เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก
-
เขียนโดย Xiaobei
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 16.58 น.
64 ตอน
0 วิจารณ์
48.52K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 17.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
50) ตอนที่50:ได้เงินแล้ว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่50:ได้เงินแล้ว
ชายอ้วนวัยกลางคนฟังคำพูดเฉินเยี่ยนแล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุมีผล พวกเขาเดินทางไกลรีบมาตลาดก็ไม่สบายเลย คิดว่าคงหาเงินได้ไม่เท่าไร ไม่อย่างนั้นตัวเขาเองเป็นถึงลูกค้าเจ้าใหญ่พวกเขายังไม่ง้อเลย ถ้าพวกเขาช่วยไปส่งของให้ก็ไม่เลว งานตัวเองจะได้น้อยลง อีกหน่อยถ้าต้องการพวกเขาก็มาส่งให้ถึงที่เลย อีกอย่างที่เฉินเยี่ยนบอกว่าบ้านเธอยังมีผักอื่นๆ อีกทำให้เขาสนใจมาก
“งั้นก็ได้ พวกเธอลากรถไปกับข้า ไปส่งให้ถึงที่ แล้วสบายใจได้เลย เงินจะไม่ขาดเลยสักสตางค์”
ชายอ้วนตอบตกลง เขาลืมไปจริงด้วย ถึงแม้เฉินเยี่ยนจะไม่ได้พูดแบบนี้ เขาซื้อผักมาแต่ไม่มีอะไรใส่ แล้วก็ไม่สามารถเอาไหของเธอกลับไปได้ด้วยสิ? ดังนั้นต้องให้พวกเขาไปส่งของให้แน่นอน แต่ตอนนี้เฉินเยี่ยนเป็นคนเสนอมาก่อน เขารู้สึกว่าเฉินเยี่ยนเป็นคนจริงใจ รอบคอบ ดังนั้นเขาเลยพอใจ
เฉินจงอึ้งไปเล็กน้อย แบบนี้ก็ได้แล้วหรือ? ไม่ต่อราคาอีกเลย? ก่อนหน้านี้เขามาขายผักที่ตลาด บางครั้งมีลุงมีป้าเขี้ยวต่อราคากับเขาแม้แต่สตางค์เดียวก็เอา นี่ทำไมถึงได้ง่ายขนาดนี้?
เฉินจงอึ้งก็อึ้ง แต่ท่าทางคล่องแคล่วว่องไว เอาเชือกจูงรถมาพาดไหล่ ลากรถไปและส่งสัญญาณให้เฉินเยี่ยนตามมา แล้วเดินตามชายอ้วนคนนั้นไป
เฉินจงไม่ได้คิดเลยว่าคนนี้จะหลอกพวกเขาหรือเปล่า มาถึงที่แล้วจะเอาผักพวกเขาแล้วไม่จ่ายเงินหรือเปล่า เพราะคนยุคนี้ยังคงซื่อสัตย์อยู่ ส่วนใหญ่พูดก็เชื่อแล้ว
เฉินจงและเฉินเยี่ยนเดินตามชายอ้วนไปประมาณห้าร้อยเมตร มาสถานที่หนึ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นหน่วยงานหรือโรงงาน พวกเขาเข้ามาทางประตูหลัง เฉินเยี่ยนไม่เห็นป้าย เข้าไปแล้วเฉินเยี่ยน หลังเข้าไปแล้วเฉินเยี่ยนพบว่าที่พวกเขาไปคือห้องครัว เธอเข้าใจในทันที มิน่าชายอ้วนคนนี้ถึงเหมาหมด มิน่าผู้ชายคนนี้ถึงได้อ้วน ที่แท้ที่นี่คือโรงอาหาร
ในเมื่อเป็นโรงอาหาร คิดว่าจำนวนคนที่กินข้าวมีไม่น้อย ไม่ต้องเทียบกับบ้านตัวเอง ที่บ้านปริมาณกินน้อย โรงอาหารน่าจะกินได้เร็วกว่า
เฉินเยี่ยนฉีกยิ้ม เป็นโรงอาหารค่อยน่าคุยหน่อย ขอแค่พวกเขากินอร่อย อีกหน่อยเธอจะทำมากขึ้น แบบนี้ก็ไม่ต้องลำบากแล้ว
“มา พวกเจ้ามาชิมผักกาดขาวนี่สิว่ารสชาติเป็นยังไง”
ชายอ้วนให้เฉินจงวางไหลง แล้วเรียกสองคนในห้องครัวมา เรียกให้พวกเขากิน
อันที่จริงก็ไม่โทษที่ชายอ้วนเป็นแบบนี้ พวกเขาอยู่ในโรงอาหารนี้คนที่กินข้าวไม่น้อยเลย อาหารเป็นหม้อใหญ่ แค่ผัดให้สุกก็ได้แล้ว นี่ยังต้องศึกษาว่าอร่อยหรือไม่อร่อยอีก
เดิมทีอร่อยหรือไม่อร่อยทุกคนก็ต้องไม่มีสิทธิ์เลือก ในก่อนหน้านี้ในเวลาสั้นๆ มีการเปลี่ยนผู้นำ ผู้นำคนนี้มาจากในเมือง มากินข้าวที่นี่ กินไปสองคำก็วาง ไม่กินแล้วเดินออกไปเลย ภายหลังมาอีกไม่กี่ครั้ง ทุกครั้งจะกินแค่นิดเดียวแล้วเดินออกไปด้วยหน้าตาไม่สบอารมณ์ คนข้างตัวผู้นำแอบมากระซิบบอกเขา บอกว่าอาหารไม่อร่อยเลย กับข้าวก็มีแค่สองอย่าง ผู้นำกินไม่ลง ให้เขายกระดับมาตรฐานอาหารขึ้น หรือไม่ก็หาวิธีทำอาหารใหม่ๆ มา
เขาฟังแล้วก็ทั้งรู้สึกผิดทั้งเศร้า ท่านผู้นำท่านเรื่องมากขนาดนี้คนที่บ้านท่านจะรู้ไหม?
แต่บ่นไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาจึงต้องคิดหาทาง ยกระดับมาตรฐานอาหารเขายกไม่ไหว ระดับนี้ ทำได้แค่สรรหาผัก แต่ผักก็มีไชเท้า ผักกาดขาว ไม่งั้นก็ถั่วงอก เต้าหู้ เขาคิดอยากทำอาหารใหม่ๆ เขาก็คิดออกมาไม่ได้
เขาคิดไม่ได้ จึงต้องไปหา สุดท้ายเขาคิดได้ว่าวันนี้มีตลาด ไปดูว่าในตลาดจะมีอะไรใหม่ๆ เขาเดินทั่วตลาดก็ไม่เจออะไรใหม่เลย ตอนที่เขาหมดกำลังใจอยู่ก็ได้ยินสองคนพูดกันเรื่องผักกาดเผ็ด เขาถึงได้รีบไปดู อย่าพูดเลย แค่เห็นก็ว่าใหม่แล้ว กินเข้าไปรสชาติไม่เลวเลย ถึงแม้ไม่ได้ดีเลิศอะไร ไม่ถึงกับเป็นอาหารพิเศษ แต่ดีที่เป็นของใหม่ ถ้าอีกหน่อยร้านนี้มีของใหม่ๆ มา เขาก็ไม่ต้องเครียดแล้ว
เพราะแบบนี้ เขาเลยไม่กัดฟันต่อรองเฉินเยี่ยน ตกลงราคาอย่างรวดเร็ว
สองคนนั้นชิมแล้วก็รู้สึกว่าไม่แย่เลย ชายอ้วนถึงค่อยวางใจ จากนั้นให้พวกเขาเอาผักกาดเผ็ดในไหออกมา ชั่งน้ำหนัก แล้วจ่ายเงินเฉินเยี่ยน
เฉินจงนับเงิน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เฉินเยี่ยนบอกชายอ้วนถึงวิธีการเก็บ แล้วบอกพวกเขาอีกว่าถ้าผักกาดเผ็ดเปรี้ยวแล้ว อย่าเอาไปล้าง และอย่าเอาไปทิ้ง สามารถเอาไปผัดได้ จะมีรสเปรี้ยวหน่อยๆ รสชาติอร่อยมาก
ชายอ้วนรับปาก จากนั้นถามว่าที่บ้านเฉินเยี่ยนยังมีผักอะไรอีก
เพราะว่ากิมจิยังไม่เสร็จ เฉินเยี่ยนบอกเขาว่าอีกไม่กี่วันจะมาส่งกิมจิ ถ้าพวกเขาชิมแล้วชอบก็เอาไว้ ถ้าไม่ชอบ พวกเขาจะเก็บกลับ ยังไงผักกาดขาวเผ็ดก็ยังกินได้หลายวัน
“ได้สิ งั้นพวกเราจะรอ”
ชายอ้วนพยักหน้า พึงพอใจมาก
เฉินจงเอาไหเปล่าขึ้นรถ จูงรถออกไปพร้อมกับเฉินเยี่ยน เขารู้สึกเหมือนเขากำลังฝันไปอยู่ เมื่อก่อนเขาคิดว่าหาเงินลำบากมาก ผักที่บ้านตัวเองปลูกเขาเสียดายที่จะกิน เอาไปขาย เหมือนกับไปขอร้องให้คนมาซื้อ และก็ขายได้เงินไม่เท่าไร วันนี้ผักกาดเผ็ดที่ลากมา ลูกสาวใส่พริกแล้วก็หมัก แต่หักต้นทุนออกมาแล้ว วันนี้ได้เงินมาสองสามเหรียญเลยนะ
ถ้าทุกวันเป็นแบบนี้ เขาไม่กล้าคิดเลยว่าจะหาเงินได้เท่าไร คนงานในยุคนี้ทำงานเดือนหนึ่งได้กี่เหรียญเอง อย่างมากก็ได้สิบกว่าเหรียญ พวกเขาขายได้หลายครั้งก็ได้เงินมากกว่าคนงานแล้ว
แต่เฉินจงก็อยากรู้ ตลาดไม่ได้มีทุกวัน พวกเขาก็ไม่สามารถขายได้เยอะแบบนี้ทุกครั้ง แต่ได้แค่นี้เขาก็พอใจมากแล้ว ของไม่เสีย แล้วยังได้เงินอีก สายตาที่เขามองลูกสาวยิ่งอ่อนโยนเข้าไปใหญ่ เขายิ่งมั่นใจ ลูกสะใภ้อยากทะเลาะแยกบ้านกันใช่ไหม? แยกบ้านแล้ว ฝั่งพวกเขาสามารถมีชีวิตที่ดีอยู่เหมือนเดิม ดูว่าสุดท้ายแล้วใครจะเป็นตัวถ่วงกันแน่
แน่นอน เฉินจงไม่ได้หวังจะให้ลูกชายคนโตมีชีวิตที่ไม่ดี แต่เรื่องแยกบ้านทำให้จิตใจเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เขาตัดสินใจจะมีความเป็นอยู่ให้ดี ให้ฝั่งนั้นได้เห็น ให้ฝั่งบ้านช่างเหลียนเห็นเหมือนกัน ดูว่าพวกเขาจะยังรังเกียจลูกสาวอยู่หรือเปล่า
เฉินเยี่ยนไม่รู้ความคิดพ่อตัวเอง ในใจเธอก็มีความสุข ในที่สุดก็หาเงินได้แล้ว ถึงแม้จะได้ไม่กี่เหรียญ แต่นี่ก็เป็นผลจากการลงมือลงแรงของเธอ ตอนที่เธอมาใหม่ๆ ไม่มีอะไรเลย ตอนนี้เธอพอใจจริงๆ
นี่เพิ่งก้าวแรก แต่ทุกเรื่องมักจะยากตอนเริ่มต้น ขอแค่เริ่มต้นได้ดี ต่อไปก็จะง่ายแล้ว เธอค่อยๆ ขายผักสะสมเงินทุนก่อน รอจังหวะดีแล้วค่อยทำอย่างอื่น ค่อยๆ สร้างตัวทีละขั้น ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม ตอนนี้เธอคิดจะทำการใหญ่ ถึงแม้จะมีเงินทุน ก็ไม่สามารถทำได้ ดังนั้นเฉินเยี่ยนพอใจกับตอนนี้แล้ว สร้างบ้านด้วยมือเปล่า ตัวเธอต้องค่อยๆ สร้างขึ้นมาได้แน่นอน แล้วชีวิตก็ค่อยๆ ดีขึ้น ไม่เหมือนชาติที่แล้วแน่นอน
จนสองพ่อลูกกลับมาถึงบ้าน หวางนิวและหวางจวนรีบเข้ามาถาม พอรู้ว่าขายหมด หวางนิวก็ยิ้มไม่หุบ หวางจวนก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“กินอะไรกันมาหรือยัง? ในหม้อมีก๋วยเตี๋ยวอยู่ ฉันไปอุ่นให้กินนะ?”
หวางนิวถาม ตอนนี้เลยเวลามื้อเที่ยงมาแล้ว แต่เธอคิดว่าสามีและลูกสาวน่าจะยังไม่ได้กินข้าว
“ได้”
เฉินจงพยักหน้า ท้องเขาร้องจ๊อกๆ มาตั้งแต่เช้าแล้ว
ฝั่งเฉินเยี่ยนก็แอบเศร้านิดหน่อย ก๋วยเตี๋ยวอีกแล้วเหรอ เธอไม่ชอบกินก๋วยเตี๋ยวเลยจริงๆ นานๆ กินดีค่อยยังชั่วหน่อย แต่ที่นี่ปกติจะกินก๋วยเตี๋ยวมื้อเที่ยงทุกวัน เธอรู้สึกเอียนมาก แต่ที่บ้านก็ไม่มีอย่างอื่นกิน คิดดูยังมีผักกาดเผ็ดอยู่ ช่างเถอะ กินผักกาดเผ็ดเอาก็ได้
ชายอ้วนวัยกลางคนฟังคำพูดเฉินเยี่ยนแล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุมีผล พวกเขาเดินทางไกลรีบมาตลาดก็ไม่สบายเลย คิดว่าคงหาเงินได้ไม่เท่าไร ไม่อย่างนั้นตัวเขาเองเป็นถึงลูกค้าเจ้าใหญ่พวกเขายังไม่ง้อเลย ถ้าพวกเขาช่วยไปส่งของให้ก็ไม่เลว งานตัวเองจะได้น้อยลง อีกหน่อยถ้าต้องการพวกเขาก็มาส่งให้ถึงที่เลย อีกอย่างที่เฉินเยี่ยนบอกว่าบ้านเธอยังมีผักอื่นๆ อีกทำให้เขาสนใจมาก
“งั้นก็ได้ พวกเธอลากรถไปกับข้า ไปส่งให้ถึงที่ แล้วสบายใจได้เลย เงินจะไม่ขาดเลยสักสตางค์”
ชายอ้วนตอบตกลง เขาลืมไปจริงด้วย ถึงแม้เฉินเยี่ยนจะไม่ได้พูดแบบนี้ เขาซื้อผักมาแต่ไม่มีอะไรใส่ แล้วก็ไม่สามารถเอาไหของเธอกลับไปได้ด้วยสิ? ดังนั้นต้องให้พวกเขาไปส่งของให้แน่นอน แต่ตอนนี้เฉินเยี่ยนเป็นคนเสนอมาก่อน เขารู้สึกว่าเฉินเยี่ยนเป็นคนจริงใจ รอบคอบ ดังนั้นเขาเลยพอใจ
เฉินจงอึ้งไปเล็กน้อย แบบนี้ก็ได้แล้วหรือ? ไม่ต่อราคาอีกเลย? ก่อนหน้านี้เขามาขายผักที่ตลาด บางครั้งมีลุงมีป้าเขี้ยวต่อราคากับเขาแม้แต่สตางค์เดียวก็เอา นี่ทำไมถึงได้ง่ายขนาดนี้?
เฉินจงอึ้งก็อึ้ง แต่ท่าทางคล่องแคล่วว่องไว เอาเชือกจูงรถมาพาดไหล่ ลากรถไปและส่งสัญญาณให้เฉินเยี่ยนตามมา แล้วเดินตามชายอ้วนคนนั้นไป
เฉินจงไม่ได้คิดเลยว่าคนนี้จะหลอกพวกเขาหรือเปล่า มาถึงที่แล้วจะเอาผักพวกเขาแล้วไม่จ่ายเงินหรือเปล่า เพราะคนยุคนี้ยังคงซื่อสัตย์อยู่ ส่วนใหญ่พูดก็เชื่อแล้ว
เฉินจงและเฉินเยี่ยนเดินตามชายอ้วนไปประมาณห้าร้อยเมตร มาสถานที่หนึ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นหน่วยงานหรือโรงงาน พวกเขาเข้ามาทางประตูหลัง เฉินเยี่ยนไม่เห็นป้าย เข้าไปแล้วเฉินเยี่ยน หลังเข้าไปแล้วเฉินเยี่ยนพบว่าที่พวกเขาไปคือห้องครัว เธอเข้าใจในทันที มิน่าชายอ้วนคนนี้ถึงเหมาหมด มิน่าผู้ชายคนนี้ถึงได้อ้วน ที่แท้ที่นี่คือโรงอาหาร
ในเมื่อเป็นโรงอาหาร คิดว่าจำนวนคนที่กินข้าวมีไม่น้อย ไม่ต้องเทียบกับบ้านตัวเอง ที่บ้านปริมาณกินน้อย โรงอาหารน่าจะกินได้เร็วกว่า
เฉินเยี่ยนฉีกยิ้ม เป็นโรงอาหารค่อยน่าคุยหน่อย ขอแค่พวกเขากินอร่อย อีกหน่อยเธอจะทำมากขึ้น แบบนี้ก็ไม่ต้องลำบากแล้ว
“มา พวกเจ้ามาชิมผักกาดขาวนี่สิว่ารสชาติเป็นยังไง”
ชายอ้วนให้เฉินจงวางไหลง แล้วเรียกสองคนในห้องครัวมา เรียกให้พวกเขากิน
อันที่จริงก็ไม่โทษที่ชายอ้วนเป็นแบบนี้ พวกเขาอยู่ในโรงอาหารนี้คนที่กินข้าวไม่น้อยเลย อาหารเป็นหม้อใหญ่ แค่ผัดให้สุกก็ได้แล้ว นี่ยังต้องศึกษาว่าอร่อยหรือไม่อร่อยอีก
เดิมทีอร่อยหรือไม่อร่อยทุกคนก็ต้องไม่มีสิทธิ์เลือก ในก่อนหน้านี้ในเวลาสั้นๆ มีการเปลี่ยนผู้นำ ผู้นำคนนี้มาจากในเมือง มากินข้าวที่นี่ กินไปสองคำก็วาง ไม่กินแล้วเดินออกไปเลย ภายหลังมาอีกไม่กี่ครั้ง ทุกครั้งจะกินแค่นิดเดียวแล้วเดินออกไปด้วยหน้าตาไม่สบอารมณ์ คนข้างตัวผู้นำแอบมากระซิบบอกเขา บอกว่าอาหารไม่อร่อยเลย กับข้าวก็มีแค่สองอย่าง ผู้นำกินไม่ลง ให้เขายกระดับมาตรฐานอาหารขึ้น หรือไม่ก็หาวิธีทำอาหารใหม่ๆ มา
เขาฟังแล้วก็ทั้งรู้สึกผิดทั้งเศร้า ท่านผู้นำท่านเรื่องมากขนาดนี้คนที่บ้านท่านจะรู้ไหม?
แต่บ่นไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาจึงต้องคิดหาทาง ยกระดับมาตรฐานอาหารเขายกไม่ไหว ระดับนี้ ทำได้แค่สรรหาผัก แต่ผักก็มีไชเท้า ผักกาดขาว ไม่งั้นก็ถั่วงอก เต้าหู้ เขาคิดอยากทำอาหารใหม่ๆ เขาก็คิดออกมาไม่ได้
เขาคิดไม่ได้ จึงต้องไปหา สุดท้ายเขาคิดได้ว่าวันนี้มีตลาด ไปดูว่าในตลาดจะมีอะไรใหม่ๆ เขาเดินทั่วตลาดก็ไม่เจออะไรใหม่เลย ตอนที่เขาหมดกำลังใจอยู่ก็ได้ยินสองคนพูดกันเรื่องผักกาดเผ็ด เขาถึงได้รีบไปดู อย่าพูดเลย แค่เห็นก็ว่าใหม่แล้ว กินเข้าไปรสชาติไม่เลวเลย ถึงแม้ไม่ได้ดีเลิศอะไร ไม่ถึงกับเป็นอาหารพิเศษ แต่ดีที่เป็นของใหม่ ถ้าอีกหน่อยร้านนี้มีของใหม่ๆ มา เขาก็ไม่ต้องเครียดแล้ว
เพราะแบบนี้ เขาเลยไม่กัดฟันต่อรองเฉินเยี่ยน ตกลงราคาอย่างรวดเร็ว
สองคนนั้นชิมแล้วก็รู้สึกว่าไม่แย่เลย ชายอ้วนถึงค่อยวางใจ จากนั้นให้พวกเขาเอาผักกาดเผ็ดในไหออกมา ชั่งน้ำหนัก แล้วจ่ายเงินเฉินเยี่ยน
เฉินจงนับเงิน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เฉินเยี่ยนบอกชายอ้วนถึงวิธีการเก็บ แล้วบอกพวกเขาอีกว่าถ้าผักกาดเผ็ดเปรี้ยวแล้ว อย่าเอาไปล้าง และอย่าเอาไปทิ้ง สามารถเอาไปผัดได้ จะมีรสเปรี้ยวหน่อยๆ รสชาติอร่อยมาก
ชายอ้วนรับปาก จากนั้นถามว่าที่บ้านเฉินเยี่ยนยังมีผักอะไรอีก
เพราะว่ากิมจิยังไม่เสร็จ เฉินเยี่ยนบอกเขาว่าอีกไม่กี่วันจะมาส่งกิมจิ ถ้าพวกเขาชิมแล้วชอบก็เอาไว้ ถ้าไม่ชอบ พวกเขาจะเก็บกลับ ยังไงผักกาดขาวเผ็ดก็ยังกินได้หลายวัน
“ได้สิ งั้นพวกเราจะรอ”
ชายอ้วนพยักหน้า พึงพอใจมาก
เฉินจงเอาไหเปล่าขึ้นรถ จูงรถออกไปพร้อมกับเฉินเยี่ยน เขารู้สึกเหมือนเขากำลังฝันไปอยู่ เมื่อก่อนเขาคิดว่าหาเงินลำบากมาก ผักที่บ้านตัวเองปลูกเขาเสียดายที่จะกิน เอาไปขาย เหมือนกับไปขอร้องให้คนมาซื้อ และก็ขายได้เงินไม่เท่าไร วันนี้ผักกาดเผ็ดที่ลากมา ลูกสาวใส่พริกแล้วก็หมัก แต่หักต้นทุนออกมาแล้ว วันนี้ได้เงินมาสองสามเหรียญเลยนะ
ถ้าทุกวันเป็นแบบนี้ เขาไม่กล้าคิดเลยว่าจะหาเงินได้เท่าไร คนงานในยุคนี้ทำงานเดือนหนึ่งได้กี่เหรียญเอง อย่างมากก็ได้สิบกว่าเหรียญ พวกเขาขายได้หลายครั้งก็ได้เงินมากกว่าคนงานแล้ว
แต่เฉินจงก็อยากรู้ ตลาดไม่ได้มีทุกวัน พวกเขาก็ไม่สามารถขายได้เยอะแบบนี้ทุกครั้ง แต่ได้แค่นี้เขาก็พอใจมากแล้ว ของไม่เสีย แล้วยังได้เงินอีก สายตาที่เขามองลูกสาวยิ่งอ่อนโยนเข้าไปใหญ่ เขายิ่งมั่นใจ ลูกสะใภ้อยากทะเลาะแยกบ้านกันใช่ไหม? แยกบ้านแล้ว ฝั่งพวกเขาสามารถมีชีวิตที่ดีอยู่เหมือนเดิม ดูว่าสุดท้ายแล้วใครจะเป็นตัวถ่วงกันแน่
แน่นอน เฉินจงไม่ได้หวังจะให้ลูกชายคนโตมีชีวิตที่ไม่ดี แต่เรื่องแยกบ้านทำให้จิตใจเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เขาตัดสินใจจะมีความเป็นอยู่ให้ดี ให้ฝั่งนั้นได้เห็น ให้ฝั่งบ้านช่างเหลียนเห็นเหมือนกัน ดูว่าพวกเขาจะยังรังเกียจลูกสาวอยู่หรือเปล่า
เฉินเยี่ยนไม่รู้ความคิดพ่อตัวเอง ในใจเธอก็มีความสุข ในที่สุดก็หาเงินได้แล้ว ถึงแม้จะได้ไม่กี่เหรียญ แต่นี่ก็เป็นผลจากการลงมือลงแรงของเธอ ตอนที่เธอมาใหม่ๆ ไม่มีอะไรเลย ตอนนี้เธอพอใจจริงๆ
นี่เพิ่งก้าวแรก แต่ทุกเรื่องมักจะยากตอนเริ่มต้น ขอแค่เริ่มต้นได้ดี ต่อไปก็จะง่ายแล้ว เธอค่อยๆ ขายผักสะสมเงินทุนก่อน รอจังหวะดีแล้วค่อยทำอย่างอื่น ค่อยๆ สร้างตัวทีละขั้น ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม ตอนนี้เธอคิดจะทำการใหญ่ ถึงแม้จะมีเงินทุน ก็ไม่สามารถทำได้ ดังนั้นเฉินเยี่ยนพอใจกับตอนนี้แล้ว สร้างบ้านด้วยมือเปล่า ตัวเธอต้องค่อยๆ สร้างขึ้นมาได้แน่นอน แล้วชีวิตก็ค่อยๆ ดีขึ้น ไม่เหมือนชาติที่แล้วแน่นอน
จนสองพ่อลูกกลับมาถึงบ้าน หวางนิวและหวางจวนรีบเข้ามาถาม พอรู้ว่าขายหมด หวางนิวก็ยิ้มไม่หุบ หวางจวนก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“กินอะไรกันมาหรือยัง? ในหม้อมีก๋วยเตี๋ยวอยู่ ฉันไปอุ่นให้กินนะ?”
หวางนิวถาม ตอนนี้เลยเวลามื้อเที่ยงมาแล้ว แต่เธอคิดว่าสามีและลูกสาวน่าจะยังไม่ได้กินข้าว
“ได้”
เฉินจงพยักหน้า ท้องเขาร้องจ๊อกๆ มาตั้งแต่เช้าแล้ว
ฝั่งเฉินเยี่ยนก็แอบเศร้านิดหน่อย ก๋วยเตี๋ยวอีกแล้วเหรอ เธอไม่ชอบกินก๋วยเตี๋ยวเลยจริงๆ นานๆ กินดีค่อยยังชั่วหน่อย แต่ที่นี่ปกติจะกินก๋วยเตี๋ยวมื้อเที่ยงทุกวัน เธอรู้สึกเอียนมาก แต่ที่บ้านก็ไม่มีอย่างอื่นกิน คิดดูยังมีผักกาดเผ็ดอยู่ ช่างเถอะ กินผักกาดเผ็ดเอาก็ได้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ