เมียนอกสายตา

-

เขียนโดย Natthaphan

วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 22.55 น.

  25 ตอน
  3 วิจารณ์
  21.81K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 23.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) ทวงคืน...ไม่คืนเว้ย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
เวลาผ่านไปเกือบอาทิตย์ที่ชายหนุ่มนั้นอยู่แต่กับการจ้องจับผิดคนที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกันหรือภรรยาตามกฎหมายของเขานั้นเอง ว่าเธอคือใครกันแน่ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเลยสักนิดมีเพียงความสงสัยที่ยังคงอยู่และความรู้สึกแปลกใหม่ที่เริ่มเข้ามาแทนที่ความเกลียดชังที่เคยมี
แววตาคมเข้มทอดมองร่างบางผ่านกระจกใสภายในตัวบ้าน
มือเรียวเล็กถือสายยางรดน้ำต้นไม้ด้วยท่าทางมีความสุข เสียงฮัมเพลงเบาๆ ยิ่งบอกให้รู้ว่าเธอนั้นสุขใจเพียงใดแต่กระนั้นก็ยังคงหันมองใครบางคนด้วยความระแวง รู้สึกว่าเขานั้นแปลกๆ มาเกือบสัปดาห์ คล้ายจะพูดจะถามสิ่งใดแต่ก็ไม่ถามให้หายข้องใจจนเธอนั้นพลอยสงสัยไปด้วยอีกคน
"มองอะไร? "บ่นพึมพำเบาๆ คนเดียว
 
เข็มนาฬิกาเดินมาบรรจบกัน บอกเวลาเที่ยงตรงพนักงานต่างพากันออกไปทานข้าวด้วยความรวดเร็ว ซึ่งมันช่างแตกต่างในยามเช้าที่ต้องลุกมาทำงาน เชื่องช้ายิ่งกว่าสล๊อตเสียอีก
"ไปกินข้าวกันฟ้า"เสียงหวานที่คุ้นเคยเอ่ยเรียกก่อนที่ร่างบางจะลุกขึ้นเดินตามรุ่นพี่ไป โดยมีใครบางคนแอบลอบมองอยู่ห่างๆ
อาหารมากมายถูกวางเรียงรายจนเต็มโต๊ะเวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงจานทุกจานก็สะอาดสะอ้านราวกับก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอาหารอยู่ในนั้น แม้แต่ผักตกแต่งจานยังไม่เหลือ ความหิวนี้มันช่างน่ากลัวจริงๆ
ในจังหวะที่กำลังลุกขึ้นเพื่อกลับไปทำงาน หางตาของฑิฆัมพรก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่ดูคุ้นตา
ยังไม่ถึงสองเดือนเลยหนิ ตาฝาดล่ะมั้ง...คิดอย่างฉงนใจ ก่อนจะขยี้ตาตัวเองเบาๆ แต่ชายคนนั้นก็หายไปเสียแล้ว เธอคงตาฝาดจริงๆ
"นอนดึกเกินล่ะมั้ง ตาฝาดไปหมด"ส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเดินตามนารีรัตน์ออกจากร้านไป เพราะนึกว่าตนตาฝาด
 
ก็อกๆๆๆ
เสียงเคาะโต๊ะดังขึ้นเบาๆ พอให้คนหน้าหวานเงยขึ้นมอง ดวงตาคมเบิกกว้างก่อนจะยกมือไหว้ นารีรัตน์ก็เช่นกัน
ริมฝีปากหนาฉีกยิ้มรับ แววตานั้นมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้มองดวงหน้าหวานใกล้ๆ
"ท่านรอง! "
"เป็นไงบ้างทำงานกับพี่เวสนุกมั้ย? "
"สนุกดีค่ะ"
แม้จะยังงงๆ กับเหตุการณ์ตรงหน้าแต่ก็ยังเอ่ยตอบ
ไม่กล้าบอกความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะทุกอย่างมันไม่ได้เกี่ยวกับงานที่มาฝึกแต่มันเป็นเรื่องของครอบครัว
"ยังไม่ถึงสองเดือนใช่ไหมเหลืออีกกี่เดือนที่ต้องฝึกนะ ผมลืม"
"ประมาณสามเดือนค่ะ"เขาระบายยิ้มออกมาเบาๆ
"พี่เวอยู่ใช่มั้ย? "
"ค่ะ"เสียงหวานเอ่ยตอบก่อนที่เขาจะยิ้มให้เธอ มือหนายกขึ้นเกาหัวแก้เก้อ
นี้ขนาดไปอยู่ตั้งไกลมาเกือบสองเดือนเขายังไม่ชินสักทีเวลาที่เธอยิ้มมา เขินเป็นบ้าเป็นหลังจนคิ้วบางขมวดมุ่นด้วยท่าทางงุนงง
ดีที่งานที่นู่นเสร็จก่อนกำหนดจึงได้กลับมาก่อนเวลา จะได้กลับมารับเลขาฝึกงานกลับเสียที กลัวว่าอยู่กับพี่ชายตัวเองนานๆ จะโดนเจ้านายจอมโหดนั้นใช้อำนาจเยอะเกินไป คนบอบบางน่าทะนุถนอมอย่างเธอคงรับไม่ไหวแน่ๆ หากโดนเวหาอาละวาดใส่...
"งะ...งั้นผมไปหาพี่เวนะ"
"ค่ะ"
ทำไมต้องบอกย้ำเธอคิดงงๆ กับท่าทางพิลึกๆ ของเขา เมาเครื่องหรืออย่างไร
"ท่านรองประตูค่ะ"
มัวแต่หันมองสาวจนเกือบชนประตู ดีที่ฑิฆัมพรบอกก่อนไม่งั้นมีหวังเสียภาพลักษณ์ท่านรองสุดเนียบหมด เดี๋ยวได้กลายเป็นท่านรอง เชิญยิ้มกันพอดี
ชายหนุ่มในห้องใหญ่ทอดมองคนทั้งสองพูดคุยกันก่อนจะจ้องน้องชายเขม็งเพราะรอยยิ้มหวานๆ ของหญิงสาวที่มอบให้วราธรมันดันไปสะกิดต่อมไม่พอใจของพี่ชายเข้า ทีเขาไม่เห็นจะเคยยิ้มแบบนี้ให้เลย เหอะ! ให้มันได้อย่างนี้สิ
“สวัสดีครับ ท่านประธาน” เอ่ยทักทายพี่ชายด้วยน้ำเสียงขี้เล่น
“ทำงานเสร็จแล้วหรอ ทำไมถึงรีบกลับ?” น้ำเสียงที่ฟังกี่ครั้งก็ทำให้เขานั้นขนลุกทุกที
วันนี้พี่ชายตนนั้นไปกินรังแตนที่ไหนมาถึงได้ถามน้องชายสุดที่รักได้เย็นชาเช่นนี้ ซึ่งเขานั้นจะได้ยินโทนเสียงนี้ก็ต่อเมื่อเข้ามาในจังหวะที่พี่ชายกำลังเหวี่ยงเลขา แต่วันนี้ก็ดูปกติดีหนิ แล้วเหตุใดถึงใส่อารมณ์เสียใหญ่โตขนาดนี้ ราวกับว่าเขานั้นไปทำอะไรผิดมา
“พอดีงานมันเสร็จเร็วน่ะครับ แล้วอีกอย่าง...ก็คิดถึงคนทางนี้แล้วด้วย” ว่าพลางเหล่มองไปทางประตู
ทำเอาเวหากลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่ ไม่อยากจะนึกว่าหากเจ้าธรมันรู้ว่าพี่ชายตัวเองกับผู้หญิงที่ปลื้มแต่งงานกันมันจะรู้สึกเช่นไร เขารู้นิสัยน้องดีหากจะทำอะไรหรือรักใครแล้วเขาจะไม่ยอมเสียไปง่ายๆ เด็ดขาด
“ให้มันน้อยๆ หน่อย”
“แหม่ นิดๆ หน่อยๆ นะพี่ ก็เด็กมันน่ารัก”
อยากจะลุกขึ้นไปดีดปากและตาน้องตัวเองจริงๆ ยิ้มไม่หุบแถมยังส่งสายตากรุ้มกริ่มไปให้ยัยภรรยาของเขาอีก ยัยนั้นก็ไม่รู้อะไรบ้างเลย
เขาไม่ได้ห่วงหรือหึงหรอกนะเพียงแต่ไม่อยากให้น้องชายได้ชื่อว่าจะตีท้ายครัวพี่ชายตัวเอง เดี๋ยวข่าวมันจะขึ้นหน้าหนึ่งเอา เสียหายไปหมดทั้งตระกูล
 
มือบางหมุนพวงมาลัยไปตามเส้นทางแต่วันนี้เป็นเส้นทางของบ้านใหญ่ เพราะคุณย่าให้ไปทานข้าวด้วย เป็นอย่างนี้เกือบทุกวันจนเธอเริ่มชินเสียแล้ว
หญิงสาวทอดมองรถที่คุ้นตา มันจอดอยู่ก่อนแล้วและคนที่ขับมาก็คงจะอยู่ในบ้าน แต่เธอก็ต้องยืนนิ่งเพราะชายหนุ่มไม่ได้อยู่ในบ้านดั่งที่เธอคิด เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวข้างๆ รถ ใบหน้าคมเข้มเงยหน้าขึ้นมองร่างบางก่อนจะทำเป็นเก๊กขรึม ลุกขึ้นล้วงกระเป๋ากางเกงพร้อมทำเสียงในลำคอเบาๆ
"อะฮึม! "ลดความประหม่าของตัวเอง
“ทำไมถึงยังไม่เข้าไปหรอคะ?”
“เอ่อ...พอดี พึ่งคุยโทรศัพท์เสร็จน่ะ”
แก้ตัวหน้าตายทั้งที่ความจริงแล้วเขานั้นมานั่งรอหญิงสาวต่างหาก เนื่องด้วยไม่เห็นเธอมาสักที ทั้งที่เลิกงานนานแล้ว
“ออ...ค่ะ”
เชื่อสนิทใจ...
ร่างบางเดินเข้าบ้านไปโดยมีคนตัวสูงเดินตามไปติดๆ
คิ้วหนาของใครบางคนที่เพิ่งจะเดินทางกลับมาจากต่างประเทศขมวดเป็นปมเนื่องด้วยหันไปเห็นหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับพี่ชายตนเอง
เธอมาทำอะไรที่นี้???
“คุณฟ้า...” น้ำเสียงบางเบา ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
ริมฝีปากบางฉีกยิ้มเล็กๆ ให้ท่านรองคนที่รับเธอมาฝึกงานเป็นคนแรกและพ่วงท้ายมาด้วยตำแหน่งน้องสามี ที่เขานั้นยังไม่รู้ตัวว่ากำลังจะมีตำแหน่งใหม่
“อ้าวมาแล้วหรอจะหลานสาวย่า”
คนชราดีอกดีใจใหญ่ แม้จะเจอหน้ากันเกือบทุกวันแต่กระนั้นก็ไม่ทำให้คนชราลดความคิดถึงหลานสาวเพียงคนเดียวได้เลย
“หลานสาว?” เอ่ยถามด้วยความสงสัยก่อนจะมองผู้เป็นย่าสลับกับคนที่เคยฝึกเป็นเลขาตัวเอง
นี้เขานั้นเป็นญาติกับเธอหรือนี้ ญาติฝ่ายไหนกันไม่เห็นจะเคยรู้จัก อย่างนี้เขาจะจีบเธอได้อย่างไรในเมื่อเธอเป็นญาติของเขาและเปรียบเสมือนหลานสาวของย่าแท้ๆ
“นี้หนูฟ้า พี่สะใภ้แก...เมียตาเวเขา”
พอหญิงชราเอ่ยแนะนำรอยยิ้มที่ปนความสงสัยเมื่อครู่ก็หุบลงทันที ก่อนจะหันขวับไปมองผู้เป็นพี่ชาย เวหาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ นึกไว้ไม่มีผิดว่าสักวันวันนี้ต้องมาถึงจนได้
“มาคุยกับผมหน่อย”
ดึงมือพี่ชายให้เดินตาม คนอื่นๆ ต่างมองตามสองพี่น้องไปด้วยความสงสัยเมื่อเห็นท่าทางไม่พอใจของหลานชายคนเล็กก็นึกเป็นห่วงอยู่ไม่น้อยแต่กระนั้นก็ไม่ได้ตามไปเพราะเชื่อว่าทั้งสองคงไม่มีเรื่องอะไรให้บาดหมางกันคงจะไปคุยตามประสาคนไม่ได้เจอกันนาน สองคนนี้รักกันจะตาย คงมีเพียงฑิฆัมพรเท่านั้นที่นึกหวาดหวั่นใจ เป็นห่วงใครบางคน
 
ชายหนุ่มขบกรามแน่นจนมันนูนเป็นสันผิดกับพี่ชายคนโตที่ไม่มีท่าทีเป็นเดือดเป็นร้อนเลยสักนิด
“พี่พูดมาว่าเรื่องทั้งหมดมันคืออะไร พี่สัญญากับผมแล้วไม่ใช่หรอว่าจะไม่ยุ่งกับฟ้า แล้วพี่ทำแบบนี้ทำไม?” เสียงตะคอกของวราธรทำเอาชายหนุ่มต้องถอนหายใจอีกครั้ง
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแต่งงานกับฟ้า”
“หมายความว่าไง?”
“ย่าบังคับให้ฉันแต่ง”
“แต่พี่มีแฟนอยู่แล้วนะ ทำไมพี่ไม่ปฏิเสธคุณย่าไปล่ะ พี่แย่งคนของผมไปทำไม?”
ถึงกับไปไม่เป็นไม่รู้จะอธิบายเช่นไรต่อ
“ฉันไม่ได้แย่ง ทุกอย่างมันถูกกำหนดเอาไว้หมดแล้ว ฉันปฏิเสธไปก็ไม่มีประโยชน์”
“ฟ้าไม่ได้รักพี่ แล้วพี่ก็ไม่ได้รักฟ้าใช่ไหม?”
“ไม่รู้”
หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะตอบไปว่าไม่รัก แต่ครั้งนี้เขานั้นไม่รู้จริงๆ มันสับสนไปหมดกับอาการแปลกๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่รู้? อะไรวะพี่ พี่ก็รู้ว่าผมคิดยังไงกับฟ้า แล้วพี่ยังจะยอมแต่งงานกับเธออีก ทำไมวะพี่ ทำไม?” เถามเสียงสั่น มือหนานั้นกำหมัดแน่น
“ผมจะเอาฟ้าคืนมาให้ได้”
คนที่ไม่เคยจะแย่งอะไรพี่ชายเลยสักครั้ง แม้แต่ของเล่นก็แบ่งกันเล่นแต่นี้มันคนที่เขารักเขาไม่ยอมหรอก เขารักมาก่อน เขาเจอก่อนแต่ทำไมสวรรค์ถึงไม่ให้เธอคู่กับเขา ทำไม???
“ผมจะเอาเธอคืน”
เจ้าของคนแรกกลับมาทวงคืน แล้วเขาจะทำอย่างไร หากทอดมองรอยยิ้มหวานๆ ของหญิงสาวที่มอบให้น้องชายตัวเองก็อดคิดไม่ได้ว่าทั้งสองนั้นมีใจให้กัน
“แต่แกจะได้ชื่อว่าตีท้ายครัวพี่ชายตัวเองนะเว้ย”
“ผมจะเอาเธอคืนมาให้ได้ ผมไม่สน เพราะยังไงพี่กับฟ้าก็ไม่แต่งงานกันเพราะความรักอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น...ผมมีสิทธิ์” เอ่ยทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะเดินออกไป
เวหามองตามผู้เป็นน้องชายด้วยแววตาคิดไม่ตก อยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกบอกไม่ถูกว่าจะทำเช่นไร
แต่เขาก็ไม่อยากเสียเธอไปเช่นกัน...ไม่คืนเว้ย!!!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา