เมียนอกสายตา
-
เขียนโดย Natthaphan
วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 22.55 น.
25 ตอน
3 วิจารณ์
21.82K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 23.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) เจ็บ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเอกสารมากมายกองระเนระนาดจนเต็มโต๊ะ หากใครมองผ่านๆ ก็คงไม่เห็นร่างบางที่นั่งเอาหัวแทบจะยัดเข้าไปในจอคอมพิวเตอร์เนื่องด้วยวันนี้นารีรัตน์ลางานเธอจึงต้องรับผิดชอบทุกอย่างแทนตั้งแต่เช้า จนตอนนี้เวลาปาไปเกือบบ่ายสาม
"ขอโทษนะคะ ขอสอบถามอะไรหน่อยค่ะ"
ทิฆัมพรค่อยๆ เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารทอดมองร่างระหงตรงหน้า ใบหน้าของเธอสวยคมราวกับนางแบบต่างประเทศ รอยยิ้มเป็นมิตรส่งผ่านมาให้หญิงสาวในชุดนักศึกษา เธอยิ้มตอบเช่นกัน
"สอบถามเรื่องอะไรคะ? "
"พอดีจะมาพบพี่เว เอ่อ...คุณเวหาน่ะค่ะ สามารถเข้าพบได้เลยใช่มั้ยคะ? "
"ไม่ทราบว่าใครขอเข้าพบคะ"
"บอกเขาไปว่ามีนค่ะ"
มีน...
หญิงสาวเงยหน้าจากโทรศัพท์ที่กำลังจะกดต่อสายทันที ก่อนจะจ้องเขม็งร่างบางตรงหน้า แต่แววตานั้นที่เหม่อมองไม่ใช่เพราะเกลียดชังแต่มันคือความรู้สึกเจ็บปวดของคนคนหนึ่ง
มันเร็วเกินไปหรือเปล่า...เธอกลับมาเร็วเกินไป เร็วจนคนคนหนึ่งไม่ทันได้เตรียมใจเอาไว้...ว่าหลังจากนี้เธอจะต้องเจ็บกว่าเดิมเท่าไหร่...
"เอ่อ..."
เหมือนมีอะไรมาบีบรัดที่ต้นคอจนไม่สามารถพูดออกมาได้ เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้ทั้งสองหันเป็นมองเป็นตาเดียว
"มีน! "
น้ำเสียงที่ฟังดูช่างเจ็บปวดสำหรับใครบางคนเพราะมันเป็นน้ำเสียงที่คนเอ่ยดูจะมีความสุขแบบสุดๆ ความสุขที่เธอไม่เคยได้รับ เขาไม่แม้แต่ชายตามองเธอด้วยซ้ำมันยิ่งตอกย้ำว่าเธอไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาตั้งแต่เริ่มต้น
หญิงสาวคนนั้นไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ยิ้มออกมาเล็กน้อยเท่านั้น พนักงานต่างทอดมองด้วยความสงสัย เมื่อเห็นว่ามีสาวสวยมาหาผู้เป็นเจ้านายถึงบริษัท และดูเหมือนท่านประธานจะดีอกดีใจจนออกนอกหน้า สถานะของเธอคงพิเศษมากๆ สำหรับเขา
ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องโดยมีสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองไม่ละสายตา ทว่าเธอก็ทำเป็นไม่สนใจหันกลับมาทำงานต่อ แต่ดูเหมือนว่างานตรงหน้าจะยากกว่าที่เคยทำทั้งๆ ที่มันก็เป็นงานเดียวกัน รู้สึกจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวคล้ายว่ามันจะคอยชะเง้อมองว่าคนทั้งสองพูดคุยอะไรกัน
"งานเยอะหรือคะ? "ถามเมื่อเห็นเอกสารที่กองพะเนินเทินทึกอยู่บนโต๊ะของชายหนุ่ม
"อีกนิดก็เสร็จแล้ว นั่งรอก่อนนะ วันนี้ไปทานข้าวด้วยกันนะมีน"
"ได้ค่ะ วันนี้มีนซื้อขนมมาฝากด้วยนะคะ"ยื่นถุงขนมให้แฟนหนุ่มก่อนที่เขาจะรับไว้ พลางเปิดออกเพื่อดูว่ามันคือขนมอะไร
"ขนมอะไรครับเนี้ย? "ถามด้วยรอยยิ้ม
"ขนมเปี๊ยะไส้เผือกน่ะค่ะ ร้านนี้ขนมอร่อยมากเลยนะคะ"ชะงักนิ่งกอนจะยิ้มเจื่อนๆ ให้มีนา
"มีนลืมใช่ไหมเนี้ยว่าพี่กินเผือกไม่ได้"
"อ้าว! หรือคะ งั้นเดี๋ยวมีนเอาไปทิ้งก็ได้ค่ะ"เอื้อมมือมาหยิบแต่ชายหนุ่มกลับดึงเอาไว้
"เอาไปทิ้งทำไมล่ะ มีนชอบกินเผือกไม่ใช่หรือ ซื้อมาแล้ว เสียดายแย่ หรือว่าไดเอ็ดอยู่"
คิ้วบางขมวดเป็นปมทำท่าทางสงสัย
"มีนหรือคะชอบกินเผือก ใครบอกพี่เวคะเนี้ย? "
"ก็มีนไง"
เขายังยืนยันคำเดิม ก็เขาจำได้ขึ้นใจว่าเธอนั้นชอบกินเผือกขนาดไหน เขาไม่เคยลืมทุกอย่างที่เป็นเธอ
"พี่เวคงจำผิดแล้วล่ะค่ะ มีนเกลียดเผือกจะตายไป แต่ที่ซื้อมาเพราะคิดว่าพี่เวจะชอบ"
"หรือครับ? "แววตานั้นยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่ก็ยอมยุติการสนทนาหัวข้อนั้นแม้ว่าในใจจะยังคงสงสัยอยู่ไม่หาย
"จ๊ะเอ๋! "
ร่างบางสะดุ้งโหยงก่อนจะแหวกกองเอกสารเพื่อดูว่าใครกันมาเล่นซ่อนแอบแถวนี้
"คุณแม่"ยกมือไหว้สวัสดีผู้เปรียบเสมือนพ่อและแม่ก่อนที่มือเหี่ยวย่นจะยื่นมาลูบหัวหญิงสาวอย่างนึกเอ็นดู
"ตาเวใช้งานหนูหนักขนาดนี้เชียวหรือ อย่างนี้แม้ต้องจัดการซะแล้ว มีอย่างที่ไหนให้งานน้องเยอะขนาดนี้"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่ ยิ่งเยอะยิ่งดีค่ะ หนูจะได้มีประสบการณ์เยอะๆ ไงคะ"เอ่ยบอกเพราะกลัวว่าผู้เป็นแม่สามีจะไปเอ็ดบุตรชายจนเธอนั้นพลอยโดนว่าไปด้วย เธอไม่อยากโดนเขาเกลียดไปมากกว่านี้แล้ว
"แล้วตาเวอยู่ในห้องใช่มั้ยลูก? "
"อยู่ค่ะ"ตอบโดยไม่ได้คิดอะไร...
หลังจากเลขาฝึกงานยืนยันว่าท่านประธานอยู่ทั้งสองจึงเปิดประตูเข้าไปในจังหวะนั้นเองที่ฑิฆัมพรนึกอะไรบางอย่างได้
"ท่านประธานมีแขก..."
เธอห้ามไม่ทัน...
หญิงวัยกลางคนยืนนิ่งพร้อมจ้องมองไปยังหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนโซฟา
เวหาเลื่อนสายตามองบุคคลทั้งสองด้วยท่าทางไม่เป็นเดือดเป็นร้อนก่อนที่แววตานั้นจะฉายชัดถึงความเกลียดชังเมื่อมองร่างบางที่ยืนอยู่บริเวณด้านหลังของท่านทั้งสอง
ยัยนี้มันร้ายกว่าที่เขานั้นคิดไว้...
"เอ่อ...สวัสดีค่ะคุณแม่คุณพ่อ"เอ่ยทักทายท่านทั้งสองด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ
"ฉันไม่มีลูกสาว ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่"น้ำเสียงไม่เป็นมิตรบวกกลับแววตาเกลียดชังของหญิงตรงหน้า มีนารู้ดีว่าเพราะอะไรคนจิตใจดีแบบแม่ของเวหาถึงได้ดูรังเกียจเธอเช่นนี้
"ฟ้าลูก...มาหาแม่หน่อย"
ร่างบางค่อยๆ เดินเข้าไปตามคำเอ่ยเรียก ใบหน้าหวานก้มมองพื้นตลอดทางเพราะมีใครบางคนกำลังมองเธอไม่ละสายตา
"คนนี้คนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์เรียกฉันว่าแม่"
"คุณพอก่อนเถอะ...สงสารเด็กมัน"
สามีที่ยืนมองภรรยาเล่นงานอดีตแฟนของบุตรชายเอ่ยห้ามปรามเพราะเห็นท่าทางของเธอแล้วก็อดสงสารไม่ได้ หญิงสาวคงจะสำนึกผิดได้นานแล้ว
"คุณแม่มาได้ยังไงครับ...หรือว่าใคร...บอกให้มา"เน้นเสียงเข้มพลางหันไปจ้องคนที่ยืนอยู่ข้างๆ มารดาอย่างเอาเรื่อง
หญิงวัยกลางคนรู้ทันบุตรชายจึงโอบเอวลูกสะใภ้ไว้แน่น บอกเธอผ่านสัมผัสว่าไม่ต้องกลัวมีแม่อยู่ทั้งคน
"คนเป็นแม่จะมาหาลูกชายต้องให้ใครโทรมาตามด้วยหรือ? "
"พี่เว มีนกลับก่อนนะคะ"เอ่ยบอกเวหาก่อนจะวิ่งออกไปทันที ชายหนุ่มรีบวิ่งตามไปทว่าหางตานั้นตวัดมองร่างบางด้วยความเกลียดชังจนหญิงนึกเจ็บจี๊ดเพราะมันดูจะหนักกว่าทุกๆ ครั้ง
เธอผิดอะไร??? ทำไมเธอถึงต้องตกเป็นจำเลยกับข้อหาที่เธอไม่ได้ก่อ...คนอย่างเธอต่อให้ทำดีเท่าไหร่เขาก็ยังคงมองว่าเป็นเพียงการแสดงอยู่ร่ำไป
บ้านที่ดูภายนอกช่างอบอุ่นแต่พอก้าวเท้าเข้าไปด้านในมันมีเพียงความเจ็บปวดที่ลอยวนอยู่ในนั้น ความสุข...คำคำนั้นไม่เคยมีอยู่เลย ไม่มีเลยสักนิด
หญิงสาวนั่งลงบนโซฟา สายตาทอดมองแผ่นฟ้าที่ดูกว้างใหญ่ วันนี้ไม่มีพระจันทร์หรือดวงดาวให้เห็นเลยสักดวง คล้ายว่ามันกำลังจะไว้อาลัยให้ใครบางคน
ร่างบางชะเง้อคอมองประตูหน้าบ้าน หลังจากที่ได้ยินเสียงรถกำลังวิ่งเข้ามา
เธอดึงผ้ามาคลุมตัวจนหมดเพราะไม่อยากประชันหน้ากับคนเจ้าอารมณ์
"คนทำผิดมักจะหลบหน้าหลบตาสินะ"
ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกกระชากออกด้วยแรงของคนตัวสูง ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือมาบีบหัวไหล่ทั้งสองข้างของเธอ ใบหน้าเล็กเหยเกด้วยความเจ็บปวด
"สะใจมากมั้ย สะใจเธอแล้วสิ ยัยแม่มด! "
ร่างบางโยกไปมาตามแรงเขย่าของคนตัวใหญ่ รู้สึกปวดตุบๆ ที่หัวคล้ายว่ามันกำลังจะหมุนรอบๆ ตัวเอง
"ไม่รู้ว่าฉันจะเรียกเธอว่าอะไรดี ทำตัวใสซื่อแต่ข้างในร้ายกาจยิ่งกว่านางร้ายในละคร แม่ฉันเขาดีเกินไปถึงได้ไม่ทันเกมของเธอ แต่เสียใจด้วยนะที่เธอมาเจอผู้ชายแบบฉัน ฉันไม่ได้โง่เชื่อผู้หญิงแบบเธอง่ายๆ "
"ปล่อยนะ...ฉันเจ็บ"
หยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มมันไม่มีความหมายเลยสำหรับเขาเพราะเขาคิดว่ามันเป็นเพียงละครเรื่องหนึ่งที่เธอสร้างขึ้นมา หากตอนนี้เขามีตุ๊กตาทองชายหนุ่มคงจะมอบให้เธอโดยไม่รีรอ
"คนอย่างเธอมีความรู้สึกด้วยหรือไง"
"ฉันก็คนนะ ทำไมต้องคิดว่าฉันไม่มีความรู้สึก"ตอบกลับด้วยแววตาแสนเจ็บปวด เธอก็คน เจ็บเป็น รู้สึกเป็น ที่เห็นว่าบางครั้งไม่รู้สึกอะไรก็ไม่ได้แปลว่าเธอจะไม่เจ็บปวด
"ก็เพราะเธอมันเป็นคนเลือดเย็นไง"
คราบน้ำตาที่กำลังจะเหือดแห้งไหลลงมาอีกระลอก
เลือดเย็น คำคำนี้มันควรใช่กับเขาไม่ใช่เธอ
"ยัยคนเลือดเย็น ยัยแม่มด! "
หญิงสาวเซถลาไปกองกับพื้นหลังจากที่ชายหนุ่มผลักเธอให้ออกห่าง เขาไม่แม้แต่ชายตามองเลยสักนิดว่าเธอจะเป็นอย่างไรหลังจากนั้น
น้ำสีแดงหยดลงพื้นสองสามหยด มือบางค่อยๆ ยกขึ้นสัมผัสที่หน้าผากตัวเอง
"เลือด"
น้ำเสียงบางเบาเอ่ยออกมาพลางทอดมองคราบเลือดบนปลายนิ้วมือที่กำลังสั่นเทาด้วยความตกใจ หญิงสาวกัดฟันแน่น ความเจ็บปวดวิ่งพล่านเข้ามาทันทีที่รู้ว่าตนนั้นล้มกระแทกกับขอบโต๊ะ
หยดน้ำตาไหลผสมกับหยดเลือดจนแยกไม่ออกว่าที่เธอนั้นร้องไห้เพราะเจ็บแผลหรือเพราะใคร...
"ขอโทษนะคะ ขอสอบถามอะไรหน่อยค่ะ"
ทิฆัมพรค่อยๆ เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารทอดมองร่างระหงตรงหน้า ใบหน้าของเธอสวยคมราวกับนางแบบต่างประเทศ รอยยิ้มเป็นมิตรส่งผ่านมาให้หญิงสาวในชุดนักศึกษา เธอยิ้มตอบเช่นกัน
"สอบถามเรื่องอะไรคะ? "
"พอดีจะมาพบพี่เว เอ่อ...คุณเวหาน่ะค่ะ สามารถเข้าพบได้เลยใช่มั้ยคะ? "
"ไม่ทราบว่าใครขอเข้าพบคะ"
"บอกเขาไปว่ามีนค่ะ"
มีน...
หญิงสาวเงยหน้าจากโทรศัพท์ที่กำลังจะกดต่อสายทันที ก่อนจะจ้องเขม็งร่างบางตรงหน้า แต่แววตานั้นที่เหม่อมองไม่ใช่เพราะเกลียดชังแต่มันคือความรู้สึกเจ็บปวดของคนคนหนึ่ง
มันเร็วเกินไปหรือเปล่า...เธอกลับมาเร็วเกินไป เร็วจนคนคนหนึ่งไม่ทันได้เตรียมใจเอาไว้...ว่าหลังจากนี้เธอจะต้องเจ็บกว่าเดิมเท่าไหร่...
"เอ่อ..."
เหมือนมีอะไรมาบีบรัดที่ต้นคอจนไม่สามารถพูดออกมาได้ เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้ทั้งสองหันเป็นมองเป็นตาเดียว
"มีน! "
น้ำเสียงที่ฟังดูช่างเจ็บปวดสำหรับใครบางคนเพราะมันเป็นน้ำเสียงที่คนเอ่ยดูจะมีความสุขแบบสุดๆ ความสุขที่เธอไม่เคยได้รับ เขาไม่แม้แต่ชายตามองเธอด้วยซ้ำมันยิ่งตอกย้ำว่าเธอไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาตั้งแต่เริ่มต้น
หญิงสาวคนนั้นไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ยิ้มออกมาเล็กน้อยเท่านั้น พนักงานต่างทอดมองด้วยความสงสัย เมื่อเห็นว่ามีสาวสวยมาหาผู้เป็นเจ้านายถึงบริษัท และดูเหมือนท่านประธานจะดีอกดีใจจนออกนอกหน้า สถานะของเธอคงพิเศษมากๆ สำหรับเขา
ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องโดยมีสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองไม่ละสายตา ทว่าเธอก็ทำเป็นไม่สนใจหันกลับมาทำงานต่อ แต่ดูเหมือนว่างานตรงหน้าจะยากกว่าที่เคยทำทั้งๆ ที่มันก็เป็นงานเดียวกัน รู้สึกจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวคล้ายว่ามันจะคอยชะเง้อมองว่าคนทั้งสองพูดคุยอะไรกัน
"งานเยอะหรือคะ? "ถามเมื่อเห็นเอกสารที่กองพะเนินเทินทึกอยู่บนโต๊ะของชายหนุ่ม
"อีกนิดก็เสร็จแล้ว นั่งรอก่อนนะ วันนี้ไปทานข้าวด้วยกันนะมีน"
"ได้ค่ะ วันนี้มีนซื้อขนมมาฝากด้วยนะคะ"ยื่นถุงขนมให้แฟนหนุ่มก่อนที่เขาจะรับไว้ พลางเปิดออกเพื่อดูว่ามันคือขนมอะไร
"ขนมอะไรครับเนี้ย? "ถามด้วยรอยยิ้ม
"ขนมเปี๊ยะไส้เผือกน่ะค่ะ ร้านนี้ขนมอร่อยมากเลยนะคะ"ชะงักนิ่งกอนจะยิ้มเจื่อนๆ ให้มีนา
"มีนลืมใช่ไหมเนี้ยว่าพี่กินเผือกไม่ได้"
"อ้าว! หรือคะ งั้นเดี๋ยวมีนเอาไปทิ้งก็ได้ค่ะ"เอื้อมมือมาหยิบแต่ชายหนุ่มกลับดึงเอาไว้
"เอาไปทิ้งทำไมล่ะ มีนชอบกินเผือกไม่ใช่หรือ ซื้อมาแล้ว เสียดายแย่ หรือว่าไดเอ็ดอยู่"
คิ้วบางขมวดเป็นปมทำท่าทางสงสัย
"มีนหรือคะชอบกินเผือก ใครบอกพี่เวคะเนี้ย? "
"ก็มีนไง"
เขายังยืนยันคำเดิม ก็เขาจำได้ขึ้นใจว่าเธอนั้นชอบกินเผือกขนาดไหน เขาไม่เคยลืมทุกอย่างที่เป็นเธอ
"พี่เวคงจำผิดแล้วล่ะค่ะ มีนเกลียดเผือกจะตายไป แต่ที่ซื้อมาเพราะคิดว่าพี่เวจะชอบ"
"หรือครับ? "แววตานั้นยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่ก็ยอมยุติการสนทนาหัวข้อนั้นแม้ว่าในใจจะยังคงสงสัยอยู่ไม่หาย
"จ๊ะเอ๋! "
ร่างบางสะดุ้งโหยงก่อนจะแหวกกองเอกสารเพื่อดูว่าใครกันมาเล่นซ่อนแอบแถวนี้
"คุณแม่"ยกมือไหว้สวัสดีผู้เปรียบเสมือนพ่อและแม่ก่อนที่มือเหี่ยวย่นจะยื่นมาลูบหัวหญิงสาวอย่างนึกเอ็นดู
"ตาเวใช้งานหนูหนักขนาดนี้เชียวหรือ อย่างนี้แม้ต้องจัดการซะแล้ว มีอย่างที่ไหนให้งานน้องเยอะขนาดนี้"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่ ยิ่งเยอะยิ่งดีค่ะ หนูจะได้มีประสบการณ์เยอะๆ ไงคะ"เอ่ยบอกเพราะกลัวว่าผู้เป็นแม่สามีจะไปเอ็ดบุตรชายจนเธอนั้นพลอยโดนว่าไปด้วย เธอไม่อยากโดนเขาเกลียดไปมากกว่านี้แล้ว
"แล้วตาเวอยู่ในห้องใช่มั้ยลูก? "
"อยู่ค่ะ"ตอบโดยไม่ได้คิดอะไร...
หลังจากเลขาฝึกงานยืนยันว่าท่านประธานอยู่ทั้งสองจึงเปิดประตูเข้าไปในจังหวะนั้นเองที่ฑิฆัมพรนึกอะไรบางอย่างได้
"ท่านประธานมีแขก..."
เธอห้ามไม่ทัน...
หญิงวัยกลางคนยืนนิ่งพร้อมจ้องมองไปยังหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนโซฟา
เวหาเลื่อนสายตามองบุคคลทั้งสองด้วยท่าทางไม่เป็นเดือดเป็นร้อนก่อนที่แววตานั้นจะฉายชัดถึงความเกลียดชังเมื่อมองร่างบางที่ยืนอยู่บริเวณด้านหลังของท่านทั้งสอง
ยัยนี้มันร้ายกว่าที่เขานั้นคิดไว้...
"เอ่อ...สวัสดีค่ะคุณแม่คุณพ่อ"เอ่ยทักทายท่านทั้งสองด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ
"ฉันไม่มีลูกสาว ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่"น้ำเสียงไม่เป็นมิตรบวกกลับแววตาเกลียดชังของหญิงตรงหน้า มีนารู้ดีว่าเพราะอะไรคนจิตใจดีแบบแม่ของเวหาถึงได้ดูรังเกียจเธอเช่นนี้
"ฟ้าลูก...มาหาแม่หน่อย"
ร่างบางค่อยๆ เดินเข้าไปตามคำเอ่ยเรียก ใบหน้าหวานก้มมองพื้นตลอดทางเพราะมีใครบางคนกำลังมองเธอไม่ละสายตา
"คนนี้คนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์เรียกฉันว่าแม่"
"คุณพอก่อนเถอะ...สงสารเด็กมัน"
สามีที่ยืนมองภรรยาเล่นงานอดีตแฟนของบุตรชายเอ่ยห้ามปรามเพราะเห็นท่าทางของเธอแล้วก็อดสงสารไม่ได้ หญิงสาวคงจะสำนึกผิดได้นานแล้ว
"คุณแม่มาได้ยังไงครับ...หรือว่าใคร...บอกให้มา"เน้นเสียงเข้มพลางหันไปจ้องคนที่ยืนอยู่ข้างๆ มารดาอย่างเอาเรื่อง
หญิงวัยกลางคนรู้ทันบุตรชายจึงโอบเอวลูกสะใภ้ไว้แน่น บอกเธอผ่านสัมผัสว่าไม่ต้องกลัวมีแม่อยู่ทั้งคน
"คนเป็นแม่จะมาหาลูกชายต้องให้ใครโทรมาตามด้วยหรือ? "
"พี่เว มีนกลับก่อนนะคะ"เอ่ยบอกเวหาก่อนจะวิ่งออกไปทันที ชายหนุ่มรีบวิ่งตามไปทว่าหางตานั้นตวัดมองร่างบางด้วยความเกลียดชังจนหญิงนึกเจ็บจี๊ดเพราะมันดูจะหนักกว่าทุกๆ ครั้ง
เธอผิดอะไร??? ทำไมเธอถึงต้องตกเป็นจำเลยกับข้อหาที่เธอไม่ได้ก่อ...คนอย่างเธอต่อให้ทำดีเท่าไหร่เขาก็ยังคงมองว่าเป็นเพียงการแสดงอยู่ร่ำไป
บ้านที่ดูภายนอกช่างอบอุ่นแต่พอก้าวเท้าเข้าไปด้านในมันมีเพียงความเจ็บปวดที่ลอยวนอยู่ในนั้น ความสุข...คำคำนั้นไม่เคยมีอยู่เลย ไม่มีเลยสักนิด
หญิงสาวนั่งลงบนโซฟา สายตาทอดมองแผ่นฟ้าที่ดูกว้างใหญ่ วันนี้ไม่มีพระจันทร์หรือดวงดาวให้เห็นเลยสักดวง คล้ายว่ามันกำลังจะไว้อาลัยให้ใครบางคน
ร่างบางชะเง้อคอมองประตูหน้าบ้าน หลังจากที่ได้ยินเสียงรถกำลังวิ่งเข้ามา
เธอดึงผ้ามาคลุมตัวจนหมดเพราะไม่อยากประชันหน้ากับคนเจ้าอารมณ์
"คนทำผิดมักจะหลบหน้าหลบตาสินะ"
ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกกระชากออกด้วยแรงของคนตัวสูง ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือมาบีบหัวไหล่ทั้งสองข้างของเธอ ใบหน้าเล็กเหยเกด้วยความเจ็บปวด
"สะใจมากมั้ย สะใจเธอแล้วสิ ยัยแม่มด! "
ร่างบางโยกไปมาตามแรงเขย่าของคนตัวใหญ่ รู้สึกปวดตุบๆ ที่หัวคล้ายว่ามันกำลังจะหมุนรอบๆ ตัวเอง
"ไม่รู้ว่าฉันจะเรียกเธอว่าอะไรดี ทำตัวใสซื่อแต่ข้างในร้ายกาจยิ่งกว่านางร้ายในละคร แม่ฉันเขาดีเกินไปถึงได้ไม่ทันเกมของเธอ แต่เสียใจด้วยนะที่เธอมาเจอผู้ชายแบบฉัน ฉันไม่ได้โง่เชื่อผู้หญิงแบบเธอง่ายๆ "
"ปล่อยนะ...ฉันเจ็บ"
หยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มมันไม่มีความหมายเลยสำหรับเขาเพราะเขาคิดว่ามันเป็นเพียงละครเรื่องหนึ่งที่เธอสร้างขึ้นมา หากตอนนี้เขามีตุ๊กตาทองชายหนุ่มคงจะมอบให้เธอโดยไม่รีรอ
"คนอย่างเธอมีความรู้สึกด้วยหรือไง"
"ฉันก็คนนะ ทำไมต้องคิดว่าฉันไม่มีความรู้สึก"ตอบกลับด้วยแววตาแสนเจ็บปวด เธอก็คน เจ็บเป็น รู้สึกเป็น ที่เห็นว่าบางครั้งไม่รู้สึกอะไรก็ไม่ได้แปลว่าเธอจะไม่เจ็บปวด
"ก็เพราะเธอมันเป็นคนเลือดเย็นไง"
คราบน้ำตาที่กำลังจะเหือดแห้งไหลลงมาอีกระลอก
เลือดเย็น คำคำนี้มันควรใช่กับเขาไม่ใช่เธอ
"ยัยคนเลือดเย็น ยัยแม่มด! "
หญิงสาวเซถลาไปกองกับพื้นหลังจากที่ชายหนุ่มผลักเธอให้ออกห่าง เขาไม่แม้แต่ชายตามองเลยสักนิดว่าเธอจะเป็นอย่างไรหลังจากนั้น
น้ำสีแดงหยดลงพื้นสองสามหยด มือบางค่อยๆ ยกขึ้นสัมผัสที่หน้าผากตัวเอง
"เลือด"
น้ำเสียงบางเบาเอ่ยออกมาพลางทอดมองคราบเลือดบนปลายนิ้วมือที่กำลังสั่นเทาด้วยความตกใจ หญิงสาวกัดฟันแน่น ความเจ็บปวดวิ่งพล่านเข้ามาทันทีที่รู้ว่าตนนั้นล้มกระแทกกับขอบโต๊ะ
หยดน้ำตาไหลผสมกับหยดเลือดจนแยกไม่ออกว่าที่เธอนั้นร้องไห้เพราะเจ็บแผลหรือเพราะใคร...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ