เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก
-
เขียนโดย Xiaobei
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 16.58 น.
64 ตอน
0 วิจารณ์
48.48K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 17.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
49) ตอนที่49:คุณลุงซื้อน้อยขนาดนี้จะดีเหรอ?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่49:คุณลุงซื้อน้อยขนาดนี้จะดีเหรอ?
กว่าเฉินเยี่ยนและเฉินจงมาถึงตลาดฟ้าก็สว่างแล้ว มีแผงลอยมาตั้งไม่น้อยแล้ว
เฉินจงพาเฉินเยี่ยนไปหาพื้นที่ หาที่ที่ไกลออกมาหน่อย หนึ่งกลัวคนมาตรวจ สองพวกเขาไม่ใช่คนละแวกนี้ ถ้าได้พื้นที่ดีๆ เดี๋ยวจะมีปัญหากับคนพวกนั้นอีก ถึงเวลาเดี๋ยวจะมีเรื่อง ดังนั้นเวลาปกติเฉินจงมาตลาดก็จะหาที่ที่ค่อนข้างห่างหน่อย
เฉินเยี่ยนก็เข้าใจเรื่องพวกนี้ เธอและเฉินจงเอาผักกาดขาวเผ็ดจากในโหลและในอ่างออกมาวาง
“นี่ขายอะไรน่ะ ดูแล้วเหมือนผักกาดขาว ใส่พริกเยอะขนาดนี้ กินได้หรือ?”
พวกเขาเพิ่งวางเสร็จ คนแผงข้างๆ ก็ถาม
“นี่เรียกว่าผักกาดขาวเผ็ด ดูเหมือนเผ็ด แต่ที่จริงไม่เผ็ดเลย ลุงจากจะลองสักคำไหม?”
เฉินเยี่ยนอธิบาย แล้วยังเสนอให้ชิม บางทีแผงร้านนี้อาจจะไม่ซื้อ แต่ที่ตรงนี้ไม่ใช่ว่าไม่มีคน แล้วยังมีลูกค้าที่มาซื้อผักซื้ออะไรอีก เฉินเยี่ยนอยากจะดึงดูดพวกเขา
“ชิมได้เหรอ? งั้นเอาสิ แต่ว่าเจ้าห้ามหลอกข้านะ ถ้าเผ็ดขึ้นมา ข้าไม่มีแม้แต่หมั่วโถว ช่วยอะไรไม่ได้เลย”
ลุงคนนั้นตอบกลับมา ได้กินฟรีเขาย่อมยินดีอยู่แล้ว
เฉินเยี่ยนจะหยิบตะเกียบให้เขาหนีบ เฉินจงหยิบตะเกียบไป จากนั้นเขาหนีบขึ้นมานิดหน่อยให้คนนั้นชิม ลูกสาวตัวเองเป็นสาวเป็นแส้ จะให้ลุงมาคีบผักได้ยังไง
ลุงที่แผงนั้นรับไปกิน กินเสร็จก็พูด “จริงด้วย ไม่เผ็ดเลย แล้วยังอร่อยด้วย ให้ข้ากินอีกสักสองคำได้ไหม?”
เฉินเยี่ยนหัวเราะ ในยุคสมัยที่เวลาคนทำอาหารไม่กล้าใส่เครื่องปรุงเยอะแบบนี้ แน่นอนย่อมอร่อยอยู่แล้ว
“ลุง นี่พวกเราเอามาขาย นี่ผักกาดขาว นี่พริก ข้างในยังใส่น้ำมัน เกลือ เครื่องปรุงอีกเยอะแยะ ไม่ใช่เงินน้อยๆ เลย อีกอย่าง ของพวกนี้ต้องกินกับโจ๊ก หมั่นโถว และก๋วยเตี๋ยวถึงจะอร่อย กินเปล่าๆ มากเกินไปก็รับไม่ได้นะ”
ถึงแม้เฉินเยี่ยนจะไม่ได้ปฏิเสธอย่างชัดเจน แต่ก็พูดชัดแล้ว ว่าของนี้ต้นทุนสูง ลุงกินไปแล้ว จะมาเอาอีกได้ยังไง
อีกอย่าง กินไปแล้ว ฉันขายนะ ฉันบอกว่าของนี้ไม่ได้กินเปล่าๆ ลุงไม่น่าจะขอแล้วนะ?
“ไม่เป็นไร ข้าฟันดี กระเพาะก็ดี ไม่มีโรค กินเยอะอีกหน่อยก็ไม่เป็นไร”
คุณลุงคนนั้นไม่สนใจคำพูดของเฉินเยี่ยน แถมยังตอบกลับอีก
สีหน้าเฉินจงเริ่มเคร่งขรึมขึ้นมา เฉินเยี่ยนหมดคำพูด ลุงนี่ตะกละขนาดนี้ แม่ลุงรู้ไหมเนี่ย?
แต่ลุงพูดแบบนี้ พวกแผงข้างๆ เฉินเยี่ยนเดินเข้ามากันหลายคน ต่างสงสัย แล้วมีคนถาม “นี่ชิมได้ไหม?”
ดูคนพวกนี้แล้ว เฉินเยี่ยนพยักหน้า เธอรู้ว่าในคนพวกนี้มีคนคิดอยากจะชิม และก็มีคนคิดอยากกินแค่หนึ่งคำ แต่ก็ไม่กำจัดคนที่คิดอยากจะซื้อออกไป
เฉินจงและเฉินเยี่ยนยุ่งกัน ต่างคีบผักกาดเผ็ดให้พวกเขาชิมกันอย่างละนิด
คนที่ชิมแล้วต่างบอกว่ารสชาติไม่แย่เลย แต่ก็มีคนที่เดินออกไป มีคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ซื้อ และก็ไม่ไป แค่ดูเฉยๆ
เฉินเยี่ยนยังคงสีหน้าเดิม ไม่มีความโกรธ ถ้าทุกคนซื้อคนหมด เธอคงไม่ต้องกังวลแล้ว
“ขายยังไง?”
มีหญิงวัยกลางคนถามขึ้นมา เมื่อกี้เธอก็ชิมไป รู้สึกว่าอร่อยมาก ถ้าถูก ก็จะซื้อกลับไปให้คนที่บ้านได้ลองชิมของใหม่
เฉินเยี่ยนบอกราคาไป เธอเอาค่าผักกากขาว ค่าพริก และค่าเครื่องปรุงมาคำนวณรวมกัน ราคานี้ครึ่งกิโลจะขายได้สิบสตางค์เลย ฟังดูแล้วไม่เยอะ แต่คำนวณออกมาแล้วก็ไม่แย่เลย ถ้าราคาแพงไป คิดว่าคงไม่มีใครซื้อ
“แพงขนาดนี้? ผักกาดขาวยังแพงขนาดนี้ ฉันซื้อกินไม่ไหว”
หญิงวัยกลางคนพูดจบก็หิ้วตะกร้าผักเดินไป
เฉินเยี่ยนไม่ได้โกรธ เธอเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย
“ถูกกว่านี้หน่อยได้ไหม? ถ้าถูกลง ข้าจะซื้อ”
ยังมีคนพูดขึ้นมา
“คุณลุง ขอโทษด้วยค่ะ ผักกาดขาวนี่ไม่แพงเลย พวกเราซื้อกินกันไหว พริกก็ไม่แพง แต่น้ำมัน เกลือแล้วยังมีพวกเครื่องปรุงที่อยู่ข้างในนี่สิ นี่ไม่ถือว่าน้อยเลยนะ ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่ออกรสชาติ ถ้าไม่อร่อย สู้ผัดผักกาดขาวกินไปเลยดีกว่า ของพวกนี้ต้องใช้ผักกาดขาวหลายกิโลกรีมกว่าจะหมักออกมาได้แค่ครึ่งกิโลกรัม กินผักกาดขาวมื้อหนึ่งต้องใช้จานใหญ่ แต่ของนี่แต่ชามใบเล็กก็พอกินกันทั้งบ้านแล้ว ดังนั้นราคานี้ไม่แพงจริงๆ พวกเราก็ไม่ได้กำไรเท่าไร”
เฉินเยี่ยนอธิบายอย่างใจเย็น
“งั้นเอามาให้ข้าห้าสิบกรัม”
ลุงคนนั้นคิดแล้ว ตัดสินใจซื้อกลับไปหน่อย เอาไปกินให้ได้รสชาติใหม่ๆ
ห้าสิบกรัม เฉินเยี่ยนเกือบจะคุกเข่าลงแล้ว คุณลุงซื้อน้อยขนาดนี้จะดีเหรอ?
“ได้”
ฝั่งเฉินจงตกลงแล้ว เขาคิดว่าคนซื้อเท่าไรก็ขายเท่านั้น ขอแค่ขายได้ก็พอแล้ว อีกอย่างถึงแม้จะแค่ห้าสิบกรัม แต่ขายได้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
เฉินจงหยิบตาชั่งมาชั่งห้าสิบกรัม เฉินเยี่ยนหยิบใบผักกาดขาวมาห่อให้ลุงคนนั้น ช่วยไม่ได้ ยุคนี้ไม่มีถุงพลาสติก ส่วนใหญ่จะใช้ใบไม้ห่อของ ส่วนพวกกระดาษ ถือเป็นของแพง จะห่อผักกาดเผ็ดก็ไม่สะดวก
มีลุงคนนั้นมาประเดิม ต่อมาก็มีอีกหลายคนมาซื้อ แต่ไม่เยอะ ห้าสิบกรัม หนึ่งร้อยกรัม อย่างมากสุดก็หนึ่งร้อยห้าสิบกรัม
ขายทีละห้าสิบกรัมแบบนี้ จนตอนที่ตลาดใกล้จะวาย อ่างนั้นของพวกเขาก็ขายหมดแล้ว
เฉินจงดีใจ เฉินเยี่ยนกลับรู้สึกปวดหัว ยังมีอีกหนึ่งไหนะ เธอหวังจะขายให้หมด ระหว่างทางเธอถามแล้ว อีกตั้งสองวันกว่าจะมีตลาดนดำครั้งต่อไป ส่วนที่นี่กว่าจะมาตลาดอีกครั้งก็อีกตั้งหลายวัน ที่บ้านยังทำผักกาดเผ็ดไว้อยู่อีก ถ้าขายน้อยไปก็ไม่ดี
แต่เธอรีบไปก็ทำอะไรไม่ได้ รีบไปเธอก็ไม่สามารถไปลากคนอื่นมาซื้อผักกาดขาวเผ็ดของเธอได้ โชคดีที่อากาศตอนนี้ไม่ถือว่าร้อน สามารถวางไว้ได้หลายวัน ไม่อย่างนั้นเธอต้องร้องไห้จริงๆ แน่
“เอ้ย ยังมีผักกาดขาวอะไรนั่นขายอยู่ไหม?”
ตอนที่ทั้งสองคนกำลังจะเก็บของก็มีผู้ชายอ้วนคนหนึ่งเดินมา ยุคนี้คนอ้วนไม่เยอะ ผู้ชายคนนี้อ้วนแทบจะเท่ากับคนสองคน
“มี มี ต้องการเท่าไร?”
เฉินจงรีบพยักหน้า
“เอามาให้ข้าชิมก่อน ยังไม่รู้เลยว่าอร่อยหรือเปล่า”
สีหน้าผู้ชายอ้วนดูไม่ดีเลย ก็คงใช่ ชายอ้วนคนนี้รีบมา ดังนั้นตอนนี้เลยหอบนิดหน่อย
เฉินจงใช้ตะเกียบคีบให้เขา
ชายอ้วนคนนั้นไม่เหมือนคนที่มาชิมพวกนั้น เขาชิมรสชาติอย่างช้าๆ ชิมเสร็จเขามองเฉินจงและเฉินเยี่ยนแวบหนึ่ง ตอนที่มองเฉินเยี่ยน สายตาเขาหยุดอยู่ที่เธออยู่สองวินาที
“ถ้าข้าจะเหมาหมด ลดราคาให้หน่อยได้ไหม?”
ชายอ้วนถาม
เฉินจงกำลังจะพูด ส่วนเฉินเยี่ยนพูดขึ้นมา “คุณลุง ราคานี้ลดไม่ได้แล้ว”
เธอพูดแบบนี้ออกไปสีหน้าชายอ้วนดูไม่ค่อยดีนัก เฉินจงใจร้อน นี่ถือเป็นลูกค้ารายใหญ่ ถ้าจะเหมาหมด ลดให้หน่อยก็ยังได้
“แต่คุณลุง ถ้าลุงจะเหมาหมด พวกเราไปส่งของให้ได้ ลุงบอกมาว่าลุงอยู่ที่ไหน เดี๋ยวพวกเราจะไปส่งให้ ไม่อย่างนั้นของเยอะขนาดนั้น ลุกถือไปก็ไม่สะดวก และไม่มีภาชนะใส่ ถ้าอีกหน่อยลุงจะซื้ออีก พวกเราเอาของไปส่งให้ลุงเลย บ้านพวกเรายังมีผักชนิดอื่นอีกนะคะ ถ้าลุงชอบ ครั้งหน้าพวกเราจะเอาผักอื่นๆ อย่างละนิดมาให้ลุงชิม คุณลุงคะ พวกเราอยู่ไกลจากที่นี่ หาเงินลำบาก ถ้าน้อยเกินไป ก็ถือว่ามาเสียเที่ยวแล้ว”
เฉินเยี่ยนรู้ความคิดของทั้งสองคน แต่เธอไม่คิดจะลดให้ คุณเป็นลูกค้า ฉันสามารถบริการให้ได้ คิดว่าฝ่ายตรงข้ามน่าจะยอม ไม่อย่างนั้นคงไม่เสนอจะเหมาทั้งหมด
กว่าเฉินเยี่ยนและเฉินจงมาถึงตลาดฟ้าก็สว่างแล้ว มีแผงลอยมาตั้งไม่น้อยแล้ว
เฉินจงพาเฉินเยี่ยนไปหาพื้นที่ หาที่ที่ไกลออกมาหน่อย หนึ่งกลัวคนมาตรวจ สองพวกเขาไม่ใช่คนละแวกนี้ ถ้าได้พื้นที่ดีๆ เดี๋ยวจะมีปัญหากับคนพวกนั้นอีก ถึงเวลาเดี๋ยวจะมีเรื่อง ดังนั้นเวลาปกติเฉินจงมาตลาดก็จะหาที่ที่ค่อนข้างห่างหน่อย
เฉินเยี่ยนก็เข้าใจเรื่องพวกนี้ เธอและเฉินจงเอาผักกาดขาวเผ็ดจากในโหลและในอ่างออกมาวาง
“นี่ขายอะไรน่ะ ดูแล้วเหมือนผักกาดขาว ใส่พริกเยอะขนาดนี้ กินได้หรือ?”
พวกเขาเพิ่งวางเสร็จ คนแผงข้างๆ ก็ถาม
“นี่เรียกว่าผักกาดขาวเผ็ด ดูเหมือนเผ็ด แต่ที่จริงไม่เผ็ดเลย ลุงจากจะลองสักคำไหม?”
เฉินเยี่ยนอธิบาย แล้วยังเสนอให้ชิม บางทีแผงร้านนี้อาจจะไม่ซื้อ แต่ที่ตรงนี้ไม่ใช่ว่าไม่มีคน แล้วยังมีลูกค้าที่มาซื้อผักซื้ออะไรอีก เฉินเยี่ยนอยากจะดึงดูดพวกเขา
“ชิมได้เหรอ? งั้นเอาสิ แต่ว่าเจ้าห้ามหลอกข้านะ ถ้าเผ็ดขึ้นมา ข้าไม่มีแม้แต่หมั่วโถว ช่วยอะไรไม่ได้เลย”
ลุงคนนั้นตอบกลับมา ได้กินฟรีเขาย่อมยินดีอยู่แล้ว
เฉินเยี่ยนจะหยิบตะเกียบให้เขาหนีบ เฉินจงหยิบตะเกียบไป จากนั้นเขาหนีบขึ้นมานิดหน่อยให้คนนั้นชิม ลูกสาวตัวเองเป็นสาวเป็นแส้ จะให้ลุงมาคีบผักได้ยังไง
ลุงที่แผงนั้นรับไปกิน กินเสร็จก็พูด “จริงด้วย ไม่เผ็ดเลย แล้วยังอร่อยด้วย ให้ข้ากินอีกสักสองคำได้ไหม?”
เฉินเยี่ยนหัวเราะ ในยุคสมัยที่เวลาคนทำอาหารไม่กล้าใส่เครื่องปรุงเยอะแบบนี้ แน่นอนย่อมอร่อยอยู่แล้ว
“ลุง นี่พวกเราเอามาขาย นี่ผักกาดขาว นี่พริก ข้างในยังใส่น้ำมัน เกลือ เครื่องปรุงอีกเยอะแยะ ไม่ใช่เงินน้อยๆ เลย อีกอย่าง ของพวกนี้ต้องกินกับโจ๊ก หมั่นโถว และก๋วยเตี๋ยวถึงจะอร่อย กินเปล่าๆ มากเกินไปก็รับไม่ได้นะ”
ถึงแม้เฉินเยี่ยนจะไม่ได้ปฏิเสธอย่างชัดเจน แต่ก็พูดชัดแล้ว ว่าของนี้ต้นทุนสูง ลุงกินไปแล้ว จะมาเอาอีกได้ยังไง
อีกอย่าง กินไปแล้ว ฉันขายนะ ฉันบอกว่าของนี้ไม่ได้กินเปล่าๆ ลุงไม่น่าจะขอแล้วนะ?
“ไม่เป็นไร ข้าฟันดี กระเพาะก็ดี ไม่มีโรค กินเยอะอีกหน่อยก็ไม่เป็นไร”
คุณลุงคนนั้นไม่สนใจคำพูดของเฉินเยี่ยน แถมยังตอบกลับอีก
สีหน้าเฉินจงเริ่มเคร่งขรึมขึ้นมา เฉินเยี่ยนหมดคำพูด ลุงนี่ตะกละขนาดนี้ แม่ลุงรู้ไหมเนี่ย?
แต่ลุงพูดแบบนี้ พวกแผงข้างๆ เฉินเยี่ยนเดินเข้ามากันหลายคน ต่างสงสัย แล้วมีคนถาม “นี่ชิมได้ไหม?”
ดูคนพวกนี้แล้ว เฉินเยี่ยนพยักหน้า เธอรู้ว่าในคนพวกนี้มีคนคิดอยากจะชิม และก็มีคนคิดอยากกินแค่หนึ่งคำ แต่ก็ไม่กำจัดคนที่คิดอยากจะซื้อออกไป
เฉินจงและเฉินเยี่ยนยุ่งกัน ต่างคีบผักกาดเผ็ดให้พวกเขาชิมกันอย่างละนิด
คนที่ชิมแล้วต่างบอกว่ารสชาติไม่แย่เลย แต่ก็มีคนที่เดินออกไป มีคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ซื้อ และก็ไม่ไป แค่ดูเฉยๆ
เฉินเยี่ยนยังคงสีหน้าเดิม ไม่มีความโกรธ ถ้าทุกคนซื้อคนหมด เธอคงไม่ต้องกังวลแล้ว
“ขายยังไง?”
มีหญิงวัยกลางคนถามขึ้นมา เมื่อกี้เธอก็ชิมไป รู้สึกว่าอร่อยมาก ถ้าถูก ก็จะซื้อกลับไปให้คนที่บ้านได้ลองชิมของใหม่
เฉินเยี่ยนบอกราคาไป เธอเอาค่าผักกากขาว ค่าพริก และค่าเครื่องปรุงมาคำนวณรวมกัน ราคานี้ครึ่งกิโลจะขายได้สิบสตางค์เลย ฟังดูแล้วไม่เยอะ แต่คำนวณออกมาแล้วก็ไม่แย่เลย ถ้าราคาแพงไป คิดว่าคงไม่มีใครซื้อ
“แพงขนาดนี้? ผักกาดขาวยังแพงขนาดนี้ ฉันซื้อกินไม่ไหว”
หญิงวัยกลางคนพูดจบก็หิ้วตะกร้าผักเดินไป
เฉินเยี่ยนไม่ได้โกรธ เธอเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย
“ถูกกว่านี้หน่อยได้ไหม? ถ้าถูกลง ข้าจะซื้อ”
ยังมีคนพูดขึ้นมา
“คุณลุง ขอโทษด้วยค่ะ ผักกาดขาวนี่ไม่แพงเลย พวกเราซื้อกินกันไหว พริกก็ไม่แพง แต่น้ำมัน เกลือแล้วยังมีพวกเครื่องปรุงที่อยู่ข้างในนี่สิ นี่ไม่ถือว่าน้อยเลยนะ ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่ออกรสชาติ ถ้าไม่อร่อย สู้ผัดผักกาดขาวกินไปเลยดีกว่า ของพวกนี้ต้องใช้ผักกาดขาวหลายกิโลกรีมกว่าจะหมักออกมาได้แค่ครึ่งกิโลกรัม กินผักกาดขาวมื้อหนึ่งต้องใช้จานใหญ่ แต่ของนี่แต่ชามใบเล็กก็พอกินกันทั้งบ้านแล้ว ดังนั้นราคานี้ไม่แพงจริงๆ พวกเราก็ไม่ได้กำไรเท่าไร”
เฉินเยี่ยนอธิบายอย่างใจเย็น
“งั้นเอามาให้ข้าห้าสิบกรัม”
ลุงคนนั้นคิดแล้ว ตัดสินใจซื้อกลับไปหน่อย เอาไปกินให้ได้รสชาติใหม่ๆ
ห้าสิบกรัม เฉินเยี่ยนเกือบจะคุกเข่าลงแล้ว คุณลุงซื้อน้อยขนาดนี้จะดีเหรอ?
“ได้”
ฝั่งเฉินจงตกลงแล้ว เขาคิดว่าคนซื้อเท่าไรก็ขายเท่านั้น ขอแค่ขายได้ก็พอแล้ว อีกอย่างถึงแม้จะแค่ห้าสิบกรัม แต่ขายได้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
เฉินจงหยิบตาชั่งมาชั่งห้าสิบกรัม เฉินเยี่ยนหยิบใบผักกาดขาวมาห่อให้ลุงคนนั้น ช่วยไม่ได้ ยุคนี้ไม่มีถุงพลาสติก ส่วนใหญ่จะใช้ใบไม้ห่อของ ส่วนพวกกระดาษ ถือเป็นของแพง จะห่อผักกาดเผ็ดก็ไม่สะดวก
มีลุงคนนั้นมาประเดิม ต่อมาก็มีอีกหลายคนมาซื้อ แต่ไม่เยอะ ห้าสิบกรัม หนึ่งร้อยกรัม อย่างมากสุดก็หนึ่งร้อยห้าสิบกรัม
ขายทีละห้าสิบกรัมแบบนี้ จนตอนที่ตลาดใกล้จะวาย อ่างนั้นของพวกเขาก็ขายหมดแล้ว
เฉินจงดีใจ เฉินเยี่ยนกลับรู้สึกปวดหัว ยังมีอีกหนึ่งไหนะ เธอหวังจะขายให้หมด ระหว่างทางเธอถามแล้ว อีกตั้งสองวันกว่าจะมีตลาดนดำครั้งต่อไป ส่วนที่นี่กว่าจะมาตลาดอีกครั้งก็อีกตั้งหลายวัน ที่บ้านยังทำผักกาดเผ็ดไว้อยู่อีก ถ้าขายน้อยไปก็ไม่ดี
แต่เธอรีบไปก็ทำอะไรไม่ได้ รีบไปเธอก็ไม่สามารถไปลากคนอื่นมาซื้อผักกาดขาวเผ็ดของเธอได้ โชคดีที่อากาศตอนนี้ไม่ถือว่าร้อน สามารถวางไว้ได้หลายวัน ไม่อย่างนั้นเธอต้องร้องไห้จริงๆ แน่
“เอ้ย ยังมีผักกาดขาวอะไรนั่นขายอยู่ไหม?”
ตอนที่ทั้งสองคนกำลังจะเก็บของก็มีผู้ชายอ้วนคนหนึ่งเดินมา ยุคนี้คนอ้วนไม่เยอะ ผู้ชายคนนี้อ้วนแทบจะเท่ากับคนสองคน
“มี มี ต้องการเท่าไร?”
เฉินจงรีบพยักหน้า
“เอามาให้ข้าชิมก่อน ยังไม่รู้เลยว่าอร่อยหรือเปล่า”
สีหน้าผู้ชายอ้วนดูไม่ดีเลย ก็คงใช่ ชายอ้วนคนนี้รีบมา ดังนั้นตอนนี้เลยหอบนิดหน่อย
เฉินจงใช้ตะเกียบคีบให้เขา
ชายอ้วนคนนั้นไม่เหมือนคนที่มาชิมพวกนั้น เขาชิมรสชาติอย่างช้าๆ ชิมเสร็จเขามองเฉินจงและเฉินเยี่ยนแวบหนึ่ง ตอนที่มองเฉินเยี่ยน สายตาเขาหยุดอยู่ที่เธออยู่สองวินาที
“ถ้าข้าจะเหมาหมด ลดราคาให้หน่อยได้ไหม?”
ชายอ้วนถาม
เฉินจงกำลังจะพูด ส่วนเฉินเยี่ยนพูดขึ้นมา “คุณลุง ราคานี้ลดไม่ได้แล้ว”
เธอพูดแบบนี้ออกไปสีหน้าชายอ้วนดูไม่ค่อยดีนัก เฉินจงใจร้อน นี่ถือเป็นลูกค้ารายใหญ่ ถ้าจะเหมาหมด ลดให้หน่อยก็ยังได้
“แต่คุณลุง ถ้าลุงจะเหมาหมด พวกเราไปส่งของให้ได้ ลุงบอกมาว่าลุงอยู่ที่ไหน เดี๋ยวพวกเราจะไปส่งให้ ไม่อย่างนั้นของเยอะขนาดนั้น ลุกถือไปก็ไม่สะดวก และไม่มีภาชนะใส่ ถ้าอีกหน่อยลุงจะซื้ออีก พวกเราเอาของไปส่งให้ลุงเลย บ้านพวกเรายังมีผักชนิดอื่นอีกนะคะ ถ้าลุงชอบ ครั้งหน้าพวกเราจะเอาผักอื่นๆ อย่างละนิดมาให้ลุงชิม คุณลุงคะ พวกเราอยู่ไกลจากที่นี่ หาเงินลำบาก ถ้าน้อยเกินไป ก็ถือว่ามาเสียเที่ยวแล้ว”
เฉินเยี่ยนรู้ความคิดของทั้งสองคน แต่เธอไม่คิดจะลดให้ คุณเป็นลูกค้า ฉันสามารถบริการให้ได้ คิดว่าฝ่ายตรงข้ามน่าจะยอม ไม่อย่างนั้นคงไม่เสนอจะเหมาทั้งหมด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ