kiss me one more time ทุ่มทั้งใจยัยจิ้มลิ้ม

-

เขียนโดย โทฟี่นัท

วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 12.09 น.

  1 ตอน
  0 วิจารณ์
  2,324 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) คิสมาร์ค

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“อื้มมม”

   

    ฉันร้องเบาๆทันทีที่รู้สึกถึงแสงแดดอ่อนๆที่กำลังแยงตา ฉันยกมือขึ้นขยี้ตาพบว่าฉันนอนอยู่ในห้องของตัวเอง ห้องสีฟ้าอ่อนโทนสีสบายตา ร่างกายของฉันที่นอนบนเตียงสีฟ้าอ่อนแล้วห่มด้วยผ้านวมหนานุ่มผืนลายโพกาดอทสีฟ้าผืนโปรด ร่างกายตอนนี้มันหนักอึ้ง ปวดหนึบไปหมดทั้งตัว ฉันค่อยๆดันตัวเองลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล

     ว่าแต่… เมื่อคืนฉันกลับมาที่บ้านได้ยังไงนะ นึกสิๆ….เอ..เท่าที่จำได้ฉันไปงานวันเกิดเพื่อนของพี่อ้น ที่เจ้าของวันเกิดแมร่งหายหัวไปไหนไม่รู้ ช่างเป็นเจ้าของวันเกิดที่แย่มากกกกก แล้วฉันก็ได้รู้จักเพื่อนๆของพี่อ้น ทุกคนเฟรนด์ลี่และเป็นกันเองมากๆ ฉันสนุกสุดเหวี่ยงไปเลยล่ะ ตอนนั้นเสียงเพลงบีตหนักดังลั่น จังหวะเร้าใจสุดๆ ทำเอาร่างกายทื่อของฉนตื่นตามจังหวะอย่างเมามัน ได้ทำอะไรที่ไม่เคยได้ทำโดย แสง สี เสียง เป็นสื่อกลาง

    อ่อออ!!!!!!…แล้วก็ได้ดื่มเหล้าปั่น มันหวาน อร่อย ดื่มง่ายมากๆถึงแม้ว่าจะเป็นการดื่มครั้งแรก เอ๊ะ!!  จาก จาก จากกก ใครนะ ใครนะที่เอาเหล้าปั่นให้ลอง มันหัวเกรียนๆ…ตัวสูงๆใหญ่ๆ รู้สึกว่าจะชื่อเปรมๆอะไรเนี่ยแหละ ใช่! ไอ้เปรม ไอ้เวรนั่นมันมอมเหล้าฉัน ฉันดื่มไปเยอะพอสมควร จนฉันรู้สึกมึน เวียนหัว คลื่นไส้ ร้อนไปทั้งตัว มันร้อนแบบแปลกๆ ทำเอาเหงื่อออกเยอะมากเปียกเสื้อไปหมด ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ ร่างกายฉันต้องการปลดปล่อยอะไรบางอย่าง มันวาบหวามไปหมด เร่าร้อน โหยหาเรือนร่างของผู้ชาย โดยเฉพาะตรงเป้ากางเกง ให้ตายเถอะ!!!!!! ฉันไม่ใช่ผู้หญิงหื่นอย่างที่ทุกคนเข้าใจนะคะ น่าอายชะมัดเลย!!!!! รู้ตัวอีกทีไอ้ชั่วนั่นมันจะจูบฉัน มันเอามือของมันพยายามจะล้วงเข้าไปในเสื้อ ถึงร่างกายจะต้องการแต่ว่าสติสัมปชัญญะยังพอมีอยู่บ้าง ฉันเลยตะเกียดตะกายออกมาจากงาน จนเจอคนคนหนึ่ง ตัวสูงใหญ่ หุ่นดีมากๆ ถึงจะเห็นแค่ข้างหลังแต่ฉันรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่มีเสน่ห์ เป็นที่เซ็กส์แอพเพียวสูงมาก เขาช่างน่าสนใจเหลือเกิน ดึงดูดฉันเหลือเกิน ฉันขอความช่วยเหลือจากเขา แล้วก็ เราก็…

 

 

“โอ๊ยยยยยยย”

 

 

ฉันยกมือขึ้นกุมศรีษะตัวเอง ปวดหัวเหลือเกิน เหมือนหัวจะระเบิด รู้สึกใจสั่นยังไงไม่รู้ ไม่รู้ว่าใจสั่นเพราะอาการเมาค้างหรืออาการเมาจูบของผู้ชายคนนั่น แก้มฉันจู่ๆก็ร้อนผ่าว นั่นมันจูบแรกเลยนะ หมอนั่นฉวยโอกาสชัดๆเลย แย่มาก ผู้ชายน่ากลัวแล้วก็ไว้ใจไม่ได้สักคนจริงๆด้วย เขาก็น่าจะรู้ว่าฉันเมานี่นะ เอ่อ แล้วฉันก็สร้างวีรกรรมอะไรไว้บ้างก็ไม่รู้หลังจากจูบ…กับเขา ฉันก็ภาพตัดไปแล้ว

 

 

“คนบ้า!!!”

 

 

ฉันเม้มริมฝีปากทันทีที่คิดถึงเรื่องนี้ แต่ว่าฉันก็เป็นคนดึงเขามาจูบเองนี่ ความรู้สึกยังติดอยู่เลย ริมฝีปากร้อน นุ่มละมุน ลิ้นอุ่นๆ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากตัวเขา อ๊ากกกกกกกกก หัวใจเต้นแรงจนจะทะลักออกมานอกอกอยู่แล้ว ทำไงดี!!! ฉันยกมือทาบอก ใจเย็นๆ

ไม่เย็นแล้วเว้ยยยยยยยยยยยยยยยยย

ฉันเบิกตาโพลง เด้งตัวลุกขึ้นยืนบนเตียง เมื่อพบว่าตัวเองใส่เสื้อสีแดงเลือดหมูตัวใหญ่มากตัวยาวถึงต้นขาสกรีนลายกราฟฟิคเท่ห์ๆแมนๆ ฉันมั่นใจว่า

เมื่อคืนฉันใส่เสื้อเปิดไหล่สีดำ!!

ฉันไม่มีสีแดงเลือดหมูแบบนี้แน่นอน ล้านเปอร์เซ็นต์!!!

 ที่ปลายเตียงมีเสื้อแจ็คเก็ตยีนกัดสีกองอยู่ ฉันจำได้นี่มันเสื้อของหมอนั่น

ฉันดึงชายเสื้อขึ้นมาดม ชัดเจนนนน!!! กลิ่นน้ำหอนนี้ เป็นของนายหน้าหล่อชัวร์ อย่าบอกนะว่า

 

นี่!!!!!!

 

อีตานั่น

 

ขะขะขะ ข่มขืนนนนนน!!!!!!!

 

ปล้ำช้านนนนนนนนน!!!!!!!

 

หมดกันเยื่อพรหมจรรย์ที่สั่งสมมา 16 ปี

 

“ตื่นแล้วหรอจ๊ะ” เสียงใสดังขึ้นพร้อมประตูห้องที่ค่อยเปิดออกมา 

      ฉันหันไปมองตามเสียงใสกังวานก็พบหญิงสาวอายุราวๆ19 ปี ส่วนสูงราว 165 เซนติเมตร เธอสวมเดรสสายเดี่ยวเข้ารูป ยาวเหนือเข่า แอบเซ็กซี่เย้ายวนด้วยการผ่าลึกขึ้นมาจนถึงต้นขาด้านซ้ายเผยขาขาวและเรียวยาว ชุดเดสถูกตัดเย็บด้วยผ้ากำมะหยี่สีนู้ดสวยหรู ดูราคาน่าจะแพงระยับ ผิวขาวเนียนขลับกับสีชุดอย่างลงตัว ผมสีดำสนิทเหยียดตรงเงางามยาวถึงเอวเล็กคอดกิ่ว  เครื่องหน้าสวยหวานจนผู้ชายคนไหนก็ต้องมองจนเหลียวหลังทว่าใบหน้าแสนสวยนั้นแฝงไปด้วยความเอาแต่ใจ ดื้อรั้น เพราะว่าดวงตาคู่คมเรียวยาวของเธอมีหางตาชี้ขึ้น ทำให้ใบหน้าของเธอยิ่งดูเป็นลุคคุณหนูจอมเฟียส จมูกเล็กโด่งได้รูป ริมฝีปากบนเชิดขึ้นเล็กน้อยแต่พองาม ทำให้ยิ่งดูน่าสัมผัสและมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก  ร่างบางก้าวเข้ามาให้ห้องอย่างช้าๆ พลางยิ้มสดใสให้ฉัน แล้วเดินมานั่งที่ปลายเตียง

“พี่แก้ว!!!” ฉันเรียกชื่อเธอด้วยความตกใจ เพราะเธอคือเพื่อนของไอ้พี่อ้น เราเพิ่งรู้จักกันเมื่อคืน แถมเธอยังสวมชุดเดิม ชุดเดียวกับงานปาร์ตี้เมื่อคืนเกิดเมื่อคืนเลย แล้วเอื้อมมือไปจับต้นแขนเรียวเล็กของเธอ

“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ” ฉันรีบโพล่งถามเสียงดัง พี่แก้วยิ้มแล้วค่อยๆอธิบายให้ฉันฟังช้า

“เมื่อคืนน้ำปรุงไปงานวันเกิดกับพี่อ้นไง จำได้ไหม แล้วมีใครสักคนมอมน้ำปรุง อาการของน้องเหมือนกับคนโดนยาปลุกเซ็กส์น่ะ จากนั้นน้ำปรุงก็เลยไปขอความช่วยเหลือจาก ภีม เพื่อนพี่ไง”

 

“ภะ..ภีม!”  ฉันทวนชื่อของคนๆหนึ่งที่พี่แก้วเอ่ยถึง น่าจะเป็นผู้ชายหล่อคนนั้นแน่ๆ

 

“แล้วเขาได้…ทำ เอ่อ ทำอะไรฉันไหมคะ ละ…แล้วเสื้อตัวนี้ มันไม่ใช่” ฉันพูดอึกอักไปหมด แล้วก้มลงมองเสื้อสีแดงเลือดหมูที่ตัวเองสวมอยู่ ฉันยังพูดไม่จบประโยค พี่แก้วก็หัวเราะเบาๆก่อนจะถามฉัน 

 

“น้ำปรุง จำอะไรไม่ได้เลยหรอ  ภีมน่ะโทรตามเพื่อนๆมาช่วย แล้วก็พาน้ำปรุงมาส่งบ้าน คนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ก็คือพี่เอง แล้วเสื้อที่เราใส่น่ะ คือเสื้อของภีมเค้านะ เห็นว่าเราเปียกทั้งตัว เค้าก็เลยถอดเสื้อให้เปลี่ยน”

 

“ภีม!” ฉันทวนชื่อผู้ชายคนนั้นอีกรอบ ชื่อเหมือนผู้หญิงเลย

 

“ฉันพอจำได้บางตอนค่ะ หลังจากนั้นก็ภาพตัดไปเลยค่ะ ขอโทษนะคะที่ทำให้เดือดร้อนกันหมด ทุกคนเลยหมดสนุกไปด้วยเลย ถ้าไม่ได้พวกพี่ๆ ฉันคงไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง” ฉันเอ่ยขอโทษเสียงเบา ด้วยความรู้สึกผิดเต็มอก เพราะความสะเพร่าไม่ระวังตัว ทำให้พวกพี่ๆเดือดร้อนกันหมด

 

“ไม่เป็นไรจ้าพวกพี่ยินดีช่วย ไม่ต้องคิดมากด้วย ถ้าใครมาทำอะไรเราบอกพี่ได้เลยนะน้ำปรุง” ลูกแก้วพลางเอื้อมมือเรียวยาวมากุมมือของฉันราวกับเป็นการปลอบขวัญ

 

“แล้วคนชื่อ ภีม อยู่ไหนหรอคะ ฉันยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย”  หลังจากที่เงียบกันสักพัก ฉันก็ถามถึงผู้ชายที่พึ่งขโมยจูบแรกของฉันไป แล้วก็คิดได้ว่าพี่ๆคงไม่รู้ว่าหมอนั่นปู้ยี่ปู้ยำริมฝีปากฉันขนาดไหน

 

“ภีมกับเพื่อนๆ กลับไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ส่วนพี่ก็รับอาสาดูเราไงจ๊ะ” พี่ลูกแก้วไม่รอให้ฉันพูดอะไรต่อ เธอรีบถามฉันอย่างร้อนรน

 

“แล้ว ว่าแต่ จำได้ไหมว่าใครเป็นคนมอม”

ฉันพยักหน้าช้าๆ

 

“มันคือใคร!!!!” เสียงหวานเปลี่ยนเป็นเสียงต่ำด้วยความโกรธ คนสวยตรงหน้า กัดฟันกรอด ดวงตาสวยหวานมองตาของฉันนิ่งๆ เพื่อรอฟังความจริง

 

“พี่เปรมค่ะ!!!”

 

 

 

 

 

           และแล้วชีวิตในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ก็หมดไปอย่างรวดเร็ว ฉันมัวแต่แฮงค์ คลื่นไส้ เวียนหัว ทั้งวัน แล้ววันจันทร์แสนน่าเบื่อก็มาถึง อ่อ ลืมบอกไปว่า แม่ยังไม่กลับจากสัมมนาเลย อยู่บ้านคนเดียวแบบนี้มา 3 วันละ มันก็เหงาแปลกๆเหมือนกันเนอะ เห้อ แอบคิดถึงเสียงบ่นของแม่แฮะ

 

           ฉันสวมชุดเครื่องแบบนักเรียนม.ปลายเป็นกระโปรงลายสก๊อตสีดำเทาจีบรอบตัว ความยาวเหนือเข่า สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวพอดีตัว ฉันเอาเสื้อเข้าในกระโปรง หัวสมองก็คิดเรื่องอื่นๆไปเรื่อยเปื่อย

 

           พลางมองตัวเองแต่งตัวในกระจกบานใหญ่ เอ…รู้สึกปากแห้งๆแหะ เท่าทันความคิดภาพริมฝีปากรูปกระจับได้รูปของใครบางคนก็เด้งเข้ามาในสมอง รสสัมผัสอุ่นนุ่มทว่าร้อนแรงจนร่างแทบหลอมละลายเสียตรงนั้น  ทันใดนั้นฉันก็เผลอเม้มปากเน้นโดยไม่รู้ตัวมันยากที่จะลืมจริงๆ ให้ตายสิ! หัวใจเต้นแรงเหมือนจะระเบิดออกมาเลย ใบหน้าร้อนผ่าวลามไปถึงหู ฉันหยิบโบขึ้นมาผูกที่ใต้ปกเชิ้ตแล้ว เดินไปหยิบสูทสีดำสวมทับเสื้อเชิ้ตอีกที จากนั้นยกมือขึ้นจัดหน้าม้าที่ไม่เป็นทรงและผมที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่เข้าทาง

 

 

ปรี๊ดดดดดดดดด!!!

 

 

เสียงแตรรถที่หน้าบ้าน ทำเอาฉันสะดุ้งเฮือก

ฉันรีบเปิดม่านที่น้ำตาลในห้องเพื่อจะดูว่าใครคือแขกคนแรกของอวันนี้  ฉันพบรถสปอร์ตหรูสีดำขลับจอดขวางหน้าบ้าน คนขับเลื่อนกระจกลงช้าๆ พร้อมกับชะโงกหน้าออกมา ดวงตาของฉันสบหระสานกับนัยน์ตาสีเทาอมเขียวคู่คมของชายหนุ่ม คิ้วหนาเฉียงได้องศา จมูกโด่งรับกับริมฝีปากบาง หยักเป็นกระจับได้รูป ใบหน้าคมคาย ทุกเครื่องหน้าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวจนหน้าอิจฉา ผมของเขาเป็นที่น้ำตาลเข้มจนเกือบดำ เขาสวมเสื้อนักศึกษาชายแขนยาวไม่ได้สวมเนคไทด์ หมอนั่นพับแขนเสื้อถึงข้อศอก ที่ข้อมือส่วนสมาร์ทวอชสีดำ สวมกางเกงยีนสีเข้ม

 ฉะ…ฉันจำคนๆนี้ได้ดีเขาคือ

“ภีม!”

 

ฉันเผลอพูดชื่อเขาเบาๆ ภาพที่ฉันร่างสูงมองขึ้นมาบ้านบน หมอนั่นเห็นแล้วว่าฉันเห็นเขา ภีมลงจากรถแล้วกดกริ่งที่รั้วบ้านฉัน  เขามาทำไมนะ!

 

กิ๊ง! ก๊อง! กิ๊ง! ก๊อง! กิ๊ง! ก๊อง!

 

 ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!

 

ฉันวิ่งไปเปิดประตูรั้วหน้าบ้านอย่างรวดเร็วเพราะเกรงว่าเพื่อนบ้านจะออกมาด่า ฉันเหลือบไปมองคนร่างสูงยืนกอดอก ซึ่งเขาก็มองมาที่ฉันเช่นกัน

 

“ไม่ทราบว่ามาหาใครคะ” ฉันเอ่ยถามเสียงเบาหวิว ขณะสายตาของเรายังประสานกันอยู่อย่างไม่วางตา

 

“ฉันมาเอาเสื้อ” เสียงทุ้มตอบกลับมานิ่งๆ  ใช่สิ เสื้อ ฉันลืมไปเลยซะสนิทเลย ดีนะที่ซักแล้ว

 

“อ่อ แปปนึงนะคะ เดี๋ยวจะไปเอามาให้”

ฉันหลุบตาลงเล็กน้อย ทันใดนั้นสายตาของไปสะดุดที่ต้นคอขาวๆของหมอนั่นมีรอยคิสมาร์คจางๆตัดกับสีผิวขาวจัด เอิ่ม คนสมัยนี้เค้านิยมทำรอยดูดเพื่ออะไรกันนะ กลัวเขาไม่รู้หรอว่าได้กันแล้วอ่ะ หรืออารมณ์มันพุ่งพล่านควบคุมไม่ได้เลยฝากรอยเพื่อระบายอารมณ์หื่น  แต่ช่างเถอะไม่ใช่เรื่องของฉันนี่  ฉันรีบหันหลังกลับเพื่อจะเดินเข้าไปในบ้านเพื่อจะไปเอาเสื้อเจ้าปัญหามาให้คนร่างสูง  ฉันรีบเดินเข้าไปในบ้าน แล้วหยิบเสื้อยืดสีแดงเลือดมาพับใส่ถุงให้เรียบร้อยแล้วส่งคืนให้หมอนั่น

 

“วันนั้นที่ช่วยฉันไว้ ขอบคุณมากๆนะคะ” ฉันยิ้มสดใสพร้อมกับยื่นถุงเสื้อให้เขา  หมอนั่นมองฉันนิ่งๆก่อนจะเอื้อมมือมารับถุงเสื้อจากฉัน พร้อมกับบอกว่า

 

“อืม”

ฉันก็ได้แต่ยิ้มเก้อๆ ก็…ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...ก็...กลับไปได้แล้วสิ คือฉันจะเตรียมตัวไปโรงเรียนต่อออออ! ฉันหันหลังจะเดินเข้าไปในบ้าน

 

“นี่เธอ!!!  เดี๋ยวไปส่ง!” เสียงทุ้มของพี่ภีมตะโกนตามหลังฉันมาติดๆ ทำให้ฉันชะงักงันแล้วหันไปหาเจ้าของเสียง

 

“นี่จะแปดโมงละนะ เธอจะไปเองจะทันหรอ”  

 

ที่บ้านฉันเป็นคนค่อนข้างหัวโบราณมากๆ ผู้หญิงเราต้องเป็นคนรักนวลสงวนตัว สงวนท่าทีต่อให้เขาจะดูหล่อเหลาปานเทพบุตรสักแค่ไหนก็เถอะ เหอะ! ฉันก็ไม่หวั่นไหวหร๊อก แหมมมม ใช้มุกนี้ไปส่งสาวบ่อยล่ะสิ ชิ ฉันรู้ทันย่ะ ไอ้ผู้ชายฉวยโอกาส จะหลอกให้ฉันขึ้นรถไปกับเขางั้นหรอ

 

 

 

 

เอ่อ! แต่ว่ามันจำเป็นนี่นา เพราะฉันกำลังจะสาย จริงๆก็ไม่ได้อยากไปหรอก ชิ!

 

 

 

 

 

“เธออยู่โรงเรียนฉัตรนิมิต ใช่ไหม” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบภายในรถหรู หมอนั่นเอ่ยขึ้นขณะที่ สายตาคมมองเพ่งถนนด้านหน้า  หมอนี่ขับรถเร็วเป็นบ้าเลย แงงงง จะถึงโรงเรียนโดยสวัสดิภาพไหมนะ ฉันเริ่มรู้สึกวิงเวียน คลื่นไส้ยังไงไม่รู้แล้วสิ

 

“ใช่ นายรู้ได้ไง!!!” ฉันหันขวับไปหาภีม ฉันไม่เคยบอก แล้วหมอนั่นรู้ได้ไง นอกจากหื่นกามแล้ว ยังเป็นสตอล์คเกอร์ด้วย โรคจิตชัดๆ ฉันหรี่ตามองอย่างจับผิด

 

“ก็ตราโรงเรียนอยู่ที่หน้าอกเธอ” หมอนั่นขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับตอบฉันด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

หืม!!!! หน้าอก แอบๆๆๆๆมองนมฉันหรอยะ ฉันรีบยกมือขึ้นกอดอก

 

“นี่นาย!!....”ฉันยังพูดไม่ทันจบเขาก็สวนขึ้นทันควัน

 

“พี่ชื่อภีม! เรียกนาย นาย อยู่นั่นแหละ แล้วพี่ก็แก่กว่าเธอตั้งหลายปี ทำคุณบูชาโทษชัดๆ”

 

“ฉันก็ชื่อน้ำปรุง นายเองก็เรียกฉันว่าเธอ เหมือนกันนน่ะ” ฉันรีบสวนทันควัน ส่วนคนขับก็ปรายตามองฉัน พร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่

 

“แล้วจะให้ฉันเรียกนายว่าพี่ได้ไง ในเมื่อนายไม่สมควรได้รับมันด้วยซ้ำ นายฉวยโอกาส ลวนลามฉันในวันที่ฉันโดนมอมยา! หึ! อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ” ฉันพูดต่อเสียงดังด้วยอารมณ์เดือดด่าน

 

“หืม! ฉวยโอกาส ฮ่าฮ่าฮ่า” ภีมหัวเราะเสียงดัง ทำเอาฉันหน้าเหวอ

 

“ขำอะไรคะ”

 

“หึๆๆๆๆ ใครกันแน่ที่ฉวยโอกาส น้ำปรุงเห็นรอยที่ใครคอพี่ไหม คิดว่าเป็นฝีมือใครกัน” หมอนั่นพูดไปด้วยแค่นหัวเราะไปด้วย  พลางเหลือบมองหน้าฉันพร้อมกับส่ายหน้าช้าๆ

 

  “รอยคิสมาร์คนั่น!!!!!”  คำพูดของเขาทำเอาฉันเบิกตาโพลง เฮ้ย! ฉะฉันนนน เป็นคนทำหรือ  โอ๊ย! ฉันทำอะไรลงไป

 

“แบบนี้พี่เสียหาย” ภีมชะลอและจอดรถบริเวณหน้าโรงเรียน จากนั้นเขาก็หันมายิ้มกรุ้มกริ้มให้ฉันอีก ทำเอาฉันอายจนแทบมุดดินหน้า หน้างี้ร้อนผ่าวไปหมด ฉันทำอะไรลงปายยยยยยย

 

“ถึงโรงเรียนแล้วนะ ยังไปรีบลงอีก”  ภีมจะเขยิบมาใกล้จนฉันได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากตัว เขาพลางเอื้อมมือมาปลดเข็มขัดนิรภัยให้ฉัน ฉันรีบหันหน้าหนีแล้วหลับตาปี้ด้วยความเขินอาย คนเจ้าเล่ห์กระซิบเบาๆจนฉันรู้สึกประหม่า ทันทีที่ตั้งสติได้ฉันก็รีบกระโดดลงจากรถอย่างรวดเร็ว

 

ปึง!

ฉันปิดประตูด้วยความเจ็บใจ เช้านี้ไม่สดใสสำหรับฉันจริงๆ ให้ตายเถอะ!!!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา