Twin แฝดเลือดผสม
เขียนโดย Shinman33
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.05 น.
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 16.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
16) เจ้าชายนิทรา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเจ้าชายนิทรา
กุบ กับ กุบ กับ… เสียงฝีเท้าของม้าจำนวนหนึ่งกำลังวิ่งทะยานออกจากดินแดนของแกรนเนอร์ไปยังดินแดนกรีนเนอร์โดยมีเป้าหมายคือโรงเรียนสเฟียร์น่า สถานที่จัดการแข่งขันงานประจำปีของแกรนน่าที่มีกำหนดการแข่งขันอีก 2 วันข้างหน้านี้ โดยตามที่ทางโรงเรียนได้แจ้งพวกเขาเมื่อวันพฤหัสบดี*เพื่อให้เตรียมตัวและออกเดินทางในวันเสาร์ ซึ่งรถม้าที่พวกเขาเดินทางจะไปถึงเป้าหมายวันนี้ตอนเย็นๆ แล้วจะมีเวลาพักอีก 1 วันก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้นในเช้าวันจันทร์ แต่ทว่าตลอดการเดินทางนั้นบรรดาผู้เดินทางกลับนั่งเงียบมาตลอดเพราะต่างก็แบกความกังวลและปัญหาที่ยังไม่สามารถหาทางออกได้นั่นเอง
“จะเอายังไงดีล่ะ หมอนี่หลับตั้งแต่ถ้าชายน์ไม่ได้สติจนถึงเวลาแข่งเราจะทำยังไง?” มาร์ตินเอ่ยถามหลังจากนั่งมองใบหน้าคนหลับที่โดนเพื่อนๆ อุ้มขึ้นรถม้ามาด้วยโดยไม่มีทีที่ว่าจะตื่นเลยแม้แต่นิด
“เขาจะไม่เป็นอะไรใช่มั๊ยค่ะ?” เจด้าถามอย่างอดห่วงไม่ได้
“ชายน์เขาต้องไม่เป็นอะไรสิเจด้า หมอนี่เก่งจะตายไป” เซฟานี่เอ่ยปลอบใจเพื่อนให้คลายกังวลแต่แววตาของเธอเองก็เต็มไปด้วยความกังวลไม่น้อยไปกว่ากันเลย
“ฉันเคยได้ยินมาว่ามีเวทย์เฉพาะของพวกปีศาจที่สามารถทำให้หลับโดยไม่ตื่นแบบนี้ได้นะ คนที่โดนเวทย์นี้ดวงจิตจะล่องลอยไปยังสถานที่ต่างๆ โดยไม่สามารถกลับและหาร่างตนเองเจอได้ นอกจากคนที่ใช้จะถอนเวทย์หรือเรียกดวงจิตนั้นกลับถึงจะตื่นขึ้นมาได้” เบลเอ่ยออกมาบ้างตามที่ตนพอจะรู้
“หรือชายน์จะโดนเวทย์ของปีศาจ?” นีโอร้องอย่างตกใจ
“ไม่ใช่แน่ เพราะถ้าเป็นเวทย์นั่นร่างของเขาจะซีดราวกับ.. คนตาย!!” เดวี่เอ่ยออกมาเรียบๆ
“งั้นก็เจ้าชายนิทรา สินะ” ดัชสรุปออกมาบ้างและเหมือนกับว่านี่จะเป็นข้อสรุปที่ทุกคนเห็นตรงกันที่สุดเพราะหลังจากนั้นทุกคนต่างก็เงียบลงพร้อมกับความคิดต่างๆ นาของแต่ละคนกำลังไหลไปเรื่อย
………………………………….
อีกด้านของชายน์…
“นี่ฉันถามอะไรหน่อยสิชิน” ชายน์เอ่ยถามหลังจากที่พักจากการฝึกซ้อม และเมื่อชินพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตชายน์ก็เริ่มถามทันที
“ทำไมเวลาฉันรู้สึกว่าเวลาที่นี่เหมือนไม่เปลี่ยนเลยล่ะ ฉันว่าฉันอยู่ที่นี่นานแล้วนะแต่แดดก็ยังเป็นแดดอ่อนๆ ยามเช้าเช่นเดิม” ชายน์ถามถึงสิ่งที่ตนพึ่งจะจับสังเกตได้
“ที่นี่คืออีกมิติหนึ่งหนะ มันเป็นพื้นที่ในส่วนของจิตใจเบื้องลึกของนายเอง ส่วนที่ถามว่าทำไมรู้สึกเหมือนเวลาไม่เปลี่ยนก็จริงตามนั้นแหละ ในมิตินี้เวลาจะหยุดเดินต่างจากในชีวิตของนายที่ตอนนี้เวลากำลังเดินปกติ” ชินอธิบาย
“’งั้นถ้านายอยู่ในนี้ไปตลอดนายก็จะไม่แก่สินะ” ชายน์ถาม
“ถูกต้อง” ชินตอบพร้อมส่งยิ้มบางๆ ให้ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างจริงจังอีกครั้ง
“แต่ฉันไม่คิดจะอยู่ที่นี่ไปตลอดหรอกนะ แค่ฉันยังไปไหนไม่ได้ในตอนนี้ ก็คงต้องติดตามนายไปแบบนี้เรื่อยๆ ซักระยะ”
“เมื่อกี้นายบอกว่าเวลาที่นี่หยุดนิ่งต่างจากเวลาในชีวิตของฉันที่เดินเรื่อยๆ หรอ แล้วแบบนี้ฉันจะรู้เวลาในชีวิตฉันมั๊ยว่ามันผ่านไปกี่วันแล้ว” ชายน์ที่เหมือนตอนนี้จะนึกอะไรบางอย่างได้นั้นก็เอ่ยออกมาอย่างกังวล
“ฮ่าๆๆ นายไม่ต้องกังวลหรอก นายเข้ามาที่นี่ได้ไม่เกิน 3 วันหรอกหรืออย่างเก่งก็ไม่เกิน4 วันแน่ๆ เมื่อถึงเวลาร่างกายจะส่งสัญญาณมายังจิตของนาย ถึงตอนนั้นนายก็จะกลับไปยังร่างแล้วตื่นขึ้นปกติ แต่ถ้านายยืนยันที่จะอยู่ที่นี่ต่อร่างของนายก็จะสิ้นลมทันที” คำอธิบายของชินทำให้สีหน้าของชายน์ซีดลงทันที
“หวังว่าคงทันการแข่งขันนะ” ชายน์บ่นเบาๆ
“ทันสิ แต่ระหว่างรอเวลานายมาฝึกกับฉันต่อดีกว่านะ ฮ่าๆๆ” ชินกล่าวพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ ในเมื่อเขาเป็นคนทำให้ชายน์เข้ามาในนี้แล้วทำไมเขาจะส่งชายน์ออกไปไม่ได้ เพียงแต่มันยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเอง!!
“เดี๋ยวฉันจะสอนการใช้พลังจากธรรมชาตินะ วิธีนี้นายจะไม่รู้สึกเหนื่อยเหมือนการใช้เวทย์” ชินกล่าวพร้อมกับเตรียมจะสาธิตแต่ชายน์ก็ถามขัดขึ้นมาซะก่อน
“มันดีกว่าใช้เวทย์ยังไงล่ะ?”
“การใช้เวทย์คือนายใช้พลังของตนเอง เมื่อใช้ไปมันก็หมดและเหนื่อย ส่วนการใช้พลังธรรมชาติคือการหยิบยืมพลังจากธรรมชาติมาใช้โดยไม่ต้องสูญเสียพลังเวทย์ตนเองไง วิธีนี้ก็ขึ้นอยู่กับพลังเวทย์คนใช้ด้วยนะว่าถ้ายิ่งพลังเวทย์สูงก็ใช้พลังธรรมชาติได้มากตามไปด้วย” ชินเอ่ยอธิบายโดยละเอียดจนชายน์ตาลุกวาว
“งั้นเริ่มเลย ฉันพร้อมแล้ว!!” ทันทีที่ชายน์กล่าวจบชินก็เพียงแต่ส่งยิ้มมาให้จากนั้นการฝึกของชินและชายน์ก็เริ่มต้นอีกครั้งหลังจากการฝึกการต่อสู้โดยผสานเวทย์นั้นผ่านไปได้ด้วยดี
…………………………………………..
“เอาล่ะ ถึงแล้วครับทุกๆ คน” ดัชเอ่ยปลุกเพื่อนๆ ที่หลับใหลมาตลอดการเดินทางเมื่อเห็นว่าขบวนรถม้าของพวกเข้าได้ผ่านเข้ามายังเขตแดนของกรีนโซนแล้ว
“โห กรีนเนอร์นี่สวยงามจริงๆ มีแต่ธรรมชาติเขียวไปหมดเลย” มาร์ตินเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้นที่ได้มาเยือนกรีนเนอร์ เพราะจะว่าไปเขา นีโอและชาย์เท่านั้นที่เป็นชาวแกรนโซน ส่วนเซฟานี่ ดัช เบล เจด้าและเชเป็นชาวกรีนโซนและปีศาจน้อยเดวี่นั้นเพื่อนๆ ต่างคาดเดาว่าเขาน่าจะมาจากเกรย์โซน
“แน่นอนย่ะ ดินแดนฉันก็สวยเหมือนกับฉันสิ” เจ้าหญิงแห่งเมืองกรีนโซนคุยผสม สำหรับดินแดนของเมืองนี้ส่วนมากเป็นพื้นที่เกษตรกรรมและป่าไม้ แม้แต่ในเขตเมืองและชุมชนก็ยังเต็มไปด้วยต้นไม้มากมายจนเมืองทั้งเมืองเขียวขจีร่มรื่นไม่น้อย
“บางทีฉันก็ลืมไปแล้วนะว่าเธอเป็นเจ้าหญิงอ่ะ เซ ฮ่าๆๆ” นีโอเอ่ยออกมาจนเรียกเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ ได้ทั้งคันรถจนเจ้าหญิงแห่งกรีนโซนหน้าหงิกไปทันที
“ตอนนี้เรากำลังจะผ่านใจกลางเมืองของดินแดนนะ ที่นี่ก็ครึกครื้นไม่แพ้แกรนโซนแหละ” เบลเอ่ยแนะนำเพราะเขาเกิดและโตท่ามกลางใจกลางเมืองแห่งนี้นั่นเอง
“แล้วบ้านพวกนายอยู่ทางไหนกันล่ะ ขบวนรถม้าเราจะผ่านมั๊ย?” มาร์ตินผู้ซึ่งมีข้อสงสัยตลอดก็อดที่จะถามไม่ได้
“ฉันกับดัชอยู่ในเมือง เราสนิทกันตั้งแต่เด็กแล้ว ส่วนเซก็อยู่ในวัง” เบลเอ่ย
“ส่วนฉันอยู่ทางตอนใต้ของกรีนโซน แถบทางนั้นทะเลสวยมากเลยนะ ฮ่าๆๆ” เจด้าอวดบ้านของตนบ้าง
“ส่วนฉันอยู่ทางทิศเหนือของกรีนโซนนะ แถบนั้นจะติดกับเกรย์โซน พื้นที่จะแห้งแล้งหน่อยและส่วนมากจะเป็นทะเลทราย” เชแนะนำเขตทางบ้านของตนเองพร้อมกับหันไปหาเดวี่บ้างแต่ก็เพียงแต่มองและเดวี่เองก็ไม่ทันได้เห็นสายตาของพี่ชายตนเช่นกัน
“แล้วนายล่ะเดวี่ ถ้าเราไปเกรย์โซนแล้วจะผ่านบ้านนายมั๊ย?” มาร์ตินหันไปถามคนที่นั่งเงียบมาตลอดแม้ยามตื่นก็ตาม
“บ้านฉันไม่ได้อยู่เกรย์โซน!” เดวี่กล่าวเรียบๆ แต่เมื่อเห็นว่าเพื่อนๆ ยังคงสงสัยไม่เลิกจึงเอ่ยอธิบายออกมาอีกครั้ง
“ฉันโดนส่งตัวออกมาจากเกรย์โซนแต่เล็กและโตที่แกรนโซน ส่วนบ้านที่เกรย์โซนฉันก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน”
“ก็ในวังของกษัตริย์แห่งเกรย์โซนไง นายอย่าลืมสถานะตัวเองสิเดวี่” เซฟานี่เอ่ยเหมือนจะเตือนสติเพื่อนเบาๆ
“นั่นสินะ เรามีเพื่อนเป็นถึงเจ้าหญิงแห่งกรีนโซน เจ้าชายแห่งเกรย์โซนแต่น่าเสียดายนะที่กษัตริย์และรัชทายาทแห่งแกรนโซนหายสาบสูญไป” เจด้าเอ่ยพร้อมกับเสียงที่ขาดหายไปเมื่อรู้ตัวว่าตนเองได้พูดในสิ่งที่ไม่สมควรออกไป
“บางทีรัชทายาทของกษัตริย์แห่งแกรนโซนอาจไม่ได้หายไปไหนไกลก็ได้นะ” นีโอกล่าวพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์
“นายเชื่อเรื่องคำทำนายและผู้พิทักษ์ที่กลับมามั๊ย?” มาร์ตินถาม
“ฉันเชื่อนะ และคิดว่าฉันเจอผู้พิทักษ์แล้วด้วย” เบลกล่าวพลางชำเลืองสายตามองยังคนที่หลับใหลมา 2 วันติด
“แต่เหมือนเจ้าตัวเขาจะยังไม่ยอมรับรู้นะ ฮ่าๆๆ” เซฟานี่เอ่ยพร้อมกับหัวเราะเบาๆ อย่างชอบใจ
“อย่าบอกนะว่า…” เชเอ่ยออกมาพร้อมกับชำเลืองมองเพื่อนๆ เพราะไม่มั่นใจในความคิดของตน
“ใช่ไม่ใช่ก็ต้องรอการพิสูจน์นะ ตอนนี้นาฬิกาโชคชะตาแห่งแกรนน่าเริ่มเดินแล้ว ยังไงซะคำทำนายก็เป็นจริงเกินครึ่งแล้วล่ะ” นีโอเอ่ยออกมาอย่างสรุปและทันทีที่การสนทนาจบก็พอดีที่ขบวนรถม้ามาถึงยังสเฟียร์น่าพอดี
“เชิญๆ ครับคุณหนูๆ จากโฮเนอร์ ทางเราจัดเตรียมห้องพักไว้ให้เรียบร้อยแล้ว” ทันทีที่เหล่านักเรียนจากโฮเนอร์ก้าวลงจากรถม้าก็พอดีกับที่เจ้าหน้าที่ต้อนรับเดินเข้ามาพอดี
“ตอนนี้เหล่านักเรียนทางเทเรอร์เข้าพักเรียบร้อยแล้ว อาหารเย็นเวลา 18.30 น. หากไม่สะดวกทานรวมทางเราก็สามารถจัดเป็นชุดขึ้นไปให้ได้ครับ เอิ่มม แล้วนั่น..” ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังเดินนำเด็กๆ เข้ายังที่พักพร้อมกับชี้แจงอยู่นั้นพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มตัวสูงผมดำกำลังอุ้มเด็กผู้ชายอีกคนที่หลับไม่ได้สติอยู่นั้นเดิมตามเข้ามาจนอดที่จะทักไม่ได้
“นี่เพื่อนพวกเราค่ะ พอดีเขาไม่ค่อยสบายนิดหน่อยอ่ะค่ะ” เซฟานี้กล่าวชี้แจงจนเจ้าหน้าที่ต้อนรับเลิกให้ความสนใจ
“ถึงแล้วครับ งั้นเชิญตามสบายนะ ขาดเหลือสิ่งใดโปรดเรียกเจ้าหน้าที่นะครับ” กล่าวจบก็หันหลังเดินออกไปทันที
“มีเวลาพรุ่งนี้อีกวันหนึ่งนะชายน์ รีบๆ ตื่นมาซักทีเถอะ” เซฟานี่กล่าวออกมาอย่างกังวล
“งั้นเย็นนี้ฉันจะให้เจ้าหน้าที่จัดอาหารขึ้นมาให้ก็แล้วกันนะ หรือใครว่าไง” ดัชเอ่ยถามความเห็น
“แต่ฉันว่าเราลงไปทานกับเขาดีกว่านะ ให้เกียรติกันน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า” เบลเอ่ยขัดพร้อมกับเพื่อนๆ ที่พากันพยักหน้าเห็นด้วย เมื่อตกลงเรื่องอาหารเย็นและห้องพักได้แล้วก็พากันแยกย้ายเข้าห้องพักผ่อนเพื่อรอเวลาอาหารเย็นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
18.30 น.
ขณะนี้เหล่าผู้เข้าแข่งขันรายการต่างๆ จากทั้ง 3 โรงเรียนและรายการบุคคลทั่วไปต่างก็มาร่วมรับประทานอาหารเย็นกันโดยพร้อมเพียง ซึ่งทางเจ้าภาพได้จัดมื้อเย็นเป็นงานรับรองย่อมๆ โดยตั้งอาหารเป็นบุฟเฟ่ต์ชุดใหญ่สำหรับรองรับแขกทั้งหมดกว่าสองร้อยคน แน่นอนว่าในส่วนของโฮเนอร์นั้นก็มากันครบทุกชั้นปีและหลายกลุ่มแต่กลุ่มของเด็กปี 1 ก็ไม่ได้สนใจพี่ๆ มากนัก เรียกว่าต่างกลุ่มต่างก็อยู่กันเองมากกว่า และเมื่อพวกเขาพากันเดินเข้ามาในงานก็เรียกสายตาจากคนที่อยู่ในงานก่อนแล้วได้เป็นอย่างดี บ้างก็ชื่นชมและบ้างก็มองด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย
‘นี่ฉันล่ะอิจฉาเด็กผู้หญิงคนนั้นจังเลยที่มีแต่คนหน้าตาดีๆ เดินตาม’
‘เด็กผู้ชายผมดำมาดนิ่งนั่นหล่อเป็นบ้าเลยอ่ะเธอ’
‘แต่ฉันว่าผู้ชายตัวขาวๆ ผมสีบรอนซ์เงินนั่นน่ารักดีนะ แลสะอาดสะอ้านดี’
“ถ้าชายน์อยู่ด้วยคงสนุกกว่านี้นะ หึหึ” เบลเอ่ยพร้อมกระตุกยิ้มขำๆ
“เอ้า เชิญๆๆ ผู้เข้าแข่งขันทุกท่านและนักเรียนจากทุกสถาบันนะครับ ทางสเฟียร์น่ายินดีต้อนรับผู้เข้าแข่งขันทุกประเภททุกรายการ สำหรับวันนี้เป็นการเลี้ยงต้อนรับผู้เข้าแข่งขันทุกท่านทุกรายการ…” พิธีกรกล่าวไปเรื่อยโดยที่เด็กๆ ก็ไม่ได้สนใจมากนักเพราะต่างกำลังง่วนอยู่กับการตักอาหารนั่นเอง
“เธอว่าปีนี้เด็กๆ โฮเนอร์คนไหนมาวิน?” เด็กนักเรียนกรีนโซนคนหนึ่งเอ่ยออกมาขณะนั่งมองกลุ่มของเดวี่อยู่นาน
“ดูๆ ไปแล้วก็ธรรมดานะ ยังไม่มีคนไหนสะดุดตานอกจากเด็กผู้ชายผมดำคนนั้น” อีกคนตอบอย่างไม่สนใจนัก
“อย่าประมาทเจ้าหญิงด้วยล่ะ” เด็กผู้หญิงผมสั้นหน้าตาน่ารักเอ่ยเตือนเพื่อนๆ เพราะเธอรู้จักกับเซฟานี่เป็นอย่างดีนั่นเอง แต่ขณะที่กลุ่มของเด็กๆ จากสเฟียร์น่ากำลังพูดคุยอยู่นั้นก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น
พลัก!!
“อุ๊ย”
“ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มที่เดินชนเซฟานี่เอ่ยออกมาพร้อมกับแอบมองสำรวจเรือนกายของเซฟานี่อย่างไว หน้าตาสวยหวานแต่ทำไมแต่งตัวได้ห้าวแบบนี้เนี่ย เสื้อเชิ้ตพับแขนลายสก๊อตกับกางเกงยีนส์สีซีดพร้อมกับรองเท้าผ้าใบขาดๆ ช่างถูกใจข้าจริงๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอตัวนะคะ” เซฟานี่กล่าวตัดบทพลางจะเดินปลีกตัวออกมาแต่เด็กหนุ่มคนนั้นก็ยังมิวายหันมาต่อคำด้วย
“ผมชื่อ มิลาโน่ ยินดีที่ได้รู้จัก ไม่ทราบว่ามาแข่งรายการไหนครับ?” เด็กหนุ่มแนะนำตัวพร้อมยิงคำถามหวังยื้อให้สาวสวยตรงหน้ากันกลับมาแต่ทว่าผลกลับไม่เป็นดังที่คิด
“รายการคู่ระดับบุคคลทั่วไปค่ะ ส่วนชื่อก็ไว้รอให้กรรมการประกาศแจ้งตอนลงสนามนะ!!” กล่าวโดยที่เซฟานี่ไม่แม้จะหันกลับมามอง และเมื่อกล่าวจบเธอก็เดินเชิดหน้าออกไปทันที
“เด็กนักเรียนหญิงที่ลงแข่งรายการนี้ได้คงไม่ธรรมดาแน่ๆ ฮ่าๆๆ” เด็กหนุ่มอีกคนเดินเข้ามาสมทบเพื่อนที่มองตามเซฟานี่ด้วยสายตาหยาดเยิ้ม
“สวยและหยิ่งแบบนี้แหละน่าสนใจเป็นที่สุด” มิลาโน่เพ้อออกมาเบาๆ สำหรับมิลาโน่และเพื่อนนั้นดูแล้วจะอายุมากกว่าเซฟานี่อยู่นิดหน่อยและเป็นไปได้ว่าทั้งสองน่าจะเข้าแข่งรอบบุคคลทั่วไปด้วยเช่นกัน
สำหรับงานเลี้ยงต้อนรับเย็นวันนั้นผ่านพ้นไปได้ด้วยดี วันรุ่งขึ้นเด็กๆ ต่างก็เก็บตัวอยู่ในห้องหวังว่าชายน์จะตื่นขึ้นมา แต่จนบัดนี้ก็ผ่านไปจนจะหมดวันแล้วชายน์ก็ยังคงนอนสงบนิ่งอยู่เช่นเดิม และเมื่อใกล้ถึงเวลาความกดดันก็ยิ่งทวีคูณขึ้นเพราะไม่ว่าจะใช้วิธีใดมาปลุกชายน์ก็ไม่รู้สึกตัวหนำซ้ำบริเวณร่างของชายน์ยังมีกระแสเวทย์สีทองมาคลอบร่างไว้อีกจนเพื่อนๆ ไม่สามารถใช้เวทย์เข้าปลุกได้
“ตื่นเถอะนะชายน์ ฉันขอร้องล่ะ” เซฟานี่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือขณะที่นั่งจับมือของชายน์ไว้
“นายเป็นอะไรกันแน่ แล้วฉันจะบอกพี่ริวยังไง” เดวี่ที่เอาแต่เงียบมาตลอดตั้งแต่ชายน์หลับไปเมื่อหลายวันก่อนก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเครียดจนเพื่อนๆ รับรู้ได้ชัดเจน
“ใจเย็นๆ นะ พรุ่งนี้เช้าถึงจะเริ่มแข่งขัน ไม่แน่ว่าคืนนี้ชายน์อาจจะฟื้นก็ได้” เบลเอ่ยให้กำลังใจเพื่อนๆ
“งั้นฉันว่าเราควรจะพักเอาแรงก่อนนะ รายการเราแข่งตอนเช้าด้วยสิ” มาร์ตินเอ่ยเตือนสติเพื่อนๆ
เพราะในวันพรุ่งนี้รายการของเด็กปี1 จะอยู่ช่วงเช้าทั้งหมดโดยรายการทีมจะแข่งขันก่อนแล้วตามด้วยรายการคู่ของรุ่นต่างๆ เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากรอ ทั้งหมดจึงแยกย้ายกันไปนอนเอาแรงสำหรับการแข่งขันในเช้าวันพรุ่งนี้
…………………………………………………..
08.30 น. ณ สนามประลองเวทย์ของสเฟียร์น่า…
“นี่จะได้เวลาแล้วนะ พวกนั้นยังไม่ตามมาอีกหรอ” เชเอ่ยออกมาอย่างกังวลที่เห็นว่าทีมของพวกเขายังไม่มีใครตามมาเลยเพราะทันทีที่ตื่นขึ้นเมื่อเช้านี้และผลที่ได้คือชายน์ก็ยังคงไม่ได้สติเช่นเดิมจนเพื่อนๆ ลงมติกันว่าจะให้เชและเจด้าล่วงหน้ามาที่สนามก่อน ส่วนที่เหลือกำลังหาวิธีปลุกชายน์ แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีวี่แววของชายน์และเพื่อนๆ ว่าจะตามมาจนเขาและเจด้าอดที่จะกังวลด้วยไม่ได้
“แสดงว่าชายน์ยังไม่ตื่นสินะ” เจด้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเครียดๆ แต่แล้วประตูห้องรับรองของเด็กปี1 จากโฮเนอร์ก็เปิดออกพร้อมกับกลุ่มเพื่อนๆ ของเขาที่พากันเข้ามาพร้อมกับแบกร่างของชายน์เข้ามาด้วย
“นี่หมายความว่าไง?” เชที่ยังไม่เข้าใจกับการกระทำของเพื่อนๆ เอ่ยถามทันที
“เราจะต้องลงแข่งกันแล้ว เราเลยเอาชายน์มาด้วย” เซฟานี่เอ่ย
“ก็หวังว่าปาฏิหาริย์จะเกิดแม้นาทีสุดท้ายก็ตาม” นีโอเอ่ยอย่างมีความหวัง
“ค่ะ และบัดนี้ก็ได้เวลาแล้ว ขอเชิญผู้เข้าแข่งขันในรายการแรกคือประเภททีมทุกรุ่นลงลงสู่กลางสนามด้วยค่ะ” เสียงพิธีกรสาวเรียกผู้เข้าแข่งขั้นลงสู่สนามดังไปทั่ว
“เราคงต้องออกไปก่อน ฝากชายน์ด้วยนะเดวี่ เซฟานี่” นีโอเอ่ยพลางตบไหล่เดวี่เบาๆ ก่อนจะพยักหน้าให้เพื่อนๆ ที่เหลือแล้วพากันเดินออกไปยังสนาม
‘เฮ…’ เสียงโห่ร้องแสดงความยินดีที่บรรดาผู้เข้าแข่งขันกำลังพากันเดินออกมายังกลางสนาม เมื่อทุกรายการทุกประเภทออกมาครบแล้วพิธีกรสาวก็กล่าวชี้แจงกติกาทันที
“ก่อนอื่นดิฉันขอชี้แจงรอบการแข่งขันก่อนนะค่ะ การแข่งขั้นจะเริ่มจากประเภททีมก่อนโดยไล่มาตั้งแต่ปี1-4 นะคะ ส่วนการแข่งจะพบกันแบบไขว้คือทุกทีมต้องพบกันหมดซึ่งผู้เข้าแข่งขันสามารถเชคตารางการแข่งได้ที่ประชาสัมพันธ์นะคะ และสำหรับทีมแรกของปี1 คือทีมของโฮเนอร์จะพบกับทีมของเทเรอร์ค่ะ” สิ้นเสียงของพิธีกรผู้ชมรอบๆ สนามก็ส่งเสียงเฮลั่นไปทั่วพร้อมกับทีมที่ยังไม่ได้แข่งก็เดินออกมานอกสนาม เสียงเฮนั่นดังไปทั่วจนพิธีกรต้องกล่าวออกมาอีกครั้งเพื่อยุติเสียงเฮนั่น
“ส่วนกติกาคือผู้เข้าแข่งขันสามารถใช้อาวุธและวิธีการต่อสู้ได้ทุกรูปแบบ ทีมใดเหลือผู้เข้าแข่งขันน้อยกว่าสามคนจะถือว่าแพ้ทันที ถ้าพร้อมแล้ว….เชิญค่ะ!!” สิ้นเสียงพิธีกรการต่อสู้ก็เริ่มขึ้นทันทีและโดยไม่ทันตั้งตัวทีมของเทเรอร์ก็ชิงจู่โจมก่อนอย่างรวดเร็ว
ตุ้มมมมม!! ระเบิดขนาดใหญ่ถูกส่งมายังบริเวณที่เด็กๆ จากโฮเนอร์ยืนอยู่และระเบิดลั่นจนฝุ่นตลบไปทั่วทั้งบริเวณ
“อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียวนะ!!” เสียงของเด็กผู้ชายผมดำเอ่ยสั่งลูกทีมอย่างหนักแน่น
*การนับวันของแกรนน่าเหมือนกับโลกมนุษย์
…………….........................................………………………………………………………………………………………………
การแข่งขันเริ่มแล้วนะชายน์ ตื่นๆๆ ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ