Forbidden Love คำสาปรัก สองแผ่นดิน
-
เขียนโดย Frame_Kurosama
วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2562 เวลา 23.54 น.
5 ตอน
0 วิจารณ์
5,927 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 30 กันยายน พ.ศ. 2562 00.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) เขตปกครองพิเศษกราดอส
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเขตปกครองพิเศษกราดอส
หลังจากที่เดินออกมาจากอุโมงค์เวลานั่นราวๆสิบนาที ก็เริ่มเห็นตัวเมืองและผู้คนมากมายที่กำลังเดินขวักไขว่อยู่เต็มท้องถนนและบนท้องฟ้า
ที่นี่เป็นเมืองที่สวยงามมากทีเดียว อาคารบ้านเรือนทำมาจากหินบ้างไม้บ้างสลับกันไป แต่ว่าทุกหลังล้วนแต่มีการแกะสลักลวดลายที่มีความพิถีพิถัน ดูสวยงาม น่าหลงใหลและมีเสน่ห์ในตัวเอง
ผู้คนแต่งชุดที่ไม่ได้ดูแตกต่างจากที่โลกมนุษย์มากนัก มีเพียงบางคนที่ใส่ชุดเครื่องแบบที่ดูดี ให้ความรู้สึกราวกับพวกนายทหารของยุคโรมัน
เรนสดุดเข้ากับชุดเครื่องแบบของคนกลุ่มหนึ่งมากกว่า เป็นชุดเครื่องแบบที่มีผ้าคลุมสีดำยาว ตรงปลายมีแทบๆสีแตกต่างกันไปในแต่ละคน เขาไม่แน่ใจว่ามันมีสีต่างกันเพื่อแบ่งอะไร แต่ก็มีคนที่สีซ้ำกันอยู่ จึงเดาว่าน่าจะแบ่งสีตามหน้าที่หรือยศตำแหน่งล่ะมั้ง
ชุดด้านในผ้าคลุมเป็นเหมือนสูทสีดำทมิฬ มันวาว เป็นเครื่องแบบที่ดูสง่างามและสดุดตามากที่สุดบนท้องถนนเลยก็ว่าได้ ไม่นับเรื่องที่ว่าทั้งกลุ่มที่เดินมาด้วยกันนั้น มีออร่าความหล่อที่แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ จนไม่ว่าคนหนุ่มสาว เด็กหรือคนแก่ที่เดินผ่านพวกเขาต่างต้องเหลียวคอเหลียวหลังจนตัวแทบเคล็ดเลยทีเดียว
ยิ่งเดินเข้าสู่ใจกลางเมืองก็จะเห็นแม่น้ำขนาดใหญ่ที่ไหลผ่านยาวตลอดทั้งเมือง ทำให้สามารถเดินทางได้ด้วยเรือ…
“นั่น…ทำไมมันแปลกๆ” เรนไม่ได้เอ่ยถามลุงเน็ทที่เดินนำหน้าอย่างรวดเร็ว อย่างกับว่าหิวข้าวมากแล้วอยากจะให้ถึงร้านอาหารเสียที เขาแค่พึมพำกับตัวเองและนึกสงสัยอยู่ในใจต่อไปเท่านั้น
เรือหรอ? เอ่อ…ก็อยากจะเรียกแบบนั้นอยู่หรอกนะ แต่เอาจริงๆน่าจะเรียกว่า พาหนะที่ทำหน้าที่คล้ายๆเรือซะมากกว่าเพราะรูปร่างหน่ะ จะว่าคล้ายๆก็ใช่อยู่ แต่ทำมาจากแก้วใสๆ ส่วนการเคลื่อนก็ดูคล้ายกับการที่คลื่นน้ำกำลังห่อหุ้มและนำทางการเคลื่อนตัวเสียมากกว่า
เอาเป็นว่า มันก็คือเรือล่ะกัน
เรนคิดแล้วก็สรุปกับตัวเองอย่างเสร็จสรรพ
นอกเหนือจากนั้น ก็ยังมียานพาหนะที่ทำหน้าที่เหมือนรถยนต์ แค่ไม่มีล้อ และมันลอยกลางอากาศงืมม…ถ้ามีไม้กวาดอีกนิด ก็แฮรรี่พอตเตอร์แล้วค้าบบ
เรนคิดเล่นๆกับตัวเองอย่างขำขัน แต่คิดไม่ทันขาดคำ สายตาก็เลือบไปเห็นคนนั่งอยู่บนไม้กวาดเอย พรมเอย
และที่เขาคิดว่าแปลกประหลาดสุดอะไรหน่ะ!คนยืนอยู่บนใบไม้ แล้วลอยกลางอากาศ
ห่ะ!? แบบนี้ก็ได้หรอ!?เรนมองด้วยสายตาอึ้งๆ พอลองถามลุงเน็ทเดินก้าวฉับๆราวกับคนโมโหหิว ก็กลับได้คำตอบที่น่าอึ้งยิ่งกว่า
“ถ้าแกตั้งใจเรียน ฝึกเวทสายลมให้เก่ง แกอยากจะยืนอยู่บนหลอด ปากกา หรือฝาขวดอะไร แล้วลอยบนอากาศก็ได้หมดแหละ หรือจะลอยโดยไม่ต้องใช้ของพวกนั้นก็ได้”
ลุงแกว่างี้แล้วก็สาวเท้าเดินต่ออย่างเร่งรีบทันที ปล่อยให้เรนยืนอึ้งอยู่อย่างนั้นสักห้าวินาทีก่อนจะรีบสาวเท้าเดินตามอย่างไวก่อนที่จะพลัดหลงกัน
‘ว่าแต่ยืนบนหลอดหรือปากกาหรือฝาขวดเนี่ยนะ มันจะเท่ห์ตรงไหนล่ะคร้าบลุ๊งงง’
…
และแล้วเราก็เดินมาถึงร้านอาหารกันสักที ร้านนี้เป็นร้านอาหารเล็กๆ ที่มีโต๊ะเก้าอี้ไม่กี่ตัว พอที่จะให้แขกไม่เกินสิบคนนั่งทานในร้านได้
ร้านอาหารเล็กๆแห่งนี้ ถูกตกแต่งไปด้วยต้นไม้ประดับมากมาย ดูคล้ายกับว่าเป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนธรรมชาติ
เรนกวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งตรงที่นั่งที่ว่างอยู่ ลุงเน็ทเดินไปสั่งอาหารก่อนจะเดินมานั่งตรงข้ามกัน
อาหารที่ทำเสร็จแล้ว ถูกวางใส่ถาดและลอยมาเสิร์ฟให้พวกเขากันถึงโต๊ะ เรนมองดูอย่างตื่นเต้น มันเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ในชีวิตของเขาเสียจริง
หลังจากทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อย ลุงเน็ทก็นั่งจิบชาอย่างที่แกชอบทำเป็นประจำทุกวันอย่างเคยชิน ทำให้เรนเริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น แม้ว่าเขาจะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้
“จะว่าไป ผมลืมถามลุงเลย”
ลุงเน็ทเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถาม ก่อนจะวางถ้วยชาลง จึงเป็นเหมือนสัญญาณให้เรนเอ่ยถามต่อทันที
“ทำไมอยู่ๆเรนถึงได้เข้าเรียนที่โรงเรียนสอนเวทมนตร์ล่ะลุง ผมไม่มีเวทมนตร์สักหน่อยนะ”
ถึงแม้เขามีเรื่องที่สงสัยเยอะแยะมากมายไปหมดในหัว แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่เขาอยากจะรู้ที่สุด ณ ตอนนี้ เพราะคำว่า ‘โรงเรียน’ ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมาก เขากำลังจะได้ไปโรงเรียนอย่างเด็กคนอื่นและอาจจะได้มีเพื่อนใหม่ด้วย
“ก็ไปเรียน เดี๋ยวครูเขาก็สอน” ลุงเน็ทตอบอย่างง่ายๆ
“เวทมนตร์นี่มันเป็นกันง่ายขนาดนั้นเลยหรอลุง?” เรนทำหน้าฉงน
“ก็เปล่า ก็ให้ไปเรียนนี่ไง โรงเรียนก็มีไว้เรียน ก็ไปเรียน เดี๋ยวก็เป็น” ได้ยินคำตอบของลุงเน็ท เรนก็ทำหน้าอึ้งๆ
ตรรกะอะไรของลุงเนี่ย!
“แล้วที่นี่คือเวอเว่อร์อะไรที่ลุงบอกเรนอ่ะหรอ”
“เวอร์มัลก้าโว้ย! แกก็เรียกให้มันถูกสักทีสิ ไอ้เรน เดี๋ยวคนเขาก็ได้สงสัยกันพอดีว่าทำไมชาวเมืองที่เกิดที่นี่ถึงเรียกชื่อดินแดนตัวเองไม่ถูกกัน” ลุงเน็ทพูดเสียงกระซิบกระซาบ
“ก็ไม่ได้เกิดที่นี่สักหน่อย เพิ่งมาเหยียบเวอเว่อร์ของลุงได้ไม่ถึงชั่วโมงเลยเถอะ” เรนบ่นอุบอิบ
“รู้ได้ไงว่าแกไม่ได้เกิดที่นี่?” ลุงเน็ทพึมพำเสียงเบา
“ห่ะ!? ลุงว่าอะไรนะ”
“เปล๊า…” ลุงเน็ททำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ดินแดนแห่งนี้หรือห้วงมิติที่เราอยู่ตอนนี้ไม่ใช่โลกมนุษย์ และมีชื่อเรียกว่า เวอร์มัลก้าอย่างที่แกว่านั่นแหละ”
“แล้วโรงเรียนอยู่ที่ไหนอ่ะลุง?”
“ก็อยู่ที่นี่แหละ เวอร์มัลก้าเป็นแค่ชื่อเรียกรวมๆ เหมือนที่เราเรียกรวมๆว่า โลกมนุษย์อ่ะ แต่โลกเราก็แบ่งออกเป็นหลายประเทศใช่ไหมล่ะ ที่นี่ก็เหมือนกัน และที่ที่เราอยู่นี่ เรียกกันว่า “เขตปกครองพิเศษกราดอส”
“ชื่อแปลกจังเลยลุง” เรนทำท่าอยากจะถามอะไรเพิ่มอีกเพื่อคลายความสงสัย แต่ก็ถูกลุงเน็ทพูดขัดขึ้นเสียก่อน
“เอาไว้เดี๋ยวแกเข้าเรียนแล้ว เขาก็จะสอนเรื่องต่างๆให้เองแหละ”
เรนทำท่าเสียดายเล็กน้อย แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะที่จริงเขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องรายละเอียดยิบย่อยสักเท่าไหร่ มันน่าปวดหัวจะตายว่าไหม
“ลุงพูดเรื่องเข้าเรียน ผมเลยนึกได้เลย แล้วนี่จะต้องไปรายงานตัวตามจดหมายนี่เมื่อไหร่อ่ะลุง” เรนหยิบจดหมายขึ้นมาอ่านทวนดูอีกครั้ง
ลุงเน็ทเหลือบมองปฎิทินที่แขวนอยู่บนผนัง แล้วก็ยกชาขึ้นจิบเล็กน้อย พลางชื่นชมบรรยากาศที่แสนสบายนี้
หืมม…วันเวลาคลาดเคลื่อนมากกว่าที่คิดแหะ วิสต้องนึกไม่ถึงแน่ๆว่าเราอยู่ที่นี่แล้ว
“มาทิส 28 เวลา 13 นาฬิกา ที่อาคารวิลลี่ยาร์ด” เรนที่กำลังอ่านจดหมายตอบรับจากทางโรงเรียน พึมพำขึ้นมาเบาๆ
ลุงเน็ทหันมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่ในร้าน จากนั้นเขาก็ยกแก้วขึ้นจิบชาต่อเอื่อยเฉื่อย ไม่ได้มีความกังวลใจเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นลอยๆ
“อ่า…ถ้าอย่างนั้นก็วันนี้แหละ…อีกประมาณ 10 นาที”“อ้ออ…”เรนพยักหน้าตอบรับว่าเข้าใจก่อนที่สมองจะประมวลผล ก่อนที่…ดวงตาของเขาจะเบิกกว้างขึ้น
“ห่ะ!!!!?” เขาลุกพรวดพราดเพื่อออกจากร้านทันทีพร้อมตะโกนเสียงดังไล่หลังเพื่อเรียกลุงเน็ท
“ต้องรีบแล้วลุ๊งง มามัวใจเย็นนั่งจิบน้ำชาอะไรเนี่ย ลุกกเร้ววววว!!!”
หลังจากที่เดินออกมาจากอุโมงค์เวลานั่นราวๆสิบนาที ก็เริ่มเห็นตัวเมืองและผู้คนมากมายที่กำลังเดินขวักไขว่อยู่เต็มท้องถนนและบนท้องฟ้า
ที่นี่เป็นเมืองที่สวยงามมากทีเดียว อาคารบ้านเรือนทำมาจากหินบ้างไม้บ้างสลับกันไป แต่ว่าทุกหลังล้วนแต่มีการแกะสลักลวดลายที่มีความพิถีพิถัน ดูสวยงาม น่าหลงใหลและมีเสน่ห์ในตัวเอง
ผู้คนแต่งชุดที่ไม่ได้ดูแตกต่างจากที่โลกมนุษย์มากนัก มีเพียงบางคนที่ใส่ชุดเครื่องแบบที่ดูดี ให้ความรู้สึกราวกับพวกนายทหารของยุคโรมัน
เรนสดุดเข้ากับชุดเครื่องแบบของคนกลุ่มหนึ่งมากกว่า เป็นชุดเครื่องแบบที่มีผ้าคลุมสีดำยาว ตรงปลายมีแทบๆสีแตกต่างกันไปในแต่ละคน เขาไม่แน่ใจว่ามันมีสีต่างกันเพื่อแบ่งอะไร แต่ก็มีคนที่สีซ้ำกันอยู่ จึงเดาว่าน่าจะแบ่งสีตามหน้าที่หรือยศตำแหน่งล่ะมั้ง
ชุดด้านในผ้าคลุมเป็นเหมือนสูทสีดำทมิฬ มันวาว เป็นเครื่องแบบที่ดูสง่างามและสดุดตามากที่สุดบนท้องถนนเลยก็ว่าได้ ไม่นับเรื่องที่ว่าทั้งกลุ่มที่เดินมาด้วยกันนั้น มีออร่าความหล่อที่แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ จนไม่ว่าคนหนุ่มสาว เด็กหรือคนแก่ที่เดินผ่านพวกเขาต่างต้องเหลียวคอเหลียวหลังจนตัวแทบเคล็ดเลยทีเดียว
ยิ่งเดินเข้าสู่ใจกลางเมืองก็จะเห็นแม่น้ำขนาดใหญ่ที่ไหลผ่านยาวตลอดทั้งเมือง ทำให้สามารถเดินทางได้ด้วยเรือ…
“นั่น…ทำไมมันแปลกๆ” เรนไม่ได้เอ่ยถามลุงเน็ทที่เดินนำหน้าอย่างรวดเร็ว อย่างกับว่าหิวข้าวมากแล้วอยากจะให้ถึงร้านอาหารเสียที เขาแค่พึมพำกับตัวเองและนึกสงสัยอยู่ในใจต่อไปเท่านั้น
เรือหรอ? เอ่อ…ก็อยากจะเรียกแบบนั้นอยู่หรอกนะ แต่เอาจริงๆน่าจะเรียกว่า พาหนะที่ทำหน้าที่คล้ายๆเรือซะมากกว่าเพราะรูปร่างหน่ะ จะว่าคล้ายๆก็ใช่อยู่ แต่ทำมาจากแก้วใสๆ ส่วนการเคลื่อนก็ดูคล้ายกับการที่คลื่นน้ำกำลังห่อหุ้มและนำทางการเคลื่อนตัวเสียมากกว่า
เอาเป็นว่า มันก็คือเรือล่ะกัน
เรนคิดแล้วก็สรุปกับตัวเองอย่างเสร็จสรรพ
นอกเหนือจากนั้น ก็ยังมียานพาหนะที่ทำหน้าที่เหมือนรถยนต์ แค่ไม่มีล้อ และมันลอยกลางอากาศงืมม…ถ้ามีไม้กวาดอีกนิด ก็แฮรรี่พอตเตอร์แล้วค้าบบ
เรนคิดเล่นๆกับตัวเองอย่างขำขัน แต่คิดไม่ทันขาดคำ สายตาก็เลือบไปเห็นคนนั่งอยู่บนไม้กวาดเอย พรมเอย
และที่เขาคิดว่าแปลกประหลาดสุดอะไรหน่ะ!คนยืนอยู่บนใบไม้ แล้วลอยกลางอากาศ
ห่ะ!? แบบนี้ก็ได้หรอ!?เรนมองด้วยสายตาอึ้งๆ พอลองถามลุงเน็ทเดินก้าวฉับๆราวกับคนโมโหหิว ก็กลับได้คำตอบที่น่าอึ้งยิ่งกว่า
“ถ้าแกตั้งใจเรียน ฝึกเวทสายลมให้เก่ง แกอยากจะยืนอยู่บนหลอด ปากกา หรือฝาขวดอะไร แล้วลอยบนอากาศก็ได้หมดแหละ หรือจะลอยโดยไม่ต้องใช้ของพวกนั้นก็ได้”
ลุงแกว่างี้แล้วก็สาวเท้าเดินต่ออย่างเร่งรีบทันที ปล่อยให้เรนยืนอึ้งอยู่อย่างนั้นสักห้าวินาทีก่อนจะรีบสาวเท้าเดินตามอย่างไวก่อนที่จะพลัดหลงกัน
‘ว่าแต่ยืนบนหลอดหรือปากกาหรือฝาขวดเนี่ยนะ มันจะเท่ห์ตรงไหนล่ะคร้าบลุ๊งงง’
…
และแล้วเราก็เดินมาถึงร้านอาหารกันสักที ร้านนี้เป็นร้านอาหารเล็กๆ ที่มีโต๊ะเก้าอี้ไม่กี่ตัว พอที่จะให้แขกไม่เกินสิบคนนั่งทานในร้านได้
ร้านอาหารเล็กๆแห่งนี้ ถูกตกแต่งไปด้วยต้นไม้ประดับมากมาย ดูคล้ายกับว่าเป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนธรรมชาติ
เรนกวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งตรงที่นั่งที่ว่างอยู่ ลุงเน็ทเดินไปสั่งอาหารก่อนจะเดินมานั่งตรงข้ามกัน
อาหารที่ทำเสร็จแล้ว ถูกวางใส่ถาดและลอยมาเสิร์ฟให้พวกเขากันถึงโต๊ะ เรนมองดูอย่างตื่นเต้น มันเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ในชีวิตของเขาเสียจริง
หลังจากทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อย ลุงเน็ทก็นั่งจิบชาอย่างที่แกชอบทำเป็นประจำทุกวันอย่างเคยชิน ทำให้เรนเริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น แม้ว่าเขาจะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้
“จะว่าไป ผมลืมถามลุงเลย”
ลุงเน็ทเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถาม ก่อนจะวางถ้วยชาลง จึงเป็นเหมือนสัญญาณให้เรนเอ่ยถามต่อทันที
“ทำไมอยู่ๆเรนถึงได้เข้าเรียนที่โรงเรียนสอนเวทมนตร์ล่ะลุง ผมไม่มีเวทมนตร์สักหน่อยนะ”
ถึงแม้เขามีเรื่องที่สงสัยเยอะแยะมากมายไปหมดในหัว แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่เขาอยากจะรู้ที่สุด ณ ตอนนี้ เพราะคำว่า ‘โรงเรียน’ ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมาก เขากำลังจะได้ไปโรงเรียนอย่างเด็กคนอื่นและอาจจะได้มีเพื่อนใหม่ด้วย
“ก็ไปเรียน เดี๋ยวครูเขาก็สอน” ลุงเน็ทตอบอย่างง่ายๆ
“เวทมนตร์นี่มันเป็นกันง่ายขนาดนั้นเลยหรอลุง?” เรนทำหน้าฉงน
“ก็เปล่า ก็ให้ไปเรียนนี่ไง โรงเรียนก็มีไว้เรียน ก็ไปเรียน เดี๋ยวก็เป็น” ได้ยินคำตอบของลุงเน็ท เรนก็ทำหน้าอึ้งๆ
ตรรกะอะไรของลุงเนี่ย!
“แล้วที่นี่คือเวอเว่อร์อะไรที่ลุงบอกเรนอ่ะหรอ”
“เวอร์มัลก้าโว้ย! แกก็เรียกให้มันถูกสักทีสิ ไอ้เรน เดี๋ยวคนเขาก็ได้สงสัยกันพอดีว่าทำไมชาวเมืองที่เกิดที่นี่ถึงเรียกชื่อดินแดนตัวเองไม่ถูกกัน” ลุงเน็ทพูดเสียงกระซิบกระซาบ
“ก็ไม่ได้เกิดที่นี่สักหน่อย เพิ่งมาเหยียบเวอเว่อร์ของลุงได้ไม่ถึงชั่วโมงเลยเถอะ” เรนบ่นอุบอิบ
“รู้ได้ไงว่าแกไม่ได้เกิดที่นี่?” ลุงเน็ทพึมพำเสียงเบา
“ห่ะ!? ลุงว่าอะไรนะ”
“เปล๊า…” ลุงเน็ททำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ดินแดนแห่งนี้หรือห้วงมิติที่เราอยู่ตอนนี้ไม่ใช่โลกมนุษย์ และมีชื่อเรียกว่า เวอร์มัลก้าอย่างที่แกว่านั่นแหละ”
“แล้วโรงเรียนอยู่ที่ไหนอ่ะลุง?”
“ก็อยู่ที่นี่แหละ เวอร์มัลก้าเป็นแค่ชื่อเรียกรวมๆ เหมือนที่เราเรียกรวมๆว่า โลกมนุษย์อ่ะ แต่โลกเราก็แบ่งออกเป็นหลายประเทศใช่ไหมล่ะ ที่นี่ก็เหมือนกัน และที่ที่เราอยู่นี่ เรียกกันว่า “เขตปกครองพิเศษกราดอส”
“ชื่อแปลกจังเลยลุง” เรนทำท่าอยากจะถามอะไรเพิ่มอีกเพื่อคลายความสงสัย แต่ก็ถูกลุงเน็ทพูดขัดขึ้นเสียก่อน
“เอาไว้เดี๋ยวแกเข้าเรียนแล้ว เขาก็จะสอนเรื่องต่างๆให้เองแหละ”
เรนทำท่าเสียดายเล็กน้อย แค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะที่จริงเขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องรายละเอียดยิบย่อยสักเท่าไหร่ มันน่าปวดหัวจะตายว่าไหม
“ลุงพูดเรื่องเข้าเรียน ผมเลยนึกได้เลย แล้วนี่จะต้องไปรายงานตัวตามจดหมายนี่เมื่อไหร่อ่ะลุง” เรนหยิบจดหมายขึ้นมาอ่านทวนดูอีกครั้ง
ลุงเน็ทเหลือบมองปฎิทินที่แขวนอยู่บนผนัง แล้วก็ยกชาขึ้นจิบเล็กน้อย พลางชื่นชมบรรยากาศที่แสนสบายนี้
หืมม…วันเวลาคลาดเคลื่อนมากกว่าที่คิดแหะ วิสต้องนึกไม่ถึงแน่ๆว่าเราอยู่ที่นี่แล้ว
“มาทิส 28 เวลา 13 นาฬิกา ที่อาคารวิลลี่ยาร์ด” เรนที่กำลังอ่านจดหมายตอบรับจากทางโรงเรียน พึมพำขึ้นมาเบาๆ
ลุงเน็ทหันมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่ในร้าน จากนั้นเขาก็ยกแก้วขึ้นจิบชาต่อเอื่อยเฉื่อย ไม่ได้มีความกังวลใจเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นลอยๆ
“อ่า…ถ้าอย่างนั้นก็วันนี้แหละ…อีกประมาณ 10 นาที”“อ้ออ…”เรนพยักหน้าตอบรับว่าเข้าใจก่อนที่สมองจะประมวลผล ก่อนที่…ดวงตาของเขาจะเบิกกว้างขึ้น
“ห่ะ!!!!?” เขาลุกพรวดพราดเพื่อออกจากร้านทันทีพร้อมตะโกนเสียงดังไล่หลังเพื่อเรียกลุงเน็ท
“ต้องรีบแล้วลุ๊งง มามัวใจเย็นนั่งจิบน้ำชาอะไรเนี่ย ลุกกเร้ววววว!!!”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ