เมียนอกสายตา
เขียนโดย Natthaphan
วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 22.55 น.
แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 23.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) หมางเมิน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความฑิฆัมพรยืนนิ่งชะงักงันเมื่อสบสายตากับใครบางคน แววตาเย็นชาคู่นั้นมันยังเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด
เธอยกมือไหว้สวัสดีผู้หลักผู้ใหญ่สองคนกับอีกคนที่ไม่แม้แต่จะหันหน้ามามอง เธอจึงทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผู้เป็นมารดา
"ตายแล้ว เนื้อตัวไปโดนอะไรมาจ๊ะ หนูฟ้า"ยิ้มเจื่อนๆ ให้คนเอ่ยถาม ไม่รู้จะบอกอย่างไร เพราะคนที่ทำก็นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้
"เห็นบอกว่าน้ำร้อนกระเด็นใส่ตอนชงกาแฟน่ะค่ะ"
ใครบางคนที่นั่งอยู่ถัดไปเหลือบมองมือที่พันผ้าสีขาวเอาไว้ก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่ปลาสเตอร์ปิดแผลบริเวณข้อเท้าของหญิงสาว แต่ถึงจะรู้ว่าเป็นเพราะตนเขาก็ทำท่าทีหมางเมินเหมือนเคย
ก็สมแล้วหนิอยากมาวุ่นวายกับเขาดีนัก จะได้เข็ดหลาบซะที
"มือสวยๆ เป็นแผลหมด ตาเวลูกใช้งานน้องหนักไปรึเปล่า? "ถามบุตรชายพร้อมตีไหล่เขาเบาๆ
"ไม่ใช่หรอกค่ะ หนูทำตัวหนูเอง"น้ำเสียงบางเบาเอ่ยบอก
ก่อนที่ทุกคนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเรื่องอื่น ผ่านไปเกือบชั่วโมงคนที่เพิ่งมาก็พอจะจับใจความได้ว่าที่ท่านทั้งสองมาในวันนี้เพราะเหตุใด
"พรุ่งนี้เตรียมตัวดีๆล่ะลูก อาจจะเร็วไปหน่อย แต่ขอให้หนูเข้าใจแม่นะ"ว่าที่แม่สามีเอ่ยบอกลูกสะใภ้ เธอยิ้มตอบอย่างเข้าใจในทุกอย่าง
"วันนี้คุณย่าไม่มาหรือคะ? "
"พอดีท่านนัดเพื่อนไว้ก็เลยไม่ได้มาด้วย บ่นเสียดายใหญ่ อยากมาเจอหนูจะแย่"
ร่างบางโถมกอดหญิงวัยกลางคนก่อนจากกัน เธอเลื่อนสายตาไปมองบุคคลข้างหลังที่ยืนพิงรถอยู่ เขาไม่แม้แต่จะหันมามองเลยสักนิด นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนหลบต่ำเมื่อรู้สึกว่าตนนั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องอะไร
"ยิ้มหน่อยสิว่าที่เจ้าสาว"
เธอฝืนยิ้มให้คนตรงหน้า แม้ในใจจะรู้อยู่เต็มอกว่างานแต่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้เป็นเพียงเรื่องที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อธุรกิจและเพื่อใครบางคน
แววตาเศร้าหมองทอดมองตัวเองในกระจก เลื่อนสายตาสำรวจร่างกายของตน หากงานแต่งนี้เกิดจากความรักมันคงจะมีความสุขมากเลยทีเดียว และเรื่องที่เธอเพิ่งจะรู้มายิ่งตอกย้ำความรู้สึกเธอมากกว่าเดิม ในเวลานี้ที่ไม่มีใครคนนั้นอยู่เขายังหมางเมินเธอยิ่งกว่าฝุ่นละอองแล้วหากใครคนนั้นกลับมาเธอจะไม่กลายเป็นเพียงเศษดินที่เอาไว้รองรับรอยเหยียบย่ำเลยหรือ
"ทำทุกอย่างเพื่อเขา แต่เราเจ็บ มันคุ้มแล้วใช่ไหม...ไอ้ฟ้า"
เอ่ยถามตัวเองแม้ในใจจะไม่ยอมถอยง่ายๆ
แขกเหรื่อวันนี้ก็มีเพียงคนในครอบครัวไม่ได้จัดใหญ่โตอะไรเพราะเป็นจุดประสงค์ของหญิงสาว ด้วยเหตุผลที่ว่าเมื่อทุกอย่างจบสิ้นจะได้แยกย้ายกันไปโดยไม่ต้องมีพันธะเข้ามาเกี่ยวข้องและคนนอกจะได้ไม่ต้องรับรู้เรื่องแบบนี้ด้วย เธอขี้เกียจตอบคำถามใครต่อใคร และเป็นอีกเหตุผลที่เวหาไม่เคยรู้
นานนับชั่วโมงพิธีกรรมต่างๆ ก็ผ่านพ้นไป เป็นงานแต่งที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวแลดูจะเศร้าที่สุด คุณหญิงสาวิตรีทอดมองหลานสะใภ้หมาดๆ ด้วยความสงสารแต่ก็ไม่มีทางเลือก นึกอยู่ในใจว่าที่ตนทำนั้นคือสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือไม่ ตนทำให้ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งต้องมาทนรับความรู้สึกของหลานชายตัวเอง แต่ถึงนึกได้อย่างนั้นในตอนนี้ก็คงถอยไม่ได้เสียแล้ว
เวลาผ่านไปจนตะวันตกดิน เธอย้ายมาอยู่กับเวหาที่บ้านอีกหลัง เป็นบ้านที่คุณหญิงสาวิตรีมอบให้เป็นของขวัญแต่งงานซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านท่านมากนัก
ความเงียบเข้าปกคลุมเมื่อทุกคนกลับไปจนหมดเหลือเพียงแค่คู่บ่าวสาวที่เอาแต่นั่งหันหลังใส่กัน
ตื๊ดดดดดด
ชายหนุ่มยิ้มร่าก่อนจะกดรับสายที่เพิ่งจะส่งเสียงขึ้นเมื่อครู่
"ว่าไงครับ คิดถึงพี่หรือ? "น้ำเสียงที่อบอุ่นและดูมีความสุขมันบีบรัดหัวใจใครอีกคนจนทนฟังไม่ไหว เธอรีบเดินเข้าห้องน้ำไป พร้อมกับเปิดก๊อกน้ำจนสุดเพื่อให้มันดังกว่าเสียงของชายหนุ่ม รู้สึกไม่อยากได้ยินเขาคุยกับใครคนนั้น มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาเมื่อมันเผลอหยดลงแก้ม พยายามห้ามอารมณ์ไม่ให้หวั่นไหวแต่มันก็เกินความสามารถของเธอ
แววตาเศร้าหมองทอดมองตัวเองในกระจกหลังจากชำระร่างกายจนเสร็จสิ้น ใต้ตาบวมเปล่ง นัยน์ตานั้นแดงก่ำจนเห็นได้ชัด หากบ้านหลังนี้มีห้องนอนหลายห้องก็คงจะดีสินะแต่เพราะมันมีเพียงห้องเดียว เธอจึงเลือกไม่ได้ จำใจต้องนอนร่วมห้องกับคนใจร้าย
เธอเหลือบมองใครอีกคนที่ยังคงยืนคุยโทรศัพท์อยู่ริมระเบียง ภรรยา คำคำนี้เหมือนจะไม่มีความหมายเลยสักนิด ในคืนที่พึ่งจะแต่งงาน ภาพงานแต่งงานในความฝันกับความเป็นจริงมันช่างต่างกันเหลือเกิน หากอยู่ตรงนี้ต่อเธอคงได้ร้องไห้ออกมาอีกแน่ๆ หญิงสาวจึงเลือกที่จะเดินไปหยิบเอาหมอนและผ้าห่มแล้วเดินลงไปนอนที่ห้องรับแขกแทน
เสียงปิดประตูดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มหันไปมองแต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรก่อนจะกดวางสายจากเพื่อนสนิทที่เพิ่งจะกลายมาเป็นที่รักปลอมๆ เพื่อเล่นละครให้ใครบางคนทนฟังไม่ได้
"โดนแบบนี้ไปเรื่อยๆ ดูสิว่าเธอจะทนได้แค่ไหนกัน"น้ำเสียงเยือกเย็นเอ่ยออกมาก่อนจะทอดมองหมอนและผ้าห่มที่หายไป จากที่ไม่ใส่ใจก็รู้สึกสงสัยว่าเธอไปไหน ก่อนจะสลัดความคิดนั้นออกจากหัว"ไม่ใช่เรื่องของเราสักหน่อย"
พูดจบก็เดินเข้าห้องน้ำไปด้วยท่าทางอารมณ์ดีที่ไม่ต้องนอนร่วมห้องกับใครบางคน
นิ้วเรียวเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ไปมาก่อนจะถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เธอแหงนหน้าขึ้นมองประตูบานใหญ่บนชั้นสองด้วยแววตาล่องลอยจับจุดหมายปลายทางไม่ได้
"อยู่แบบนี้แหละดีแล้ว จะขึ้นไปให้เจ็บปวดทำไม"บอกกับตัวเองก่อนจะปิดหน้าจอโทรศัพท์พร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวไว้
ยังดีหน่อยที่โซฟาบ้านนี้ใหญ่พอที่เธอจะนอนได้สบายๆ และดูเหมือนว่าจะอุ่นกว่าห้องนั้นหลายล้านเท่า นัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบมองท้องฟ้าที่มืดสนิทผ่านกระจกใสบานใหญ่ มือบางข้างซ้ายยกขึ้นท่ามกลางหมู่ดาวนับล้านเผยให้เห็นแสงระยิบระยับของแหวนเพชรที่ดูจะมีความหมายกับคู่รักหลายๆ คู่ แต่สำหรับเธอมันก็เป็นเพียงแค่เครื่องประดับชิ้นหนึ่งที่อีกไม่นานมันก็จะไม่ได้อยู่กับเธอแล้ว แววตานั้นเหม่อลอยไร้จุดหมายก่อนที่มันจะเห็นแสงสีฟ้าอ่อนๆ พุ่งเป็นทางยาว หากจะขอพรให้เขาเลิกเย็นชาใส่มันจะได้ผลหรือเปล่านะ แต่คำตอบก็คงเป็น ไม่ เขาเกลียดเธอจะตายไป
ดวงตาคมหลับลงช้าๆ ด้วยความรู้สึกมากมายที่วิ่งพล่านอยู่ในหัว เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ ขอพักเอาแรงเสียก่อนแล้วจะสู้ต่อในวันพรุ่ง...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ