CHAPTER I : เล่ห์กลของวี
ในเวลาที่พระอาทิตย์ลับไปจากท้องฟ้าบรรยากาศรอบข้างปกคลุมไปด้วยความมืด ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติตอนนี้ก็คงจะไม่มีใครส่งเสียงและทุกพื้นที่มักจะมีเพียงความเงียบสงบแต่กลับกันสำหรับตัวอาคารด้านหน้าที่มีเสียงดังออกมาจากในตัวอาคารตลอดเวลาแม้จะดึกมากแล้วก็ตาม
ที่นี่เป็นสถานที่จัดงานประมูลภาพวาดของศิลปินชื่อดังอย่างชาร์ลีที่มีจุดมุ่งหมายจะนำเงินที่ได้จากการประมูลไปบริจาคให้แก่สถานเด็กกำพร้าที่อยู่ห่างไกลออกไปจากตัวเมืองและแน่นอนว่างานใหญ่แบบนี้จะขาดจ่าฝูงของเขตอย่าง"เจค"ไปไม่ได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมวีถึงอยู่ที่นี่ในตอนนี้
"แวนเต้”
ผมยื่นนามบัตรปลอมในมือให้การ์ดหน้าประตูดูก่อนจะเดินเข้ามาในงาน ผู้คนมากหน้าหลายตากำลังยืนจับกลุ่มคุยกันอย่างสนุกปาก กลิ่นอัลฟ่านับร้อยลอยไปทั่วทุกพื้นที่จนอดไม่ได้ที่จะทำให้โอเมก้าอย่างผมใจสั่นด้วยความกลัวจากสัญชาตญาณ เพราะตามธรรมชาติผมเป็นแค่เพียงผู้ถูกล่า
ผมมองนาฬิกาในข้อมือที่บอกเวลาว่าอีกไม่นานงานประมูลก็จะจบลงในขณะที่ยาเก็บกลิ่นโอเมก้าที่ผมฉีดมาก็ใกล้จะหมดฤทธิ์เหมือนกันม เพราะฉะนั้นผมควรจะรีบมองหาเป้าหมายและทำตามแผนให้สำเร็จให้เร็วมากที่สุดก่อนที่กลิ่นประจำตัวของผมจะทำให้อัลฟ่าแถวนี้คลั่งจนขาดสติ
"คนนั้นจ่าฝูงสิ่นะที่นั่งอยู่ด้านหน้าสุด"
"น่าจะใช่นะหล่อสมคำล่ำลือจริงๆอ่ะ"
"ได้ข่าวว่ายังไม่เจอโซลเมทด้วยนี่แบบนี้พวกเราก็มีสิทธิ์"
"555 นั่นสิ่นะแต่ฉันขอบายดีกว่า"
เสียงพูดคุยที่ดังมาจากกลุ่มผู้หญิงด้านข้างทำให้ผมต้องมองตามทางที่พวกเธอกำลังมองอยู่จนสายตาปะทะเข้ากับร่างชายหนุ่มที่ผมมองหามาสักพัก ใบหน้าหล่อคมคายพร้อมกับผมสีน้ำตาลเข้มในชุดสูทราคาแพงทำให้คนตรงหน้าดูโดดเด่นจากอัลฟ่าตัวอื่นได้อย่างเด่นชัด ถึงผมจะมาที่นี่เพื่อตามหาจ่าฝูงแต่ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่เคยเจอกับเขามาก่อน จะได้ยินก็เพียงแต่ชื่อเสียงที่ถูกพูดถึงเป็นวงกว้างว่าเขาเป็นอัลฟ่าที่มีความสามารถมากคนนึง
'ใช้ได้นี่:)'
ผมพอใจกับรูปลักษณ์ของคนตรงหน้าโดยไม่ต้องถามด้วยใบหน้าที่ดูดีขนาดนั้นต่อให้เป็นโอเมก้าตัวไหนก็คงอยากได้เขาเป็นคู่ครองทั้งนั้นแหละนอกจากเขาจะดูดีแล้วตำแหน่งจ่าฝูงก็ยังมีอำนาจมากพอที่จะปกป้องโอเมก้าที่ไร้ทางสู้ให้ปลอดภัยได้ นั่นจึงไม่แปลกที่เขาจะเป็นที่จับตามองจากโอเมก้าหลายๆตัว
'มาเริ่มเกมกันเลยแล้วกัน'
ผมยิ้มทิ้งท้ายก่อนจะเดินหลบออกมาจากงานเพื่อตรงไปยังสวนหลังอาคารเพื่อทำตามสิ่งที่คิดไว้ ถ้าเขาขึ้นชื่อว่าเป็นที่ยอมรับให้เป็นจ่าฝูงงั้นถ้าเขาเห็นสิ่งที่ผมกำลังจะทำต่อจากนี้เขาจะต้องมาหาผมแน่ๆ:)
.
.
.
{JAKE PART}
ผมมองดูภาพวาดบนเวทีที่คนในงานกำลังทำการประมูลกันอย่างดุเดือด เอาจริงๆแล้วตั้งแต่ที่มาที่นี่ผมก็ยังไม่เห็นว่าจะมีผลงานชิ้นไหนที่โดนใจจนผมอยากจะประมูลเก็บไว้เลยทำให้ผมได้แต่ประมูลรูปภาพไว้สองสามรูปเพื่อแสดงตัวว่าผมได้ร่วมบริจาคเงินให้กับสถานเด็กกำพร้าในครั้งนี้
ถ้าพูดตามความจริงการมางานสังคมหรืองานการกุศลแบบนี้มันก็แค่เป็นการเพิ่มความมั่นคงในตำแหน่งจ่าฝูงให้ตัวเองเท่านั้นถ้าจะถามถึงการมาหาเพื่อนก็คงต้องตัดทิ้งไปเป็นข้อแรกๆเพราะงานที่รวมอัลฟ่าชั้นสูงไว้แบบนี้ไม่มีใครคิดจะพูดคุยกันด้วยใจจริงหรอกจะมีก็แต่การใส่หน้ากากเข้าหากันเพื่อโอ้อวดบารมีของตัวเองก็เท่านั้น
“ฝากประมูลที่เหลือด้วยอีกสักสองชิ้นก็พอ”
“นายจะไปไหน”
“สวนหลังอาคาร”
“ภาระฉันอีกแล้ว- -*”
ผมไม่สนใจเสียงบ่นของจินแต่ลุกขึ้นเดินออกมาจากตัวงานทันที งานที่เต็มไปด้วยการถือตัวแบบนี้อยู่ไปนานๆก็อึดอัดจะทำอะไรก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษหนำซ้ำถ้าทำอะไรแปลกๆออกไปก็จะกลายเป็นที่พูดถึงอย่างสนุกปาก ถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากจะมางานพวกนี้นักหรอกแต่ในเมื่อมันเป็นหน้าที่ผมก็คงจะปฏิเสธไม่ได้
ผมเงยหน้ามองดวงจันทร์ที่ใหญ่เต็มดวงก่อนจะหลับตาลงรับแรงลมที่ตีเข้าหน้าในเวลากลางคืนกลิ่นดอกคาร์เนชั่นจางๆที่ลอยเขามาตีจมูกทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมองสำรวจไปรอบๆ
“สวนดอกกุหลาบแต่มีกลิ่นคาร์เนชั่นหรอวะ- -“
ผมมองดูดอกกุหลาบสีแดงที่ถูกปลูกไว้ทั่วบริเวณก่อนจะพยายามหาต้นตอของกลิ่นดอกคาร์เนชั่นที่มีกลิ่นอบอวลไปทั่วจนทำให้ผมแปลกใจ กลิ่นคาร์เนชั่นที่หอมหวานชวนให้หลงไหลและน่าสูดดมมันกลบกลิ่นของดอกกุหลาบทั้งสวนนี้ไปจดหมดราวกับว่าที่นี่เป็นสวนคาร์เนชั่นเสียอย่างนั้น
........
“ช่วยด้วย!!”
เสียงขอความช่วยเหลือปนเสียงกรีดร้องทำให้ผมต้องรีบหันไปมองทางพุ่มต้นไม้ที่ถูกจัดให้เป็นเหมือนกับเขาวงกต หูของหมาป่าเริ่มงอกขึ้นมาบนหัวพร้อมกับที่ร่างมนุษย์จะกลายเป็นร่างของสัตว์สี่ขาขนสีขาวที่โดดเด่นออกมาจากสีท้องฟ้าในเวลากลางคืน
เสียงขู่คำรามเกิดขึ้นในลำคอของหมาป่าตัวโตในขณะที่วิ่งตามกลิ่นดอกคาร์เนชั่นเข้าไปในเขาวงกตยิ่งผมเข้าใกล้กลิ่นนั่นเท่าไหร่ก็ดูเหมือนสติของผมจะยิ่งเลือนลางลงไปทุกทีมันเหมือนกับว่าผมเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้และเริ่มจะมีสัญชาตญาณของสัตว์ป่าเข้ามาแทนที่
‘กลิ่นคาร์เนชั่นนั่นทำให้ผมคลั่ง’
ผมหยุดวิ่งก่อนจะส่ายหัวตัวเองอย่างหนักเพื่อเรียกสติ ดวงตาที่เคยเป็นสีเหลืองอำพันเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสดโดยไม่รู้ตัวพร้อมกับความคิดที่เริ่มแปรปรวนไป
‘ช่วยผมหน่อย..เจค’
เสียงของใครบางคนที่ดังขึ้นในโสตประสาททำให้ผมสูญเสียสติของตัวเองโดยสมบูรณ์สี่เท้าออกวิ่งโดยที่ผมไม่รู้ตัวพร้อมกับนัยน์ตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเต็มดวง
‘ผมเป็นอะไรไปวะ..’
{END}
.
.
.
ผมมองดูหมาป่าตัวโตที่พึ่งวิ่งมาถึงจุดที่ผมโดนรุมทึ้งอยู่ ดวงตาสีแดงที่เกิดจากการโดนสะกดทำให้ผมวางใจและดำเนินแผนการต่อ เพราะผมต้องการจะล่อลวงจ่าฝูงให้มาหาผมเลยจัดฉากสร้างสถานการณ์ขึ้นเพื่อให้เขามาช่วยโดยการปล่อยกลิ่นดอกคาร์เนชั่นที่เป็นกลิ่นประจำตัวของผมเพื่อล่อลวงให้หมาป่าอัลฟ่าตัวอื่นคลุ้มคลั่ง
กลิ่นประจำตัวของโอเมก้าควีนมีความพิเศษกว่ากลิ่นประจำตัวของโอเมก้าทั่วไป แค่หมาป่าตัวอื่นได้กลิ่นก็พากันหลงไหลจนโงหัวไม่ขึ้นกลิ่นที่หอมและชวนหลงไหลมันทำให้หมาป่าตัวอื่นอยากจะเข้ามาดอมดมเช่นเดียวกับตอนนี้
ทันทีที่ผมปล่อยกลิ่นโอเมก้าของตัวเองเมื่อรู้ว่าเจคออกมาเดินเล่นที่สวนดอกกุหลาบหมาป่าตัวอื่นที่ไม่ได้รับเชิญก็พากันเข้ามาประชิดตัวผมจนตั้งตัวแทบไม่ทันรวมถึงเจคที่ตอนนี้ก็ตามกลิ่นของผมมาที่นี่เหมือนกัน
“ช่วยผมด้วย”
ผมเอ่ยบอกอีกคนเมื่อเห็นว่าเขายังคงยืนนิ่งเหมือนเสียสติผมเลยล้มเลิกที่จะสะกดจิตใจของเขา นัยน์ตาที่เคยเป็นสีแดงเปลี่ยนกับมาเป็นสีเดิมก่อนที่หมาป่าตัวยักษ์จะพุ่งเข้ามากัดคอหมาป่าอีกตัวที่กำลังฉุดรั้งผมอยู่ ผมมองดูหมาป่าสองตัวที่กำลังกัดกันอย่างดุเดือดก่อนจะหันไปถีบหมาป่าอีกตัวที่กำลังคลุ้มคลั่งในกลิ่นของผมจนมันล้มลงไปนอนแน่นิ่ง
“กรรช์..”
เสียงขู่คำรามดังมาจากหมาป่าจ่าฝูงเพื่อข่มขู่อีกฝ่ายจนกลัวหูลู่กลิ่นอัลฟ่าน่าเกรงขามถูกปล่อยออกมาทั่วบริเวรจนหมาป่าตัวอื่นพากันวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน ผมมองร่างหมาป่าที่เปลี่ยนกลับเป็นร่างคนพลางมองแผ่นหลังกว้างในชุดสูทด้วยความพอใจที่แผนของตนสำเร็จตามที่คิดไว้
“นายเป็นอะไรมั้ย”
ใบหน้าหล่อหันกลับมามองยังผมพลางถามแต่ผมกลับทำแค่เพียงมองสบดวงตาสีเหลืองอำพันแน่นิ่งเพื่อสะกดจิตเขาอีกครั้ง
‘รักผมหลงผมซะสิ่..คุณเจค็อปแห่งนอร์ธเวล์’
:)
.
.
ไรท์:ขอโทษที่ช้านะคะ พึ่งกลับจาก รร. อ่านแล้วอย่าลืมคอมเมนท์ กดให้กำลังใจด้วยนะ ใครสกรีมแท็กให้จะยิ่งดี 55555 เจอปืน <3