อคิราห์กับหัตถ์อสูรตาสมิง

-

เขียนโดย Jintanakorn

วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 20.13 น.

  1 ตอน
  36 วิจารณ์
  2,490 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 31 มีนาคม พ.ศ. 2563 21.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) มฤตยูเขียว part 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
"จั๊กจั่น...! จั๊กจั่น...! ยายจั๊กจั่น !" เสียงเรียกที่ลงท้ายว่ายายจั๊กจั่นทำให้สาวลาววัยยี่สิบต้นๆถึงกับสะดุ้งและเงยหน้าขึ้นจากการเช็ดเฟอร์นิเจอร์ในห้องข้างที่อยู่ติดกับห้องรับแขกทันที
"นี่แกเป็นอะไรเหรอยายจั๊กจั่น ฉันเรียกแกอยู่ตั้งหลายคำนะ กว่าแกจะรู้ตัวน่ะ" หญิงร่างท้วมที่ยืนเท้าสะเอวมองเธอจากด้านหลังทำตาเขียวเป็นเชิงตำหนิ
"ขะ... ขอโทษค่ะคุณหัวหน้า" สาวลาวเจ้าของชื่อจั๊กจั่นมีสีหน้าสำนึกผิดขณะยืนสำรวมต่อหน้าหญิงร่างท้วมที่เธอเรียกว่าคุณหัวหน้า
"ปกติแกก็ไม่เคยเป็นอย่างนี้นะ ฉันเรียกแกทีไรก็เห็นแกได้ยินทุกที แกเป็นอะไรไปล่ะ ไม่สบายหรือเปล่า หรือว่ามัวแต่ใจลอยคิดถึงผู้ชายอยู่ ?"
"ไม่... ไม่ใช่นะคะคุณหัวหน้า..." จั๊กจั่นรีบยกไม้ยกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน "คือหนู... หนู..." สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถพูดอะไรเพื่อแก้ตัวให้กับตัวเองได้
หญิงร่างท้วมส่ายหัวไปมาทันที "ตะกุกตะกักติดอ่างแบบนี้ แสดงว่าใช่แน่ๆ นี่ ฉันจะบอกแกให้ ว่าแกน่ะเพิ่งมาทำงานอยู่ที่นี่ได้ไม่ถึงปี จะคบค้าใครที่อยู่นอกคฤหาสน์นี่ก็ให้ระวังๆหน่อย ฉันน่ะอยู่ที่นี่มาก่อนแกนานมาก ตื้นลึกหนาบางของคนที่อยู่รอบๆแถวนี้ฉันก็รู้อยู่ไม่น้อย ไอ้ไม้คนที่ขับมอเตอร์ไซด์รับจ้างอยู่หน้าปากซอยนั่นใช่ไหมที่แกกำลังคิดถึงมัน ฉันจะบอกให้นะ ว่าพี่ชายของมันที่ขับมอเตอร์ไซด์อยู่ในวินเดียวกันน่ะ นิสัยไม่ค่อยดีเท่าไร ไอ้น้องชายของมันก็คงไม่ดีพอๆกันนั่นแหล่ะฉันว่านะ"
"โธ่คุณหัวหน้า..." จั๊กจั่นทำหน้าเหมือนจะร้องให้ "มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะคะ แต่มัน.. คือ... เอ่อคือ..."
แล้วคำต่อไปก็ไม่สามารถหลุดออกมาจากปากของเธอได้อีกครั้ง พราะสิ่งที่เธอกำลังจะบอกให้คุณหัวหน้าของเธอฟังนั้น มันคงจะฟังดูประหลาดจนน่าเหลือเชื่อ และเธอก็ไม่แน่ใจว่าควรจะเล่าให้หัวหน้าของเธอฟังหรือเปล่า ดีไม่ดีก็จะถูกตำหนิ หรืออาจจะโดนไล่ออกจากงานเอาง่ายๆเลยก็ได้
เฮ้อ... เรื่องที่เธอกำลังถูกหัวหน้าตักเตือนนี้ มันช่างไม่เกี่ยวกับอาการเหมือนคนใจลอยอย่างที่หัวหน้าของเธอว่าแม้แต่น้อย
"เอาล่ะ พอเถอะ...! ฉันบอกแล้วว่ายิ่งปฏิเสธก็ยิ่งแปลว่าใช่" หัวหน้าของเธอตัดบทและทำหน้าดุขึ้นมาเล็กน้อย
"ตอนนี้ก็บ่ายสองโมงแล้ว อีกราวชั่วโมงนึงเตรียมตัวไปตลาดสดกับฉันได้ วันนี้ยายนวลไม่ว่าง เพราะคุณท่านสั่งให้คอยปรนนิบัติรับใช้ในห้องรับแขกอยู่ เพราะงั้นแกต้องไปกับฉันแทนยายนวลนะยายจั๊กจั่น !"
เมื่อหญิงร่างท่วมสั่งจั๊กจั่นแบบนี้แล้ว ก็สะบัดหน้าพาร่างท้วมๆของตัวเองเดินจากไปโดยไม่สนใจใยดีกับเรื่องอะไรของเธออีกแม้แต่น้อย
จั๊กจั่นยืนอึ้งอยู่ชั่วครู่ พลางหวนนึกถึงเรื่องที่ทำให้เธอเสียสมาธิจนเหมือนคนใจลอย
แล้วทันใดเธอก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ จึงค่อยๆย่องเดินเข้าไปจนชิดบานประตูของห้องด้านหนึ่งที่สามารถจะเปิดเข้าไปสู่ห้องรับแขกแบบวีไอพีที่อยู่บนชั้นสองของตัวบ้านได้ และประตูนี้ก็กลับได้เปิดแง้มไว้อยู่เล็กน้อยแล้ว จึงทำให้เธอสามารถที่จะแอบดูเหตุการณ์ผ่านช่องที่เปิดแง้มนี้ได้อย่างเนียนๆ
ขณะนี้ภายในห้องรับแขกแบบวีไอพีได้มีแขกพิเศษที่เป็นหญิงสาวในชุดสีดำคนหนึ่งกำลัวนั่งสนทนากับท่านเจ้าคุณเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ โดยมีหญิงรับใช้ที่ชื่อนวลกำลังยืนอยู่ตรงมุมห้องไกลๆเพื่อรอปรนนิบัติรับใช้
เหตุการณ์ภายในห้องรับแขกดูเป็นปกติดี แต่ก่อนหน้านี้ใครเล่าจะรู้บ้างว่า ภายในห้องนั้นได้มีสิ่งผิดปกติ หรือสิ่งประหลาดอันทำให้เธอแทบเผ่นหนีออกไปจากที่นี่ซะแล้ว
และนั่นก็เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดพันลึก จนเธออยากจะเล่าให้หัวหน้าของเธอฟัง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถเล่าออกไปได้
แล้วเธอก็พยายามย้อนนึกถึงเหตุการณ์ ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อราวครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาอีกครั้ง....
 
ในตอนนั้น ขณะที่จั๊กจั่นกำลังไล่เช็ดไล่ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์อยู่ในห้องด้านนี้อยู่เพลินๆ นวลที่เป็นหนึ่งในพนักงานแม่บ้านหรือคนรับใช้ในคฤหาสน์หลังนี้ก็เข้ามาบอกเธอว่า มีแขกของเจ้าของบ้านคนหนึ่งกำลังนั่งรอท่านเจ้าคุณอยู่ที่ห้องรับแขกแบวีไอพีที่อยู่ติดกับห้องด้านนี้
นวลบอกว่า เธอเพิ่งเอาน้ำไปเสิร์ฟให้แขกพิเศษนี้ และกำลังจะไปทำงานอย่างอื่น ขณะที่แขกซึ่งเป็นหญิงสาวคนนั้นจะต้องนั่งรอท่านเจ้าคุณซึ่งกำลังเดินทางกลับมาบ้าน หลังจากที่ท่านได้ออกไปทำธุระนอกบ้านตั้งแต่ตอนเช้า โดยได้นัดหมายกับแขกผู้นี้ไว้ในตอนบ่ายโมงครึ่ง
นวลมีความสนใจในแขกคนพิเศษที่ท่านเจ้าคุณได้นัดหมายไว้ล่วงหน้านี้เป็นอย่างมาก เธอเล่าให้ฟังว่า เกิดมาเธอยังไม่เคยเห็นใครที่ดูสวยอย่างประหลาดๆแบบนี้มาก่อนเลย เธอบอกว่า เมื่อเธอได้เอาน้ำไปเสร์ฟเธอก็สังเกตุว่า หญิงสาวคนนี้มีผิวพรรณที่ขาวผ่องเป็นอย่างมาก แต่เป็นผิวขาวที่บอกได้ยากว่าเป็นขาวแบบชาวเอเชียหรือฝรั่ง แล้วนวลก็บอกว่าบางทีแขกคนนี้อาจจะเป็นลูกครึ่ง แต่ว่าลักษณะใบหน้าของเธอก็ดูคล้ายกับคนเอเชียทั่วไป ทว่าสิ่งที่แปลกประหลาดที่นวลอดจะเอามาเล่าไม่ได้เลยก็คือ
ในดวงตาของหญิงสาวผู้เป็นแขกคนพิเศษนี้กลับมีสีเหลืองเรื่อเรืองราวกับก้อนอำพันบริสุทธิแทนที่จะมีสีดำที่ในส่วนที่เป็นนัยตาเหมือนคนเอเชียทั่วไป และที่สะดุดตาอีกอย่างหนึ่งคือ หญิงสาวผู้นี้กลับสวมถุงมือสีเงินที่มีลายปักอันสวยงามอยู่ที่มือซ้ายเพียงข้างเดียว
จากคำเล่าของนวลก่อนที่จะรีบไปทำงานอื่นต่อ ทำให้จั๊กจั่นเกิดความสนใจในตัวแขกคนพิเศษนี้ขึ้นมาจนได้ และมีความรู้สึกว่า ถ้าได้ชมโฉมแขกคนนี้สักเพียงชั่วครู่ได้ก็คงจะดี แต่แล้วเธอก็หักห้ามใจไม่ไปนึกถึงแขกคนนี้และคอยเตือนสติตัวเองว่า เป็นขี้ข้าก็ควรเจียมตัวอยู่ในมุมของขี้ข้า อย่าได้ไปสอดรู้สอดเห็นเรื่องอะไรๆของผู้เป็นเจ้านายเลยจะดีกว่า
ทว่าครู่ต่อมา ขณะที่จั๊กจั่นกำลังเช็ดโน่นเช็ดนี่อยู่เพลินๆ หูของเธอก็แว่วเสียงอะไรบางอย่างที่ดังเบาๆมาจากทางห้องรับแขกนั้น
เธอพยามเงี่ยหูฟัง ก็รู้สึกได้ว่าเสียงนั้นเหมือนเสียงของคนที่กำลังคุยกันเบาๆ และบางทีเสียงเหล่านั้นก็ดังขึ้นกว่าเดิมราวกับว่าได้เกิดการโต้เถียงอะไรกันสักอย่างขึ้นมา
'เอ๊ะ... ในห้องนั้นมีแค่ผู้หญิงคนที่เป็นแขกของท่านเจ้าคุณนั่งรอท่านเจ้าคุณอยู่เพียงคนเดียวไม่ใช่เหรอ ?'
ในตอนนั้นเธอเองก็อดจะแปลกใจขึ้นมาไม่ได้ และสงสัยว่า ทำไมเสียงที่คุยกันเบาๆนั้นถึงดังมาถึงห้องนี้ และเสียงที่เธอได้ยินนั้น เธอก็สาสารถแยกแยะได้ว่า มีทั้งเสียงของผู้หญิงและผู้ชาย
และเมื่อเธอไล่สายตาไปที่ประตูที่สามารถจะเปิดไปสู่ห้องรับแขกได้แล้ว เธอก็เพิ่งพบว่า ประตูนั้นกลับปิดไม่สนิท และมีช่องที่ถูกเปิดแง้มไว้อยู่เล็กน้อย และนี่ก็เป็นสาเหตุว่า ทำไมเธอจึงได้ยินเสียงที่คุยกันเบาๆนั้นได้
ความสนใจใคร่รู้ ได้กลับเข้ามาหาจั๊กจั่นอีกครั้ง และเธอไม่สามารถควบคุมตัวเองไม่ให้แนบใบหน้าไปกับบานประตูเพื่อมองลอดไปทางช่องที่เปิดแง้มนั้นได้
จากมุมนี้ที่เธอมองไป เธอก็ได้เห็นหญิงสาวที่เป็นแขกคนพิเศษของท่านเจ้าคุณกำลังนั่งอยู่บนโซฟาหรูที่จัดตั้งไว้ในห้องรับแขกได้อย่างพอดี เพราะเก้าอี้โซฟานี้ได้หันด้านข้างมาทางประตูที่บังเอิญได้ถูกเปิดแง้มไว้ และนั่นก็ทำให้เธอสามารถที่จะสังเกตุเห็นบุคคลิกและท่าทางการเคลื่อนไหวของหญิงสาวคนนี้ได้อย่างค่อนข้างชัดเจน
และเมื่อมองสำรวจอย่างคร่าวๆแล้ว เธอก็เห็นว่า หญิงสาวผู้นี้มีบุคคลิกที่แปลกประหลาดสะดุดตาเหมือนอย่างที่นวลว่าจริงๆ เเละผิวพรรณที่นวลบรรยายว่าขาวเหมือนลูกครึ่งฝรั่งนั้นก็ช่างตัดกับชุดกระโปรงสั้นที่เป็นสีดำทั้งชุดดีเหลือเกิน แถมดวงตาที่เป็นสีอำพันนั้นเล่าก็ช่างสร้างความแตกต่างที่โดดเด่นให้กับหญิงสาวผู้นี้มากจริงๆ
แต่สิ่งที่นวลไม่ได้บรรยายไว้ก็คือ หญิงสาวผู้นี้ยังมีเรือนผมที่ดกดำเรียบลื่นเป็นเงางามเมื่อสะท้อนกับแสงโคมไฟระย้าในห้องก็ยิ่งทำให้น่ามองขึ้นไปอีก และที่เป็นจุดเด่นอีกอย่างที่นวลไม่ได้บอกก็คือ หญิงสาวผู้นี้ยังสวมแว่นกรอบเหลี่ยมสีดำอันเล็กๆครอบลงไปบนดวงตาคมๆที่เป็นสีอำพัน ก็เลยยิ่งทำให้ใบหน้านั้นดูเก๋ไก๋ขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
แต่ทว่า... สิ่งหนึ่งที่ทำให้จั๊กจั่นตกใจจนแทบลืมหายใจก็คือ
จากที่เธอคาดว่า จะได้เห็นแขกอีกคนหนึ่งที่เป็นคู่สนทนาของหญิงสาวผู้นี้ เธอก็กลับไม่เห็นมีใครคนอื่นนั่งอยู่ในห้องนี้เเม้แต่คนเดียว !
ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายอย่างที่เธอคาดไว้ มันก็ไม่มีใครเลยสักคนจริงๆ !
'อะไรกัน... แล้วเมื่อกี้ผู้หญิงคนนี้คุยกับใครกันล่ะ ก็เราได้ยินอย่างค่อนข้างชัด ว่ามีเสียงผู้ชายอยู่อีกคนนี่นา...?!'
ความคิดในใจของจั๊กจั่นเริ่มปั่นป่วนขึ้นมา แต่เธอก็ค่อนข้างมั่นใจว่า เสียงที่เธอได้ยินนั้น ไม่ใช่เพราะเธอหูฝาดไปแน่ๆ
และแล้ว จั๊กจั่นก็ไม่สามารถที่จะกลับไปทำงานเช็ดถูทำความสะอาดพวกเฟอร์นิเจอร์ได้อีกต่อไป เธอยังคงมองลอดออกไปเพื่อสังเกตุอากัปกิริยาของหญิงสาวผู้มีดวงตาเป็นสีอำพันด้วยใจระทึก
หากจะว่า หญิงสาวผู้เป็นแขกพิเศษนี้ ได้คุยโทรศัพท์กับใครคนอื่นก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเสียงผู้ชายที่เธอได้ยินนั้น มันฟังดูชัดเหมือนเสียงคนจริงๆมากกว่าเสียงโทรศัพท์ ยิ่งสังเกตุดีๆแล้ว ก็ไม่เห็นหญิงสาวผู้นี้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาใช้แต่อย่างใด เธอยิ่งคิดก็ยิ่งมึนงงกับสิ่งทีเกิดขึ้นนี้มากยิ่งขึ้น
แต่แล้ว ช่วงเวลาที่ทำให้เธอถึงกับแทบช็อกหรือเกือบจะเป็นลมไปก็เกิดขึ้น เมื่ออยู่ๆเสียงพูดของผู้ชายก็ดังขึ้นมาจากความว่างเปล่าของห้องรับแขก !
และเสียงพูดที่เพิ่งดังขึ้นอีกครั้งนั้น ก็ได้ทำให้หญิงสาวผู้มีดวงตาสีอำพันถึงกับขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นหญิงสาวผู้นี้ก็ได้ใช้มือขวาตีไปที่มือซ้ายที่มีถุงมือสีเงินสวมไว้อย่างค่อนข้างแรงครั้งหนึ่ง พร้อมกับพูดอะไรบางอย่างที่ฟังคล้ายๆกับการบ่นพึมพำออกมาอย่างหัวเสีย
ในตอนนั้น จั๊กจั่นที่ยังคงแอบดูเหตุการณ์ ก็ถึงกับใจเต้นขึ้นมาด้วยความหวาดหวั่นกับสิ่งประหลาดที่เพิ่งเกิดขึ้น
'นี่ผู้หญิงคนนี้ กำลังคุยกับใครกันแน่นะ..?'
'หรือว่า... เธอจะคุยกับ... คุยกับ'ผี'กันล่ะ...?!'
คิดได้อย่างนั้นแล้ว ขนบนแขนของเธอก็ถึงกับลุกซู่ขึ้นมาทันที
ความกลัวที่เริ่มจู่โจมเข้ามาในใจของจั๊กจั่นในตอนนั้น กลับยังไม่สามารถทำให้เธอละออกจากช่องของประตูที่เปิดแง้มได้ เธอยังคงปักหลักยืนมองและฟังการสนทนาอันเบาบางนั้นราวกับถูกสาปให้ตัวแข็งทื่อกระดิกไปไหนไม่ได้ !
และการสนทนาที่เป็นเสียงหนึ่งหญิงหนึ่งชายนั้น ก็ยังโต้ตอบกันไปมาอยู่อีกหลายคำ โดยที่เธอก็สามารถจะแยกแยะได้เป็นบางคำจากเสียงพูดของหญิงสาว เช่น 'นายพูดมากเกินไปแล้ว' หรือ 'จะหยุดหรือไม่หยุด ไม่งั้นข้าจะ...' อะไรประมาณนี้ แต่ทว่ากับเสียงที่เป็นเสียงของผู้ชายที่ดังมาจากความว่างเปล่านั้น เธอกลับแยกแยะเสียงนั้นไม่ออกเลยว่าได้พูดคำว่าอะไรไปบ้าง และเธอก็คิดว่า เสียงที่ห้าวต่ำแบบผู้ชายนั้น มันฟังยากกว่าเสียงของผู้หญิง เมื่อเสียงนั้นได้พูดด้วยน้ำสียงต่ำๆที่ค่อนข้างเบากว่าปกติ
แต่เมื่อเสียงการสนทนาของหนึ่งหญิงหนึ่งชายที่ดูเหมือนว่าจะถกเถียงกันอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กันมากยิ่งขึ้น อยู่ๆหญิงสาวผู้มีดวงตาสีอำพันก็ยกมือซ้ายที่สวมถุงมือสีเงินขึ้นมา และใช้มือขวากระชากถุงมือนั้นออก พลางทำท่าเหมือนจะกัดลงไปที่มือข้่างซ้ายนั้น แต่แล้วก็หยุดค้างไว้กลางคัน
และในชั่วขณะที่จั๊กจั่นได้เห็นมือข้างซ้ายของหญิงสาวที่ปราศจากถุงมือแล้ว เธอก็ถึงกับแทบช็อคเมื่อมองเห็นว่า ที่มือซ้ายของหญิงสาวกลับมีดวงตาสีอำพันเรื่อเรืองขนาดใหญ่งอกเงยอยู่บนหลังฝ่ามือนั้น...!!
และดวงตาประหลาดที่เห็นมีอยู่เพียงข้างเดียวนั้น มันก็กลับกระพริบตาได้เหมือนสัตว์ที่มีชีวิต มันกระพริบและเหลือบแลไปมา ราวกับเป็นดวงตาของ'ราชาแห่งสัตว์ร้าย'ที่อยากจะกระโจนออกมาจากหลังมืออันขาวเนียนของหญิงสาวอย่างทันที !
แล้วแข้งขาของจั๊กจั่นในตอนนั้นก็ถึงกับอ่อนแรง พร้อมกับความรู้สึกหวิวๆราวจะเป็นลม จากนั้นตัวของเธอก็ล้มหงายไปข้างหลังอย่างเสียการทรงตัว...!
 
ทั้งหมดนั้น เป็นเหตุการณ์เมื่อตอนก่อนที่จั๊กจั่นจะรวบรวมสติกลับมาฝืนนั่งทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์อีกครั้งด้วยใจไม่เป็นส่ำ ก่อนที่หัวหน้าของเธอจะมาเรียกเธอในเวลาถัดมา
และขณะนี้ ตัวเธอเองก็กลับรวบรวมความกล้าเพื่อมาแอบดูเหตุการณ์ในห้องรับแขกอีกครั้ง จะว่าไปสิ่งที่ทำให้เธอมีความกล้ายิ่งกว่าก่อนหน้านี้นั้น ก็เป็นเพราะตอนนี้ในห้องรับแขกมีทั้งท่านเจ้าคุณและนวลสาวใช้ที่ทำให้เธอเกิดความอุ่นใจขึ้นมาได้บ้างว่า ยังมีคนอื่นอยู่ด้วย
ท่านเจ้าคุณกำลังนั่งสนทนาหรือปรึกษากับหญิงสาวด้วยเสียงที่ค่อนข้างเบาและมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลใจบางอย่าง ขณะที่หญิงสาวผู้รับฟังก็พยักหน้ารับรู้เข้าใจในสิ่งที่ท่านเจ้าคุณพูดอยู่เป็นระยะๆ และเมื่อจั๊กจั่นเหลือบมองไปที่มือข้างซ้ายของหญิงสาว เธอก็พบว่า ตอนนี้ถุงมือสีเงินได้ถูกสวมกลับเข้าไปที่มือนั้นเรียบร้อยแล้ว
ไม่กี่นาทีต่อมาท่านเจ้าคุณก็ส่งสัญญาณให้นวลที่ยืนอยู่ตรงมุมห้องออกไปจากห้องรับแขก
หรือว่า... ท่านเจ้าคุณจะมีความลับสำคัญที่จะต้องคุยเป็นส่วนตัวกับผู้หญิงที่เป็นแขกพิเศษคนนี้เท่านั้น ?
และเมื่อเป็นอย่างนี้เธอเองก็อดจะเป็นห่วงท่านเจ้าคุณที่ต้องอยู่ในห้องรับแขกตามลำพังกับผู้หญิงที่น่ากลัวคนนี้ไม่ได้
เธอกะว่า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับท่านเจ้าคุณ เธอก็จะแหกปากตะโกนเรียกคนรับใช้คนอื่นที่ีีมีทั้งชายและหญิงซึ่งขณะนี้ทำงานอยู่ที่ด้านล่างให้ลั่นไปเลย
แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างการสนทนาของทั้งสองคนที่มีอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง นอกจากคำพูดประหลาดๆของท่านเจ้าคุณที่เล่าถึง'ต้นเถาวัลย์ประหลาด'ที่เติบโตขึ้นอย่างมากมายรอบๆคฤหาสน์หลังนี้
'เถาวัลย์ประหลาดกับฝันร้ายของคุณหญิงผู้เป็นภรรยาของท่านเจ้าคุณ' !
นั่นคือสิ่งที่จั๊กจั่นได้ยินอย่างชัดเจนและจำได้แม่น เพราะสิ่งนั้นมันก็คล้ายๆกับฝันร้ายของเธอที่ได้ฝันอยู่เมื่อไม่กี่คืนที่ผ่านมาว่า
'มีต้นเถาวัลย์เลื้อยเสียงดังซู่ๆซ่าๆอยู่รอบๆห้องของเธออย่างมากมาย เถาวัลย์ที่ดูมีชีวิตราวกับเป็นสัตว์เลื้อยคลาน...?!!'
 
(โปรดติดตามในบทต่อไป เร็วๆนี้นะครับ)
 
 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา