เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก
เขียนโดย Xiaobei
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 16.58 น.
แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 17.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
30) ตอนที่30:รางวัล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่30:รางวัล
หลังจากคนในเมืองมาเปิดสุสานเอาของไปแล้ว เฉินจงก็ตามไปในเมืองด้วย กลับมาจากเมืองก็ไปเขต จากอำเภอกลับมา เขาก็ถูกเชิญไปที่คณะ
เลขานุการคณะ ผู้อำนวยการสหพันธ์สตรี หัวหน้าหมู่บ้านอื่นสองคนอยู่กันครบ พวกเขาเชิญเฉินจงให้นั่งลง พูดจาให้เกียรติมาก
เฉินจงโล่งใจ ชั่วชีวิตนี้เขาไม่เคยใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติแบบนี้มาก่อน ได้พบคนในเมือง แล้วยังได้พูดคุยกับพวกผู้นำพวกนี้ ผู้นำยกย่องว่าเขามีจิตสำนึกสูง ที่เขตก็มีคนมารับเขา อำเภอก็ยกย่องเขาเช่นกัน บอกว่าเขาเป็นหน้าเป็นตาให้กับอำเภอ
ตอนกลับมาเลขานุการคณะพวกนี้ก็เชิญเขามา นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ว่าเฉินจงไม่ได้ตัวลอย เขายิ้มแล้วเล่าสถาการณ์ให้ฟัง จากนั้นนำรางวัลกลับมา มีจากเมือง เขต อำเภอต่างมอบให้เขา ไม่เพียงแต่ยกย่องเขา แต่ยังยกย่องคณะและหมู่บ้านอีกด้วย
“นี่เป็นเกียรติของพวกเราจริงๆ นี่ต้องนำไปแปะไว้ที่คณะ ให้คนที่มาได้เห็น”
เลขานุการคณะยืดตัวขึ้น อันที่จริงเขาอยากจะเป็นตัวแทนคณะไปที่เมือง ที่เขต ที่อำเภอ แต่พวกนั้นไม่ได้เชิญเขา เขาเลือกชื่อเฉินจงให้ไป ดังนั้นเรื่องออกหน้านี้ จึงต้องเป็นเฉินจงแล้ว แต่มีของรางวัล ของรางวัลนี้มอบให้คณะและหมู่บ้าน ไม่ได้ให้เฉินจงคนเดียว
“น้องจง นอกจากนี้แล้วยังมีอย่างอื่นอีกหรือเปล่า?”
หวางต้าหมินถามเฉินจง
“อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรแล้ว หัวหน้านายอำเภอพูดกับข้าว่า ภายหลังถ้าเจอสุสานแบบนี้อีก ให้รีบแจ้งอำเภอ ถึงแม้จะไม่ได้ให้รางวัลอะไร แต่หัวหน้านายอำเภอก็บอกว่าคนในหมู่บ้านเราไม่เกียจคร้าน อีกหน่อยถ้ามีเรื่องอะไร เขาก็จะคิดถึงหมู่บ้านเรา ถ้ามีเวลาเขาก็จะมาเยี่ยมหมู่บ้านเราด้วย”
หวางต้าหมินเอาคำพูดของหัวหน้านายอำเภอมาบอกต่อให้ทุกคนฟัง
“นี่เป็นเรื่องดี อำเภอเรามีหลายหมู่บ้าน จะมีกี่หมู่บ้านที่จำได้? หมู่บ้านพวกเราด้อยพัฒนากว่า แล้วก็จนด้วย แต่ไหนแต่ไรไม่เคยได้ออกหน้า ตอนนี้หัวหน้าอำเภอจำหมู่บ้านเราได้แล้ว อีกหน่อยพวกเราไปประชุมที่อำเภอ ไม่แน่หัวหน้านายอำเภอจะให้ความสำคัญพวกเราบ้าง ถ้าอนาคตอำเภอมีเรื่องอะไร หัวหน้านายอำเภอคิดถึงหมู่บ้านของเรา นั้นเป็นเรื่องที่ดีมาก ครั้งนี้ต้องขอบคุณน้องเฉิน ทำเรื่องนี้ได้ดีมาก”
เลขานุการคณะพอใจมาก แสดงความชื่นชมเฉินจง
อันที่จริงแล้วเลขานุการคณะพูดคือเรื่องจริง ในคณะพวกเขามีสองหมู่บ้าน ค่อนข้างจะล้าหลัง เทียบกับคณะอื่นแล้ว มาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่ต่ำกว่ามาก มีเรื่องอะไรดีๆ ก็มาไม่ถึงคณะของเขา ตอนนี้หัวหน้านายอำเภอจำพวกเขาได้แล้ว นับเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ
เลขานุการคณะพูดแบบนี้ หวางต้าหมินก็หัวเราะขึ้นมา พวกเขาและเลขาถึงแม้จะอยู่คณะภาคส่วนเดียวกัน แต่เขาและเฉินจงเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน เลขานุการคณะอยู่คนละหมู่บ้าน ตอนนี้หมู่บ้านพวกเขาได้รับคำชื่นชม เขารู้สึกว่าเขาได้หน้าในคณะขึ้นมา
“ถูกต้อง งั้นผมกลับไปประชุมที่หมู่บ้าน บอกเล่าสถานการณ์ให้ทุกคนฟัง เพื่อให้ทุกคนดีใจ”
หวางต้าหมินรู้สึกว่าเรื่องได้หน้าได้ตา ได้ใบประกาศเกียรติคุณมาหลายใบ ในบรรดาหมู่บ้านละแวกนี้ พวกเขานำหน้าไปแล้ว
หวางต้าหมินและเฉินจงกลับหมู่บ้านมาด้วยกัน จากนั้นพวกเขาต่างเรียกให้แต่ละบ้านมาประชุมกัน บอกเล่าเหตุการณ์ คนหนุ่มคนแก่ในหมู่บ้านต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ คนในยุคนี้ต่างมีความเชื่อทางจิตใจมากเหลือเกิน ได้รับใบประกาศเกียรติคุณ ถึงแม้จะไม่ใช่ของที่เป็นประโยชน์ แต่พวกเขาก็รู้สึกเป็นเกียรติมาก
เฉินเยี่ยนรู้เรื่องพวกนี้เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย นอกจากใบประกาศเกียรติคุณแล้วไม่มีอย่างอื่นเลยหรือ? แต่ตอนที่มีคนเยอะเธอไม่ได้ถามเฉินจง วันรุ่งขึ้น เธอหาเวลาตอนที่ไม่มีคนตามเฉินจงเข้าไปในห้อง
ได้ยินคำพูดเฉินเยี่ยน เฉินจงเงียบไปพักหนึ่ง เค้าล้วงผ้าผืนหนึ่งออกมาจากเสื้อยื่นให้เฉินเยี่ยน
เฉินเยี่ยนเปิดดูแล้วอึ้งไปเล็กน้อย นี่เป็นตั๋วนี่?
เธอดูอย่างละเอียด ตั๋วผ้า ตั๋วน้ำมัน แล้วยังมีตั๋วธัญพืช
ตั๋วธัญพืชห้าสิบชั่ง ตั๋วน้ำมันสามชั่ง ตั๋วผ้ามีสองใบ ใบหนึ่งหนึ่งจ้าง[1] อีกใบได้ห้าฟุต
“นี่เป็นของที่ในเมือง เขต และอำเภอให้มา พ่อไม่กล้าเอาออกมา มีแค่นี้ ถ้าจะแบ่ง อย่าว่าแต่คณะเลย คนในหมู่บ้านพวกเราเองจะพอแบ่งที่ไหน ถ้าแบ่งไม่เท่ากัน เดี๋ยวก็มีเรื่องอีก ถึงแม้พ่อจะเอาออกมาหมด ไม่แน่พวกเขาจะคิดว่าพ่อมีเก็บไว้เองบางส่วน ยังไงก็ต้องคิดไม่ดีกับพ่อ ดังนั้นตอนที่พวกเขาถาม พ่อเลยไม่ได้บอก”
เฉินจงไม่ได้ปิดบังลูกสาว
“พ่อ พ่อทำถูกแล้ว ถึงแม้พ่อจะเอาออกมา ไม่แน่คนในคณะอาจจะเอาไปแบ่งกันเอง ถึงแม้พวกเขาไม่แบ่ง คนเยอะขนาดนี้ก็ไม่พอแบ่ง คนอื่นยังอาจจะคิดได้ว่าพวกเราซ่อนไว้อีกก็ได้ ตอนนี้ไม่เอาออกมา พวกเขาไม่รู้ กลับเป็นเรื่องดีค่ะ”
เฉินเยี่ยนเข้าใจความคิดเฉินจง ถ้าเป็นเธอ เธอก็จะทำแบบนี้เหมือนกัน แต่เธออาจจะมีความคิดเห็นแก่ตัวกว่าเฉินจงอีก นี่เป็นของรางวัลของเธอ ทำไมเธอจะต้องแบ่งให้คนอื่นด้วย แต่ที่เฉินจงคิดคือกลัวว่าจะแบ่งกันไม่พอแล้วจะเกิดความขัดแย้งกันได้
ตอนนี้เฉินจงเอาออกมาให้ตัวเองดูแล้ว หมายความว่าตอนนี้พ่อคนนี้ไม่เพียงแต่เชื่อใจตัวเอง เขายังให้ความสำคัญกับเธออีกด้วย ไม่อย่างนั้นลูกผู้หญิงคนเดียว เขาไม่จำเป็นต้องบอกเธอก็ได้
ได้ยินลูกสาวพูดแบบนี้แล้ว เฉินจงค่อยถอนหายใจออกมา อันที่จริงการไม่แจกแจงออกมาเขารู้สึกอึดอัดใจ รู้สึกผิด ตอนนี้ลูกสาวกับเขามีความเห็นแบบเดียวกัน เขารู้สึกว่าที่ตัวเองทำแบบนี้ไม่ผิด ถ้าเอาออกมา แล้วไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจได้ นั่นยิ่งจะทำให้คนอื่นโจมตีเขาได้ เขาไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้น
“พ่อคะ พ่อคิดจะทำยังไงกับของพวกนี้?”
เฉินเยี่ยนถามอีกครั้ง
“พ่อไม่คิดจะบอกแม่ ลูกก็รู้ว่าแม่เป็นคนซื่อๆ พ่อกลัวว่าเดี๋ยวไปคุยกับคนอื่นแล้วจะหลุดปากได้ พี่ชายลูกก็บอกไม่ได้เหมือนกัน ถ้าเขาเอาไปเล่าให้พี่สะใภ้ลูกฟัง พี่สะใภ้ลูกต้องก่อเรื่องแน่ เสี่ยวเวยก็ห้ามบอก เรื่องนี้รู้กันแค่เราสองคนพอแล้ว”
ที่เฉินจงบอกลูกสาวคนโตเป็นเพราะเขารู้สึกว่านับวันลูกสาวคนโตยิ่งมีความคิดความอ่าน อีกอย่างตอนแรกคนที่บอกว่าไม่ให้ทำลายของพวกนั้น ก็เป็นความคิดของลูกสาวคนโต พูดแล้วนี่ถือว่าได้ผลประโยชน์เพราะลูกสาวคนโตเลย
เฉินเยี่ยนพยักหน้า เธอก็เห็นด้วยกับความคิดของเฉินจง ไม่บอกใครเป็นดีที่สุด
“พูดถึงพี่สะใภ้ลูก เธอยังไม่กลับมาเลย แม่ลูกพูดกับพ่ออย่างหัวเสีย จะให้พี่ชายลูกไปรับเธอกลับมา ลูกว่ายังไง?”
เฉินจงถามเฉินเยี่ยน คืนนั้นเขาฟังหวางนิวเล่าว่าทำไมลูกสะใภ้ถึงกลับบ้านพ่อแม่ พูดตามจริงเขาก็โกรธ ลูกสะใภ้จะตีจะด่าจะไม่มีใจให้ที่บ้านไม่ว่าอะไร แต่นี่ถึงขั้นลงมือผลักภรรยา แล้วยังไล่ลูกสาวออกจากบ้าน อีกทั้งยังให้เฉินกุ้ยตบหน้าลูกสาวให้ยับ ยังมาเรียกให้ลูกสาวคุกเข่ายอมรับผิดให้เธอ เธอคิดว่าเธอเป็นใครกัน? ลูกหลานกษัตริย์หรือยังไง? ยังแกล้งคนแบบนี้อยู่อีกหรือ!
เขาไม่เสียดายที่ลูกสาวตบช่างเหลียนเลยสักนิด ลูกสะใภ้แบบนี้ควรโดนตบ ดังนั้นตอนที่หวางนิวถามเขาว่าวันรุ่งขึ้นจะไปรับช่างเหลียนไหม เขาไม่ให้ไป เพราะเขาไม่ให้ หลายวันนี้เฉินกุ้ยเลยไม่ได้ไปรับช่างเหลียน
“พ่อคะ หนูว่าไม่ต้องไม่รับหรอกค่ะ ไปรับมาพี่ชายต้องลำบากอีก ตอนนี้เรื่องผ่านไปแล้ว เดี๋ยวช่างเหลียนรู้ว่าบ้านเราไม่โดนอะไร แล้วยังได้ใบประกาศเกียรติคุณอีก เธอต้องอยู่บ้านพ่อแม่เธอไม่ไหวแน่ ไม่แน่เธออาจจะคิดว่าบ้านเราได้ผลประโยชน์อะไรมาบ้าง แล้วรีบกลับมาก็ได้ พ่อคอยดูเถอะ พี่ชายไม่ไปรับเธอ ไม่เกินสามวัน เธอต้องกลับมาแน่นอน”
เฉินเยี่ยนบอกความเห็นเธอ
“นั่นสิ งั้นก็ไม่ต้องไปรับ”
เฉินจงคิดว่าลูกสาวพูดถูก เขาก็คิดแบบนี้เหมือนกัน
[1]หน่วยวัดของจีนโบราณ หนึ่งจ้างเท่ากับสิบฟุต
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ