รักนะ ยัยพี่เลี้ยง
-
2) บทที่ 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 2
ฉันยืนสำรวจตัวเองหน้ากระจก เสื้อยืดกางเกงสแล็คเหมือนเดิมก็แล้วกัน วันนี้ต้องไปส่งคุณหนูที่โรงเรียนงั้นเหรอ แต่งตัวสบาย ๆ ก็แล้วกัน ว่าแต่ฉันลืมถามไปเลยว่าคุณหนูอายุเท่าไหร่ เอาเป็นว่าเอาของเล่นติดรถไปสักสี่ห้าอย่าง ถ้าคุณหนูร้องไห้จะได้มีของเล่นไว้หลอกล่อ
ฉันถูฝ่ามือไปมาด้วยความตื่นเต้นก่อนจับพวงมาลัยรถก่อนเหลือบมองนาฬิกา ฉันต้องไปถึงที่นั่นเวลาเจ็ดโมงเช้าตามตารางที่คุณพ่อบ้านแจ้งไว้
ไม่นานรถก็เข้ามาเทียบจอดยังบริเวณหน้าบ้าน ฉันก้าวลงจากรถและส่งยิ้มให้บรรดาคนรับใช้ที่ออกมาต้อนรับ ฉันต้องผูกมิตรไว้ก่อนงั้นการยิ้มคือการผูกมิตรขั้นแรก
“สวัสดีค่ะ คือฉันมารับคุณหนูไปโรงเรียนค่ะ” หลังจากที่ฉันเอ่ยถามขึ้นก็มี ก็มีผู้หญิงวัยรุ่นเดินออกมาจากตัวบ้าน เธอใส่ชุดนักศึกษาตัวน้อยรัดติ้วจนกระดุมแทบจะปริออกและกระโปรงทรงเอแสนสั้นเลยหัวเข่ามาเกือบคืบ
“ไหนพี่เลี้ยงคนใหม่ของฉัน!” เธอพูดด้วยน้ำเสียงห้วนเพราะคุยกับสาวใช้
“นี่ค่ะ คุณน้ำมนต์จะมาเป็น...” แม่บ้านคนหนึ่งทันได้พูดจบ คุณหนูของบ้านก็พูดขัดขึ้นมาก่อน
“เปิดประตูสิฉันจะขึ้นรถ เดี๋ยวนะฉันไม่นั่งรถคันนี้ เห่ยมาก” ชาหวานมองหน้าพี่เลี้ยงคนใหม่ก่อนจะเหล่มองรถเก๋งสีดำคันน้อยของพี่เลี้ยงเธอ ก่อนจะหันไปสั่งคนของเธอให้เอารถที่เธออยากนั่งมาเปลี่ยน “มงคล ฉันเอาบีเอ็มคันขาว แล้วเอารถขยะนี่ไปเก็บให้พ้นหูพ้นตาฉันด้วย”
รถขยะงั้นเหรอ กล้ามาว่าลูกชายฉันได้ยังไงเนี่ย ถึงจะเป็นรถขยะในสายตาเธอแต่มันก็พาฉันไปในที่ที่ฉันอยากไปได้นะเว้ย ฉันละอยากตะโกนประโยคพวกนี้ออกไปให้ได้ยินจริง ๆ
“ครับคุณหนู” คุณพ่อบ้านรับคำสั่งของคุณหนูเสร็จก็เดินมาขอกุญแจรถฉันเพื่อเอาไปเก็บในโรงรถก่อนจะขับคันที่เจ้านายต้องการนั่งมาเทียบหน้าบ้านแทน
ฉันยืนกะพริบตาจ้องคุณหนูหน้าสวย ไม่คิดเลยว่าพี่เลี้ยงเด็กที่ว่าคือ...ฉันต้องคอยดูแลเด็กมหาลัยเหรอเนี่ย
“เร็วสิ มัวยืนรออะไรอยู่ ฉันไม่ได้ว่างทั้งวันนะ ถ้าฉันไปเข้ากิจกรรมสายละเธอได้มีปัญหากับฉันแน่”
“หะ?”
“เร็วสิ!”
ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคนตรงหน้าตะคอกใส่ ฉันจึงเปิดประตูตามที่เธอสั่งทันที “เชิญค่ะ”
เธอยืนดอกอกและมองฉันสักพัก “ข้างหลัง ฉันไม่นั่งหน้ากับเธอหรอกนะ เรามันคนละชั้นกัน”
ฉันขมวดคิ้วก่อนปิดประตูหน้าและเดินไปเปิดประตูหลังรถ ไอ้เด็กบ้านี่มาแบ่งชนชั้นอะไรในยุคนี่เนี่ย
“ปิดประตูด้วยสิ” เธอสั่งอีกรอบ
ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อวานก่อนจะออกจากห้องสัมภาษณ์เขาถึงอวยพรให้ฉันโชคดี ตอนแรกก็นึกว่าเป็นคำอวยพรในการเริ่มงานใหม่เป็นวันแรกปกติเหมือนที่อื่น ๆ แต่ที่นี่ท่าจะไม่ใช่งานธรรมดาซะแล้ว ฉันน่าจะเอะใจตั้งแต่เงินเดือนแล้วแหละ เอาวะคิดว่าเพื่อเงิน! อีกอย่างในหมายเหตุนั้นระบุไว้ว่าต้องการคนที่มีความอดทน ฉันเข้าใจแล้วเข้าใจลึกไปถึงขั้วสมองเลยทีเดียว
“ฉันละไม่เข้าใจคุณพ่อจริงจริ๊งว่าจะจ้างคนดูแลให้เปลืองเงินเล่นทำไม แถมดูหน้าตาไม่ค่อยฉลาดด้วย จริงไหม” ชาหวานพูดขึ้นลอย ๆ “ฉันถามว่าจริงไหม ตอบสิ!” เธอใช้มือตีเบาะนั่งคนขับเมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงตอบกลับมา
“ค..คะ คุยกับฉันเหรอคะ” ฉันไม่ได้ยินประโยคก่อนหน้านี้จริง ๆ เพราะกำลังใช้สมาธิในการขับรถ
“โอ้ย ให้ตายสิ ไม่ฉลาดจริง ๆ ด้วย อยู่กันแค่สองคนจะให้ฉันคุยกับผีที่ไหน” ชาหวานกอดอกเอาหลังพิงกับเบาะรถ ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเบื่อหน่าย
นี่ฉันกำลังโดนยัยเด็กนี้ด่างั้นเหรอ แถมด่ากันซึ่ง ๆ หน้าด้วย ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ฉันเพิ่งได้งานเป็นวันแรก ท่องไว้เงินเดือน เงินเดือน ไม่มีงานเท่ากับไม่มีเงิน
“ถึงแล้วค่ะ ให้มารับกี่โมงดีคะ”
“เธอรอฉันอยู่ที่นี่เลยไม่ต้องไปไหน ฉันน่าจะกลับสักหกโมงเย็นหรืออาจจะเร็วกว่านั้น ช่างเถอะฉันจะกลับเวลาไหนก็ช่าง แต่เธอต้องคอยสแตนบายรอรับฉันอยู่ที่มหาลัย จอดรอฉันตรงนี้จนกว่าฉันจะกลับและห้ามไปไหนด้วย เข้าใจไหม ฉันไม่ชอบรอ” หลังจากที่เธอออกคำสั่งกับฉันเสร็จสรรพแล้วก็หยิบกระเป๋าและก้าวลงจากรถทันที
ทีงี้ละเปิดประตูรถเองเป็น ฉันถอนหายใจก่อนมองบน
ฉันนั่งมองคุณหนูจอมเอาแต่ใจจนลับตา สรุปฉันต้องรอเธออยู่ที่นี่ ตรงนี้จริงใช่ไหมเนี่ย
ในระหว่างที่ชาหวานกำลังนั่งเลือกการแสดงของตัวเองอยู่นั้นทุกคนก็เริ่มทยอยมา หลังจากที่ทุกคนมากันจนครบแล้วพี่หมิวก็เริ่มบอกจุดประสงค์ของการนัด
“วันนี้พี่จะให้น้อง ๆ คิดว่าพวกเราแต่ละคนจะแสดงความสามารถพิเศษอะไรบนเวทีประกวด คิดได้แล้วเสนอพี่นะ พี่จะช่วยดูให้ว่ามันโอเคหรือเปล่า”
พี่ ๆ ส่งเด็กปีหนึ่งในสาขาประกวดทั้งหมดสี่คนได้แก่ผู้ชายสองและผู้หญิงอีกสอง ทุกสาขาต้องส่งเด็กเข้าประกวดทั้งหมดสองคู่ ซึ่งชาหวานก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
ไม่นานผู้หญิงที่นั่งข้างชาหวานก็ยกมือขึ้น
“มะนาวหวานว่าไง จะแสดงอะไร”
ชาหวานหันไปมองหน้าคนที่กำลังยกมือขึ้นทันทีหลังจากได้ยินพี่หมิวเรียกชื่อของเธอ...คนอะไรชื่อมะนาวหวาน มีที่ไหนมะนาวหวาน ต้องเปรี้ยวสิถึงจะถูก ชื่อคนสมัยนี้ปวดหัวเสียจริง เธอคิด
“ร้องเพลงแล้วกันค่ะ เป็นสิ่งที่มะนาวหวานถนัดที่สุดแล้ว” เธอยิ้ม
“โอเค ไหนเราลองร้องสิ”
“ร้องตอนนี้เลยเหรอคะ มะนาวหวานอายจัง”
ชาหวานเหล่ตามองมะนาวหวานด้วยสาตตายที่บ่งบอกว่ารำคาญการลีลาของเธอ
“ร้องเลยไม่ต้องอาย พี่จะได้รู้ว่าเราควรโชว์ความสามารถนี้หรือเปล่า”
“ค่ะงั้นมะนาวหวานร้องเพลง Come away with me นะคะ” จากนั้นเธอก็ยืนขึ้นและเปล่งเสียงออกมาซึ่งมันทำให้ทุกคนทึ่งและตะลึงในความไพเราะ
ชาหวานยอมรับว่ายัยมะนาวหวานร้องเพราะจริง ๆ แต่ก็แอบหมั่นไส้เล็ก ๆ ที่ตอนแรกเธอทำเป็นแกล้งอาย พอร้องออกมาทียังกับกำลังแสดงโชว์อยู่ในคอนเสิร์ตของตัวเองอย่างไงอย่างนั้น
หลังจากที่มะนาวหวานโชว์ความสามารถในการร้องเพลงของตัวเองเสร็จแล้วทุกคนก็ต่างพากันปรบมือ
“ร้องเพราะเหมือนกันนะเรา เอาเป็นว่ามะนาวหวานร้องเพลง” พี่หมิวจดลงในสมุดทันที “แล้วชาหวานละได้หรือยัง”
“ได้แล้วค่ะ ชาหวานคิดว่าจะเล่นไวโอลิน” เธอพูดจบก็ยื่นโทรศัพท์มือถือที่เปิดยูทูปและยื่นให้พี่หมิว
เมื่อพี่หมิวเปิดดูก็เห็นว่าคนในคลิปที่กำลังเล่นไวโอลินนั่นคือชาหวาน
“อันนี้ตอนที่ไปประกวดที่เมกา” ชาหวานพูดเสริม
“น้องชาหวาน ไวโอลิน” เธอจดลงในสมุด
“ถ้าชาหวานเล่นไวโอลินงั้นผมเล่นเปียโนครับ” อาร์มพูดขึ้น
“โอ๊ะ ผู้ชายเล่นเปียโน” ชาหวานหันไปถาม
“อืม ผมเล่นเก่งนะ”
“ฉันว่าฉันเล่นเก่งกว่า” เธอยักคิ้วให้อีกฝ่าย
“งั้นอาร์มเล่นเปียโนนะ หลังเลิกประชุมอาร์มตามพี่มาที่ห้องดนตรีด้วยนะ เพื่อความมั่นใจของพี่ต้องขอให้เราเล่นให้ฟังหน่อย”
“ได้ครับพี่”
“แล้วน้องเติ้งละ เหลือเราคนเดียวแล้วนะจะเอาอะไรเอ่ย”
“ผม...เต้นแล้วกันครับ บีบอย” เขาพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล หลังจากนั้นเขาก็ออกไปแสดงความสามารถให้พี่ ๆ วิเคราะห์
พี่ ๆ แต่ละคนพากันมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก “เออน้องเติ้งหยุดก่อน เรามีความสามารถอะไรอีกไหมนอกจากเต้น”
“ไม่ครับ”
“โอเคเต้นก็เต้น งั้นวันนี้เลิกประชุมได้ เดี๋ยวมีอะไรพี่จะนัดทางไลน์อีกที ส่วนอาร์มตามพี่มาที่ห้องดนตรีตอนนี้เลย”
ทุกคนคงคิดเหมือนกัน ถ้าให้หมอนี้ไปเต้นแสดงโชว์บนเวทีมีหวังพังแน่ ๆ แต่จะให้ทำยังไงได้ละในเมื่อหมอนี่เต้นเป็นอย่างเดียว
“ไว้เจอกันนะ” อาร์มกระซิบข้างหูชาหวานก่อนเดินออกจากห้องและตามพี่หมิวไปยังห้องดนตรี
ชาหวานพยักหน้าก่อนโทรหาน้ำมนต์ให้มารับทันทีเและเดินออกจากห้องสาขาไป
“ฉันเสร็จแล้ว มารับฉันตอนนี้และเดี๋ยวนี้ อีกสิบนาทีเจอกันและเรามีเรื่องต้องคุยกัน!"
ฉันยืนสำรวจตัวเองหน้ากระจก เสื้อยืดกางเกงสแล็คเหมือนเดิมก็แล้วกัน วันนี้ต้องไปส่งคุณหนูที่โรงเรียนงั้นเหรอ แต่งตัวสบาย ๆ ก็แล้วกัน ว่าแต่ฉันลืมถามไปเลยว่าคุณหนูอายุเท่าไหร่ เอาเป็นว่าเอาของเล่นติดรถไปสักสี่ห้าอย่าง ถ้าคุณหนูร้องไห้จะได้มีของเล่นไว้หลอกล่อ
ฉันถูฝ่ามือไปมาด้วยความตื่นเต้นก่อนจับพวงมาลัยรถก่อนเหลือบมองนาฬิกา ฉันต้องไปถึงที่นั่นเวลาเจ็ดโมงเช้าตามตารางที่คุณพ่อบ้านแจ้งไว้
ไม่นานรถก็เข้ามาเทียบจอดยังบริเวณหน้าบ้าน ฉันก้าวลงจากรถและส่งยิ้มให้บรรดาคนรับใช้ที่ออกมาต้อนรับ ฉันต้องผูกมิตรไว้ก่อนงั้นการยิ้มคือการผูกมิตรขั้นแรก
“สวัสดีค่ะ คือฉันมารับคุณหนูไปโรงเรียนค่ะ” หลังจากที่ฉันเอ่ยถามขึ้นก็มี ก็มีผู้หญิงวัยรุ่นเดินออกมาจากตัวบ้าน เธอใส่ชุดนักศึกษาตัวน้อยรัดติ้วจนกระดุมแทบจะปริออกและกระโปรงทรงเอแสนสั้นเลยหัวเข่ามาเกือบคืบ
“ไหนพี่เลี้ยงคนใหม่ของฉัน!” เธอพูดด้วยน้ำเสียงห้วนเพราะคุยกับสาวใช้
“นี่ค่ะ คุณน้ำมนต์จะมาเป็น...” แม่บ้านคนหนึ่งทันได้พูดจบ คุณหนูของบ้านก็พูดขัดขึ้นมาก่อน
“เปิดประตูสิฉันจะขึ้นรถ เดี๋ยวนะฉันไม่นั่งรถคันนี้ เห่ยมาก” ชาหวานมองหน้าพี่เลี้ยงคนใหม่ก่อนจะเหล่มองรถเก๋งสีดำคันน้อยของพี่เลี้ยงเธอ ก่อนจะหันไปสั่งคนของเธอให้เอารถที่เธออยากนั่งมาเปลี่ยน “มงคล ฉันเอาบีเอ็มคันขาว แล้วเอารถขยะนี่ไปเก็บให้พ้นหูพ้นตาฉันด้วย”
รถขยะงั้นเหรอ กล้ามาว่าลูกชายฉันได้ยังไงเนี่ย ถึงจะเป็นรถขยะในสายตาเธอแต่มันก็พาฉันไปในที่ที่ฉันอยากไปได้นะเว้ย ฉันละอยากตะโกนประโยคพวกนี้ออกไปให้ได้ยินจริง ๆ
“ครับคุณหนู” คุณพ่อบ้านรับคำสั่งของคุณหนูเสร็จก็เดินมาขอกุญแจรถฉันเพื่อเอาไปเก็บในโรงรถก่อนจะขับคันที่เจ้านายต้องการนั่งมาเทียบหน้าบ้านแทน
ฉันยืนกะพริบตาจ้องคุณหนูหน้าสวย ไม่คิดเลยว่าพี่เลี้ยงเด็กที่ว่าคือ...ฉันต้องคอยดูแลเด็กมหาลัยเหรอเนี่ย
“เร็วสิ มัวยืนรออะไรอยู่ ฉันไม่ได้ว่างทั้งวันนะ ถ้าฉันไปเข้ากิจกรรมสายละเธอได้มีปัญหากับฉันแน่”
“หะ?”
“เร็วสิ!”
ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคนตรงหน้าตะคอกใส่ ฉันจึงเปิดประตูตามที่เธอสั่งทันที “เชิญค่ะ”
เธอยืนดอกอกและมองฉันสักพัก “ข้างหลัง ฉันไม่นั่งหน้ากับเธอหรอกนะ เรามันคนละชั้นกัน”
ฉันขมวดคิ้วก่อนปิดประตูหน้าและเดินไปเปิดประตูหลังรถ ไอ้เด็กบ้านี่มาแบ่งชนชั้นอะไรในยุคนี่เนี่ย
“ปิดประตูด้วยสิ” เธอสั่งอีกรอบ
ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อวานก่อนจะออกจากห้องสัมภาษณ์เขาถึงอวยพรให้ฉันโชคดี ตอนแรกก็นึกว่าเป็นคำอวยพรในการเริ่มงานใหม่เป็นวันแรกปกติเหมือนที่อื่น ๆ แต่ที่นี่ท่าจะไม่ใช่งานธรรมดาซะแล้ว ฉันน่าจะเอะใจตั้งแต่เงินเดือนแล้วแหละ เอาวะคิดว่าเพื่อเงิน! อีกอย่างในหมายเหตุนั้นระบุไว้ว่าต้องการคนที่มีความอดทน ฉันเข้าใจแล้วเข้าใจลึกไปถึงขั้วสมองเลยทีเดียว
“ฉันละไม่เข้าใจคุณพ่อจริงจริ๊งว่าจะจ้างคนดูแลให้เปลืองเงินเล่นทำไม แถมดูหน้าตาไม่ค่อยฉลาดด้วย จริงไหม” ชาหวานพูดขึ้นลอย ๆ “ฉันถามว่าจริงไหม ตอบสิ!” เธอใช้มือตีเบาะนั่งคนขับเมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงตอบกลับมา
“ค..คะ คุยกับฉันเหรอคะ” ฉันไม่ได้ยินประโยคก่อนหน้านี้จริง ๆ เพราะกำลังใช้สมาธิในการขับรถ
“โอ้ย ให้ตายสิ ไม่ฉลาดจริง ๆ ด้วย อยู่กันแค่สองคนจะให้ฉันคุยกับผีที่ไหน” ชาหวานกอดอกเอาหลังพิงกับเบาะรถ ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเบื่อหน่าย
นี่ฉันกำลังโดนยัยเด็กนี้ด่างั้นเหรอ แถมด่ากันซึ่ง ๆ หน้าด้วย ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ฉันเพิ่งได้งานเป็นวันแรก ท่องไว้เงินเดือน เงินเดือน ไม่มีงานเท่ากับไม่มีเงิน
“ถึงแล้วค่ะ ให้มารับกี่โมงดีคะ”
“เธอรอฉันอยู่ที่นี่เลยไม่ต้องไปไหน ฉันน่าจะกลับสักหกโมงเย็นหรืออาจจะเร็วกว่านั้น ช่างเถอะฉันจะกลับเวลาไหนก็ช่าง แต่เธอต้องคอยสแตนบายรอรับฉันอยู่ที่มหาลัย จอดรอฉันตรงนี้จนกว่าฉันจะกลับและห้ามไปไหนด้วย เข้าใจไหม ฉันไม่ชอบรอ” หลังจากที่เธอออกคำสั่งกับฉันเสร็จสรรพแล้วก็หยิบกระเป๋าและก้าวลงจากรถทันที
ทีงี้ละเปิดประตูรถเองเป็น ฉันถอนหายใจก่อนมองบน
ฉันนั่งมองคุณหนูจอมเอาแต่ใจจนลับตา สรุปฉันต้องรอเธออยู่ที่นี่ ตรงนี้จริงใช่ไหมเนี่ย
ในระหว่างที่ชาหวานกำลังนั่งเลือกการแสดงของตัวเองอยู่นั้นทุกคนก็เริ่มทยอยมา หลังจากที่ทุกคนมากันจนครบแล้วพี่หมิวก็เริ่มบอกจุดประสงค์ของการนัด
“วันนี้พี่จะให้น้อง ๆ คิดว่าพวกเราแต่ละคนจะแสดงความสามารถพิเศษอะไรบนเวทีประกวด คิดได้แล้วเสนอพี่นะ พี่จะช่วยดูให้ว่ามันโอเคหรือเปล่า”
พี่ ๆ ส่งเด็กปีหนึ่งในสาขาประกวดทั้งหมดสี่คนได้แก่ผู้ชายสองและผู้หญิงอีกสอง ทุกสาขาต้องส่งเด็กเข้าประกวดทั้งหมดสองคู่ ซึ่งชาหวานก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
ไม่นานผู้หญิงที่นั่งข้างชาหวานก็ยกมือขึ้น
“มะนาวหวานว่าไง จะแสดงอะไร”
ชาหวานหันไปมองหน้าคนที่กำลังยกมือขึ้นทันทีหลังจากได้ยินพี่หมิวเรียกชื่อของเธอ...คนอะไรชื่อมะนาวหวาน มีที่ไหนมะนาวหวาน ต้องเปรี้ยวสิถึงจะถูก ชื่อคนสมัยนี้ปวดหัวเสียจริง เธอคิด
“ร้องเพลงแล้วกันค่ะ เป็นสิ่งที่มะนาวหวานถนัดที่สุดแล้ว” เธอยิ้ม
“โอเค ไหนเราลองร้องสิ”
“ร้องตอนนี้เลยเหรอคะ มะนาวหวานอายจัง”
ชาหวานเหล่ตามองมะนาวหวานด้วยสาตตายที่บ่งบอกว่ารำคาญการลีลาของเธอ
“ร้องเลยไม่ต้องอาย พี่จะได้รู้ว่าเราควรโชว์ความสามารถนี้หรือเปล่า”
“ค่ะงั้นมะนาวหวานร้องเพลง Come away with me นะคะ” จากนั้นเธอก็ยืนขึ้นและเปล่งเสียงออกมาซึ่งมันทำให้ทุกคนทึ่งและตะลึงในความไพเราะ
ชาหวานยอมรับว่ายัยมะนาวหวานร้องเพราะจริง ๆ แต่ก็แอบหมั่นไส้เล็ก ๆ ที่ตอนแรกเธอทำเป็นแกล้งอาย พอร้องออกมาทียังกับกำลังแสดงโชว์อยู่ในคอนเสิร์ตของตัวเองอย่างไงอย่างนั้น
หลังจากที่มะนาวหวานโชว์ความสามารถในการร้องเพลงของตัวเองเสร็จแล้วทุกคนก็ต่างพากันปรบมือ
“ร้องเพราะเหมือนกันนะเรา เอาเป็นว่ามะนาวหวานร้องเพลง” พี่หมิวจดลงในสมุดทันที “แล้วชาหวานละได้หรือยัง”
“ได้แล้วค่ะ ชาหวานคิดว่าจะเล่นไวโอลิน” เธอพูดจบก็ยื่นโทรศัพท์มือถือที่เปิดยูทูปและยื่นให้พี่หมิว
เมื่อพี่หมิวเปิดดูก็เห็นว่าคนในคลิปที่กำลังเล่นไวโอลินนั่นคือชาหวาน
“อันนี้ตอนที่ไปประกวดที่เมกา” ชาหวานพูดเสริม
“น้องชาหวาน ไวโอลิน” เธอจดลงในสมุด
“ถ้าชาหวานเล่นไวโอลินงั้นผมเล่นเปียโนครับ” อาร์มพูดขึ้น
“โอ๊ะ ผู้ชายเล่นเปียโน” ชาหวานหันไปถาม
“อืม ผมเล่นเก่งนะ”
“ฉันว่าฉันเล่นเก่งกว่า” เธอยักคิ้วให้อีกฝ่าย
“งั้นอาร์มเล่นเปียโนนะ หลังเลิกประชุมอาร์มตามพี่มาที่ห้องดนตรีด้วยนะ เพื่อความมั่นใจของพี่ต้องขอให้เราเล่นให้ฟังหน่อย”
“ได้ครับพี่”
“แล้วน้องเติ้งละ เหลือเราคนเดียวแล้วนะจะเอาอะไรเอ่ย”
“ผม...เต้นแล้วกันครับ บีบอย” เขาพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล หลังจากนั้นเขาก็ออกไปแสดงความสามารถให้พี่ ๆ วิเคราะห์
พี่ ๆ แต่ละคนพากันมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก “เออน้องเติ้งหยุดก่อน เรามีความสามารถอะไรอีกไหมนอกจากเต้น”
“ไม่ครับ”
“โอเคเต้นก็เต้น งั้นวันนี้เลิกประชุมได้ เดี๋ยวมีอะไรพี่จะนัดทางไลน์อีกที ส่วนอาร์มตามพี่มาที่ห้องดนตรีตอนนี้เลย”
ทุกคนคงคิดเหมือนกัน ถ้าให้หมอนี้ไปเต้นแสดงโชว์บนเวทีมีหวังพังแน่ ๆ แต่จะให้ทำยังไงได้ละในเมื่อหมอนี่เต้นเป็นอย่างเดียว
“ไว้เจอกันนะ” อาร์มกระซิบข้างหูชาหวานก่อนเดินออกจากห้องและตามพี่หมิวไปยังห้องดนตรี
ชาหวานพยักหน้าก่อนโทรหาน้ำมนต์ให้มารับทันทีเและเดินออกจากห้องสาขาไป
“ฉันเสร็จแล้ว มารับฉันตอนนี้และเดี๋ยวนี้ อีกสิบนาทีเจอกันและเรามีเรื่องต้องคุยกัน!"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ