงที่หมาย สิ่งที่เธอถนัดคือประชิดและการใช้ดาบ เธอคงไม่ต้องกังวลหรอกมั้ง ส่วนเรื่องปืนเธอก็แม่นอยู่ก็ได้ที่1ละนะเวลาสอบ สิ่งที่เธอทำมาทั้งหมดไม่ใช่เพราะสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดแต่เป็นสิ่งที่เธอเพียรพยายามทำมาทุกวันจนเชี่ยวชาญจนถึงปัจจุบันนี้ เธอต้องกัดฟันสู้ขนาดไหนที่เธอกลัวความสูงแต่ต้องโดดร่ม เธอเองก็กลัวตายเหมือนกัน แต่จะไม่เห็นแก่ตัวเด็ดขาดพวกเห็นแก่ตัว เอาตัวเองเป็นใหญ่มันก็แค่เป็นคนธรรมดาที่อยากให้ทุกคนสนใจ ทุกคนมีข้อดีข้อเสียของตัวเอง เราไม่ควรรู้สึกด้อยเพราะเราต่างก็มีนิสัยแย่เป็นของเราเอง แต่เราต้องพัฒนาตัวเองและทำให้ข้อเสียของเธอค่อยๆ ลดลง มันยากที่จะฝืนแต่มันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับตัวเราเอง เธอถึงได้ที่1ในทุกวิชาและเชี่ยวชาญการใช้อาวุธทุกประเภท
ส่วนรายละเอียดนอกจากนั้นก็จะเป็นเจ้าหน้าที่ที่จะไปในครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ประจำและพวกเธออีกเป็นรวม200นาย กลุ่มพวกเธอเป็นกลุ่มที่ต้องอพยพคนขึ้นเครื่องบินและพยายามดูแลกลุ่มคนให้ปลอดภัยที่สุดส่วนเจ้าหน้าที่ประจำจะเป็นคนรับมือกับพวกซอมบี้เอง เธอแค่ต้องอพยพคนให้ได้และกลับมายังฐานแค่นั้นสินะ พออ่านเเล้วง่ายดีแฮะ แต่เมื่อเธอรู้ว่าที่ที่เธอกำลังจะไปอยู่นั้นมีซอมบี้อัพเกรดอีก
"ชีวิตมีอะไรให้น่าตื่นเต้นเยอะจังแฮะ" เธอบ่นให้กับชีวิตของเธอ ตอนแรกเธอก็นึกว่าจะได้ไปที่ที่พอรับมือกับสถานการณ์ได้ เซอร์ไพรส์จริงๆ
โอเคตอนนี้เธอต้องวางตารางในเดือนนี้ก่อน จุดประสงค์หลักๆ คือต้องไปสู้กับเจ้าซอมบี้ที่อัพเกรดตัวนั้น ทั้งเล็บและความไวในการควบคุมมือที่ยาว ข้อมูลที่เธอได้รับมาจากแม่ก็มีไม่มากพอที่จะทำให้เธอพัฒนาตัวเองได้ตรงจุด
"ตื้ดดดด ตื้ดดด "
'เอ๋ โทรศัพท์หรอ' โทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะของเธอเกิดสั่นไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำเอาเธอตกใจเล็กน้อยเพราะโทรศัพท์เธอไม่เคยได้ใช้ตั้งแต่เข้าค่ายทหารมาจู่ๆ เกิดสั่นขึ้นมาเธอก็ตกใจเหมือนกัน
"ฮันโหลค่ะ"
"รินลูก แม่หาข้อมูลของซอมบี้ที่แม่เล่าให้ฟังเเล้วนะ"
"อ้าวแม่เหรอคะ รินตกใจหมด นึกว่าผบ.เรียก5555"
"แหม่ทำอะไรผิดไว้ล่ะถึงกลัวผบ.เรียกน่ะ"
"แฮะๆ เปล่าค่ะ กลัวไว้เฉยๆ เมื่อกี้แม่จะบอกอะไรรินนะคะ"
"อ๋อก็ซอมบี้ตัวนั้นได้พัฒนาโดยสมบูรณ์ในระยะที่4แล้ว ความสามารถของมันคล้ายๆ กับระยะที่3จ้ะ คือปีนป่ายได้แต่ระยะที่4นี้จะยืดได้แค่แขน แต่แขนของมันนั้นจะแขนแรงกว่าส่วนอื่นปืนยิงไม่เข้าแต่ถ้าหากเราอ้อมไปด้านหลังและสามารถไปตัวหัวของมันจากด้านหลังได้เราก็สามารถฆ่าซอมบี้ระยะที่4ได้สำเร็จ
แต่ต้องระวังมากตรงที่มันมีหูไวกว่าซอมบี้นิดหน่อยและการใช้แขนของมันสามารถไปในทิศทางไหนก็ได้และเร็วมากจนแม่ยังตกใจเลยล่ะ ลักษณะตัวของมันจะใหญ่ประมาณคิงคอง เนื้อตัวเป็นคนนี่แหละจ้ะแต่แขนจะห้อยยาวประมาณ1เมตรและสามารถยืดยาวได้ถึง6เมตร อันนี้ลูกต้องระวังหน่อยนะ และฐานที่กรุงเทพไม่ค่อยมีซอมบี้ระยะ1นะ ส่วนใหญ่มีระยะ2 มีระยะ3อยู่บ้างประปราย แต่ระดับ4แม่รู้ว่ามีเยอะไหมนะ"
"ได้ข้อมูลแค่นี้มารินดีใจเเล้วล่ะค่ะ แม่คะขอบคุณนะคะ" เธอน้ำตาคลอ
"ไม่เป็นไรจ้ะ สู้ๆ นะลูกมีอะไรบอกแม่ได้นะ"
"ขอบคุณนะคะแม่"
"จ้ะไม่เป็นไร แม่ต้องไปเเล้ว แค่นี้ก่อนนะลูก"
"ค่าบ๊ายบายค่ะแม่"
เธอกดวางโทรศัพท์และจ้องมองมันอยู่อย่างนั้น จู่ๆ น้ำตาเธอก็ไหล ตอนนี้ความรู้สึกผสมปนเปกันไปหมดกลัวว่าเธอจะตาย กลัวว่าจะทำให้คนรอบข้างเธอเสียใจ กลัวว่าที่ผ่านมาจะฝึกได้ไม่มากพอสำหรับสนามจริง เธอกลัวว่าถ้าหากไปจริงๆ เเล้วเกิดเหตุอะไรที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเธอจะทำยังไง เธอกลัวว่าถ้าเธอตายขึ้นมาจริงๆ เธอยังไม่ได้แม้แต่จะบอกลาพ่อแม่เธอด้วยซ้ำ ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งร้องไห้ออกมาหนักเข้าๆ
"ฮึก ฮึก ฮืออ ฮือออ "เสียงร้องของเธอดังก้องอยู่ในหัวอย่างนั่นจนเวลาผ่านมาสักพักเมื่อเธอร้องไห้เสร็จก็ต้องตั้งสติและให้กำลังใจตัวเองทันที
"เอาวะ!! ตายเป็นตาย แค่ไปอพยพประชาชนมันจะยากสักแค่ไหนกันเชียว! ฉันเก่งจะตาย แค่ระยะ4ยังไม่ได้ขี้เล็บฉันเล๊ย! "เธอพูดให้กำลังใจตัวเองเเล้วตบหน้าตัวเอง2-3ทีก่อนจะหยิบกระดาษขึ้นมาวางแผนการฝึกระยะ1เดือนต่อจากนี้
สิ่งที่เธอต้องเน้นมากๆ คือเรื่องของความเร็วและความแม่นยำในการปลิดชีพซอมบี้ ความอดทนของร่างกายรองลงมาและความแข็งแรง ผ่านไปสักพักเธอก็ได้ข้อสรุปของการฝึกเป็นที่เรียบร้อย แต่อาจจะหนักยิ่งขึ้นไปอีกซึ่งที่เธอทำเพราะเธอเองก็ยังไม่อยากตายในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
และอันนี้คือแพลนในเดือนนี้
3.30 น. วิ่งรอบค่าย
6.30น. ทำธุระส่วนตัว
7.00น. กินข้าว
8.00น. ฝึกความแม่นยำ
12.00น. กินข้าว
13.00น. ฝึกความเร็วในการทำงานของร่างกาย
16.00น.วิ่งรอบโกดัง
17.00น. กินข้าว
18.00น. ฝึกอุปกรณ์ต่างๆ
22.00น. วิ่งรอบค่าย
23.30น. อาบน้ำ
00.00น. นอน
 
 
จะกระอักเลือดไหมเนี่ยรอบนี้ แต่ก็นะเอาไงเอากัน ตายเป็นตายเว้ย!
หลังจากให้กำลังใจตัวเองอยู่สักพักเธอก็แต่งตัวเริ่มฝึกกันตั้งแต่ตอนนี้ตอนนี้เวลาประมาณ13.37น.แล้วก็คงอยู่ในเวลาของการฝึกความเร็วการทำงานของร่างกายอยู่สินะ
"โอเคสู้โว้ย! "
เธอออกไปจากห้องและไปฝึกอยู่ที่โกดัง9-10 จากนี้เธอไม่รู้จะเป็นยังไงเธอเองก็ได้แต่ภาวนาขอให้เรื่องไวรัสนี้จบลงไปสักทีอยากให้ชีวิตเธอกลับมาเป็นปกติ เธออยากมีความสุขกับการเล่นโทรศัพท์เอื่อยๆ อยู่บนโซฟามากว่าที่เธอจะต้องระแวงเรื่องความปลอดภัยว่าตัวเองจะตายไหมถ้าเกิดเธออยู่ข้างนอกนั้น ทุกอย่างเลวร้ายลงเรื่อยๆ สุขภาพจิตของคนเกือบทั้งโลกก็แย่ลงเรื่อยๆ 1เดือนข้างหน้าคือการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง การได้ออกไปดูว่าโลกข้างนอกมันเป็นอย่างไรมันคงจะเหมาะสมสำหรับเธอแล้วจริงๆ
 
 
“ บ้าเอ้ยมันจะมากันหมดแล้ว รีบหนีสิวะ”
“แล้วหลานฉันล่ะ หลานฉันจะอยู่ยังไง”
“ก็ปล่อยตายอยู่ที่นี่แหละ เอาทรัพย์สมบัติมันมาแล้ว ตอนนี้ก็ปล่อยตายอยู่นี่แหละ มันไม่มีประโยชน์จะเอามันมาด้วยได้ยังไง อาหารก็เหลืออีกตั้ง1-2เดือน ก็ยื้อชีวิตไปนั่นแหละ”
“แต่…..”
“มันก็แค่มองไม่เห็น ไม่ได้ขาหักไหม”
“ก็พี่เองไม่ใช่เหรอที่เริ่มแผนนี้ พี่ก็ต้องรับผิดชอบสิ! ”
“แกเป็นคนคิดไหม แล้วฉันเป็นคนทำจู่ๆ จะมาโทษกันแบบนี้ไม่ได้นะ”
“......”
“เก็บของได้แล้ว อย่าเอาไปเยอะล่ะเดี๋ยวต้องปีนกำแพงอีก” สองสามีภรรยาที่กำลังรีบร้อนเมื่อเห็นซอมบี้จำนวน6-7ตัวกำลังพยายามปีนรั้วบ้านเข้ามา สามีของเธอกำลังเก็บของอยู่ในห้องนอน ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว แต่สามีก็กังวลว่าเจ้าศพเดินได้จะเข้ามายังประตูบ้านเธอได้ ยิ่งไปตอนดึกๆ เธอเกรงว่าจะอันตรายกว่าเดิม แต่สามีเธอกลับไม่ฟังและจะเก็บของไปอย่างเดียวเธอก็ได้แต่เก็บของตามไปด้วย
หลังจากที่พวกเธอเก็บของกันเสร็จแล้วก็เตรียมตัวออกทางประตูหลัง เธอล็อกประตูให้เสร็จเรียบร้อยกันว่าเจ้าพวกศพเดินได้พวกนั้นจะเข้ามาทำร้ายหลานของเธอ เธอรู้สึกดีใจนิดหน่อยที่เป็นคนดีรู้สึกห่วงใยหลานของเธอบ้างเพราะตลอดมาเธอแทบจะไม่สนใจใยดีอะไรกับหลานของเธอเลยเพราะเธอทุบสมบัติได้สำเร็จ จากนั้นเธอก็รู้สึกว่าหลานของเธอก็ไม่ได้มีประโยชน์กับเธออีกต่อไป จึงเลี้ยงแบบทิ้งๆ ขว้างๆ เลี้ยงให้รอดตายไปวันๆ แต่พอจะจากกันโดยไม่ได้ลาเธอก็รู้สึกห่วงเล็กน้อยแต่มันก็คงเป็นเพียงความรู้สึกที่เธอรู้สึกได้แปบเดียวเพราะมันก็ถูกอย่างที่สามีเธอว่า ไม่มีประโยชน์แล้วเอามาทำไมทิ้งให้ตายไปเลยดีกว่า หลังจากที่พวกเธอข้ามกำแพงออกมาเเล้วก็เดินเตร็ดเตร่อยู่บนถนนโดยที่ไม่รู้ว่าตอนกลางคืนนี่แหละคือโลกที่พวกมันสามารถวิ่งเเล่นได้อย่างโลดแล่น พวกมันจะได้ยินดีกว่าตอนกลางวันตามสัญชาตญาณของสัตว์ พวกเธอเดินจนมาหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งที่พวกเธอดูเเล้วน่าจะเป็นฐานให้เธอต่อไปได้สักพักแต่รู้สึกว่าดวงพวกเธอจะตกอับกันเพราะเหมือนสามีเธอดันไปเตะขวดแก้วกระเด็นไปถึงกลางถนน พวกเธอเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้าบ้านแต่คงไม่ทันเพราะมีซอมบี้ระยะ3ประมาณ3ตัวที่ตอนนี้กำลังปีนป่ายบ้านแต่ละหลังมาหาพวกเธอ
"กริ๊ดดดดดดด"
ซอมบี้ทั้ง3ตัวรีบเข้ามาหาอาหารเหมือนในชีวิตมันไม่เคยได้ลิ้มรสเนื้อมนุษย์เลย พวกมันทั้ง3ตัวกระโดดไปยังมนุษย์2คนที่กำลังวิ่งเข้าบ้านอย่างเหมาะเจาะ 2แรกเลือกผู้ชาย ส่วนตัวหลังเลือกผู้หญิง
"ม่ายยยย กริ๊ดดดดด "
"อ๊ากกกกกกก" ซอมบี้ค่อยดึงหัวมนุษย์ออกมาจนหลุดและกินเข้าไปอย่างเอร็ดอร่อย ร่างมนุษย์ที่ดิ้นเหมือนปลาพ้นน้ำได้สักพักก็นิ่งไป จากนั้นพวกมันก็ดึงแขนเเละขาออกมากิน ก่อนจะขวักใส้ที่เป็นส่วนที่พวกมันชอบที่สุดกินไป เป็นภาพอย่างน่าสยดสยองถ้าหากใครเข้ามาเห็นเข้า
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา