ดวงจันทร์กลางวัน
-
เขียนโดย Ozone2
วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2562 เวลา 20.51 น.
6 ตอน
0 วิจารณ์
6,592 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2562 01.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ชายในฝัน (ปรับปรุง 100%)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 1 ชายในฝัน
ท่ามกลางสายฝน ที่ตกลงมาปรอยๆ ตัดกับความมืดมิด มีเพียงแสงจากฟ้าแลบเท่านั้น ที่ยังทำให้มองเห็นเส้นทางตรงหน้า ซึ่งน่าจะเป็นถนนเส้นหนึ่งที่ตัดผ่านป่ากว้าง แสงฟ้าแลบเผยให้เห็นใบหน้าสวยของหญิงสาว เส้นผมของเธอยาวสยาย คิ้วสีดำของเธอจัดเรียงสวยงาม ดวงตาของเธอเปล่งประกาย จมูกโด่งของเธอทำให้เตะตาใครๆมาตั้งแต่ระยะไกล ริมฝีปากบางของเธอดูอวบอิ่ม ผิวเหลืองอมชมพู ช่วยส่งเสริมให้เธอดูสวย ราวกับนางฟ้าเดินดิน
แม้เวลานี้เธอจะสวมเพียงเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาวสีดำ ความสวยของเธอก็ไม่ลดลงไป ผมของเธอยาวสยายปลิวไสวไปกับสายลม เธอกำลังพาร่างอันบอบบางหนีอันตรายบางอย่าง ...บางอย่างที่กำลังคืบคลานมาจากทางด้านหลังของเธอ
ชายในชุดคลุมสีดำ ที่ปิดบังใบหน้าด้วยหมวกโม่งสีดำ แม้สายตาของคนธรรมดาจะมองไม่เห็นว่าเป็นใคร แต่ดวงตาของเขาที่ปรากฎคู่นั้น แดงก่ำ ดูอาฆาตมาดร้าย มือข้างหนึ่งของเขากำลังถือมีดยาวที่อาบไปด้วยน้ำเลือดสดๆปนกับเม็ดฝน ที่ไหลหยดลงปลายมีดแหลมทีละหยดๆ เขาเดินตามหญิงสาวอย่างใจเย็น ...ผู้ร้ายคงคิดว่า ‘ถึงอย่างไร เหยื่อคงหนีไม่พ้น’
เปรี้ยงงงง!!!
เสียงฟ้าผ่า และกลิ่นคาวเลือดมันยิ่งชวนให้บรรยากาศน่าสยดสยองมากขึ้น หญิงสาววิ่ง แม้จะเหนื่อยล้า แต่เธอก็คิดอยู่ในใจว่า ‘ฉันต้องรอด’ บางทีนี่อาจจะเป็นฝันร้ายของเธอ ถ้ามันเป็นเรื่องจริง มันก็คงเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายมาก
กรี๊ดดดดดดด!!!
“ช่วยฉันด้วยค่ะ ช่วยด้วย พระเจ้าช่วยลูกด้วย” หญิงสาวตะโกนสุดเสียงให้คนช่วย แต่มันก็ดูไร้วี่แวว ไม่มีความช่วยเหลือใดๆ หรือเสียงใดๆตอบเธอนอกเสียจากเสียงกบ เขียด อึ่งอ่าง และสัตว์ป่า ...ใบหน้าเธออิดโรย ร่างกายของเธอแทบจะทรุดลงไปนอนกับพื้นตรงนั้น แต่เธอก็ต้องวิ่งและวิ่ง โดยไม่คิดจะหันกลับไปมองข้างหลัง
ฉับพลัน...สิ่งที่ดูอัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้น...ลำแสงจ้า สีฟ้าเปล่งประกายวิบวับ สะท้อนพสุธา ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ ...แสงนั้นสว่างจ้า แยงตาเธอ ทำให้เธอต้องหยุดวิ่ง และยกมือข้างหนึ่งมาบังแสงจ้านั้นไว้โดยอัตโนมัติ
ลำแสงสีฟ้าวิบวับ สะท้อนพสุธาพุ่งตรงไปยัง ชายชุดดำอย่างรวดเร็ว และร่างนั้นไม่อาจต้านพลังอำนาจนั้นได้ มันกระเด็นหายเข้าไปในความมืดมิด ราวกับว่าถูกดูดกลับเข้าไปในขุมนรก พร้อมกับส่งเสียงโอดครวญทรมาน แต่ก็ปนอาฆาตมาดร้ายไว้ในตอนท้าย “ท่านอย่ามายุ่งเรื่องของข้า”
ฝ่ายหญิงสาวตกตะลึงกับภาพตรงหน้า
นี่มันเกิดอะไรขึ้น...
สิ่งที่เธอเห็นมันเป็นความจริง หรือความฝัน หรือนี่เธอกำลังฝันอยู่
หลังจากที่ลำแสงสีฟ้าวิบวับนั้นหายไป ...ชั่วขณะ ก็มีชายรูปร่าง สูงใหญ่ ประมาณ 190 ซม. หน้าตาหล่อราวกับเทพบุตร ผมที่สีดำที่เซตสูงเพิ่มความเท่ให้กับเขา จมูกที่โด่งทำให้เขาหล่อสะดุดตามาตั้งแต่ไกล นัยน์ตาสีฟ้าคู่นั้นดูทรงพลัง น่าค้นหา ริมฝีปากของเขาสีแดงระเรื่อน่าสัมผัส ชุดคลุมสีฟ้าช่วยเสริมบุคลิกของเขาให้ดูยิ่งใหญ่ เขาเดินออกมาจากจุดนั้นด้วยท่าทีสง่า บุคลิกท่าที เหมือนไม่ใช่คนธรรมดา
กลิ่นหอม บางอย่างโชยมาแตะจมูกเธอ ราวกับเป็นกลิ่นน้ำหอมของเทพ จากสรวงสวรรค์ มันหอมมากจนเธอหลงใหลในกลิ่นนั้น...ราวกับว่ามันเป็นกลิ่นกระตุ้นฮอร์โมนแห่งความสุขของเธอ ...เธอยิ้มและพยายามสูดมันเข้าไปเต็มปอด
หญิงสาวรู้สึกคุ้นเคยกับชายหนุ่ม อย่างบอกไม่ถูก และผูกพันกับเขามาก ราวกับว่าเคยพบเจอที่ไหนสักแห่ง
“คุณ เป็นใครคะ” หญิงสาวรีบยิงคำถาม
“....” ไม่มีเสียงใดๆ ออกจากปากชายหน้าหล่อคนนั้น และชายคนนั้นเคลื่อนไหวรวดเร็วเข้ามาอุ้มเธอ โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว และหายวับไปจากตรงนั้น ทิ้งสถานที่นั้นไว้เพียงความว่างเปล่า….เสียงกบ เขียด อึ่งอ่าง ร้องส่งท้าย เหมือนบอกลาเธอ....
หญิงสาวปรากฏตัวอีกครั้ง ในบ้านหลังใหญ่ ในอ้อมแขนของชายหนุ่ม เธอรู้สึกได้ถึงความรัก ความห่วงใยของเขา หัวใจของเธอเต้นโครมครามโดยไม่รู้ตัว
“เรริน จงเรียกผมว่า เทพทัต” น้ำเสียงของเขาดูนุ่มนวล และสิ้นเสียงของเขา ร่างของหญิงสาวที่เปียกชุ่ม ก็ตกลงบนโซฟาอันนุ่ม
“เทพทัต” หญิงสาวทวนคำ เพราะเธอรู้สึกคุ้นชื่อนี้มาก เหมือนเคยพบผู้ชายคนนี้ หรือเรียกชื่อนี้ที่ไหนสักแห่ง แต่เธอก็ตอบไม่ได้ ว่าเมื่อไร หรือที่ไหน
หญิงสาวงุนงง กับสิ่งที่เกิดขึ้น ความรู้สึกตอนนี้ทั้งกลัว ทั้งดีใจ ทั้งเสียใจ มันอธิบายไม่ถูก เธอค่อยๆลุกขึ้นนั่งบนโซฟา และมองไปรอบๆห้องนั้น ที่ประกอบไปด้วยแจกันโบราณขนาดใหญ่ที่วางอยู่หน้าประตูทางเข้าห้อง โทรทัศน์จอแบนที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเธอ...
“นี่มันบ้าน ฉันนี่” เธออุทานกับตัวเอง
สรุปแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่....
ชายคนชุดคลุมสีฟ้าคนนั้นเป็นใครกัน เธอช่างคุ้นตาเหลือเกิน เธอคุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ พยายามนึกถึงหน้าตาของชายหนุ่มคนนั้น
“ใช่ ฉันนึกออกแล้ว ฉันเคยเจอนายในความฝันบ่อยๆ” หญิงสาวอุทานกับตัวเอง
“อ้าวคุณหนู กลับมาตั้งแต่เมื่อไรคะ” หญิงอายุประมาณ 60 ปีส่งเสียงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พร้อมกับเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มจริงใจ
“นมสอนคะ หนูไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะ” เรรินหน้านิ่ว เพราะไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ถ้าบอกว่า มีผู้ชายพาเธอหายตัวจากเชียงใหม่มาปรากฎที่นี่ ก็เป็นอะไรที่คนอื่นจะเชื่อยาก
“วันนี้ คุณหนูริวพึ่งขับรถตามคุณหนู ไปเที่ยวเชียงใหม่นะคะ” นมสอนพูดขึ้น ด้วยความสงสัย
เรรินสีหน้าตกใจ หันขวับไปมองหน้านมสอน “ไอ้ริวเนี่ยนะคะ ไม่เห็นโทร.บอกหนูเลยค่ะ และไม่ได้บอกล่วงหน้าอะไรเลยค่ะ”
นมสอนทำหน้างง “มันแปลกนะคะ”
จากบทสนทนา ริว คือ น้องชายแท้ๆ ของเรริน ซึ่งหลังจากที่พ่อแม่ของพวกเขาจากไปเพราะฆาตกรรมปริศนา เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้สองพี่น้องต้องอยู่กันตามลำพังเพียง 2 คน โดยมีนมสอน ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลพวกเขามาตั้งแต่เด็กๆ และคนรับใช้อีก 5-10 คน ที่อยู่ร่วมบ้านหลังเดียวกัน ส่วนธุรกิจของตระกูลณพวิทย์สกุล คือ ธุรกิจโรงพยาบาล และธุรกิจโรงแรม มีผู้หลักผู้ใหญ่ของตระกูลที่มีชีวิตอยู่ ดูแลอยู่ ได้แก่ นายแพทย์เจนภพ และ แพทย์หญิงกนก ซึ่งบ้านหลังใหญ่ 3 หลัง ของตระกูลนี้รั้วบ้านก็อยู่ติดๆกัน
นายแพทย์เจนภพ มีภรรยาชื่อ จริยา ซึ่งเสียชีวิตไป พร้อมกับ ลูกชาย 1 คน และลูกสาว 1 คน เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา ด้วยฆาตกรรมปริศนา เช่นกัน ...เหลือเพียงลูกสาว 2 คน คือ พิมพ์พรรณ เป็นลูกคนโต และ พิมพ์ดาว เป็นลูกคนเล็ก ซึ่งเรียนจบคณะแพทย์ศาสตร์ทั้งคู่
แพทย์หญิงกนก มีสามี ชื่อ สมชาย มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน คือ กิ่งกาญจน์ เรียนจบคณะเภสัชศาสตร์ และ ลูกชาย ชื่อ เบญธเขตต์ (ขนุน) อายุ 16 ปี เรียนอยู่โรงเรียนมัธยม ส่วนสมชายทำธุรกิจโรงแรม
เรื่องราวของตระกูลนี้ ที่ดูแปลกประหลาด คือ จะตายด้วยการฆาตกรรม ที่น่าสยดสยอง ศพแล้วศพเล่า บางทีก็ไม่พบศพ หายตัวไปอย่างปริศนา สายเลือดณพวิทย์สกุลต้องสังเวยวิญญาณให้กับฆาตกร โดยไม่ทราบว่าผู้ร้ายที่แท้จริง คือใคร ไม่สามารถจับตัวผู้ร้ายได้
จุดเริ่มต้นมันเริ่มจากตรงไหน?
ค่ำคืนนั้นเรรินขอให้นมสอนมานอนเป็นเพื่อน เพราะในใจลึกๆ เธอยังหวาดหวั่น กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หญิงสาวนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง เธอไม่คิดที่จะเล่าเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นล่าสุดให้นมสอนฟัง แต่การกระทำของเธอ ทำให้นมสอนที่นอนอยู่ข้างๆ ต้องลุกขึ้นนั่ง และสอบถามสาเหตุนั้น....
“คุณหนูมีเรื่องวิตกกังวล อะไรหรือเปล่าคะ สามารถเล่าให้ดิฉันฟังได้นะคะ ดิฉันยินดีรับฟังและให้การช่วยเหลือค่ะ” หญิงชรา ที่มีผมหงอกแซมผมดำกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
หญิงสาวทำหน้านิ่ว ก่อนจะถามคนเฒ่าคนแก่ของบ้านว่า “นมสอนคะ นมสอนคิดว่าการตายของญาติพี่น้องของหนู มันน่าแปลกไหมคะ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า
“เมื่อ 3 ปีก่อน ตั้งแต่ตระกูลณพวิทย์สกุล เลิกบูชาเทวรูปราชินีอสรพิษ แถมยังเอาเทวรูปไปทิ้งไว้ในป่าอีก ...หลังจากนั้นก็มักเจอเหตุการณ์แปลกๆ นะคะ” นมสอนตั้งข้อสังเกต
“เรื่องนั้นก็จริงนะคะ แต่เพราะตระกูลของเรา ได้รับเชื่อพระเจ้า เข้ามาในชีวิตค่ะ เพราะพระเจ้าทรงตายไถ่บาปให้กับคนบาปอย่างเรา” เรรินพูดด้วยความศรัทธาจากใจจริง เธอนับถือศาสนาคริสต์มาได้ 3 ปีแล้ว
“จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน ....นมชอบพระธรรมมัธธิวข้อนี้ที่สุดค่ะ” นมสอนพูดถึงพระธรรมใบคัมภัร์ไบเบิ้ล
“จริงๆพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ก็ดีทุกข้อค่ะนมสอน” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสดใส ก็เผยยิ้มให้หญิงชรา ที่กำลังทำหน้าคุ่นคิดต่อ
“การตายของคนในตระกูลของคุณหนู ทำไมพระเจ้าไม่ปกป้อง ...ดิฉัน ว่า การตายของคนในบ้านนี้ น่าจะเกี่ยวกับเทวรูปนั้นค่ะ” นมสอนพูดเหมือนน้อยใจพระเจ้าในช่วงแรก และตบท้ายด้วยน้ำเสียงจริงจัง และมั่นใจ
“นมสอน พอจะทราบไหมคะ ว่าที่ผ่านมา ทำไมตระกูลของเรา จึงต้องนับถือเทวรูปงูนั่นคะ” เรรินถามคำถาม ที่ไม่เคยถามใครในตระกูลมาก่อน
นมสอนสีหน้าคุ่นคิด เหมือนกำลังลังเลว่า ควรตอบดีหรือไม่ แต่หญิงชราเธอก็ตัดสินใจตอบ “ดิฉันเคยได้ฟังมาว่า ....คุณทวดของคุณหนู เคยเล่าว่า ตระกูลณพวิทย์สกุล ในอดีตยากจนมาก ถึงขั้นไม่มีบ้าน หรือที่ซุกหัวนอน แต่เมื่อได้บูชาเทวรูปงู กลับทำให้การค้าขายของคุณทวดเจริญรุ่งเรือง ตระกูลจึงมีฐานะร่ำรวย จนถึงปัจจุบัน ...แต่การบูชาเทวรูปด้วยชีวิตของคน มันก็ผิดนะคะ พ่อแม่ของคุณหนูจึงไม่อยากทำอีกต่อไป จึงหันมาเชื่อเรื่องราวของพระเจ้า” นมสอนสรุปเรื่องราว และให้เหตุผลบางอย่างให้หญิงสาวฟัง ซึ่งมันทำให้หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง
หญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่ง ...เธอตกใจกับความจริงที่นมสอนเล่า ...ความจริงที่ว่า การบูชาเทวรูปนั้น ต้องบูชาด้วยชีวิตของคน !!!
“ทำไมหนู ไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนคะ”
“ก็เพราะผู้ใหญ่ ไม่อยากให้คนรุ่นหลัง ทำผิดอีกน่ะสิคะ”
“วิญญาณร้ายในเทวรูป มันคงโกรธ อาฆาต พวกเราจึงต้องเจอกับเรื่องแปลกๆ ...ขนาดดิฉันไม่ใช่สายเลือดของตระกูลนี้ ยังรู้สึกเหมือนมีอะไรชั่วร้ายจ้องมองอยู่เลยค่ะ พูดแล้วก็ขนลุกค่ะ” นมสอนพูดพลางประสานมืออธิษฐานกับพระเจ้า
หญิงสาวรู้สึกขนลุกกับสิ่งที่นมสอนพูด จึงประสานมือที่หน้าอก อธิษฐานวิงวอนกับพระเจ้าเช่นกัน
ฮาเลลูยา ...อาเมน...
ขณะที่เรริน และนมสอนกำลังคุยกัน พวกเธอไม่รู้เลยว่า มีใครบางคนในชุดสูทสีฟ้า เฝ้ามองพวกเธอด้วยความรัก และความห่วงใยไม่ไกลจากเตียงนอน นัยน์ตาสีฟ้าเปล่งประกายดุจดวงดาวบนฟากฟ้า ใบหน้าของเขาดูหล่อและน่าค้นหา
....แต่เขาเป็นใครกัน ...เป็นคน หรือผี ...หรืออะไรกันแน่...
“เรริน คุณสวยเหลือเกิน” มันเป็นคำพูด ที่ออกมาจากปากของชายหนุ่มเบาๆ
แต่คำพูดนั้นราวกับเวทมนตร์ ที่ทำให้หญิงสาวได้ยิน และนึกถึงใบหน้าของเขา
“นมสอนได้ยินเสียงของใครมั้ยคะ” หญิงสาวพูด พร้อมๆกับมองไปรอบๆห้อง
นมสอนตกใจมาก “เสียงผีเหรอคะ” พร้อมๆกับโผเข้ากอดหญิงสาว ด้วยสีหน้าหวาดกลัว สายตาลุกลี้ลุกลน
“เปล่าค่ะ ...เสียงของคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้” หญิงสาวยืนยัน เผลอหลุดปากพูดออกมา เพราะแน่ใจว่านั่นคือเสียงของชายหนุ่ม ที่เธอรักตั้งแต่แรกพบ
“ช่วยชีวิต อะไรคะ” นมสอนหันขวับมาสบตาหญิงสาว
“พรุ่งนี้ เดี๋ยวหนูจะเล่าให้ฟังนะคะ วันนี้เรานอนกันเถอะ” พูดจบหญิงสาวก็เอนตัวลงนอน เพราะยังไม่กล้าเล่าถึงเขาคนนั้น
หญิงวัย 60 ปี ไม่อยากคาดคั้นถามต่อ จึงยอมเอนตัวลงนอนตามหญิงสาว
ซึ่งเหตุการณ์นี้ ก็อยู่ในสายตาชายหนุ่มชุดสูทสีฟ้า เขาเผยยิ้มบนใบหน้าหล่อ ทำให้เขายิ่งดูมีเสน่ห์ชวนหลงใหล....
ที่นี่ที่ไหน...
เรรินพบตัวเองอยู่ในสวนดอกกุหลาบสีแดง ปะปนกับสีชมพู มองไปทางไหนก็มีแต่ดอกกุหลาบเต็มไปหมด แต่ที่น่าแปลก ดอกกุหลาบที่นี่จะส่งกลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์ คล้ายๆกับกลิ่นของใครบางคน
“ที่นี่อีกแล้วเหรอ” หญิงสาวพึมพำกับตนเอง แต่เธอก็เผยยิ้มบนใบหน้าสวย
หญิงสาวค่อยๆ เดินช้าๆ ไปตามเส้นทางเล็กๆ ในสวนดอกกุหลาบ นอกจากดอกกุหลาบที่สวย ยังมีผีเสื้อสวย หลากสีสัน และมีผึ้งบินไปมา ...
“ผีเสื้อสวยจัง” เธอพูดและวิ่งตามผีเสื้อไป
ที่นี่แม้มีดวงอาทิตย์ แต่มันก็ไม่ร้อนอบอ้าว บรรยากาศอบอุ่นเย็นสบาย มีสายลมอ่อนๆ พัดโชยมาตลอดเวลา เหมาะแก่การเดินเล่น และพักผ่อน
“เอ ...คุณเทพทัต ไปไหนนะ” เธอพูดออกมา
“ผมอยู่นี่ไง เรริน” เสียงทุ้มของชายหนุ่ม ดังขึ้นจากข้างหลังของเธอ เธอรีบหมุนตัวหันกลับไปมอง ด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจที่สุด... ราวกับว่าเธอรอคอยจะเจอเขามานาน
ชายหนุ่มคนนั้นมีดวงตาสีฟ้าเปล่งประกาย เขาอยู่ในชุดสูทสีฟ้า เขาทำมือวาดรูปหัวใจกลางอากาศ ...ทันใดนั้นก็มีหัวใจสีชมพูลอยไปทั่วบริเวณนั้น....
“เทพทัต คุณจะพาฉันไปเดินเล่นได้ไหม” หญิงสาวถาม ชายในชุดสูทสีฟ้า
ชายหนุ่มรีบจับมือเธอ และจูงมือเธอเดินไปตามสวนดอกกุหลาบ ...บรรยากาศช่างโรแมนติกเป็นที่สุด
สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นโลกในความฝันของเธอ แต่เมื่อเธอตื่นเช้ามา กลับพบดอกกุหลาบสีแดง 1 ดอก วางอยู่ใกล้ๆกับเตียงนอนเธอ
“กุหลาบนั้นนี่” เธอพึมพำ พร้อมกับเผยยิ้มบนใบหน้า แม้ว่าเธอพึ่งตื่นนอน แต่ใบหน้าของเธอก็ยังดูสวย ชวนหลงใหล โดยหารู้ไม่ว่ามีดวงตาสีฟ้ากำลังจ้องมองเธอย่างมีความสุขเช่นกัน
หญิงสาวอมยิ้ม ก่อนจะลุกจากเตียง และนำดอกกุหลาบสีแดง ที่มีกลิ่นหอม ไปปักลงบนแจกันที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงของเธอ
ความจริงแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอฝันถึงผู้ชายคนนี้ และก็ไม่ใช่ดอกกุหลาบดอกแรก ที่เธอได้รับ หรือพบหลังจากตื่นนอน ...ดอกกุหลาบดอกนี้ มันทำให้เธอหลงรักผู้ชายในความฝันคนนี้ โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว
ท่ามกลางสายฝน ที่ตกลงมาปรอยๆ ตัดกับความมืดมิด มีเพียงแสงจากฟ้าแลบเท่านั้น ที่ยังทำให้มองเห็นเส้นทางตรงหน้า ซึ่งน่าจะเป็นถนนเส้นหนึ่งที่ตัดผ่านป่ากว้าง แสงฟ้าแลบเผยให้เห็นใบหน้าสวยของหญิงสาว เส้นผมของเธอยาวสยาย คิ้วสีดำของเธอจัดเรียงสวยงาม ดวงตาของเธอเปล่งประกาย จมูกโด่งของเธอทำให้เตะตาใครๆมาตั้งแต่ระยะไกล ริมฝีปากบางของเธอดูอวบอิ่ม ผิวเหลืองอมชมพู ช่วยส่งเสริมให้เธอดูสวย ราวกับนางฟ้าเดินดิน
แม้เวลานี้เธอจะสวมเพียงเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาวสีดำ ความสวยของเธอก็ไม่ลดลงไป ผมของเธอยาวสยายปลิวไสวไปกับสายลม เธอกำลังพาร่างอันบอบบางหนีอันตรายบางอย่าง ...บางอย่างที่กำลังคืบคลานมาจากทางด้านหลังของเธอ
ชายในชุดคลุมสีดำ ที่ปิดบังใบหน้าด้วยหมวกโม่งสีดำ แม้สายตาของคนธรรมดาจะมองไม่เห็นว่าเป็นใคร แต่ดวงตาของเขาที่ปรากฎคู่นั้น แดงก่ำ ดูอาฆาตมาดร้าย มือข้างหนึ่งของเขากำลังถือมีดยาวที่อาบไปด้วยน้ำเลือดสดๆปนกับเม็ดฝน ที่ไหลหยดลงปลายมีดแหลมทีละหยดๆ เขาเดินตามหญิงสาวอย่างใจเย็น ...ผู้ร้ายคงคิดว่า ‘ถึงอย่างไร เหยื่อคงหนีไม่พ้น’
เปรี้ยงงงง!!!
เสียงฟ้าผ่า และกลิ่นคาวเลือดมันยิ่งชวนให้บรรยากาศน่าสยดสยองมากขึ้น หญิงสาววิ่ง แม้จะเหนื่อยล้า แต่เธอก็คิดอยู่ในใจว่า ‘ฉันต้องรอด’ บางทีนี่อาจจะเป็นฝันร้ายของเธอ ถ้ามันเป็นเรื่องจริง มันก็คงเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายมาก
กรี๊ดดดดดดด!!!
“ช่วยฉันด้วยค่ะ ช่วยด้วย พระเจ้าช่วยลูกด้วย” หญิงสาวตะโกนสุดเสียงให้คนช่วย แต่มันก็ดูไร้วี่แวว ไม่มีความช่วยเหลือใดๆ หรือเสียงใดๆตอบเธอนอกเสียจากเสียงกบ เขียด อึ่งอ่าง และสัตว์ป่า ...ใบหน้าเธออิดโรย ร่างกายของเธอแทบจะทรุดลงไปนอนกับพื้นตรงนั้น แต่เธอก็ต้องวิ่งและวิ่ง โดยไม่คิดจะหันกลับไปมองข้างหลัง
ฉับพลัน...สิ่งที่ดูอัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้น...ลำแสงจ้า สีฟ้าเปล่งประกายวิบวับ สะท้อนพสุธา ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ ...แสงนั้นสว่างจ้า แยงตาเธอ ทำให้เธอต้องหยุดวิ่ง และยกมือข้างหนึ่งมาบังแสงจ้านั้นไว้โดยอัตโนมัติ
ลำแสงสีฟ้าวิบวับ สะท้อนพสุธาพุ่งตรงไปยัง ชายชุดดำอย่างรวดเร็ว และร่างนั้นไม่อาจต้านพลังอำนาจนั้นได้ มันกระเด็นหายเข้าไปในความมืดมิด ราวกับว่าถูกดูดกลับเข้าไปในขุมนรก พร้อมกับส่งเสียงโอดครวญทรมาน แต่ก็ปนอาฆาตมาดร้ายไว้ในตอนท้าย “ท่านอย่ามายุ่งเรื่องของข้า”
ฝ่ายหญิงสาวตกตะลึงกับภาพตรงหน้า
นี่มันเกิดอะไรขึ้น...
สิ่งที่เธอเห็นมันเป็นความจริง หรือความฝัน หรือนี่เธอกำลังฝันอยู่
หลังจากที่ลำแสงสีฟ้าวิบวับนั้นหายไป ...ชั่วขณะ ก็มีชายรูปร่าง สูงใหญ่ ประมาณ 190 ซม. หน้าตาหล่อราวกับเทพบุตร ผมที่สีดำที่เซตสูงเพิ่มความเท่ให้กับเขา จมูกที่โด่งทำให้เขาหล่อสะดุดตามาตั้งแต่ไกล นัยน์ตาสีฟ้าคู่นั้นดูทรงพลัง น่าค้นหา ริมฝีปากของเขาสีแดงระเรื่อน่าสัมผัส ชุดคลุมสีฟ้าช่วยเสริมบุคลิกของเขาให้ดูยิ่งใหญ่ เขาเดินออกมาจากจุดนั้นด้วยท่าทีสง่า บุคลิกท่าที เหมือนไม่ใช่คนธรรมดา
กลิ่นหอม บางอย่างโชยมาแตะจมูกเธอ ราวกับเป็นกลิ่นน้ำหอมของเทพ จากสรวงสวรรค์ มันหอมมากจนเธอหลงใหลในกลิ่นนั้น...ราวกับว่ามันเป็นกลิ่นกระตุ้นฮอร์โมนแห่งความสุขของเธอ ...เธอยิ้มและพยายามสูดมันเข้าไปเต็มปอด
หญิงสาวรู้สึกคุ้นเคยกับชายหนุ่ม อย่างบอกไม่ถูก และผูกพันกับเขามาก ราวกับว่าเคยพบเจอที่ไหนสักแห่ง
“คุณ เป็นใครคะ” หญิงสาวรีบยิงคำถาม
“....” ไม่มีเสียงใดๆ ออกจากปากชายหน้าหล่อคนนั้น และชายคนนั้นเคลื่อนไหวรวดเร็วเข้ามาอุ้มเธอ โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว และหายวับไปจากตรงนั้น ทิ้งสถานที่นั้นไว้เพียงความว่างเปล่า….เสียงกบ เขียด อึ่งอ่าง ร้องส่งท้าย เหมือนบอกลาเธอ....
หญิงสาวปรากฏตัวอีกครั้ง ในบ้านหลังใหญ่ ในอ้อมแขนของชายหนุ่ม เธอรู้สึกได้ถึงความรัก ความห่วงใยของเขา หัวใจของเธอเต้นโครมครามโดยไม่รู้ตัว
“เรริน จงเรียกผมว่า เทพทัต” น้ำเสียงของเขาดูนุ่มนวล และสิ้นเสียงของเขา ร่างของหญิงสาวที่เปียกชุ่ม ก็ตกลงบนโซฟาอันนุ่ม
“เทพทัต” หญิงสาวทวนคำ เพราะเธอรู้สึกคุ้นชื่อนี้มาก เหมือนเคยพบผู้ชายคนนี้ หรือเรียกชื่อนี้ที่ไหนสักแห่ง แต่เธอก็ตอบไม่ได้ ว่าเมื่อไร หรือที่ไหน
หญิงสาวงุนงง กับสิ่งที่เกิดขึ้น ความรู้สึกตอนนี้ทั้งกลัว ทั้งดีใจ ทั้งเสียใจ มันอธิบายไม่ถูก เธอค่อยๆลุกขึ้นนั่งบนโซฟา และมองไปรอบๆห้องนั้น ที่ประกอบไปด้วยแจกันโบราณขนาดใหญ่ที่วางอยู่หน้าประตูทางเข้าห้อง โทรทัศน์จอแบนที่ตั้งอยู่ตรงหน้าเธอ...
“นี่มันบ้าน ฉันนี่” เธออุทานกับตัวเอง
สรุปแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่....
ชายคนชุดคลุมสีฟ้าคนนั้นเป็นใครกัน เธอช่างคุ้นตาเหลือเกิน เธอคุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ พยายามนึกถึงหน้าตาของชายหนุ่มคนนั้น
“ใช่ ฉันนึกออกแล้ว ฉันเคยเจอนายในความฝันบ่อยๆ” หญิงสาวอุทานกับตัวเอง
“อ้าวคุณหนู กลับมาตั้งแต่เมื่อไรคะ” หญิงอายุประมาณ 60 ปีส่งเสียงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พร้อมกับเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มจริงใจ
“นมสอนคะ หนูไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะ” เรรินหน้านิ่ว เพราะไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ถ้าบอกว่า มีผู้ชายพาเธอหายตัวจากเชียงใหม่มาปรากฎที่นี่ ก็เป็นอะไรที่คนอื่นจะเชื่อยาก
“วันนี้ คุณหนูริวพึ่งขับรถตามคุณหนู ไปเที่ยวเชียงใหม่นะคะ” นมสอนพูดขึ้น ด้วยความสงสัย
เรรินสีหน้าตกใจ หันขวับไปมองหน้านมสอน “ไอ้ริวเนี่ยนะคะ ไม่เห็นโทร.บอกหนูเลยค่ะ และไม่ได้บอกล่วงหน้าอะไรเลยค่ะ”
นมสอนทำหน้างง “มันแปลกนะคะ”
จากบทสนทนา ริว คือ น้องชายแท้ๆ ของเรริน ซึ่งหลังจากที่พ่อแม่ของพวกเขาจากไปเพราะฆาตกรรมปริศนา เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้สองพี่น้องต้องอยู่กันตามลำพังเพียง 2 คน โดยมีนมสอน ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลพวกเขามาตั้งแต่เด็กๆ และคนรับใช้อีก 5-10 คน ที่อยู่ร่วมบ้านหลังเดียวกัน ส่วนธุรกิจของตระกูลณพวิทย์สกุล คือ ธุรกิจโรงพยาบาล และธุรกิจโรงแรม มีผู้หลักผู้ใหญ่ของตระกูลที่มีชีวิตอยู่ ดูแลอยู่ ได้แก่ นายแพทย์เจนภพ และ แพทย์หญิงกนก ซึ่งบ้านหลังใหญ่ 3 หลัง ของตระกูลนี้รั้วบ้านก็อยู่ติดๆกัน
นายแพทย์เจนภพ มีภรรยาชื่อ จริยา ซึ่งเสียชีวิตไป พร้อมกับ ลูกชาย 1 คน และลูกสาว 1 คน เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา ด้วยฆาตกรรมปริศนา เช่นกัน ...เหลือเพียงลูกสาว 2 คน คือ พิมพ์พรรณ เป็นลูกคนโต และ พิมพ์ดาว เป็นลูกคนเล็ก ซึ่งเรียนจบคณะแพทย์ศาสตร์ทั้งคู่
แพทย์หญิงกนก มีสามี ชื่อ สมชาย มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน คือ กิ่งกาญจน์ เรียนจบคณะเภสัชศาสตร์ และ ลูกชาย ชื่อ เบญธเขตต์ (ขนุน) อายุ 16 ปี เรียนอยู่โรงเรียนมัธยม ส่วนสมชายทำธุรกิจโรงแรม
เรื่องราวของตระกูลนี้ ที่ดูแปลกประหลาด คือ จะตายด้วยการฆาตกรรม ที่น่าสยดสยอง ศพแล้วศพเล่า บางทีก็ไม่พบศพ หายตัวไปอย่างปริศนา สายเลือดณพวิทย์สกุลต้องสังเวยวิญญาณให้กับฆาตกร โดยไม่ทราบว่าผู้ร้ายที่แท้จริง คือใคร ไม่สามารถจับตัวผู้ร้ายได้
จุดเริ่มต้นมันเริ่มจากตรงไหน?
ค่ำคืนนั้นเรรินขอให้นมสอนมานอนเป็นเพื่อน เพราะในใจลึกๆ เธอยังหวาดหวั่น กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หญิงสาวนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง เธอไม่คิดที่จะเล่าเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นล่าสุดให้นมสอนฟัง แต่การกระทำของเธอ ทำให้นมสอนที่นอนอยู่ข้างๆ ต้องลุกขึ้นนั่ง และสอบถามสาเหตุนั้น....
“คุณหนูมีเรื่องวิตกกังวล อะไรหรือเปล่าคะ สามารถเล่าให้ดิฉันฟังได้นะคะ ดิฉันยินดีรับฟังและให้การช่วยเหลือค่ะ” หญิงชรา ที่มีผมหงอกแซมผมดำกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
หญิงสาวทำหน้านิ่ว ก่อนจะถามคนเฒ่าคนแก่ของบ้านว่า “นมสอนคะ นมสอนคิดว่าการตายของญาติพี่น้องของหนู มันน่าแปลกไหมคะ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า
“เมื่อ 3 ปีก่อน ตั้งแต่ตระกูลณพวิทย์สกุล เลิกบูชาเทวรูปราชินีอสรพิษ แถมยังเอาเทวรูปไปทิ้งไว้ในป่าอีก ...หลังจากนั้นก็มักเจอเหตุการณ์แปลกๆ นะคะ” นมสอนตั้งข้อสังเกต
“เรื่องนั้นก็จริงนะคะ แต่เพราะตระกูลของเรา ได้รับเชื่อพระเจ้า เข้ามาในชีวิตค่ะ เพราะพระเจ้าทรงตายไถ่บาปให้กับคนบาปอย่างเรา” เรรินพูดด้วยความศรัทธาจากใจจริง เธอนับถือศาสนาคริสต์มาได้ 3 ปีแล้ว
“จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน ....นมชอบพระธรรมมัธธิวข้อนี้ที่สุดค่ะ” นมสอนพูดถึงพระธรรมใบคัมภัร์ไบเบิ้ล
“จริงๆพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ก็ดีทุกข้อค่ะนมสอน” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสดใส ก็เผยยิ้มให้หญิงชรา ที่กำลังทำหน้าคุ่นคิดต่อ
“การตายของคนในตระกูลของคุณหนู ทำไมพระเจ้าไม่ปกป้อง ...ดิฉัน ว่า การตายของคนในบ้านนี้ น่าจะเกี่ยวกับเทวรูปนั้นค่ะ” นมสอนพูดเหมือนน้อยใจพระเจ้าในช่วงแรก และตบท้ายด้วยน้ำเสียงจริงจัง และมั่นใจ
“นมสอน พอจะทราบไหมคะ ว่าที่ผ่านมา ทำไมตระกูลของเรา จึงต้องนับถือเทวรูปงูนั่นคะ” เรรินถามคำถาม ที่ไม่เคยถามใครในตระกูลมาก่อน
นมสอนสีหน้าคุ่นคิด เหมือนกำลังลังเลว่า ควรตอบดีหรือไม่ แต่หญิงชราเธอก็ตัดสินใจตอบ “ดิฉันเคยได้ฟังมาว่า ....คุณทวดของคุณหนู เคยเล่าว่า ตระกูลณพวิทย์สกุล ในอดีตยากจนมาก ถึงขั้นไม่มีบ้าน หรือที่ซุกหัวนอน แต่เมื่อได้บูชาเทวรูปงู กลับทำให้การค้าขายของคุณทวดเจริญรุ่งเรือง ตระกูลจึงมีฐานะร่ำรวย จนถึงปัจจุบัน ...แต่การบูชาเทวรูปด้วยชีวิตของคน มันก็ผิดนะคะ พ่อแม่ของคุณหนูจึงไม่อยากทำอีกต่อไป จึงหันมาเชื่อเรื่องราวของพระเจ้า” นมสอนสรุปเรื่องราว และให้เหตุผลบางอย่างให้หญิงสาวฟัง ซึ่งมันทำให้หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง
หญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่ง ...เธอตกใจกับความจริงที่นมสอนเล่า ...ความจริงที่ว่า การบูชาเทวรูปนั้น ต้องบูชาด้วยชีวิตของคน !!!
“ทำไมหนู ไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนคะ”
“ก็เพราะผู้ใหญ่ ไม่อยากให้คนรุ่นหลัง ทำผิดอีกน่ะสิคะ”
“วิญญาณร้ายในเทวรูป มันคงโกรธ อาฆาต พวกเราจึงต้องเจอกับเรื่องแปลกๆ ...ขนาดดิฉันไม่ใช่สายเลือดของตระกูลนี้ ยังรู้สึกเหมือนมีอะไรชั่วร้ายจ้องมองอยู่เลยค่ะ พูดแล้วก็ขนลุกค่ะ” นมสอนพูดพลางประสานมืออธิษฐานกับพระเจ้า
หญิงสาวรู้สึกขนลุกกับสิ่งที่นมสอนพูด จึงประสานมือที่หน้าอก อธิษฐานวิงวอนกับพระเจ้าเช่นกัน
ฮาเลลูยา ...อาเมน...
ขณะที่เรริน และนมสอนกำลังคุยกัน พวกเธอไม่รู้เลยว่า มีใครบางคนในชุดสูทสีฟ้า เฝ้ามองพวกเธอด้วยความรัก และความห่วงใยไม่ไกลจากเตียงนอน นัยน์ตาสีฟ้าเปล่งประกายดุจดวงดาวบนฟากฟ้า ใบหน้าของเขาดูหล่อและน่าค้นหา
....แต่เขาเป็นใครกัน ...เป็นคน หรือผี ...หรืออะไรกันแน่...
“เรริน คุณสวยเหลือเกิน” มันเป็นคำพูด ที่ออกมาจากปากของชายหนุ่มเบาๆ
แต่คำพูดนั้นราวกับเวทมนตร์ ที่ทำให้หญิงสาวได้ยิน และนึกถึงใบหน้าของเขา
“นมสอนได้ยินเสียงของใครมั้ยคะ” หญิงสาวพูด พร้อมๆกับมองไปรอบๆห้อง
นมสอนตกใจมาก “เสียงผีเหรอคะ” พร้อมๆกับโผเข้ากอดหญิงสาว ด้วยสีหน้าหวาดกลัว สายตาลุกลี้ลุกลน
“เปล่าค่ะ ...เสียงของคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้” หญิงสาวยืนยัน เผลอหลุดปากพูดออกมา เพราะแน่ใจว่านั่นคือเสียงของชายหนุ่ม ที่เธอรักตั้งแต่แรกพบ
“ช่วยชีวิต อะไรคะ” นมสอนหันขวับมาสบตาหญิงสาว
“พรุ่งนี้ เดี๋ยวหนูจะเล่าให้ฟังนะคะ วันนี้เรานอนกันเถอะ” พูดจบหญิงสาวก็เอนตัวลงนอน เพราะยังไม่กล้าเล่าถึงเขาคนนั้น
หญิงวัย 60 ปี ไม่อยากคาดคั้นถามต่อ จึงยอมเอนตัวลงนอนตามหญิงสาว
ซึ่งเหตุการณ์นี้ ก็อยู่ในสายตาชายหนุ่มชุดสูทสีฟ้า เขาเผยยิ้มบนใบหน้าหล่อ ทำให้เขายิ่งดูมีเสน่ห์ชวนหลงใหล....
ที่นี่ที่ไหน...
เรรินพบตัวเองอยู่ในสวนดอกกุหลาบสีแดง ปะปนกับสีชมพู มองไปทางไหนก็มีแต่ดอกกุหลาบเต็มไปหมด แต่ที่น่าแปลก ดอกกุหลาบที่นี่จะส่งกลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์ คล้ายๆกับกลิ่นของใครบางคน
“ที่นี่อีกแล้วเหรอ” หญิงสาวพึมพำกับตนเอง แต่เธอก็เผยยิ้มบนใบหน้าสวย
หญิงสาวค่อยๆ เดินช้าๆ ไปตามเส้นทางเล็กๆ ในสวนดอกกุหลาบ นอกจากดอกกุหลาบที่สวย ยังมีผีเสื้อสวย หลากสีสัน และมีผึ้งบินไปมา ...
“ผีเสื้อสวยจัง” เธอพูดและวิ่งตามผีเสื้อไป
ที่นี่แม้มีดวงอาทิตย์ แต่มันก็ไม่ร้อนอบอ้าว บรรยากาศอบอุ่นเย็นสบาย มีสายลมอ่อนๆ พัดโชยมาตลอดเวลา เหมาะแก่การเดินเล่น และพักผ่อน
“เอ ...คุณเทพทัต ไปไหนนะ” เธอพูดออกมา
“ผมอยู่นี่ไง เรริน” เสียงทุ้มของชายหนุ่ม ดังขึ้นจากข้างหลังของเธอ เธอรีบหมุนตัวหันกลับไปมอง ด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจที่สุด... ราวกับว่าเธอรอคอยจะเจอเขามานาน
ชายหนุ่มคนนั้นมีดวงตาสีฟ้าเปล่งประกาย เขาอยู่ในชุดสูทสีฟ้า เขาทำมือวาดรูปหัวใจกลางอากาศ ...ทันใดนั้นก็มีหัวใจสีชมพูลอยไปทั่วบริเวณนั้น....
“เทพทัต คุณจะพาฉันไปเดินเล่นได้ไหม” หญิงสาวถาม ชายในชุดสูทสีฟ้า
ชายหนุ่มรีบจับมือเธอ และจูงมือเธอเดินไปตามสวนดอกกุหลาบ ...บรรยากาศช่างโรแมนติกเป็นที่สุด
สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นโลกในความฝันของเธอ แต่เมื่อเธอตื่นเช้ามา กลับพบดอกกุหลาบสีแดง 1 ดอก วางอยู่ใกล้ๆกับเตียงนอนเธอ
“กุหลาบนั้นนี่” เธอพึมพำ พร้อมกับเผยยิ้มบนใบหน้า แม้ว่าเธอพึ่งตื่นนอน แต่ใบหน้าของเธอก็ยังดูสวย ชวนหลงใหล โดยหารู้ไม่ว่ามีดวงตาสีฟ้ากำลังจ้องมองเธอย่างมีความสุขเช่นกัน
หญิงสาวอมยิ้ม ก่อนจะลุกจากเตียง และนำดอกกุหลาบสีแดง ที่มีกลิ่นหอม ไปปักลงบนแจกันที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงของเธอ
ความจริงแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอฝันถึงผู้ชายคนนี้ และก็ไม่ใช่ดอกกุหลาบดอกแรก ที่เธอได้รับ หรือพบหลังจากตื่นนอน ...ดอกกุหลาบดอกนี้ มันทำให้เธอหลงรักผู้ชายในความฝันคนนี้ โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ