เมียนอกสายตา
เขียนโดย Natthaphan
วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 22.55 น.
แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 23.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ไอ้คนเย็นชา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเช้าวันใหม่ที่ท้องฟ้าดูจะสดใสกว่าปกติเห็นจะมีเพียงท้องฟ้าในใจของหญิงสาวเท่านั้นที่หม่นหมองคล้ายพายุกำลังจะก่อตัว
ร่างบางที่มาเช้ากว่าใครเพื่อนค่อยๆ เดินทอดน่องเพื่อไปที่ลิฟต์ แววตานั้นเหม่อลอยไร้จุดหมายเพราะในหัวมีเรื่องให้คิดมากมายเหลือเกิน
ตุบ!
เธอเซถลาไปกองที่พื้นเพราะแรงชนของคนที่แข็งแรงกว่า หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะรีบหลบต่ำเมื่อสบเข้ากับสายตาที่เกลียดชังราวกับว่าเธอเป็นสิ่งปฏิกูลน่าขยะแขยง แม้แต่มือที่เคยส่งมาเพื่อช่วยฉุดเธอขึ้นก็ยังไม่มี มีเพียงหางตาที่เหลือบมองก่อนจะเดินออกไปด้วยท่าทางหมางเมิน
หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเขานั้นเดินจากไปแล้ว รีบลุกขึ้นเดินเพื่อไปยังลิฟต์แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นบุคคลที่ยืนอยู่ก่อนแล้ว
ติ้ง!
เสียงสัญญาณที่บ่งบอกว่าลิฟต์เปิดออก ทว่าเพียงเสี้ยววินาทีที่เท้าเล็กเดินตามชายหนุ่มไปติดๆ ก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อเขานั้นกดปิดประตูหนี แต่ช่วงเวลาที่ประตูค่อยๆ เลื่อนปิดเขาก็พูดประโยคบางอย่างออกมา
“ฉันต้องเห็นเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ไปให้ทันละ” แสยะยิ้มมุมปากด้วยสีหน้าชั่วร้ายอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
“เล่นอย่างนี้ใช่ไหม”
น้ำเสียงเคียดแค้นสุดๆ ก่อนจะเดินไปกดลิฟต์ข้างๆ แต่ก็เหมือนว่าคงอีกนานกว่าที่มันจะเปิดออกจึงตัดสินใจวิ่งขึ้นบันไดไปจะดีกว่า แม้มันจะเหนื่อยกว่ากันเกือบร้อยเท่าก็เถอะ แต่ก็ไม่วายอยากจะเอาคืนคนแสนเย็นชาที่บังอาจมาแกล้งเธอ
รู้จักฑิฆัมพรน้อยไปซะแล้ว!
เท้าเล็กก้าวฉับๆ ขึ้นบันไดแต่ละขั้นด้วยท่วงท่ากระฉับกระเฉงก่อนจะเปิดประตูออกแล้ววิ่งไปกดปุ่มหน้าลิฟต์เพื่อถ่วงเวลาใครบางคน เธอทำอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนคนที่ยืนอยู่ในลิฟต์เริ่มหัวร้อนที่โดนเอาคืน
กล้ามาก!
กว่าจะก้าวขึ้นมาบนชั้นที่เป็นจุดหมายปลายทางก็แทบจะหมดเรี่ยวแรง ขาเรียวสั่นริกๆ ไร้กำลังที่จะเดินต่อ แต่ก็ยอมแพ้ไม่ได้แม้ในเวลานี้เสียงหายใจจะดังกว่าเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นเสียอีก
รองเท้าหนังที่ถูกขัดจนเงาวับก้าวเดินออกมาจากตัวลิฟต์ พนักงานต่างยกมือไหว้ด้วยท่าทางตื่นกลัว รู้สึกเหมือนว่าวันนี้ปีศาจจะประทับร่างเจ้านายแต่เช้านึกเสียวสันหลังกันเป็นแถบๆ สายตาคมตวัดมองหญิงสาวที่ยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าห้องตรงโต๊ะประจำตำแหน่ง หญิงสาวอดอมยิ้มออกมาไม่ได้ที่เห็นสีหน้าไม่พอใจของคนที่ควรจะเป็นผู้ชนะแต่กลับกลายเป็นคนแพ้ในเกมที่ตัวเองเป็นคนเริ่มก่อน
พอชายหนุ่มเข้าไปในห้องเธอจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ไม่ต่างจากพนักงานคนอื่นๆ
ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ หยิบยาดมขึ้นมายัดไว้ที่รูจมูกด้วยท่าทางเหน็ดเหนื่อย เธอขึ้นมาถึงก่อนเขาเพียงไม่กี่วินาที เกือบหัวใจวายตาย
“ไปทำอะไรมาถึงได้เหนื่อยขนาดนี้” พี่เลี้ยงสาวเอ่ยถามรุ่นน้องเมื่อได้ยินคนข้างๆ หายใจแรงจนผิดปกติ
“วิ่งหนีหมามาค่ะ”
ฮัดเช้ย!
คนที่พึ่งจะหย่อนก้นลงบนเก้าอี้จามออกมาก่อนจะทอดมองหญิงสาวที่กำลังหัวเราะคิกคักๆ คล้ายมีเรื่องที่ทำให้สุขใจจนอดคิดไม่ได้ว่าเมื่อครู่ที่ตนจามเป็นเพราะถูกนินทาจากฝ่ายนั้น
เขาแสยะยิ้มที่มุมปากอีกครั้ง แววตาคมจ้องมองคนที่กำลังหัวเราะร่วนมีความสุข
ช่างไม่รู้อะไรเลยว่าต่อไปชีวิตเธอจะมีเพียงคราบน้ำตาไร้ซึ่งรอยยิ้มที่เป็นอยู่ในตอนนี้
“มีความสุขให้มากๆ เมื่อไหร่ที่ฉันเอาจริง เธอจะรู้สึกว่านรกเป็นยังไง ผู้หญิงอะไรอยากมีผัวจนตัวสั่น”
คนที่พูดคุยอยู่กับรุ่นพี่หัวเราะร่าออกมาอย่างสุขใจ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าหายนะกำลังคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ จนเกือบจะไต่ขึ้นเท้าเธออยู่แล้ว
ร่างอรชรอ้อนแอ้นในชุดนักศึกษาก้าวเดินไปที่หน้าบริษัทเพื่อไปเรียกรถแท็กซี่กลับบ้านหลังจากเลิกงานได้เกือบยี่สิบนาที ทว่าในระหว่างทางก็มีรถยนต์คันหนึ่งวิ่งมาเฉี่ยวเธอจนก้นจ้ำเบ้าลงพื้นเสียเต็มแรง ใบหน้าหวานบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ยกมือขึ้นปัดฝุ่นที่เปรอะเปื้อน เงยหน้าขึ้นมองคนที่โผล่เพียงศีรษะออกมาจากตัวรถ เขาคนนั้นคือเวหา ผู้เป็นเจ้านายของเธอและพ่วงท้ายมาด้วยตำแหน่งว่าที่สามีที่เกิดจากการคลุมถุงชน
“ซุ่มซ่าม เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ” น้ำเสียงเย็นยะเยือกราวน้ำแข็งทั้งๆ ที่ตนนั้นเป็นฝ่ายผิด
รถคันสวยแล่นออกไป ไม่สนใจไยดีคนที่นั่งเจ็บอยู่บนพื้นเลยแม้แต่น้อย มือบางยกขึ้นดูเมื่อรู้สึกแสบๆ ที่ฝ่ามือ หัวเข่ามีรอยถลอกก่อนที่น้ำเหนียวๆ จะไหลซึมออกมาเล็กน้อย เธอล้วงเอาขวดน้ำในกระเป๋าออกมาก่อนจะราดลงบนแผลสดเพื่อทำความสะอาด น้ำตาหยดเผาะลงบนกระโปรงทรงเอสีดำอย่างห้ามไม่อยู่ รู้สึกแสบไปทั่วผิวหนังที่เปิดออกจนเห็นเป็นเนื้อสีขาวๆ ด้านใน
“ไอ้คนบ้า ไอ้คนใจร้าย ไอ้คนใจดำ ไอ้คนเย็นชา” คำก่นด่านั้นดังอยู่เรื่อยๆ ในระหว่างที่มือบางลูบสัมผัสแผลเพื่อเอาเศษหินเศษดินออก นึกคับแค้นใจที่เอาคืนเขาไม่ได้
เธอยกมือขึ้นฟาดโต๊ะม้าหินอ่อนเต็มแรงเพราะความโกรธที่วนเวียนอยู่ภายในใจ แต่เธอนั้นลืมไปว่ามือตัวเองก็มีแผลอยู่เหมือนกัน ส่งผลให้ใบหวานเหยเกด้วยความเจ็บปวดมากกว่าเดิม
“เจ็บอ่ะ”
เสียงสะอื้นแทรกขึ้นมากับประโยคนั้น ทำให้น้ำตาของคนเจ็บหยดเผาะลงอาบแก้มอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นไปโบกมือเรียกรถแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน
ฮัดเช้ย!
เธอจามออกมาเมื่อขึ้นรถไปเพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะหันไปพบตัวต้นเหตุที่อยู่ข้างๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ