Moonlight Shadow หัวใจแห่งรัตติกาล

7.3

เขียนโดย MaMiO_M

วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 19.23 น.

  2 ตอน
  0 วิจารณ์
  2,838 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 19.30 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ผู้ถูกเลือก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
     ณ มหาวิทยาลัยเซฟอง
     นอกรั้วสีส้มอิฐขนาดใหญ่ มีรถบัสประจำมหาวิทยาลัยจอดเรียงรายกันอย่างพร้อมเพรียงบนถนนเลนใหญ่ มหาวิทยาลัยที่ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติทั้งแม่น้ำ ภูเขา ท้องฟ้าสีสดใสกำลังรอต้อนรับสมาชิกใหม่ หนุ่มสาวมัธยมปลายที่ผ่านการคัดเลือกสุดโหด รีบวิ่งลงกันมาอย่างตื่นเต้น
     บ้างยกมือถือขึ้นมาเซลฟี่ บ้างสูดอากาศหายใจให้เต็มปอด แม้จะไม่สามารถมองผ่านรั้วขนาดใหญ่เข้าไปในมหาวิทยาลัยได้ก็พอจะมองเห็นภาพความร่มรื่นได้ไม่ยากนัก
     ปี๊ดดดด
     นกหวีดถูกเป่าเสียงดังเพื่อให้เสียงคุยโวหยุดลง ชายชุดวอร์มดูท่าทางจะเป็นรุ่นพี่กล่าวออกมาเสียงดังพร้อมยื่นแขนมาข้างหน้า
     “หยิบสัมภาระของตัวเองและตั้งแถวตามตัวเลขครับ”
     ‘ตัวเลขที่ว่าคือใบพลาสติกแข็งที่ถูกหนีบไว้ตรงเสื้อทุกคนตั้งแต่ขึ้นรถบัสจากศูนย์ใหญ่ที่อยู่ในเมืองหลวง
     หญิงสาวใบหน้าหวานก้มมองตัวเลข
     ‘91’
     ลำดับการสอบได้ของเธอ จากคนเป็นหมื่นเป็นแสน เธอได้ลำดับ 91 แม้จะรู้สึกดีใจ แต่ว่าปีหนึ่ง มหาวิทยาลัยเซฟอง รับแค่ 100 คน ตัวเลขของเธอมันก็บ่งบอกว่าจากที่เป็นอันดับต้นๆ มาตลอดในโรงเรียนประจำจังหวัด ต้องมาอยู่บ๊วยของกลุ่ม
     เธออยู่ในรถบัสคันสุดท้ายกับกลุ่มคนอีกจำนวนหนึ่งที่ยังคงส่งเสียงคุยไม่หยุด
     “นลิน นิชวกุล”
     “ค่ะ” ใบหน้าหวานขานรับ รีบหยิบสัมภาระตัวเองสะพายหลังเดินไปตามแถวทันที กระดาษแผ่นหนึ่งถูกส่งมาให้จากพี่สตาฟ คิ้วเรียวขมวด
     “ใบรายงานตัว?”
     “ถ้าไม่ทำการบ้านโดยการอ่านหนังสือมา ก็ยืนไม่เข้าใจตรงนี้ต่อไป” รุ่นพี่คนหนึ่งเอ่ยราวกับอ่านใจเธอได้ เธอจึงต้องรีบก้มหน้าก้มตาแล้วเดินเข้าไปตามแถวเพื่อน
     โดนดุตั้งวันแรกแบบนี้ ดีหรือไม่นะ...นลินเอ๊ย
     ก็จริงอยู่ที่เธอไม่ได้อ่านคู่มืออย่างละเอียด เธอกลางใบรายงานตัวอีกครั้ง ต้องไปหอประชุมส่วนกลาง แผนที่สแกนคิวอาร์โค้ดได้ ด้วยความขี้เกียจเธอตัดสินใจเดินตามเพื่อนๆ ไป
     “นี่ๆ เราต้องไปหอประชุมส่วนกลางใช่มั้ย”
     นลินหันมองตามรอยสะกิด พบกับหญิงสาวผมหยักศก สีผิวน้ำผึ้ง ใบหน้าเธอนั้นสวยคมราวกับออกมาจากบุคคลในประวัติศาสตร์
     “ใช่นะ ฉันก็เดินตามคนข้างหน้าไป”
     “เหมือนกัน” หญิงสาวยกกระเป๋าให้กระชับตัว “เธอชื่ออะไร เราชื่อญา”
     “เราชื่อลิน ยินดีที่ได้รู้จักญา”
     “เช่นกัน จริงๆ ว่าจะทักตั้งแต่บนรถบัสแล้ว แต่เห็นเธอกำลังชมวิวเลยไม่อยากรบกวน” ประโยคนั้นทำให้ลินหันมองตัวเลขบนปกเสื้อเพื่อนใหม่
     ‘98’
     ไม่ต่างกัน...
     “ไม่รู้คนพวกนั้น เก่งมาจากไหน ฉันเรียนจนเพื่อนๆ เรียกหัวกะทิของโรงเรียน และดูพวกนู้นสิ” เธอโบ้ยปากไปยังสาวๆ แถวหน้า ความงดงามแผ่กระจายระยิบระยับ เสียงหัวเราะอย่างครื้นเครง แต่ไม่ยักกะมีใครไปดุปรามพวกเธอ จะว่าไป เขาก็ไม่ค่อยเข้มตั้งแต่ปล่อยเข้ามาในมหาวิทยาลัยแล้ว
     “เข้ามาแล้วก็ถือว่าเก่งเหมือนกันนั่นล่ะ” นลินยิ้มบอก ดวงตาคู่สวยละจากผู้หญิงกลุ่มนั้นหยุดมองที่ทะเลสาบในมหาวิทยาลัย ปากเรียวเผยอขึ้นกับความสวยงามตรงหน้า ถัดไปค่อนข้างไกล มีสะพานสูงก่อด้วยอิฐสะท้อนพื้นน้ำสวยงาม
     “สวยมาก” ญากล่าวพร้อมยืนข้างเธอ
     “นั่นสิ ตั้งแต่เข้ามาฉันยังหาที่ไม่สวยในมหา’ ลัยไม่ได้เลย”
     “รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวเข้าประชุมช้าจะโดนดุเอาได้นะ” ญารีบบอกเมื่อเห็นว่าคนกลุ่มสุดท้ายกำลังเดินนำไป นลินเห็นดังนั้นจึงรีบเดินตามไปด้วย
เธอมีเวลาอีกหลายปีที่จะได้อยู่ที่นี่ และได้ตามหา...คนที่เธอรัก
 
 
      เมื่อมาถึงสถานที่ทุกคนต่างต้องร้องว้าวออกมา อาคารสูงใหญ่สไตล์ยุโรป ภายนอกอาคารสีขาวตกแต่งด้วยสไตล์ธรรมชาติดอกไม้นานาพันธุ์ดูเพลินตา ภายในเป็นหอประชุมขนาดใหญ่คาดว่าบรรจุได้เกือบ 1000 ที่นั่ง บนเพดานมันถูกประดับประดาด้วยโคมไฟหรูหรา
      เมื่อเดินเข้าไปก็รับรู้ได้ถึงความกดดันเล็กๆ เพราะที่ที่ไม่ใช่นิสิตปีหนึ่งนั่ง ถูกจับจองด้วยนิสิตปีอื่น ที่มีมากกว่า 500 คน ด้วยบรรยากาศเงียบสนิท นั่นจึงทำให้เด็กรุ่นน้องอย่างพวกเธอไม่กล้าปริปาก ได้แต่เดินนั่งตามลำดับเลขของตัวเอง
      แน่นอนว่า นลิน กับ ญานิศา ต้องแยกกันนั่ง ทำให้นลินต้องกลับมาเงียบอีกครั้ง เพราะเธอไม่กล้าคุยกับผู้หญิงก่อนหน้าและผู้ชายลำดับถัดจากเธอ เพราะทั้งสองคนเงียบปิดปากไม่พูดจา หน้านิ่งตั้งแต่วันรายงานตัวจนตอนนี้ เอาง่ายๆ ว่า ดูไม่เป็นมิตรนั่นล่ะ
      เมื่อทุกคนนั่งกันอย่างพร้อมเพรียงประธานรุ่นพี่ปี 4 จึงกล่าวต้อนรับเล็กน้อย บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายและสบายขึ้นดังนั้นจึงเริ่มเข้าประเด็น
     “เอาล่ะ ต่อไปที่ผมจะบอกกับปีหนึ่งทุกๆ คน คือที่อื่นอาจจะมีกิจกรรมรับน้องแต่ที่เราไม่มีครับ”
     มีเสียงเฮและเสียงกรี๊ดดังขึ้นแค่วินาทีเดียวเท่านั้น เขาจึงรีบพูดขึ้นต่อทันทีว่า
     “แต่เราจะมีการคัดคนแทน”
     คัดคน? คัดคนอะไร
     “ทางมหาวิทยาลัยของเรา มีการเรียนการสอนสองรูปแบบ ก็คือภาคปกติและภาคพิเศษ ภาคปกติจะได้อยู่หอพักตึก Sunrise ส่วนภาคพิเศษ จะได้พักตึก Moonlight ซึ่งเราจะคัดเลือกเฉพาะผู้มีคุณสมบัติพิเศษที่ถึงมาตรฐานของเราเท่านั้นครับ”
     จบประโยคก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้น นลินไม่รู้เรื่องแบบนี้มาก่อนเลย เธอคิดว่าเธอน่าจะรู้รายละเอียดมากๆ แล้ว แต่เรื่องภายในแบบภาคปกติกับภาคพิเศษเธอไม่รู้เลย
     “ถ้าสงสัยว่าภาคปกติกับภาคพิเศษต่างกันอย่างไร ลองพยายามเข้าให้ได้ทั้งสองภาคครับจะรู้ถึงความต่าง เพราะทุกๆ ปี เราจะจัดการคัดนิสิตที่อยากเปลี่ยนย้ายภาคเรียนตามคุณสมบัติพิเศษ”
      ภาคปกติ...ก็น่าจะเหมือนมหาวิทยาลัยทั่วไป ภาคพิเศษต่างหากที่หลายคนต่างสนใจ ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยอื่นก็คงแบบเรียนภาคค่ำ แต่นี่เหมือนจะมีอะไรมากกว่านั้น
     “เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาต่อไปเราจะเริ่มคัดคุณสมบัติพิเศษ เริ่มจากรายชื่อดังต่อไปนี้”
     หน้าจอฉายขึ้นบนจอประชุมขนาดใหญ่ หัวข้อนั้นเขียนว่า
 
     ‘ศิลปะการต่อสู้’
      ชั่ววินาทีนั้นที่ใจของนลินเต้นตุ้บๆ เธอ...เธอเขียนความสามารถพิเศษการต่อสู้ลงไป ทั้งๆ ที่เรียนไปได้ไม่กี่คอร์สเท่านั้น!
     ใบหน้าหวานยกมือกุมขมับ จะมีอะไรไปโชว์อะไรพวกเขาได้ล่ะเนี่ย
     ถัดจากหัวข้อเป็นรายชื่อนิสิตปีหนึ่งที่ต้องทำการแสดง โดยระบุแค่ว่าให้ใช้ขาเตะให้โดนและทำลายเป้าหมาย
     ถ้าแค่นั้นนลินมั่นใจว่าค่อนข้างจะทำได้ แต่มันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ จริงๆ คนธรรมดาที่ไม่ผ่านการฝึกก็น่าจะทำได้นะ
     “มันต้องมีอะไรแน่ๆ” เสียงผู้หญิงกระซิบด้านหลังจนเธอสะดุ้ง
     “ญา! ”
     “ไงลิน เดินไม่รอเลยนะ” เธอว่าขณะกำลังเดินไปเปลี่ยนชุดหลังเวที
      “ฉันไม่รู้นี่นาว่าเธอชื่ออะไร ว่าแต่เรียนต่อสู้อะไรมา”
     “เทควันโด เธอล่ะ”
    “เหมือนกัน เธอว่าเราจะทำได้มั้ย” นลินถามอย่างลังเลใจ ญาส่ายหัวและยกมือป้องปาก
    “พวกเขามีคนที่เลือกอยู่แล้ว” นลินถึงกับตาเบิกโพล่ง สถานที่ไม่น่าทุจริต มีทุจริตเล่นพรรคพวกกันด้วยเหรอ
    “จะบ้าเหรอญา”
    “ล้อเล่นน่ะ รีบเปลี่ยนชุดเถอะ คนแรกเนี่ยเป็นเยาวชนทีมชาติเลยนะ” ญานิศาบอกอย่างตื่นเต้น ทำให้นลินตื่นเต้นไปด้วย ทั้งสองคนรับชุดที่ทางมหาวิทยาลัยเตรียมไว้ให้แล้วรีบเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
     ในห้องน้ำทุกคนต่างตื่นเต้นไม่แพ้กัน จะมีบางคนที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยหรืออาจกำลังข่มความประหม่าตัวเองอยู่
     เสร็จแล้วนลินกับญานิศารีบออกมาเพื่อดูเยาวชนทีมชาติขึ้นเวทีคนแรกแน่นอนว่าหลังเวทีนั้นมีจอโทรทัศน์ให้เราดูกันทีล่ะคนโดยไม่ต้องแอบไปชะเง้อมองหลังม่านก่อนขึ้นเวที มีรุ่นพี่หน้าตาดีอีกคนออกมาอธิบายกติกาก่อนจะขึ้นไป
     “ทางเราจะให้ทุกคนเตะไม้อัดโดยมีข้อแม้ดังนี้ ห้ามกระโดด ห้ามเขย่งเท้า เตะไม้อัดให้แตก อ้อ ที่สำคัญใช้ท่าจรเข้ฟาดหางเท่านั้น ทุกคนจะได้โอกาสแค่สามครั้ง”
     เสียงฮือฮาดังขึ้นทันที ทางรุ่นพี่อมยิ้มนิดหน่อยก่อนจะสาธิตตัวอย่างให้ดูโดยคนที่สาธิตนั้นใส่สูทเต็มยศ ระหว่างเตะพี่อีกคนก็อธิบายท่าทางให้ดูว่าต้องทำแบบนี้ เท่านั้น แบบนั้นไม่ได้ อะไรต้องห้าม ซึ่งทุกคนต่างตั้งใจฟัง
     นลินไม่หวังที่จะเข้าไปยังคุณสมบัติพิเศษนี่เลย เธอหวังอย่างเดียว ทำอย่างไรให้ไม่ขายหน้าก็พอ...
 
     จบการสาธิตทางพิธีกรจึงกล่าวเชิญผู้ถือเป้าขึ้นมาบนเวที
     นลินนึกขันในใจต้องมีการกล่าวเชิญด้วยหรือ แต่พอสายตาได้เห็นร่างสูงเธอถึงกับต้องอ้าปากค้าง ผมสีน้ำตาลนัยต์ตาที่เปล่งประกายเสมอเมื่อได้สบ เขาสวมชุดวอร์มที่คาดว่าเป็นยูนิฟอร์มของมหาวิทยาลัย หัวใจนลินเต้นแรงขึ้นมาทันที
     เขาคือ... ผู้ชายที่เป็นแรงบันดาลใจให้เธอเข้ามาที่นี่
     “พี่รุต! ”
     เสียงนลินดังพอทำให้คนอื่นหันมามอง เธอรีบเอามือปิดปากและก้มหน้าเดินออกไปอีกทางซึ่งมีจอโทรทัศน์โชว์เหมือนกัน ญานิศาจึงเดินตามมาติดๆ
     “เธอคือหนึ่งในผู้หญิงของพี่จอมทัพเหรอ?” เสียงแหลมไม่คุ้นหูทักขึ้น ญาเดินตามหลังหญิงร่างสูงมาทันได้ยินพอดี ผมสีบลอนด์กับดวงตาระยิบระยับไม่สบอารมณ์นลินแม้แต่น้อย
     “คะ?”
     “ลืมไป เธอคงรู้จักแต่พี่รุต ไม่รู้จักพี่จอมทัพสินะ”
     “ค่ะ” นลินตอบรับแบบงงๆ แล้วกำลังจะหันไปดูจอต่อ การกระทำนั้นหยุดลงเมื่อประโยคถัดมาดังขึ้น
      “ผู้หญิงที่ถูกหลอกจะรู้จักชื่อพี่รุต ส่วนผู้หญิงตัวจริงจะรู้ว่าเขาชื่อจอมทัพ ไม่เชื่อก็ลองไปถามคนอื่นดู” หญิงร่างสูงกระตุกยิ้มมุมปากแล้วเดินกลับไปห้องเดิมที่มีโซฟาให้นั่งรับชม
      ด้วยความสงสัยญาจึงเดินมาถาม
     “รู้จักพี่จอมทัพเหรอ”
     “ทำไมเธอถึงรู้จักพี่เขาอีกคน” นลินถามอย่างรุู้สึกงง ก็เมื่อสักครู่เธอคนนั้นบอกคนรู้จักพี่จอมทัพเป็นผู้หญิงตัวจริง
     “เพิ่งรู้ตะกี้ตอนพิธีกรประกาศเรียกน่ะ”
     “ทำไมฉันไม่ได้ยิน”
     “ก็ตอนประกาศลินพูดว่า พี่รุตน่ะสิ”
      นลินเริ่มเข้าใจ แต่ก็ไม่สบอารมณ์กับผู้หญิงคนนั้นไม่น้อย อะไรคือถูกหลอก อะไรคือตัวจริง แล้วทำไมพี่รุต ต้องบอกกับเธอว่าเขาชื่อรุต ทั้งๆ ที่เขาชื่อจอมทัพ...
      “งั้นเหรอ”
      ญาจับมือเธอไว้ “ไว้เจอพี่เขาค่อยคุยกันก็ได้ อย่าไปคิดมากเลย” นลินมองญาอย่างขอบใจ แม้จะรู้จักเพียงชั่วเวลาอันสั้น ญาก็ทำหน้าที่เพื่อนได้ดีมากๆ
      “สนใจการคัดเลือกตรงหน้าดีกว่า เทควันโดเยาวชนทีมชาติ เตะไม้อัดไม่แตกตั้งสามรอบ”
      นลินเห็นแล้วล่ะ เธอตกใจไม่น้อยเลยว่าไม้อัดบอบบางแบบนั้นทำไมเยาวชนทีมชาติถึงทำอะไรมันไม่ได้เลย สีหน้าแสนเซ็งของเขาทำให้นลินรู้สึกสงสาร
     สามสี่คนผ่านไปทุกคนได้อยู่ภาคปกติหมด จนกระทั่งถึงเธอผู้หญิงผมบลอนด์ก๋ากั่นคนนั้น เธอทำให้ทุกคนถึงกับตะลึงกับใช้ท่าจรเข้ฟาดหางและความแรงนั่นทำให้กระดานไม้อัดกระจุยกระจายบนเวที ไม้อัดแผ่นเดียวกับเยาวชนทีมชาติ นลินมั่นใจเพราะจับจ้องแต่พี่วรุตจนรู้ว่าเขายังไม่ได้เปลี่ยนแผ่นไม้เลย
     “ซานซ่า คาร์ท ขอยินดีต้อนรับสู่มูนไลท์” พิธีกรกล่าวก่อนที่เธอจะก้มหัวขอบคุณบนเวทีแล้วเดินไปยังฝั่งของภาคพิเศษด้วยใบหน้าที่เบิกบาน
    “ฉันคิดว่าเราไม่ควรไปยุ่งกับเธอ” ญาว่า
    “เห็นด้วย” นลินรับ
     ผ่านไปยี่สิบกว่าคนจนมาถึงลำดับของนลิน หัวใจเธอเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะเธอต้องเป่าลมคลายความประหม่าหลายครั้ง เธอรู้ตัวว่าไม่ได้แน่ๆ แต่ทำยังไงจะให้เธอสามารถได้คุยกับพี่รุตได้อีกครั้ง
     “นิสิตคนต่อไป ลำดับที่เก้าสิบเอ็ด นางสาวนลิน นิชวกุล เชิญครับ”
     ใบหน้าหวานเดินเก้าขึ้นเวทีด้วยความตื่นเต้น เธอก้มหัวเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพ เมื่อสายตาร่างสูงได้สบมองก็สะดุดไปชั่วขณะ
     เขาจำเธอได้! หญิงสาวขี้แงในตอนนั้น
     นลินมองเขาแล้วยิ้มเล็กน้อยเพื่อทักทาย แต่รอยยิ้มนั้นต้องหุบลงเมื่อฝ่ายตรงข้ามส่งสายตาเบื่อหน่ายมาให้
     เจออีกแล้ว พวกผู้หญิงบอบบาง
     “ครั้งที่ 1” เสียงพิธีกรประกาศ นลินตั้งท่าเตรียมพร้อม เธอหมายมั่นว่าต้องทำให้ได้ “เริ่ม! ”
     ผัวะ!
    ขาของเธอเตะโดน เธอดีใจแต่เมื่อรู้ว่ามันไม่ได้หักออกจากกัน เธอก็เริ่มไม่พอใจ
     ได้ยังไง ขาเธอฟาดแรงมากๆ อีกอย่างมันไม่ได้แข็งขนาดทำให้เธอเท้าเธอเจ็บด้วย
     “ทำไม่ได้หรอก” เสียงชายตรงข้ามพูดขึ้นแผ่วเบาแต่เธอได้ยินชัดเจน “มันไม่ใช่ที่ของเธอ”
 
     ประโยคแบบนี้อีกแล้ว มันกลายเป็นประโยคที่เธอเกลียดมากที่สุด
     “ครั้งที่ 2” เสียงดังขึ้นเตือนให้เธอเตรียมพร้อม นลินถอนหายใจเฮือกใหญ่ สายตามองแต่ไม้อัดที่สูงเหนือศีรษะไปเล็กน้อย ความประหม่าเริ่มมลายหายไป มีความคับแค้นใจผุดมาแทน เธอกำมือแน่น คราวนี้ตั้งใจจะทำให้เต็มที่ที่สุด
     “เริ่ม! ”
     ผัวะ!
     “ฉันบอกเธอแล้ว” เป็นครั้งแรกที่เธอเริ่มไม่ชอบเสียงพี่รุตของเธอ ยิ่งได้สบตามองความยโสโอหังแบบนั้น ยิ่งทำให้เธอไม่สบอารมณ์
     “นลิน” เสียงดังขึ้นด้านหลังเวที นลินหันไปมอง พบกับท่าทางแปลกๆ ของญา เธอวาดอะไรบางอย่างลงฝ่ามือ แล้วแตะลงที่เท้า ก่อนจะทำท่ายกนิ้วโป้งสองนิ้ว นลินทำหน้างง จนญาต้องอธิบายอีกรอบว่าให้เธอเขียนรูปกากบาทคล้ายรูปโบว์กลับหัวจากนั้นให้แตะลงที่เท้า
      ใบหน้าหวานอมยิ้มเล็กน้อยกับอะไรแบบนั้น แต่เธอก็ลองทำตาม มันไม่มีอะไรเสียหายสักหน่อยนี่นา
     “ไร้สาระ”
     เจ้าของดวงตาสีน้ำผึ้งสบมอง สุภาพบุรุษแสนดีกลายเป็นคนกวนบาทาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ นลินลุกขึ้นตั้งท่าเมื่อทำเสร็จ สายตามองระหว่างใบหน้ายโสกับไม้อัด พิธีกรเมื่อเห็นว่าพร้อมจึงประกาศครั้งที่สาม
     “เริ่ม! ”
     ผลั๊วะ!!!
     เสียงเนื้อกระทบเนื้อทำให้ทั้งหอประชุมแตกตื่น มันเป็นชั่วเวลาเสี้ยววินาทีที่เธอตัดสินใจว่าจะเตะเข้าที่เป้าหรือที่ตัวเขาดี การคำนวณที่ผิดพลาดทำให้เธอฟาดลงเข้าที่คอเขาเต็มๆ ทว่าใส่แรงไปแบบนั้นร่างสูงไม่มีท่าทีกระเทือน แต่คนที่เจ็บกลายเป็นเธอเอง!
     รังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากคนตรงหน้า เสียงเข้มกล่าวอย่างหงุดหงิด
     “เธอทำอะไร”
     นลินอ้าปากกำลังจะกล่าวขอโทษ สีหน้าเธอมีความตกใจ บรรยากาศรอบด้านกดดันเธอจนเหมือนจะหายใจไม่ออก ทว่าใบหน้าคนตรงหน้าทำให้เธอตกใจมากยิ่งขึ้น เมื่อใบหน้าด้านซ้ายเขาเริ่มมีอาการตาและปากกระตุก ใบหน้าด้านซ้ายเริ่มเบี้ยวบูด
     นี่เธอไปเตะโดนเส้นประสาทอะไรเขาหรือเปล่า
 
     ยังไม่ทันไร ชายชุดดำสองคนรีบวิ่งขึ้นมา เอาเข็มฉีดยาฝังลงที่คอแล้วลากออกไป บอดี้การ์ดทั้งสองคนตัวกำยำมากแต่ดูท่าจะไม่สามารถลากร่างสูงลงเวทีได้ จนต้องมีคนชุดดำอีกคนมาช่วย
     นลินเดินตามจะลงไปดูอาการด้วยความรู้สึกผิด แต่ก็โดนรุ่นพี่สตาฟห้ามไว้
    “เอาล่ะครับ ตอนนี้เหตุการณ์ปกติเรียบร้อย พี่จอมทัพของเราต้องลงไปพักก่อน ท่าทางโรคประจำตัวจะกำเริบนะครับ”
    จบประโยครุ่นพี่คนอื่นๆ ก็ฮาครื้นขึ้นมา ดูไม่มีใครตกใจเหมือนกันฉันเลย
    “เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ก็ของแสดงความยินดีกับนิสิตนลิน เข้าสู่หอพักซันระ...”
    ตื้ด…
    เสียงสัญญาณบางอย่างดังขึ้น ทุกคนที่กำลังหัวเราะเงียบกริบและเปลี่ยนเป็นเสียงฮือฮาแทน รอบๆ หอประชุมไฟจากสีส้มเปลี่ยนเป็นสีขาวสว่างวาป วาป ตามจังหวะเสียงสัญญาณ ความรู้สึกเหมือนแสดงอะไรสักอย่างและกรรมการถูกใจนั่นล่ะ
    แต่นลินไม่ยักจะเห็นกรรมการสักคน
    ฉับพลันสายตาเธอก็ได้สบกับบุคคลที่อยู่หน้าเวที บนโซฟาตัวใหญ่ พวกเขาทั้งหมดใส่ชุดสูทเป็นทางการ บ้างสูทขาว บ้างสูทเทา สูทน้ำเงิน สูทดำ แต่ไฟสีขาวที่สว่างอยู่ตรงบุคคลที่ใส่สูทสีดำ
    “เอ่อ...ขอแสดงความยินดีกับนางสาวนลิน นิวชกุล ที่รับการคัดเลือกเข้าสู่หอพักรัตติกาลด้วยครับ”
    ฮือฮา
    ทุกคนพร้อมใจกันลุกขึ้นยืน แล้วปรบมือเสียงดังก้อง การกระทำนั่นดูเหมือนกำลังยินดีถ้าไม่ติดตรงที่มีสายตาแปลกๆ พร้อมกับเสียงกระซิบกระซาบ
    นลินทำตัวไม่ถูก หอพักรัตติกาลคืออะไร เธอควรจะเดินไปภาคปกติหรือภาคพิเศษ แต่ไม่ทันไรก็มีผู้หญิงผมสั้นสีควันบุหรี่เดินขึ้นมาบนเวที
    “ทางนี้ค่ะ” เธอผายมือข้างขวาและเอามือซ้ายดันตัวฉันให้รีบเดินลงไปท่ามกลางเสียงตบมือ ฉันไม่ได้ไปฝั่งภาคปกติหรือภาคพิเศษ แต่เดินไปนั่งด้านหน้าหอประชุมที่ล้อมรอบไปด้วยคนใส่สูทสีต่างๆ
    “นี่ท่านเคน ผู้ปกครองรัตติกาล”
     ผู้ปกครอง? นลินตกใจเล็กน้อยแต่ก็ต้องรีบยกมือไหว้ ชายร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาก้มหน้ารับเบาๆ ผู้หญิงผมสีควันให้เธอนั่งข้างๆ หล่อน เมื่อนลินนั่งลง คนอื่นๆ จึงนั่งตาม
    เธอยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเป็นปกติเลย รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อย่างไรไม่รู้
    “คนสุดท้าย นางสาวญานิศา...”
    “ฉันชื่อลอว์เรน จะเป็นคนคอยดูแลเธอชั่วคราว” หญิงสาวร่างสูงเอ่ยใบหน้านิ่ง นลินไม่กล้าจะพูดอะไรต่อนอกจากขานรับคำว่า ‘ค่ะ’ ออกไป
    “รายละเอียดเรื่องอื่นที่เธอสงสัยอยู่ เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน ตอนนี้นั่งเฉยๆ ก็พอ”
    “ค่ะ”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา