Revolution of Lienate
-
เขียนโดย แมวเถื่อน
วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2563 เวลา 00.34 น.
1 chapter
0 วิจารณ์
2,424 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 มกราคม พ.ศ. 2563 14.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ผู้หลบหนี : 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“แกน่ะ ไม่น่าเกิดมาเลย”
ชายผมดำสนิท แววตาสีแดงฉานมองฉันอย่างเกรี้ยวกราด เอ่ยคำนั้นและโยนฉันเข้าห้องอย่างเดือดดาล
ฉันกองอยู่กับพื้นห้องเดิมที่ถูกกักบริเวณมาตลอด 15 ปี ณ คฤหาสน์อันเต็มไปด้วยหมอกพิษแห่งนี้ แม้ตัวฉันจะแอบหนีออกมาแล้วทุกจับได้นับครั้งไม่ถ้วนก็ตาม
“ควรขอบคุณด้วยซ้ำที่อุตส่าห์ ให้มีชีวิตอยู่ที่นี่ แต่แกกลับ... สร้างความอับอายให้ตระกูลไม่จบไม่สิ้น”
ชายคนนั้นกล่าวพร้อมกับมองลูกสาวด้วยหางตา ก่อนปิดประตูใส่อย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง
เด็กสาว 15 ปี ดวงตาสีเขียวมรกต รูปร่างผอมบาง ผิวขาวเหลือง ผมสีเงินเป็นประกายวาววับ แต่ร่างกายกลับสกปรกมอมแมม ผมเผ้ารุงรังเพราะไม่ได้รับการดูแลที่ดีนัก ไม่สนใจใยดีคำพูดจากคนเป็นพ่อแม้แต่น้อย... แต่กลับเบื่อหนายคำพูดนี้เต็มทน
ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก ว่าทำไมท่านพ่อถึงไม่อยากให้ฉันเข้าไปในเมือง แต่ผู้คนในเมืองมักมองฉันด้วยสายตาดูถูกดูแคลน ยิ่งกว่าฉันเป็นขอทานเสียอีก แม้ฉันจะแต่งตัวหรูหราราวกับชนชั้นสูงอย่างไรก็ไม่พ้นสายตาเหยียดหยาม
เขาบอกว่าฉันเหมือนพวก “ไดเคลย์”
ไดเคลย์คือทาสแบบหนึ่งของอาณาจักรปีศาจที่ชื่อ “เซเลส” ซึ่งไดเคลย์นี้จะถูกประทับตราจากมนต์ของปีศาจ ต้องเชื่อฟังผู้เป็นเจ้าของตรา และสัญญานี้จะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อผู้เป็นนายยกเลิกสิ้นลมเท่านั้น
ที่นี่ผู้ที่มีไดเคลย์ไว้ครอบครองคือผู้ที่มีอำนาจบารมียิ่งใหญ่มาก เสมือนมีแก้วแหวนเงินทองของเมืองอื่นนั่นแหละ เมื่อได้รับสถานะเป็นไดเคลย์ก็ไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตาไร้ชีวิต เพราะด้วยปีศาจเป็นเผ่าพันธุ์ที่โหดร้าย จึงมักจะถูกย้ำยี ทรมาณ ทำร้าย เพื่อสนองตัวเองและข่มปีศาจกันเอง ว่าเนี่ย ข้ามีทาสนะ และเราจะทำอะไรกับมันก็ได้ ข้าไม่ได้กระจอกขนาดทำร้ายใครไม่เป็น เกรงขามข้าสิ!
อาณาจักรเซเลส เป็นที่อยู่ของฉัน หรืออาจไม่ใช่... เผ่าปีศาจซึ่งเป็นชาวเซเลสนี้มีหางและปีกสีดำสนิท มีใบหูที่แหลม มีเส้นผมสีเข้ม ไม่ว่าจะสีดำ สีน้ำตาลเข้ม ฉันก็เหมือนกัน แต่ติดตรงที่ดันมีผมสีเงินซะนี่ เป็นสีผมที่อ่อนและสะดุดตาเกินไป
ว่าแต่ฉันก็ไม่เข้าใจนะ แค่สีผมไม่เหมือนปีศาจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสีผมฉันจะเหมือนไดเคลย์นี่! เจ้าพวกนี้มันหาเรื่องรังแกฉันชัดๆ ช่างไร้เหตุผลเสียจริง วันๆ ฉันต้องอยู่แต่ในห้องสกปรกที่ไม่มีใครมาทำความสะอาด หยากไย่เกาะตามมุมต่างๆ และเสื้อผ้าซ้ำๆ เดิมๆ ไม่มีใครซักให้ แม้แต่แม่บ้านก็ยังไม่อยากรับใช้ ฉันก็ต้องจัดการตัวเองมาตลอด
ดูเหมือนตอนนี้จะมีแขกมา พวกแม่บ้านคงต้องง่วนอยู่กับการจัดเตรียมเช่นเคย คนที่คอยเฝ้าฉันก็จะหละหลวมหน่อยๆ เพราะต้องไปดูแลรักษาความปลอดภัยของท่านพ่อและแขกกันก่อน นี่และช่องโหว่! และนี่ก็เป็นอีกครั้ง ที่ฉันจะแอบออกไปข้างนอก
ฉันคว้าผ้าคลุม รวบผมขึ้นอย่างลวกๆ และสวมฮู้ดปิดหัวเพื่อพรางตา ย่องไปที่ห้องเก็บของ ผลักกล่องใหญ่บนพื้นออกจะพบประตูลับที่โดนกล่องเมื่อกี้ทับไว้ เปิดประตูที่พื้นลงสู่ทางลับชั้นใต้ดิน เท่าฉันรู้มาจากบรรดาหนังสือที่โยนๆ มาให้ฉันอ่านแก้เซ็งทุกวัน ทางลับนี้ก็คือทางหนีไฟนั่นเอง
เมื่อฉันเปิดประตูทางออกไปสู่ทางโล่งแจ้งซึ่งไม่มียามเฝ้า เพราะยามไปอารักขาแขกบ้านแขกเมืองของท่านพ่ออยู่ แต่ยามที่อยู่ประตูใหญ่วันนี้กลับหนาแน่นกว่าเดิมเสียอีก สงสัยท่านพ่อจะรู้ ว่าเป็นไปได้ว่าฉันจะเลือกวันนี้ แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีสินะ ว่าฉันออกมาจากทางไหน ถึงมาออกันทางเข้าใหญ่แทนแบบนี้ ถ้าเดินแบบปกติคงโดนจับได้แหง ถ้างั้นต้องใช้นั่นแล้วล่ะ
ฉันวาดวงแหวนบนมือด้วยอักษรรูน เป่ามันออกจากมือให้ลอยตามอากาศ กางปีกออก ยืดขาทั้งสองข้าง ขาหลังส่งแรงถีบตัวไปข้างหน้าให้ชนกับวงแหวนที่วาดไว้ และเริ่มทะยานอย่างรวดเร็ว
เผ่าปีศาจนอกจากเชี่ยวชาญเวทย์คำสาปแล้ว ยังขึ้นชื่อเรื่องการเคลื่อนไหวที่ว่องไว แต่เหมือนว่าฉันจะไวกว่าคนอื่นนิดหน่อยหรือเปล่านะ? ปกติเขาทำกันแบบนี้หรือเปล่า? ถึงไม่มีใครเคยสอนฉัน แต่ฉันก็ค้นพบมันได้เองจากกองหนังสือเก่าในห้องอีกแหละ
รวมทั้งความพยายามหนีสุดชีวิต เหมือนเช่นครั้งนี้
ชายผมดำสนิท แววตาสีแดงฉานมองฉันอย่างเกรี้ยวกราด เอ่ยคำนั้นและโยนฉันเข้าห้องอย่างเดือดดาล
ฉันกองอยู่กับพื้นห้องเดิมที่ถูกกักบริเวณมาตลอด 15 ปี ณ คฤหาสน์อันเต็มไปด้วยหมอกพิษแห่งนี้ แม้ตัวฉันจะแอบหนีออกมาแล้วทุกจับได้นับครั้งไม่ถ้วนก็ตาม
“ควรขอบคุณด้วยซ้ำที่อุตส่าห์ ให้มีชีวิตอยู่ที่นี่ แต่แกกลับ... สร้างความอับอายให้ตระกูลไม่จบไม่สิ้น”
ชายคนนั้นกล่าวพร้อมกับมองลูกสาวด้วยหางตา ก่อนปิดประตูใส่อย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง
เด็กสาว 15 ปี ดวงตาสีเขียวมรกต รูปร่างผอมบาง ผิวขาวเหลือง ผมสีเงินเป็นประกายวาววับ แต่ร่างกายกลับสกปรกมอมแมม ผมเผ้ารุงรังเพราะไม่ได้รับการดูแลที่ดีนัก ไม่สนใจใยดีคำพูดจากคนเป็นพ่อแม้แต่น้อย... แต่กลับเบื่อหนายคำพูดนี้เต็มทน
ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก ว่าทำไมท่านพ่อถึงไม่อยากให้ฉันเข้าไปในเมือง แต่ผู้คนในเมืองมักมองฉันด้วยสายตาดูถูกดูแคลน ยิ่งกว่าฉันเป็นขอทานเสียอีก แม้ฉันจะแต่งตัวหรูหราราวกับชนชั้นสูงอย่างไรก็ไม่พ้นสายตาเหยียดหยาม
เขาบอกว่าฉันเหมือนพวก “ไดเคลย์”
ไดเคลย์คือทาสแบบหนึ่งของอาณาจักรปีศาจที่ชื่อ “เซเลส” ซึ่งไดเคลย์นี้จะถูกประทับตราจากมนต์ของปีศาจ ต้องเชื่อฟังผู้เป็นเจ้าของตรา และสัญญานี้จะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อผู้เป็นนายยกเลิกสิ้นลมเท่านั้น
ที่นี่ผู้ที่มีไดเคลย์ไว้ครอบครองคือผู้ที่มีอำนาจบารมียิ่งใหญ่มาก เสมือนมีแก้วแหวนเงินทองของเมืองอื่นนั่นแหละ เมื่อได้รับสถานะเป็นไดเคลย์ก็ไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตาไร้ชีวิต เพราะด้วยปีศาจเป็นเผ่าพันธุ์ที่โหดร้าย จึงมักจะถูกย้ำยี ทรมาณ ทำร้าย เพื่อสนองตัวเองและข่มปีศาจกันเอง ว่าเนี่ย ข้ามีทาสนะ และเราจะทำอะไรกับมันก็ได้ ข้าไม่ได้กระจอกขนาดทำร้ายใครไม่เป็น เกรงขามข้าสิ!
อาณาจักรเซเลส เป็นที่อยู่ของฉัน หรืออาจไม่ใช่... เผ่าปีศาจซึ่งเป็นชาวเซเลสนี้มีหางและปีกสีดำสนิท มีใบหูที่แหลม มีเส้นผมสีเข้ม ไม่ว่าจะสีดำ สีน้ำตาลเข้ม ฉันก็เหมือนกัน แต่ติดตรงที่ดันมีผมสีเงินซะนี่ เป็นสีผมที่อ่อนและสะดุดตาเกินไป
ว่าแต่ฉันก็ไม่เข้าใจนะ แค่สีผมไม่เหมือนปีศาจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสีผมฉันจะเหมือนไดเคลย์นี่! เจ้าพวกนี้มันหาเรื่องรังแกฉันชัดๆ ช่างไร้เหตุผลเสียจริง วันๆ ฉันต้องอยู่แต่ในห้องสกปรกที่ไม่มีใครมาทำความสะอาด หยากไย่เกาะตามมุมต่างๆ และเสื้อผ้าซ้ำๆ เดิมๆ ไม่มีใครซักให้ แม้แต่แม่บ้านก็ยังไม่อยากรับใช้ ฉันก็ต้องจัดการตัวเองมาตลอด
ดูเหมือนตอนนี้จะมีแขกมา พวกแม่บ้านคงต้องง่วนอยู่กับการจัดเตรียมเช่นเคย คนที่คอยเฝ้าฉันก็จะหละหลวมหน่อยๆ เพราะต้องไปดูแลรักษาความปลอดภัยของท่านพ่อและแขกกันก่อน นี่และช่องโหว่! และนี่ก็เป็นอีกครั้ง ที่ฉันจะแอบออกไปข้างนอก
ฉันคว้าผ้าคลุม รวบผมขึ้นอย่างลวกๆ และสวมฮู้ดปิดหัวเพื่อพรางตา ย่องไปที่ห้องเก็บของ ผลักกล่องใหญ่บนพื้นออกจะพบประตูลับที่โดนกล่องเมื่อกี้ทับไว้ เปิดประตูที่พื้นลงสู่ทางลับชั้นใต้ดิน เท่าฉันรู้มาจากบรรดาหนังสือที่โยนๆ มาให้ฉันอ่านแก้เซ็งทุกวัน ทางลับนี้ก็คือทางหนีไฟนั่นเอง
เมื่อฉันเปิดประตูทางออกไปสู่ทางโล่งแจ้งซึ่งไม่มียามเฝ้า เพราะยามไปอารักขาแขกบ้านแขกเมืองของท่านพ่ออยู่ แต่ยามที่อยู่ประตูใหญ่วันนี้กลับหนาแน่นกว่าเดิมเสียอีก สงสัยท่านพ่อจะรู้ ว่าเป็นไปได้ว่าฉันจะเลือกวันนี้ แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีสินะ ว่าฉันออกมาจากทางไหน ถึงมาออกันทางเข้าใหญ่แทนแบบนี้ ถ้าเดินแบบปกติคงโดนจับได้แหง ถ้างั้นต้องใช้นั่นแล้วล่ะ
ฉันวาดวงแหวนบนมือด้วยอักษรรูน เป่ามันออกจากมือให้ลอยตามอากาศ กางปีกออก ยืดขาทั้งสองข้าง ขาหลังส่งแรงถีบตัวไปข้างหน้าให้ชนกับวงแหวนที่วาดไว้ และเริ่มทะยานอย่างรวดเร็ว
เผ่าปีศาจนอกจากเชี่ยวชาญเวทย์คำสาปแล้ว ยังขึ้นชื่อเรื่องการเคลื่อนไหวที่ว่องไว แต่เหมือนว่าฉันจะไวกว่าคนอื่นนิดหน่อยหรือเปล่านะ? ปกติเขาทำกันแบบนี้หรือเปล่า? ถึงไม่มีใครเคยสอนฉัน แต่ฉันก็ค้นพบมันได้เองจากกองหนังสือเก่าในห้องอีกแหละ
รวมทั้งความพยายามหนีสุดชีวิต เหมือนเช่นครั้งนี้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ