รักหน่อยคอย (อ่อย) นานแล้ว

-

เขียนโดย Little_finger

วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 21.15 น.

  11 ตอน
  1 วิจารณ์
  10.62K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 เมษายน พ.ศ. 2563 02.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ตอนที่ 5 พรหมลิขิตบันดาลชักพา หรือว่าจังหวะนรก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
        พุดพธูและพะเพื่อน นั่งอยู่ในห้องรับรองแขกของ ชลธารา กรุ๊ป เจ้าของกิจการเครื่องประดับเจ้าใหญ่ของไทย พวกเขากำลังจะเปิดตัวแบรนด์เครื่องประดับน้องใหม่ moonlight ซึ่งเป็นเครื่องประดับของวัยรุ่น
 
       ทางทีมงานของ moonlight จึงติดต่อขอร่วมงานกับพุดพธู เนื่องจากต้องการ collaboration กับเสื้อผ้าของ Fleur ที่กำลังฮิตในหมู่วัยรุ่นเช่นกัน
 
 
‘MOONLiGHT X FLEUR’
 
 
สองสาวมารอก่อนเวลาด้วยความตื่นเต้นที่แบรนด์เล็กๆ ใน ig จะได้ร่วมงานกับบริษัทใหญ่อย่างชลธารา
 
 
“ทีมได้เห็นผลงานของดีไซเนอร์ fleur แล้วรู้สึกประทับใจมากค่ะ ในส่วนของ moonlight เราต้องการสร้างแบรนด์เครื่องประดับระดับไฮเอนด์ที่สามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน โดยกลุ่มเป้าหมายเราเน้นกลุ่มวัยรุ่นเป็นหลักค่ะ”
 
        มัทนา ฝ่ายประสานงานพูดคุยกับทั้งสองอย่างเป็นมิตร ระหว่างรอท่านรองประธานที่รับผิดชอบงานนี้
 
“ขอโทษทีครับ ประชุมยืดเยื้อไปหน่อย” เสียงทุ้มนุ่มขัดจังหวะสนทนาของสามสาว
 
 
        พุดพธูมองคนมาใหม่ตาค้าง เขาเองก็จ้องเธออย่างประหลาดใจเช่นกัน พะเพื่อนยกมือป้องปากพลางหันมองพุดพธู เขาคนนั้น คนที่เป็นข่าวกอสซิปกับพุดพธู
 
 
“นี่คุณมาวิน ชลธารา ผู้ดูแลกิจการในส่วนของ moonlight ค่ะ” มัทนาแนะนำ
 
 
        ร่างบางรีบปรับสีหน้าให้กลับมาปกติ เป็นมืออาชีพ จำไว้! พุดพธูเหลือบมองไปที่เขา ใบหน้าหล่อเหล่านั้นยักคิ้วให้เธอ ก่อนหันไปตั้งใจฟังมัทนาที่กำลังอธิบายการ collaborations ในครั้งนี้
 
 
เขาถูกใจเธอ แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอเธออีกเร็วขนาดนี้ พรหมลิขิตชัดๆ
 
 
        มาวิน มองใบหน้าหวานที่กำลังออกความเห็นร่วมกับทีมงานของเขา พุดพธูดูเป็นการเป็นงาน เธอกล้าเสนอความเห็นและมีไอเดียที่น่าสนใจ ไม่ได้ง้องแง้งอย่างที่เขาคิด นอกจากคนในออฟฟิศ น้อยคนนักที่จะได้เห็นมุมนี้ของพุดพธู แม้แต่คนที่บ้านก็ยังมองเธอเป็นลูกสาวผู้แสนบอบบาง
 
 
“ขอบคุณทุกคนมากค่ะ รายละเอียดการประชุมนัดต่อไป มัทจะแจ้งอีกทีนะคะ” มัทนากล่าวลาสองสาวก่อนจะขอตัวไปสะสางงานที่ค้างอยู่
 
 
        พุดพธูกับพะเพื่อนเดินออกมาด้านหน้าตึกใหญ่ ต่างโล่งใจที่เรื่องสัญญาและโปรเจ็คค่อนข้างราบรื่น หากพวกเธอทำได้ดี ก็มีโอกาสทำให้แบรนด์ Fleur เป็นที่รู้จักมากขึ้น
 
 
“จะไม่ให้ไปส่งจริงดิ” พะเพื่อนถามคนข้างๆ เมื่อหญิงสาวยืนกรานจะรอรถของที่บ้าน
 
 
        พุดพธูมีนัดทานอาหารเย็นกับมารดาที่ร้านอาหารญี่ปุ่นใกล้ๆ เธอจึงไม่ได้ขับรถมาเอง แต่นั่งรถมาคันเดียวกับพะเพื่อน ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ว่าอยู่เส้นทางตรงข้ามกับทางกลับบ้านของเพื่อนสาว พุดพธูจึงไม่อยากให้เธอเสียเวลาวนรถไปมา
 
 
“ไปเหอะ ฉันรอคนเดียวได้”
“เดี๋ยวแกไปก่อเรื่องอีก” พุดพธูมองค้อนเพื่อน ก่อเรื่องอะไร เธอไม่ใช่เด็กนะ
“นี่แกเป็นดาหลาสองเหรอยะ รีบไปได้แล้วเดี๋ยวลุงธงก็มา” เอ่ยถึงคนขับรถที่บ้านพร้อมกับดันเพื่อนสาวให้รีบกลับ
พะเพื่อนโบกมือลา ก่อนเดินไปเอารถที่ลานจอด
 
 
        พุดพธูยกนาฬิกาขึ้นมาดู …สายแล้ว เธอตั้งใจจะนั่งแท็กซี่ไป แต่คุณพราวพรรณไม่อยากให้ลูกสาวลำบาก ยืนกรานจะให้เธอรอรถของที่บ้าน
 
 
“รอใครอยู่เหรอครับ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหู พุดพธูหันไปมองร่างสูงที่ยืนจ้องเธออยู่ข้างๆ
 
 
       มาวิน ส่งยิ้มให้ร่างบาง ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาในชุดสูทสีน้ำตาลดูดีเหมือนนายแบบ ผมดำถูกเซตเปิดหน้าผาก ดูดีแบบแบดๆ เธอคิดแบบนั้น พุดพธูค้อมศีรษะให้เขาแต่ไม่ตอบ
 
 
“รอแฟนเหรอครับ”
 
ผู้ชายคนนี้ยังไม่หยุด มาวินยิ้มขำกับท่าทางเลิ่กลั่กของหญิงสาว
 
 
        แฟนเหรอ ความสัมพันธ์ของเธอกับศรันย์มันคือ ความสัมพันธ์ที่อธิบายได้ยาก เธอไม่ใช่คนรัก ยังไม่ใช่คู่หมั้น ที่จริงไม่ได้เป็นอะไรกับเขาด้วยซ้ำ คิดแล้วชวนห่อเหี่ยว
 
 
 
“ไม่ตอบ แปลว่ายังโสด”
“คุณมาวิน ดิฉันคิดว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวนะคะ ไม่เกี่ยวกับงาน”
“เกี่ยวสิครับ ผมอยากรู้ว่าคุณจะมีเวลาทุ่มเทให้โปรเจ็คนี้ได้มากขนาดไหน”
 
 
ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ พุดพธูเชิดหน้าขึ้นไม่ได้ถอยหนีอย่างที่เขาคิด
 
 
“ใกล้ไปแล้วคุณ” ร่างบางรีบเอนหลบตอนที่มือของเขาสัมผัสแก้มเนียนใส มาวินยิ้มในหน้า
“ขนตาติดแก้มคุณ” เขาโชว์ให้เธอดูขนตาบนมือ ก่อนโน้มไปกระซิบข้างหูคนข้างๆ
“คิดว่าผมจะทำอะไรเหรอ คิดว่าผมจะ…จูบเหรอ” 
พุดพธูถลึงตาใส่เขา ก่อนขยับหนี มาวินชอบใจกับท่าทางเอาเรื่องของเธอ
“คุณนี่คิดแต่เรื่องแบบนั้น เป็นสาวเป็นนางแท้ๆ”
 
 
        เขาเป็นคนพูดเองเออเองแท้ๆ ยังมาว่าเธออีก ความอดทนของพุดพธูกำลังจะหมดลง โชคดีที่เห็นรถทะเบียนคุ้นตาขับเข้ามาจอดตรงหน้าเธอก่อน รถสปอร์ตเฟอรารีสีดำ!
 
 
        รู้ทันทีว่าทำไมมารดาไม่ยอมให้เธอนั่งแท็กซี่ไป เพราะสารถีที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับไม่ใช่ใคร ก็ว่าที่คู่หมั้นของเธอไง พุดพธูมองศรันย์หลังพวงมาลัย ใบหน้าของเขาเรียบเฉยเหมือนทุกครั้ง
 
 
        ขอบคุณสวรรค์ ถ้าเป็นในละครเขาต้องเห็นจังหวะนรก ตอนที่มาวินแตะแก้มเธอแน่ แล้วพวกเขาอาจจะมีเรื่องกัน โอ… เป็นไปไม่ได้ ร่างบางหันไปบอกลามาวิน
 
 
“ขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
“ไว้เจอกันคราวหน้านะครับ คุณพุดพธู”
 
 
        พุดพธูก้าวขึ้นรถสปอร์ตที่จอดรออยู่ มาวินมองตามหญิงสาว ยังไม่ลืมสัมผัสนุ่มนิ่มของแก้มใสที่ติดมืออยู่ ศรันย์เหลือบมองร่างสูงที่จ้องว่าที่คู่หมั้นเขาไม่วางตา พลันรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
 
 
        เขาเห็นทุกอย่าง ตั้งแต่วินาทีเลี้ยวรถเข้ามา ภาพที่ ‘หมอนั่น’ แตะแก้มของพุดพธู ก้มลงกระซิบกระซาบข้างหูเธอ มือใหญ่กำพวงมาลัยรถแน่น เหลือบตามองคนข้างๆ ที่ยังส่งยิ้มสดใสมาให้อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
 
 
“ดีใจจังได้นั่งรถพี่รันครั้งแรกเลย”
 
 
เขาจะจัดการกับยายเด็กบ้านี่ยังไงดี
 
 
……… 
 
ชอบไม่ชอบยังไง คอมเมนท์บอกกันหน่อยนะคะ :3
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา