เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก
-
เขียนโดย Xiaobei
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 16.58 น.
64 ตอน
0 วิจารณ์
48.57K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 17.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) ตอนที่13: ใส่ไฟ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่13: ใส่ไฟ
ฝั่งอวี๋เหวยหมินกำลังกรอดฟันใส่เฉินเยี่ยน ฝั่งนี้ก็มีคนพูดขึ้นมา
“คิดไม่ถึงลูกสาวคนเล็กของบ้านเฉินจะใจกล้าคิดเรื่องนี้ ทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ ดูไม่ออกเลยจริงๆ ลูกชายบ้านอวี๋นี่...”
หวางต้าหมินพูดขึ้นมาหนึ่งประโยค ลูกชายบ้านอวี๋เป็นยังไง เขาไม่ได้พูด แต่ความหมายท้ายประโยคทุกคนต่างเข้าใจ ผู้อาวุโสทั้งสองคนต่างก็ส่ายหัว พวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าอวี๋เหวยหมินจะพูดแบบนี้ออกมา ช่างหน้าอายจริงๆ
อวี๋เหวยหมินถึงค่อยรู้สึกตัว เฉินเยี่ยนเธอบอกว่าเงื่อนไขข้อที่สองคือให้ตัวเองแต่งงานกับเฉินเวย ให้ตัวเขายอมรับเรื่องเขาและเฉินเวยเอง เท่ากับยืนยันคำพูดของเฉินเยี่ยนว่าเป็นความจริง เรื่องครั้งนี้กลายเป็นว่าเขาชอบพอกับน้องสาวของว่าที่เจ้าสาว สมคบกับน้องสะใภ้ออกอุบายทำร้ายว่าที่เจ้าสาว เรื่องแพร่ออกไป ทั้งเขาและเฉินเวยก็ไม่ใช่คนแล้ว ชื่อเสียงก็หมดสิ้น เฉินเยี่ยนคนนี้ทำไมสมองถึงคิดได้รวดเร็วแบบนี้ นี่มันวางยาชัดๆ!
“คุณทำร้ายผม!”
อวี๋เหวยหมินจะพุ่งใส่เฉินเยี่ยน เฉินจงผลักเขาออกไป เห็นเฉินจงจะใช่ฝ่ามือตบ ถึงในใจอวี๋เหวยหมินจะโกรธจัดยังไง ก็ไม่กล้าลงมือ
เห็นอวี๋เหวยหมินไม่กล้าหือ เฉินเยี่ยนหัวเราะเย็นชา เธอเบื่อที่จะเห็นอวี๋เหวยหมินสภาพนี้แล้ว เลยเดินไปกับเฉินจง
อวี๋เหวยหมินไม่โมโหอีกแล้ว เขาเพียงแต่จ้องมองเฉินเยี่ยนเดินตามเฉินจงออกไป
“ยืนอึ้งอะไรอยู่!แกว่าฉันคลอดแกออกมาทำไม แกทำให้ที่บ้านเดือดร้อน กับคนอื่นทำไมแกไม่กล้าหือ แกทำอับอายขายหน้าหมดแล้ว ลูกสาวบ้านเฉินมีอะไรดี ถึงกับยอมให้ที่ดินกับพวกนั้น ฉันจะดูถึงเวลาแกจะเอาอะไรมาปลูกในที่ทิศตะวันตกนั่น ให้แกอดอยากตายไปเลย”
เฉิ่นซุ่ยด่าอวี๋เหวยหมิน อวี๋เหวยหมินมองแม่เขาอย่างรำคาญ วันนี้เขาซวยหนักขนาดนี้ แล้วยังโดนตีอีก ชื่อเสียงก็ไม่มีแล้ว แม่คนนี้ก็ยังบ่นพึมพำอยู่
อวี๋เหวยหมินมองเฉิ่นซุ่ยอย่างรำคาญ แล้วเดินออกไป
“แกจะไปไหน? จะไปหานางหน้าด้านคนนั้นใช่ไหม กลับมาเดี๋ยวนี้นะ”
เฉิ่นซุ่ยตะโกนร้อง แต่อวี๋เหวยหมินไม่แม้แต่จะหันหน้ามา เฉิ่นซุ่ยโกรธจนด่าชุดใหญ่แต่ทำอะไรไม่ได้
เฉินเยี่ยนตามเฉินจงกลับบ้าน ระหว่างทางมีคนมากมายในหมู่บ้านเข้ามาทัก เฉินจงตอบทีละคน เฉินเยี่ยนไม่ได้พูดอะไร เธอรู้สึกได้ว่าหลังจากพวกเธอเดินไปแล้ว คนพวกนั้นยังคนพูดวิจารณ์ลับหลังพวกเขาอยู่
มาถึงหน้าประตูบ้าน เฉินจงก้าวข้ามธรณีประตู แต่ไม่ได้เดินเข้าไปในบ้าน เฉินเยี่ยนรู้สึกสงสัย เลยหยุดเดิน
เฉินเยี่ยนประเมินดูบ้านเฉิน บ้านเฉินเป็นบ้านที่สร้างมาจากดิน มีหลายห้อง มีห้องโถง มีห้องเล็กๆ และมีห้องครัว สนามเป็นลานดิน แต่ก็ยังถือว่าเรียบร้อย ในสนามปลูกต้นไม้ไว้เยอะ อีกอย่างยังมีบ่อน้ำและบ่อเก็บปุ๋ยคอกขนาดใหญ่
ถึงแม้ว่าเฉินเยี่ยนจะเกิดเป็นเกษตรเหมือนกัน แต่ตอนเธอเกิดในหมู่บ้านก็ไม่ได้เป็นสภาพแบบนี้ ดูเจริญกว่าตอนนี้เยอะเลย ดังนั้นเฉินเยี่ยนมองทั้งหมดนี่แล้วเลยรู้สึกแปลกใจหน่อย
“เยี่ยนจื่อ ลูกบอกพ่อมา เสี่ยวเวยชอบไอ้เจ้าอวี๋เหวยหมินตามที่ลูกบอกจริงหรือ?”
ตอนที่เฉินเยี่ยนกำลังประเมินดูบ้านอยู่นั้น เฉินจงถามเฉินเยี่ยนเสียงเบา
เฉินเยี่ยนรีบเก็บสีหน้า เธอมองออกว่าสีหน้าพ่อคนนี้ไม่สู้ดี คิดว่าเขาคงไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นจริง
“ใช่ค่ะ พ่อ เสี่ยวเวยบอกหนูแล้วจริงๆ แต่ตอนนั้นหนูรู้สึกว่าเสี่ยวเวยยังเด็ก ผ่านไปสองปีก็อาจจะเปลี่ยนใจไปแล้ว หนูเลยไม่ได้พูดอะไร คิดไม่ถึงเลยว่าน้องจะทำแบบนี้ เดิมทีวันนี้หนูไม่ได้อยากจะไปสวนผลไม้ แต่น้องบอกหนูว่าในสวนผลไม้มีฟืนให้หนูไปเก็บ”
เฉินเยี่ยนพยักหน้า ใส่ร้ายเฉินเวยเธอไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด อีกอย่างเรื่องนี้เฉินเวยเป็นคนก่อเรื่องตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“พ่อคะ หนูรู้ว่าเรื่องวันนี้ถึงแม้จะเป็นเสี่ยวเวยและอวี๋เหวยหมินวางแผนกัน แต่หนูรู้สึกว่าเสี่ยวเวยต้องฟังคำพูดของอวี๋เหวยหมินแน่นอน น้องต้องไม่ได้มีใจให้ ถึงแม้ครั้งที่แล้วน้องจะเป็นคนบอกหนู ถ้าหนูไม่ยอมยกเลิกงานแต่งกับอวี๋เหวยหมิน น้องจะไม่ปล่อยให้หนูอยู่เป็นสุข หนูก็เชื่อว่าน้องจะไม่ทำร้ายหนูจริงๆ อีกอย่างน้องเป็นน้องสาว ถ้าน้องสำนึกผิด พ่อก็อย่าไปว่าเลย ตั้งแต่เด็กสุขภาพก็ไม่ค่อยจะดี หนูไม่เป็นอะไรจริงๆ ถึงแม้ว่าชั่วชีวิตนี้จะแต่งไม่ออก หนูก็ไม่เป็นไร ขอแค่อย่าทำให้เสี่ยวเวยลำบากก็พอ”
คำพูดนี้ของเฉินเยี่ยนดูเหมือนพูดขอร้องแทนเฉินเวย อันที่จริงเป็นการแอบใส่ไฟเฉินเวยไปด้วย เพราะว่าเธอโดนรังแก คำพูดที่เธอยอมอ่อนข้อให้ยิ่งทำให้เฉินจงโมโหมากขึ้น
“ได้ พ่อรู้แล้ว พ่อจะไปถามน้องเอง”
เฉินจงไม่พูดอะไรต่อ ลูกสาวคนเล็กว่านอนสอนง่ายแต่เด็ก ปากก็พูดเก่ง แต่เขาไม่โง่ ลูกสาวคนโตเป็นคนซื่อๆ ลูกสาวคนเล็กพูดเก่ง แต่กลับไม่ทำ เรื่องนี้ถ้าลูกสาวคนเล็กเป็นคนทำจริง ศีลธรรมเธอน่าจะมีปัญหา
เฉินเยี่ยนเดินตามเฉินจงเข้าบ้าน
“โอ้ย ยังจะมีหน้ากลับมาอีกนะ เรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงขนาดนี้ ใครจะยังมีหน้ากล้าเดินเข้ามาในบ้าน ทำไมไม่ไปตายข้างนอกเลยล่ะ”
เฉินเยี่ยนเพิ่งเดินเข้ามาในบ้านก็ได้ยินประโยคนี้ลอยมา เฉินเยี่ยนรู้ว่านี่คือช่างเหลียน พี่สะใภ้คนโตของเจ้าของร่างเดิม ช่างเหลียนและเฉินเยี่ยนไม่ถูกกันอยู่แล้ว ตอนนี้มีโอกาสเลยต้องด่าประจานเฉินเยี่ยนแน่นอน
“พี่สะใภ้พูดตลกจัง นี่บ้านฉัน ทำไมฉันจะกลับมาไม่ได้”
เฉินเยี่ยนไม่เหมือนเจ้าของร่างคนก่อนที่เอาแต่ทนไม่ยอมปริปาก เธอตอกกลับไปหนึ่งประโยค
“บ้านเธอ? เธอมันลูกสาวที่ต้องใช้แซ่คนอื่นนี่ใช่บ้านเธอที่ไหน นี่มันบ้านฉัน ถ้าเธอคิดจะอยู่ในบ้านไม่ยอมออกไป ศพไม่สวยแน่”
ช่างเหลียนเบิ่งตาโต ดูแล้วน่าหวาดกลัว ช่างเหลียนหน้าตาธรรมดา ไม่อย่างนั้นเธอที่เป็นลูกสาวของเมืองข้างๆ ไม่ได้แต่งมาอยู่บ้านเฉินหรอก
“พอได้แล้ว พูดให้มันน้อยๆ หน่อย บ้านใคร? ข้ายังไม่ตายเลย”
เฉินจงพูดขึ้นมา
ในบ้านนี้ช่างเหลียนกลัวพ่อสามีคนนี้คนเดียว เฉินจงพูดออกมา เธอก็ไม่กล้าพูดอะไรมากแล้ว
“พ่อ เงินที่ไปขายของที่ตลาดวันนี้ล่ะ? เฉินกุ้ยบอกว่าพ่อเอาไป พ่อเอามาให้ฉันมา”
ช่างเหลียนไม่ด่าเฉินเยี่ยนแล้ว เพราะในใจเธอคิดแต่จะเอาเงินเล็กๆ น้อยๆ จากเฉินจงและเฉินกุ้ยที่วันนี้ไปขายของที่ตลาด
จากความทรงจำของร่างเดิมเฉินเยี่ยนรู้ว่าเกษตรกรหาเงินไม่เก่ง นอกจากเลี้ยงไก่เอาไข่ไก่ไปขาย เลี้ยงหมูแล้วฆ่าเอาเนื้อไปขาย ก็เอาผักในสวนที่ตัวเองปลูกไปขาย
ถึงแม้จะเป็นผักที่ตัวเองปลูก แต่แปลงผักก็เพิ่งแบ่งกันมาได้ไม่นาน ที่สมัยก่อนเป็นของผู้ผลิต หลายปีมานี้ถึงค่อยแบ่งให้แต่ละบ้าน ดังนั้นแต่ละบ้านก็ปลูกผัก อันไหนไม่กิน ก็แอบเอาไปขายที่ตลาด ขายแลกกับเกลืออะไรพวกนี้ที่ใช้ในยามปกติ
“เธอจะเอาเงินไปทำอะไร? นี่ขายไปทั้งหมดได้แค่เหรียญกว่าๆ เอง คนบ้านนี้จะทำอะไรนิดหน่อยก็ต้องใช้เงิน เธอจะเอาเงินที่บ้านไปทำอะไร”
หวางนิวพูดขึ้นมา
“โอ้ย ดูพูดเข้าสิ ฉันจะเอาเงินไปทำอะไร ฉันก็จะใช้เงินกลับบ้านพ่อแม่ ฉันกลับบ้านไปดูแม่ฉัน แม่ไม่น่าจะให้ฉันกลับไปมือเปล่าหรอกนะ ถ้าฉันกลับบ้านไปมือเปล่า คนที่ขายหน้าก็คือคนบ้านเฉิน ถ้าไม่กลัวขายหน้าละก็ ฉันกลับไปมือเปล่าก็ได้”
ช่างเหลียนเบะปากพูด
“เธอเพิ่งกลับไปเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เองไม่ใช่หรือ?”
หวางนิวไม่ค่อยพอใจ ลูกสะใภ้คนนี้จะกลับบ้าน หนึ่งเดือนต้องกลับห้าหกครั้งมากหน่อยก็เจ็ดแปดครั้ง ลูกสะใภ้บ้านไหนกันที่เอาแต่จะกลับบ้าน
“นี่แม่จะไม่ให้ฉันกลับบ้านหรือ? ฉันแต่งงานเข้าบ้านเฉินมานะ ไม่ใช่เอามาขายต่อให้บ้านเฉิน ถ้าไม่ให้ฉันกลับก็ได้ ตอนนี้ฉันจะออกไปป่าวประกาศที่หน้าถนนใหญ่ ให้ทุกคนมาลงความเห็น บ้านไหนที่ไม่ยอมให้ลูกสะใภ้กลับบ้าน
เสียงช่างเหลียนดังขึ้นเรื่อยๆ หวางนิวรู้สึกไม่พอใจ แต่ไม่ได้ว่าอะไรลูกสะใภ้ อันที่จริงไม่ใช่ว่าเถียงไม่ได้ แต่เธอยังหวังจะพึ่งลูกชาย ลูกสะใภ้ให้เลี้ยงดูตอนแก่ เลยไม่กล้ามีเรื่องกับลูกสะใภ้
ฝั่งอวี๋เหวยหมินกำลังกรอดฟันใส่เฉินเยี่ยน ฝั่งนี้ก็มีคนพูดขึ้นมา
“คิดไม่ถึงลูกสาวคนเล็กของบ้านเฉินจะใจกล้าคิดเรื่องนี้ ทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ ดูไม่ออกเลยจริงๆ ลูกชายบ้านอวี๋นี่...”
หวางต้าหมินพูดขึ้นมาหนึ่งประโยค ลูกชายบ้านอวี๋เป็นยังไง เขาไม่ได้พูด แต่ความหมายท้ายประโยคทุกคนต่างเข้าใจ ผู้อาวุโสทั้งสองคนต่างก็ส่ายหัว พวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าอวี๋เหวยหมินจะพูดแบบนี้ออกมา ช่างหน้าอายจริงๆ
อวี๋เหวยหมินถึงค่อยรู้สึกตัว เฉินเยี่ยนเธอบอกว่าเงื่อนไขข้อที่สองคือให้ตัวเองแต่งงานกับเฉินเวย ให้ตัวเขายอมรับเรื่องเขาและเฉินเวยเอง เท่ากับยืนยันคำพูดของเฉินเยี่ยนว่าเป็นความจริง เรื่องครั้งนี้กลายเป็นว่าเขาชอบพอกับน้องสาวของว่าที่เจ้าสาว สมคบกับน้องสะใภ้ออกอุบายทำร้ายว่าที่เจ้าสาว เรื่องแพร่ออกไป ทั้งเขาและเฉินเวยก็ไม่ใช่คนแล้ว ชื่อเสียงก็หมดสิ้น เฉินเยี่ยนคนนี้ทำไมสมองถึงคิดได้รวดเร็วแบบนี้ นี่มันวางยาชัดๆ!
“คุณทำร้ายผม!”
อวี๋เหวยหมินจะพุ่งใส่เฉินเยี่ยน เฉินจงผลักเขาออกไป เห็นเฉินจงจะใช่ฝ่ามือตบ ถึงในใจอวี๋เหวยหมินจะโกรธจัดยังไง ก็ไม่กล้าลงมือ
เห็นอวี๋เหวยหมินไม่กล้าหือ เฉินเยี่ยนหัวเราะเย็นชา เธอเบื่อที่จะเห็นอวี๋เหวยหมินสภาพนี้แล้ว เลยเดินไปกับเฉินจง
อวี๋เหวยหมินไม่โมโหอีกแล้ว เขาเพียงแต่จ้องมองเฉินเยี่ยนเดินตามเฉินจงออกไป
“ยืนอึ้งอะไรอยู่!แกว่าฉันคลอดแกออกมาทำไม แกทำให้ที่บ้านเดือดร้อน กับคนอื่นทำไมแกไม่กล้าหือ แกทำอับอายขายหน้าหมดแล้ว ลูกสาวบ้านเฉินมีอะไรดี ถึงกับยอมให้ที่ดินกับพวกนั้น ฉันจะดูถึงเวลาแกจะเอาอะไรมาปลูกในที่ทิศตะวันตกนั่น ให้แกอดอยากตายไปเลย”
เฉิ่นซุ่ยด่าอวี๋เหวยหมิน อวี๋เหวยหมินมองแม่เขาอย่างรำคาญ วันนี้เขาซวยหนักขนาดนี้ แล้วยังโดนตีอีก ชื่อเสียงก็ไม่มีแล้ว แม่คนนี้ก็ยังบ่นพึมพำอยู่
อวี๋เหวยหมินมองเฉิ่นซุ่ยอย่างรำคาญ แล้วเดินออกไป
“แกจะไปไหน? จะไปหานางหน้าด้านคนนั้นใช่ไหม กลับมาเดี๋ยวนี้นะ”
เฉิ่นซุ่ยตะโกนร้อง แต่อวี๋เหวยหมินไม่แม้แต่จะหันหน้ามา เฉิ่นซุ่ยโกรธจนด่าชุดใหญ่แต่ทำอะไรไม่ได้
เฉินเยี่ยนตามเฉินจงกลับบ้าน ระหว่างทางมีคนมากมายในหมู่บ้านเข้ามาทัก เฉินจงตอบทีละคน เฉินเยี่ยนไม่ได้พูดอะไร เธอรู้สึกได้ว่าหลังจากพวกเธอเดินไปแล้ว คนพวกนั้นยังคนพูดวิจารณ์ลับหลังพวกเขาอยู่
มาถึงหน้าประตูบ้าน เฉินจงก้าวข้ามธรณีประตู แต่ไม่ได้เดินเข้าไปในบ้าน เฉินเยี่ยนรู้สึกสงสัย เลยหยุดเดิน
เฉินเยี่ยนประเมินดูบ้านเฉิน บ้านเฉินเป็นบ้านที่สร้างมาจากดิน มีหลายห้อง มีห้องโถง มีห้องเล็กๆ และมีห้องครัว สนามเป็นลานดิน แต่ก็ยังถือว่าเรียบร้อย ในสนามปลูกต้นไม้ไว้เยอะ อีกอย่างยังมีบ่อน้ำและบ่อเก็บปุ๋ยคอกขนาดใหญ่
ถึงแม้ว่าเฉินเยี่ยนจะเกิดเป็นเกษตรเหมือนกัน แต่ตอนเธอเกิดในหมู่บ้านก็ไม่ได้เป็นสภาพแบบนี้ ดูเจริญกว่าตอนนี้เยอะเลย ดังนั้นเฉินเยี่ยนมองทั้งหมดนี่แล้วเลยรู้สึกแปลกใจหน่อย
“เยี่ยนจื่อ ลูกบอกพ่อมา เสี่ยวเวยชอบไอ้เจ้าอวี๋เหวยหมินตามที่ลูกบอกจริงหรือ?”
ตอนที่เฉินเยี่ยนกำลังประเมินดูบ้านอยู่นั้น เฉินจงถามเฉินเยี่ยนเสียงเบา
เฉินเยี่ยนรีบเก็บสีหน้า เธอมองออกว่าสีหน้าพ่อคนนี้ไม่สู้ดี คิดว่าเขาคงไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นจริง
“ใช่ค่ะ พ่อ เสี่ยวเวยบอกหนูแล้วจริงๆ แต่ตอนนั้นหนูรู้สึกว่าเสี่ยวเวยยังเด็ก ผ่านไปสองปีก็อาจจะเปลี่ยนใจไปแล้ว หนูเลยไม่ได้พูดอะไร คิดไม่ถึงเลยว่าน้องจะทำแบบนี้ เดิมทีวันนี้หนูไม่ได้อยากจะไปสวนผลไม้ แต่น้องบอกหนูว่าในสวนผลไม้มีฟืนให้หนูไปเก็บ”
เฉินเยี่ยนพยักหน้า ใส่ร้ายเฉินเวยเธอไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด อีกอย่างเรื่องนี้เฉินเวยเป็นคนก่อเรื่องตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“พ่อคะ หนูรู้ว่าเรื่องวันนี้ถึงแม้จะเป็นเสี่ยวเวยและอวี๋เหวยหมินวางแผนกัน แต่หนูรู้สึกว่าเสี่ยวเวยต้องฟังคำพูดของอวี๋เหวยหมินแน่นอน น้องต้องไม่ได้มีใจให้ ถึงแม้ครั้งที่แล้วน้องจะเป็นคนบอกหนู ถ้าหนูไม่ยอมยกเลิกงานแต่งกับอวี๋เหวยหมิน น้องจะไม่ปล่อยให้หนูอยู่เป็นสุข หนูก็เชื่อว่าน้องจะไม่ทำร้ายหนูจริงๆ อีกอย่างน้องเป็นน้องสาว ถ้าน้องสำนึกผิด พ่อก็อย่าไปว่าเลย ตั้งแต่เด็กสุขภาพก็ไม่ค่อยจะดี หนูไม่เป็นอะไรจริงๆ ถึงแม้ว่าชั่วชีวิตนี้จะแต่งไม่ออก หนูก็ไม่เป็นไร ขอแค่อย่าทำให้เสี่ยวเวยลำบากก็พอ”
คำพูดนี้ของเฉินเยี่ยนดูเหมือนพูดขอร้องแทนเฉินเวย อันที่จริงเป็นการแอบใส่ไฟเฉินเวยไปด้วย เพราะว่าเธอโดนรังแก คำพูดที่เธอยอมอ่อนข้อให้ยิ่งทำให้เฉินจงโมโหมากขึ้น
“ได้ พ่อรู้แล้ว พ่อจะไปถามน้องเอง”
เฉินจงไม่พูดอะไรต่อ ลูกสาวคนเล็กว่านอนสอนง่ายแต่เด็ก ปากก็พูดเก่ง แต่เขาไม่โง่ ลูกสาวคนโตเป็นคนซื่อๆ ลูกสาวคนเล็กพูดเก่ง แต่กลับไม่ทำ เรื่องนี้ถ้าลูกสาวคนเล็กเป็นคนทำจริง ศีลธรรมเธอน่าจะมีปัญหา
เฉินเยี่ยนเดินตามเฉินจงเข้าบ้าน
“โอ้ย ยังจะมีหน้ากลับมาอีกนะ เรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงขนาดนี้ ใครจะยังมีหน้ากล้าเดินเข้ามาในบ้าน ทำไมไม่ไปตายข้างนอกเลยล่ะ”
เฉินเยี่ยนเพิ่งเดินเข้ามาในบ้านก็ได้ยินประโยคนี้ลอยมา เฉินเยี่ยนรู้ว่านี่คือช่างเหลียน พี่สะใภ้คนโตของเจ้าของร่างเดิม ช่างเหลียนและเฉินเยี่ยนไม่ถูกกันอยู่แล้ว ตอนนี้มีโอกาสเลยต้องด่าประจานเฉินเยี่ยนแน่นอน
“พี่สะใภ้พูดตลกจัง นี่บ้านฉัน ทำไมฉันจะกลับมาไม่ได้”
เฉินเยี่ยนไม่เหมือนเจ้าของร่างคนก่อนที่เอาแต่ทนไม่ยอมปริปาก เธอตอกกลับไปหนึ่งประโยค
“บ้านเธอ? เธอมันลูกสาวที่ต้องใช้แซ่คนอื่นนี่ใช่บ้านเธอที่ไหน นี่มันบ้านฉัน ถ้าเธอคิดจะอยู่ในบ้านไม่ยอมออกไป ศพไม่สวยแน่”
ช่างเหลียนเบิ่งตาโต ดูแล้วน่าหวาดกลัว ช่างเหลียนหน้าตาธรรมดา ไม่อย่างนั้นเธอที่เป็นลูกสาวของเมืองข้างๆ ไม่ได้แต่งมาอยู่บ้านเฉินหรอก
“พอได้แล้ว พูดให้มันน้อยๆ หน่อย บ้านใคร? ข้ายังไม่ตายเลย”
เฉินจงพูดขึ้นมา
ในบ้านนี้ช่างเหลียนกลัวพ่อสามีคนนี้คนเดียว เฉินจงพูดออกมา เธอก็ไม่กล้าพูดอะไรมากแล้ว
“พ่อ เงินที่ไปขายของที่ตลาดวันนี้ล่ะ? เฉินกุ้ยบอกว่าพ่อเอาไป พ่อเอามาให้ฉันมา”
ช่างเหลียนไม่ด่าเฉินเยี่ยนแล้ว เพราะในใจเธอคิดแต่จะเอาเงินเล็กๆ น้อยๆ จากเฉินจงและเฉินกุ้ยที่วันนี้ไปขายของที่ตลาด
จากความทรงจำของร่างเดิมเฉินเยี่ยนรู้ว่าเกษตรกรหาเงินไม่เก่ง นอกจากเลี้ยงไก่เอาไข่ไก่ไปขาย เลี้ยงหมูแล้วฆ่าเอาเนื้อไปขาย ก็เอาผักในสวนที่ตัวเองปลูกไปขาย
ถึงแม้จะเป็นผักที่ตัวเองปลูก แต่แปลงผักก็เพิ่งแบ่งกันมาได้ไม่นาน ที่สมัยก่อนเป็นของผู้ผลิต หลายปีมานี้ถึงค่อยแบ่งให้แต่ละบ้าน ดังนั้นแต่ละบ้านก็ปลูกผัก อันไหนไม่กิน ก็แอบเอาไปขายที่ตลาด ขายแลกกับเกลืออะไรพวกนี้ที่ใช้ในยามปกติ
“เธอจะเอาเงินไปทำอะไร? นี่ขายไปทั้งหมดได้แค่เหรียญกว่าๆ เอง คนบ้านนี้จะทำอะไรนิดหน่อยก็ต้องใช้เงิน เธอจะเอาเงินที่บ้านไปทำอะไร”
หวางนิวพูดขึ้นมา
“โอ้ย ดูพูดเข้าสิ ฉันจะเอาเงินไปทำอะไร ฉันก็จะใช้เงินกลับบ้านพ่อแม่ ฉันกลับบ้านไปดูแม่ฉัน แม่ไม่น่าจะให้ฉันกลับไปมือเปล่าหรอกนะ ถ้าฉันกลับบ้านไปมือเปล่า คนที่ขายหน้าก็คือคนบ้านเฉิน ถ้าไม่กลัวขายหน้าละก็ ฉันกลับไปมือเปล่าก็ได้”
ช่างเหลียนเบะปากพูด
“เธอเพิ่งกลับไปเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เองไม่ใช่หรือ?”
หวางนิวไม่ค่อยพอใจ ลูกสะใภ้คนนี้จะกลับบ้าน หนึ่งเดือนต้องกลับห้าหกครั้งมากหน่อยก็เจ็ดแปดครั้ง ลูกสะใภ้บ้านไหนกันที่เอาแต่จะกลับบ้าน
“นี่แม่จะไม่ให้ฉันกลับบ้านหรือ? ฉันแต่งงานเข้าบ้านเฉินมานะ ไม่ใช่เอามาขายต่อให้บ้านเฉิน ถ้าไม่ให้ฉันกลับก็ได้ ตอนนี้ฉันจะออกไปป่าวประกาศที่หน้าถนนใหญ่ ให้ทุกคนมาลงความเห็น บ้านไหนที่ไม่ยอมให้ลูกสะใภ้กลับบ้าน
เสียงช่างเหลียนดังขึ้นเรื่อยๆ หวางนิวรู้สึกไม่พอใจ แต่ไม่ได้ว่าอะไรลูกสะใภ้ อันที่จริงไม่ใช่ว่าเถียงไม่ได้ แต่เธอยังหวังจะพึ่งลูกชาย ลูกสะใภ้ให้เลี้ยงดูตอนแก่ เลยไม่กล้ามีเรื่องกับลูกสะใภ้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ