นรกบนดิน(yuri)
เขียนโดย themockingjay
วันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 13.54 น.
แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2563 14.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) เข็มกลัด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ5 เดือนผ่านไป
เธอกำลังชกกระสอบทรายอย่างตั้งใจที่โกดัง9 ตอนนี้เธอเข้ามาฝึกอยู่ที่หน่วยเดือนนี้ก็เข้าเดือนที่5แล้วอะไรหลายๆ อย่างก็ดำเนินมาอย่างปกติ และเธอเองก็พยายามฝึกซ้อมอย่างตั้งใจและอดทนมาตลอดจนทำให้เธอสอบบททดสอบได้คะแนนท็อปตลอดของรุ่น ไม่ใช่ว่าเธอเก่งมีพรสวรรค์อยู่แล้วถึงทำได้ แต่เธอพยายามฝึกทุกวันตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ เธอต้องกัดฟันตัวเองพยายามฝืนตัวเองให้ลุกจากที่นอนก่อนคนอื่นเพื่อจะลุกไปวิ่งก่อนที่จะเรียกรวมตอนตี5 ใช่มันรู้สึกแย่มากในช่วงแรกๆ เธอถึงขนาดวิ่งไปหลับไปเพราะง่วงมาก แต่เธอก็ยังวิ่ง เมื่อผบ.สั่งให้ทำอะไร เช่น ลุงนั่ง100 เธอจะทำ200 วิ่งรอบโลกดัง10รอบ เธอจะวิ่ง20รอบ สั่งให้ชกลม250 เธอจะทำ500 เธอทำแบบนี้มาเรื่อยๆ โดยที่เธอไม่มีวันไหนไม่ทำ หากสมมติว่าเธอให้โอกาสตัวเองว่าขอพักสักวันหนึ่ง และเดี๋ยววันต่อไปก็มีเรื่อยๆ เธอไม่อยากให้โอกาสความขี้เกียจเข้ามาในความพยายามตั้งใจของเธอมากเกินไป เพราะความจริงมันน่ากลัวกว่าที่เธอคิดไว้เมื่อเธอเรียนรู้เชื้อไวรัสข้างนอกขึ้นเรื่อยๆ มันยิ่งทำให้เธอต้องฝึกมากขึ้นเรื่อยๆ คนที่ยังเหลือรอดอยู่ข้างนอกคงจะเริ่มชินกับนรกบนดินดีๆ นี่เอง เธอไม่อยากจะคิดสภาพจิตใจของคนข้างนอกจะเป็นยังไง ส่วนการสอนก็เหมือนวันแรกที่เธอเข้าเพียงแต่เปลี่ยนวิชาในการสอนบ้างอะไรบ้างให้มีความหลากหลายให้เจ้าหน้าที่ฝึกหัดเพราะไม่งั้นจะเฉาตายกันหมดซะก่อน
"รินแกทำครบแล้วไม่ใช่เหรอ พักบ้างก็ได้ " เกวที่พึ่งยกดัมเบลหันมาบอกเธอด้วยความเป็นห่วง เพื่อนที่เจอตอนโดดร่มบนเครื่องบิน พอดีเกวมีปัญหาชักร่มแล้วร่มติด เธอที่อยู่บนเครื่องบินเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีเลยกระโดดลงไปช่วย ถ้าหากเธอไม่กระโดดลงไปช่วยละก็เธอเองก็ไม่อยากจะคิดเหมือนกัน
"แกก็รู้ว่ารินมันขยันจะตาย ปล่อยให้มันทำไปเหอะ รินมันไม่เป็นอะไรหรอก เก่งกว่าพวกเราตั้งเยอะ" บอลที่กำลังยกเวทอยู่บอกเพื่อน เป็นเพื่อนตอนที่ฝึกว่ายน้ำแล้วเท้าเป็นตะคริวเธอเลยกระโดดไปช่วยจนได้มาเป็นเพื่อนกันนั่นแหละ
"บ้าหน่าฉันแค่ตั้งใจทำ พวกแกก็ขยันๆ ฝึกหน่อย ไม่ใช่หลับอย่างเดียวเลย" เธอปรามเพื่อน
"5555ใจเย็นๆ ทุกคนฉันเอาน้ำมาให้แล้ว" ชินและกันที่เดินออกไปหาเครื่องดื่มที่เจ้าหน้าที่แจกไว้หน้าโกดังมาให้พวกเธอ ชินเป็นเพื่อนกับกันตั้งแต่เข้าหน่วยรบมาด้วยกันเลยพามารู้จัก จากนั้นก็เป็นเพื่อนกันมาโดยปริยาย
"มาแล้วหรอคู่จิ้นแห่งหน่วยรบพิเศษอินทรี " แพรวเอ่ยแซวที่กำลังแพลงหน้าท้องอยู่ซึ่งตอนนี้ก็3นาทีแล้ว
"คู่จิ้นอะไร แฟนกันต่างหากเนอะ "บอลสมทบ
"หยุดได้แล้วน่า ไม่งั้นฉันจะเอาน้ำไปวางไว้ที่เดิมนะ" ชินพูดท่าทางเขินๆ
"เตรียมรับนะ เดี๋ยวฉันจะโยนไปให้" กันโยนเครื่องดื่มไปให้แต่ละคนอย่างแม่นยำ
"แต้งกิ้วมาก" เธอเอ่ยขอบคุณ
"อ่าห์ สดชื่นชุ่มช่ำไปทั้งหัวใจ" บอลพูดพร้อมกับกางแขนเหมือนรับลมในช่วงเช้า
"เวอร์เกินไปอะแก" เกวมองดูด้วยความสุดจะทน
และพวกเธอทั้ง6คนก็หัวเราะกันสนุกสนาน นี่สินะคือความสุข เธออยากรู้จังว่าความสุขจะอยู่กับเธอไปถึงเมื่อไหร่ หลังจากที่คุยสนุกสนานเฮฮากันไปแล้ว ผบ.ก็เรียกรวมกลุ่มก่อนเวลาเพราะมีเรื่องที่จะแจ้งให้ฟัง
"เอาล่ะเราครบแล้วใช่ไหม วันนี้ฉันจะมาแจ้งให้ทุกคนทราบให้เท่ากันว่าวันนี้จะมีรับเข็มกลัดกัน จากที่เราประเมินกันในช่วง5เดือนนี้ คนที่สอบผ่านทุกครั้ง และมาตรงเวลาตลอด มีวินัย และอีกหลายเกณฑ์ที่เราได้ทำการคัดสรรมาเรียบร้อยแล้ว และผู้ที่มีหมายเลขดังต่อไปนี้คือผู้ที่ได้รับเลือกและผ่านคุณสมบัติทั้งหมด"
"เฮ้ยไม่บอกไม่กล่าวเลยนะท่าน " แพรวกล่าว
"นั้นดิ ตื่นเต้นชะมัด" เธอกล่าวอย่างเสียวๆ จะว่าดีใจไหมถ้าเกิดได้ เธอก็คงดีใจล่ะนะ แต่มันหมายถึงหากใครรับเข็มกลัดนี้แล้วแสดงว่าคุณพร้อมที่จะออกนอกกำแพงนี้แล้วและจะโดนเรียกตัวเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่เธอเข้ามาเพื่อการนี้เธอจะต้องพร้อมเสมอ จะกลัวไม่ได้เป็นอันขาด
"แกฉันกลัวมีรายชื่ออะ"
"นั้นดิฉันยังไม่พร้อมเลย"
"ทำไมถึงประกาศเร็วแบบนี้ล่ะ "
"หรือว่าเจ้าหน้าที่เสียชีวิตกันหมดแล้วเหรอ"
"ฉันกลัวว"
"กรุณาเงียบด้วยครับ ต่อจากนี้จะเป็นหมายเลขที่ผ่านการคัดเลือกและได้รับเข็มกลัด หากคุณได้รับเข็มกลัดแล้วคุณจะกลายเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษอินทรีอย่างเต็มตัว และฉันมีข่าวมาแจ้งให้ทราบว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่เราในตัวเมืองกรุงเทพได้เสียชีวิตกันค่อนข้างเยอะแล้ว ทางเราจึงจำเป็นที่จะต้องคัดเลือกเจ้าหน้าที่อย่างเร่งด่วนเพื่อไปประจำการช่วยเหลืออพยพประชาชน ดังนั้นเจ้าหน้าที่ที่มีหมายเลขดังต่อไปนี้เมื่อแยกแถวแล้วให้อยู่พบฉันก่อน ทราบไม่ทราบ"
"........"
"ฉันถามว่าทราบไม่ทราบ!! " ตัวผบ.เองก็คงเข้าใจและเขาเองก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้เพราะคนที่ต้องออกมายืนรับเข็มกลัดคือคนที่ต้องเสี่ยงออกไปข้างนอกและจะมีชีวิตกลับมาไหมเขานั้นก็ไม่ทราบเช่นกัน
"ทราบ!! " เธอมองดูแต่ละคนในแถวแล้วรู้สึกว่าคนที่ออกไปนั้นเหมือนไปตายมากกว่าไปช่วยเหลือ ซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่ที่ฝึกอยู่มีจำนวนลดลงเรื่อยๆ และรุ่นของเธอจากพันกว่าตอนนี้เหลือเพียงแปดร้อยกว่าคน เธอหวังว่าจากการประกาศต่อจากนี้แล้วจะไม่ทำให้จำนวนเจ้าหน้าที่ฝึกหัดลดน้อยลงไปด้วยนะ
"เอาล่ะต่อจากนี้ฉันจะประกาศหมายเลขเจ้าหน้าที่ที่มีสิทธ์รับเข็มกลัด 8265 2649 4865 4863 9546 7618 2946 4985 1568 4899 2290 4864 7932 9462 8422 1111 9978 8888 3636 5252 4613 และนี่คือหมายเลขที่มีสิทธ์รับเข็มกลัด กรุณาออกมาด้วยครับ"
"ฉ...ฉันไม่อยากออกเลยอะ"
"ฉันก็เหมือนกัน"
"บ้าเอ้ย แล้วพ่อแม่ฉันล่ะ" เสียงบ่นพึมพำๆ เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จนเสียงเงียบลงอย่างกะทันหันเพราะมีคนหนึ่งยืนขึ้นมาและออกไปรับเข็มกลัดเป็นคนแรก
"ริน! " แพรวปิดปากมีหมายเลขเพื่อนเธอด้วยเหรอเนี่ย ถึงเธอจะคิดไว้อยู่แล้วว่ารินติดเพราะทั้งความมีวินัย การตรงเวลา และยังฝึกล่วงเวลาอีก ทำให้เธอไม่แปลกใจเท่าไหร่แต่แค่ติดเข็มได้ไหมไม่ออกไปนอกกำแพงได้ไหม เธอกลัวกลัวมากถ้าหากเพื่อนเธอไม่รอดกลับมาเธอจะทำยังไง เธอจะเสียเพื่อนอีกคนไปไม่ได้
"แล้วหมายเลขอื่นหายไปไหนหมด" เมื่อรินออกมายืนข้างหน้าทำให้คนที่เหลือต่างก็ทยอยออกมาจนครบ
"นี่คือผู้ที่ได้รับเลือก ต่อไปนี้คือพิธีมอบเข็มกลัด" พิธีมอบเข็มกลัดต่างดำเนินไปด้วยความขมขื่น กลุ่มคนที่นั่งอยู่ต่างก็รู้สึกสงสารคนที่จะได้ไปออกรบเร็วๆ นี้และดีใจที่ที่ตัวเองไม่ใช่หนึ่งในนั้น
"เอาล่ะ แยกย้ายได้"
"ตึง" เสียงตบกางเกงจากนั้นเจ้าหน้าที่ฝึกหัดต่างก็แยกย้ายกันไปจัดการธุระส่วนตัวเพราะเหลือเวลาอีก15นาทีจะกินข้าว เหลือไว้แต่เจ้าหน้าที่ที่พึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เต็มตัวเมื่อกี้มามาดๆ
"เอาล่ะ พวกคุณมารวมตัวกันตรงนี้" ผบ.ลดเสียงและเรียกให้ไปเข้าแถวตรงหน้าหน้ากระดานตรงหน้าผบ.
"ผมดีใจนะที่พวกคุณพัฒนาตัวเองได้ขนาดนี้ในระยะเวลา5เดือน แต่ผมต้องบอกข่าวร้ายให้พวกคุณทราบว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่ที่ผมส่งไปอีก500นายเหลือแค่326นาย ข่าวดีคือเรายังยื้อไว้ได้อีกสักพักสักประมาณ1เดือน หลังจากนี้ผมจะให้พวกคุณฟรีสไตล์ คุณอยากทำอะไรคุณก็ทำไปแต่อย่าปล่อยให้ฝีมือที่ดีอยู่แล้วตกลงไปล่ะ เพราะเมื่อถึงเวลาที่คุณต้องออกรบนั้นคือชีวิตคุณแขวนอยู่บนเส้นได้ไว้แล้ว คุณจะรอดไหมนั้นขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณร่ำเรียนมาทั้งหมดใน5เดือนนี้ผมจะให้คุณมีสิทธิ์ในการเข้าถึงอุปกรณ์ทุกชนิดในค่ายทหารแห่งนี้ และนี่คือเอกสารข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมมาทั้งหมดตอนประจำอยู่ที่กรุงเทพ "เจ้าหน้าที่ที่ยืนข้างๆ ผบ.แจกเอกสารชิ้นสำคัญให้กับพวกเธอ เอกสารหนาอยู่12หน้า พาดหัวข้อว่า ข้อมูลทั้งหมดประจำกรุงเทพมหานคร 2***
"เอกสารนี้ฉันอยากให้พวกคุณศึกษาให้ได้มากที่สุด หลังจากนี้อีก1เดือนแล้วเราค่อยพบกันอีกครั้ง ทราบไม่ทราบ"
"ทราบ!! "
"แยกย้ายได้! "
หลังจากนั้นเธอก็แยกตัวมายังกลุ่มกินข้าวของตัวเองเพราะได้เวลากินข้าวพอดี เธอที่เดินมาเลือกดูข้าวจนได้เมนูเดิมๆกลับมายังเก้าอี้ที่กลุ่มเธอนั่งเป็นประจำ
นี่แหละคือชีวิตจริง นี่แหละคือสิ่งที่เธอต้องเปิดตาดู เธอคิดไว้1เดือนเธอจะต้องพัฒนาตัวเองให้ได้มากที่สุด เพื่อพร้อมรับกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดข้างนอกกำแพงนั้น เธอจะฝึกทุกอย่างเพิ่มเป็น2เท่า ทั้งหมดที่เธอฝึกมา เธอจะต้องรอด เธอจะต้องช่วยอพยพผู้คนที่ติดอยู่ข้างนอกนั้นให้ได้
"รินมานั่งอะไรคนเดียวอยู่ตรงนี้ลูก" เเม่เธอเดินเข้ามาทักเมื่อถึงเวลากินข้าวของพนักงานเเล้ว
"รินนั่งรอแพรวกับอาจารย์อยู่ค่ะ งานช่วงนี้เป็นยังไงบ้างคะ" เธอถามแม่ที่มานั่งข้างๆ เธอ
"ช่วงนี้ก็แย่หน่อยน่ะลูก มีไวรัสสามารถพัฒนาตัวเองไปอีกขั้นแล้ว แต่เรายังไม่รู้ความสามารถของมันเท่าที่ควรเลยยังพูดอะไรไม่ได้น่ะ "
"จริงเหรอคะแม่ แม่พอจะเล่าให้รินฟังได้ไหมคะ นิดนึงนะคะแม่" เธอทำเสียงออดอ้อนแม่อย่างเต็มกำลัง เธอต้องรู้ให้มากที่สุดจะได้ปรับตัวกับไวรัสตัวนี้ได้เผื่อเธอเจออะนะ
"เดี๋ยวเรื่องนี้แม่จะชี้แจงให้กับคนที่ไปทีหลัง อย่าบอกใครนะเรื่องนี้ "
"สัญญาค่ะ"
"ก็เรื่องมันมีอยู่ว่า มีเจ้าหน้าที่4นายเดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งห่างจากฐานประมาณ15กิโลฯ ที่เจ้าหน้าที่ต้องไปเพราะว่ามีผู้อพยพคนหนึ่งไม่สบายและยาก็เหลืออีกไม่มากเจ้าหน้าที่เลยจำเป็นจะต้องออกไปหาและกักตุนยาเอาไว้"
"ทำไมถึงไปแค่4คนล่ะคะแม่"
"เราจะเสียเจ้าหน้าที่มากไม่ได้น่ะจ้ะ ที่ออกไปก็คงตัดสินใจดีแล้ว ส่วนมากที่ออกไปจะไม่ค่อยรอดกลับมาหรอกจ้ะ" แม่ทำหน้าเจื่อนลงเธอเองก็เจื่อนตาม
"รู้เรื่องเลยค่ะ"
"ก็นั่นแหละจ้ะ ที่แม่รู้ข้อมูลมาได้เพราะมีเจ้าหน้าที่1ใน4คนได้ทำการถ่ายทอดสดคนดูอยู่ประมาณหมื่นกว่าซึ่งส่วนมากก็เป็นเจ้าหน้าที่ที่ดูกันแหละจ้ะแม่ก็ดูอยู่ด้วย เจ้าหน้าที่เขาบอกว่าเขาอยากถ่ายทอดในสิ่งในเขาเจอว่าจะรอดกลับไปไหม และถ้าหากเจอข้อมูลอะไรดีๆ จะไปเป็นประโยชน์แก่คนดูด้วย
แม่นับถือเขาจริงๆ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทั้ง4คนก็เดินเข้าห้างสรรพสินค้า เขาเดินมาเรื่อยๆ ก็อดสังเกตไม่ได้ว่าที่แห่งนี้ไม่มีซอมบี้เลยสักตัว ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เจ้าหน้าที่ก็เดินสำรวจและพยายามกักตุนสิ่งของจำเป็นให้ได้มากที่สุด พอเจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวยาที่ต้องการเเล้วกำลังออกจากห้างสรรพสินค้าแต่ก็มีเสียงกนึ่งเหมือนเสียงที่กำลังกินเนื้อสดๆ อยู่ เจ้าหน้าที่ก็เลยเดินไปยังต้นตอของเสียง
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงเเล้วเห็นภาพที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นคือมีซอมบี้ตัวหนึ่งกำลังกินพวกเดียวกันเองทำให้เจ้าหน้าที่ตกตะลึงกันซึ่งรวมคนดูด้วยแน่ๆ แต่บังเอิญเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเขาบังเอิญเอาขาไปเตะเข้ากับกระป๋องน้ำทำให้เจ้าซอมบี้ตัวนั้นหันมาทางพวกเขาทันที
พวกเขาเลยเตรียมยิงแต่ที่ตกใจไปกว่านั้นคือซอมบี้ตัวนั้นกลับแค่หันตัวมาและยืนอยู่เฉยๆ จากนั้นก็ชูมือขึ้น เจ้าได้แต่งงกับการกระทำของมันแต่พอมันชูมือขึ้นเเล้วกลายเป็นว่าเล็บของมันค่อยโผล่ออกมาจากเนื้อที่มือ
จากนั้นนิ้วมือของซอมบี้ตัวนั้นก็กลายเป็นกรงเล็บที่แหลมคมทั้งหมดทั้งสองข้างและแขนยาวขึ้นเรื่อยๆ และพุ่งตรงมายังเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็ยิงแขนของซอมบี้ตัวนั้นแต่ไม่สามารถยิงเข้าได้ แขนที่สองข้างเลยพุ่งตรงไปยังเจ้าหน้าที่สองคนแรกและเฉือนเนื้อออกเป็นชิ้นๆ และไม่นานเจ้าหน้าที่อีกสองคนก็โดนเหมือนกัน ทำให้ภาพนี้เป็นภาพที่สยดสยองและหดหู่มาก ยิ่งทำให้กำลังใจของเจ้าหน้าที่แต่ละคนลดลงอย่างมากเลย" เธอปิดปากไม่คิดว่ามันจะพัฒนาได้เร็วขนาดนี้ ความสามารถของมันน่ากลัวจริงๆ
"เท่าที่เรารู้มาก็มีแค่นี้แหละจ้ะ ความสามารถของมันเรารู้แค่แขนที่ยืดออกมายิงเข้าไม่ได้และมันยังมีกรงเล็บที่แหลมขนาดตัดคนได้เป็นชิ้นเพียงแค่ฟันเพียงครั้งเดียว ตอนนี้เราไม่รู้ว่ามันยังมีอีกเยอะไหมและยังสามารถพัฒนาไปได้อีกรึเปล่า "
"......"
"นี่แหละความเป็นจริงที่ลูกต้องพบเจอ มันโหดร้ายมากกว่าที่คิดนะ"
"แม่คะแล้วที่เกิดเหตุมาจากที่ไหนเหรอคะ"
"กรุงเทพฯ จ้ะ กรุงเทพฯ นี่เรียกได้ว่าเป็นศูนย์รวมของระยะ2และ3 เป็นแหล่งที่โหดที่สุดของประเทศเราแล้ว คนของเราเสียชีวิตที่นั่นค่อนข้างเยอะเชียวล่ะ "
"แม่คะ...คือรินมีอะไรจะสารภาพค่ะ"
'บ้าเอ้ย พูดออกมาสิ จะจุกอยู่ที่คอไม่ได้นะ!! '
"คือ..คือว่า...รินได้รับเข็มกลัดค่ะแม่" เธอหน้าเจื่อนลงไปทันทีที่พูดน้ำตาเริ่มซึมออกมา
"เอ๋ จริงเหรอลูก ทำไมทำหน้าเศร้าแบบนั้นล่ะ เรื่องแบบนี้ควรดีใจออก" แม่เธอยิ้มอย่างดีใจ
"คือคนที่ได้รับเข็มกลัดจะต้องบินในเดือนหน้าและไปประจำฐานให้เร็วที่สุดค่ะ เพราะแบบนั้นรินจะได้บินเดือนหน้าค่ะแม่"
"ไม่จริงน่า! " แม่เธอเริ่มใจไม่ดีกับคำพูดของลูกเธอ
"และที่ที่รินต้องไปประจำคือกรุงเทพฯ ค่ะแม่" บ้าเอ้ยเธอรู้สึกผิดจริงไปที่บอกแม่เธอทันที ตอนแรกกะว่าค่อยบอกเพราะเธอต้องทำใจก่อนกลัวแม่เธอร้องไห้เเล้วเดี๋ยวเธอจะร้องไห้ตามและก็เป็นไปอย่างที่เธอคิดแม่เธอร้องไห้ออกมาแต่เธอจะร้องไม่ได้ อย่างน้อยเธอต้องสร้างความเชื่อมั่นให้แม่เธอก่อน
"แม่คะ รินสอบได้ที่1ตลอดนะคะแม่ รินรอดอยู่เเล้วค่ะ" เธอยิ้มๆ
"รินแต่นี่มันต่างกันนะ มันไม่ใช่ฐานที่เขาฝึกกันโดยไม่เอาชีวิตกันนะลูก! "
"มันเป็นสิ่งที่รินเลือกเเล้วค่ะแม่ รินเต็มใจที่จะไปอยู่แล้วรินถึงได้เข้ามาในหน่วยนี้ยังไงล่ะคะ"
"แต่…"
"นี่คือสิ่งที่รินต้องเผชิญในอนาคตอยู่ดีค่ะ แล้วอีกอย่างรินก็เชื่อฝีมือของรินในระดับหนึ่งนะคะแม่ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ"
"มันคงถึงเวลาจริงๆ สินะ ฮึกๆ "
"รินรอดกลับมาแน่นอนค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ ถ้ารินรอดกลับมาแล้วอย่าลืมทำซุปขาไก่ให้รินกินด้วยนะคะแม่"
"โถ่ลูกคนนี้หนิ ห่วงแต่กินจริงๆ เลย"แม่เช็ดน้ำตาก่อนจะตีไปที่ไหล่ของเธอเบาๆ โทษฐานห่วงแก่กินเกินไป
"55555สัญญานะคะแม่" เธอทำหน้าจริงจัง
"กลับมาให้ได้นะลูก"
"รินจะไม่ลืมซุปขาไก่แน่นอนค่ะ" เธอยิ้มกับแม่และอยากซึมซับความรู้สึกนี้ไว้
"ตื้ดด ตื้ดดดดด"
"แม่คะโทรศัพท์ค่ะ"
"จริงด้วย หัวหน้าตามแล้ว แม่ต้องไปแล้ว"
"ฝาดลอกพ่อด้วยนะคะแม่ว่ารินจะไปรับใช้ประชาชนเดือนหน้า แม่ก็อย่าลืมกินข้าวด้วยนะคะ"
"ได้จ้าเดี๋ยวแม่บอกพ่อให้ว่าที่นายกตัวเล็กของแม่"แม่เธอหยิกแก้มเธอเบาๆ ก่อนจะโบกมือลาและไปซื้อกับข้าวและอาจรวดไปหาหัวหน้าที่สำนักงานเลย
หลังจากแม่เธอเดินจากไปเธอก็มานั่งคิดอย่างจริงจังว่าข้อมูลที่เธอได้รับมานั้นเธอต้องฝึกยังไงให้สู้กับมันได้
'ชักรู้สึกเครียดขึ้นมาจริงๆ แล้ว'
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ