Seven sins and the over night story มหากาพย์เรื่องราวจากบาปทั้งเจ็ด
เขียนโดย darkaura24
วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2562 เวลา 14.29 น.
แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน พ.ศ. 2562 14.38 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) First Meeting [1]
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความร่างบางในอาภรณ์สีดำกำลังเยื้องย่างไปตามทางเดินในคฤหาสน์สุดหรู ก่อนจะหยุดอยู่หน้าประตูไม้ขนาดใหญ่บ้านหนึ่งแล้วเคาะประตู
"ขออนุญาตค่ะ" เธอเอ่ยก่อนจะเปิดประตูเข้าไปข้างในห้องอาหาร ที่มีโต๊ะกลมหินขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง ส่วนผนังถูกตกแต่งด้วยทอง ใช่ทองคำแท้ๆ บนโต๊ะมีอาหารหลายหลายชนิดวางอยู่ และมีบุรุษใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าครึ่งนึง 7 คนกำลังนั่งรอการมาของเธออยู่....
"เชิญ" น้ำเสียงอันทรงพลังที่แฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งจากบุรุษในอาภรณ์สีเทาพูดพลางผายมือให้ฉันไปนั่งเก้าอี้ข้างเขา อย่างว่าง่าย แล้วฉันก็กลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งโต๊ะทันที
"นี่นะรึ บุตรีของเจ้า ก็งั้นๆ ฮึ" บุรุษอาภรณ์สีเขียวพูดกับบุรุษในอาภรณ์ชุดเทาพร้อมกับทำเสียงย่นจมูก
"อิจฉานางล่ะสิ หึๆ จะว่าไปนางก็สวยใช้ได้อยู่นะ" บุรุษในอาภรณ์สีม่วงพูดพลางเลียริมฝีปาก ถึงเขาจะสวมหน้ากากอยู่แต่ฉันก็สัมผัสได้ถึงสายตาแทะโลมใต้หน้ากากนั่น
"เจ้าก็คิดได้แต่เรื่องแบบนี้แหละน้า~ ฮ้าว~ ในที่สุดพวกเราก็ได้เจอกันจนได้นะ ลีอาน่า" บุรุษในอาภรณ์สีฟ้าพูดพลางยกมือปิดปากหาว
ป้าบ!! เสียงฝ่ามือของบุรุษอาภรณ์แดงฟาดลงไปที่แผ่นหลังของบุรุษอาภรณ์น้ำตาลที่กำลังก้มหน้าก้มตากินซุปล็อบสเตอร์ในชามโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัว
"เลิกกินได้แล้ว!! เสียมารยาท!!!"
"อ้าว..โทษที.." ถึงจะโดนตีไปแรงขนาดนั้นแต่เจ้าตัวก็ดูไม่ได้เจ็บปวดอะไรเลย บุรุษอาภรณ์น้ำตาลวางช้อนในมือลงก่อนเงยหน้าขึ้นมา หยิบผ้าเช็ดปากมาซับพอเป็นพิธี
"ผมไม่รู้จริงๆนะว่าเธอมา"
"แหะๆ ไม่เป็นไรค่ะ" ฉันพูดพลางหัวเราะเบาๆ
"เสียเวลาชะมัด จะทำอะไรก็รีบทำกันเสียที เวลาเป็นเงินเป็นทองนะรู้มั้ย" บุรุษในอาภรณ์สีทองพูดพลางดีดเหรียญทองในมือเล่น ก่อนจะพูดใส่บุรุษชุดน้ำตาล
"แล้วเจ้าน่ะที่กินไปยังไม่พออีกหรือเบลเซบับ รู้หรือไม่ว่าถ้าอยู่บนโลกมนุษย์เจ้าได้ผลาญเงินไปเท่าไรแล้ว"
"อย่ามายุ่งน่าแมมมอน" บุรุษสีน้ำตาลโต้
"ผมไม่สนเรื่องเงินๆทองๆแบบคุณหรอก ผมก็แค่หิว และต้องการกินอาหารแค่นั้นเอง!!!"
ท่าทีของเบลเซบับทำให้ฉันหลุดขำเบาๆ น่าเอ็นดูชะมัดเลย
"อืม นั่นสินะก็เสียเวลากันมามากแล้ว" บุรุษในอาภรณ์สีเทาลายหินอ่อนพี่ใหญ่ของกลุ่มหรืออีกนัยหนึ่งคือท่านพ่อของฉันเอ่ย
"พวกเจ้าจะถอดหน้ากากให้นางดูได้หรือยัง"
"ลูซิเฟอร์เจ้าแน่ใจนะว่าจะให้เราถอดหน้ากากให้นางดูจริงๆ" บุรุษอาภรณ์สีเขียวถาม
"นางคงจะไม่ตกใจกับหน้าตาของพวกเราจนเตลิดไปหรอกใช่มั้ย ฮ่าๆ" พูดจบก็หัวเราะ
"ไม่ลองก็ไม่รู้นี่คะ อีกอย่างฉันอยากเห็นหน้าของทุกคนมากๆ เลยค่ะ ถือว่าเป็นเกียรติอย่างมากที่ท่านพ่อพามารู้จักพวกท่าน"
"แหม..เจ้านี่ปากหวานเสียจริง เนื้อจะหวานเหมือนปากมั้ย อ๊ะโทษที อย่าถือสาข้าเลย ข้าไม่ได้หมายความว่าอยากจะทำแบบนั้นกะเจ้าจริงๆ"
"555 ฉันเข้าใจค่ะ เจ้าราคะแบบท่านการจะให้มาปิดกั้นตัวตนเป็นเรื่องยาก ฉันไม่ถือสาหรอก" ฉันพูดยิ้มๆ แล้วยกถ้วยชากุหลาบที่มีคนเตรียมให้ขึ้นจิบ
"จะให้ถอดหน้ากากก็ได้นะ แต่มาถอดให้ข้าเองละกัน ข้าขี้เกียจอ่า~~"
"เห้ออ เจ้านี่จริงๆ เล้ย" ท่านพ่อมองบุรุษอาภรณ์สีฟ้าพลางส่ายหน้าเบาๆ แล้วยกมือขึ้นก่อนจะดีดนิ้ว
เป๊าะ! พลันหน้ากากที่ทุกคนใส่อยู่ก็เลือนหายไป ทำเอาฉันต้องอ้าปากค้าง โอเค..ก็ไม่มีใครคิดหรอกว่าชาตินี้ตัวเองจะมีโอกาสมานั่งร่วมโต๊ะกับมหาปีศาจแห่งบาปทั้งเจ็ด แถมจะได้เห็นหน้าจริงๆของพวกเขา อันนี้คือที่สุดแล้ว แต่ยังมีสุดกว่านั้น แต่ละคนหน้าตาหล่อเหลามากจ้า หล่อแบบไม่ต้องศัลย์ โอ้มายเดม่อน~~ก็คิดไว้แล้วแหละว่าหน้าตาจริงๆคงไม่น่ากลัวเท่าในรูปที่เราเห็นกันหรอก (แค่รูปร่างก็ไม่ให้ละ) ใครจะไปคิดว่าพวกเค้าจะหน้าตาดีกันขนาดนี้ ทั้งหน้าหยก,หน้าฝ.,หน้าคมยกมาหมดเลยจ้าา แต่ถ้าถามว่ารู้สึกอะไรด้วยไหม ไม่ เห็นหนุ่มๆ แบบนี้อายุจริงของแต่ละคนก็ปาไปหลายหมื่นปีละนะเท่าที่คนบันทึกไว้ ดีไม่ดีมากกว่านั้นด้วยซ้ำ
"ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไงน่ะสาวน้อย" แอสโมดิวท์ ปีศาจราคะ เจ้าของดวงตาสีมรกตที่มีพลังดึงดูดสายตารับกับเรือนผมยาวสีม่วงอ่อนและใบหน้าสวยหวานได้รูปในชุดสีม่วงประจำตัว พูดพลางแสยะยิ้ม
"พวกข้าไม่เหมือนที่เจ้าคิดใช่ไหม" ซาตาน ปีศาจโทสะหรือพ่อหนุ่มหน้าคมผิวแทนกับดวงตาสีสนิมและผมน้ำตาลแดงในชุดสีแดงประจำตัวพูด ก่อนจะเลิกคิ้วแล้วพูดใหม่
"ถ้าจะพูดให้ถูก ไม่เหมือนที่พวกมนุษย์คิด"
"เหมือนก็บ้าแล้ว ห่างไกลด้วยซ้ำค่ะ" ฉันตอบ
"หึ ก็ขึ้นชื่อว่าปีศาจพวกมันคงจินตนาการหน้าของพวกเราดีๆ หรอก ทีพูดถึงพวกสวรรค์ มโนออกมาซะสวยหล่องดงาม อยากจะบอกให้รู้จริงๆ ว่าพวกข้าหน้าตาดีกว่าเทวดาตั้งหลายคนเสียอีก"
ลูซิเฟอร์ (ท่านพ่อ) ปีศาจอัตตาพูดพลางเชิดหน้า ถึงจะเป็นคำพูดที่หลงตัวเองไปหน่อยแต่ไม่เถียงหรอก ก็ทุกคนหน้าตาดีจริงๆ ก่อนฉันจะมาเป็นบุตรีของเขา แค่เห็นตอนยังไม่ถอดหน้ากากออร่าความหล่อก็ยังแผ่ออกมา เพราะแต่เดิมเคยเป็นเทพแห่งแสง ผมก็เลยเป็นสีบรอนซ์ทองและมีความไชน์~ ส่วนดวงตาทรงเสน่ห์สีน้ำตาลช็อคโกแลตในชุดสีเทาลายหินอ่อนประจำตัวที่เปล่งประกายระยิบระยับ
"นั่นไม่ยุติธรรมเลยเนอะว่าไหม" ลิเวียธานกับผมสั้นสีเขียวและดวงตาสีดำสนิทในชุดสีเขียวเข้มประจำตัว กล่าวด้วยความเซ็ง
"ฮ้าว~ก็นี่แหละจินตนาการของพวกเขา" เบลเฟกอร์ ปีศาจเกียจคร้าน เจ้าของสีผิวขาวซีดกับผมสีน้ำเงินและดวงตาสีเทาหม่น ที่ดูจะหลับให้ได้ตลอดเวลาพูดแล้วอ้าปากหาว รายนี้สมกับเป็นสล็อตจริงๆ
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมกินต่อละนะ" เบลเซบับ ปีศาจตะกละ ผู้ที่ตัวเล็กที่สุดและหน้าเด็กที่สุดในกลุ่ม กับผมสีน้ำตาลอ่อนและนัยน์ตาสีน้ำตาลในชุดสีน้ำตาลประจำตัว พูดพลางเอามือลูบท้อง
"สมเป็นเจ้าแห่งแมลงวันจริงๆ" แมมมอน ปีศาจโลภะ เจ้าของผมหางม้าสีทองกับดวงตาสีเหลืองอ่อน ในชุดสีทองประจำตัว (พี่แกทองทั้งตัว) พูดพลางหยิบแก้วชาซีลอนขึ้นจิบแบบผู้ดี
"เจ้าแห่งแมลงวันอะไรกัน!! ผมเปล่าซะหน่อย" เบลเซบับเริ่มโวยวาย
"เห็นพวกมนุษย์ว่ากันอย่างนั้นอ่ะนะ" แมมมอนพูดพลางยักไหล่
"เหอะ พวกมนุษย์ก็แค่มาเห็นตอนผมจำแลงกายเป็นแมลงวันยักษ์ พวกเขาก็เมมโมรี่ว่านั่นคือร่างที่แท้จริงของผมซะงั้น แถมเอาผมไปอ้างเป็นเจ้าแห่งแมลงวันอีก ไม่ยุติธรรมเลย!!"
"สิ่งมีชีวิตที่ชอบตัดสินอะไรๆ จากภายนอกก็แบบนี้แหละน้า~~ ฮ้าว~"
"พวกมนุษย์งี่เง่า!!" เบลเซบับสบถออกมา
"เห้อ~พวกมันก็งี่เง่าจริงๆนั่นแหละ" ซาตานพูดพลางถอนหายใจ อืม...ว่าแต่คนที่เคยเป็นมนุษย์แบบฉันนี่ต้องกระเทือนมั้ยนะ
"อะแฮ่ม~" ฉันแกล้งกระแอมเบาๆ
"อ๊ะขอโทษทีผมลืมตัวไปหน่อย..." เบลเซบับที่ทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกได้ว่ามีฉันนั่งอยู่ตรงนี้รีบกล่าวขอโทษ
"ไม่เป็นไรหรอก" ฉันตอบ
"อดีตก็คืออดีต ตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นละนี่" พูดจบก็ยิ้มให้
ปึก! เสียงด้ามมีดและส้อมในมือของลูซิเฟอร์ที่ถูกกระแทกลงโต๊ะเรียกความสนใจจากทุกคน
"พวกเรากินอาหารกันต่อดีกว่า อย่าได้เสียเวลาไปใส่ใจกับพวกมันเลย" ลูซิเฟอร์พูดก่อนจะลงมือหั่นสเต๊กเนื้อในจานของตน ส่วนคนอื่นก็เริ่มหยิบตักอาหารใส่จานของตน
"พวกท่านไม่ใช่เวทมนตร์กันเหรอคะ" ฉันถามด้วยความสงสัย
"เวทมนตร์?" ลูซิเฟอร์เลิกตาด้วยความสงสัย
"ก็ใช้เวทมนตร์ทำให้อาหารลอยเข้าปาก ใช้เวทมนตร์หั่นสเต็กอะไรแบบนี้น่ะค่ะ"
"เธอนี่ท่าจะดูหนังมากไปนะ" ลิเวียธานพูด
โป๊ก!! ซาตานเอามือเขกหัวลิเวียธาน โดยไม่พูดอะไร
"ก็มี แต่พวกข้าไม่ใช้ ไม่ได้รักสบายขนาดนั้น อีกอย่างหั่นเองตักอาหารใส่ปากเอง ข้าว่าอร่อยกว่าเยอะ"
"อย่างนี้นี่เอง" ฉันพยักหน้าหลังจากได้รับคำอธิบาย
"ช่าย~ ถึงข้าจะขี้เกียจแต่เวลากินอาหาร ข้าก็ตักเองนา มันได้ฟีลกว่าเยอะ ฮ้าว~ หลังกินอาหารเสร็จข้าไปนอนดีกว่า เริ่มง่วงแล้วซี" เบลเฟกอร์พูด
"ยังก่อน หลังกินเสร็จพวกเรามีเรื่องต้องคุยกัน"
"คุยอะไรน่ะลูซิเฟอร์"
"หึๆ ข้าไม่มีปัญหาหรอกนะแต่จ่ายค่าเสียเวลามาด้วยละกัน" แมมมอนก็งกซะเหลือเกิน
"ก็เล่าเรื่องสนุกๆ ของพวกเจ้าให้นางฟังไง"
"เรื่องสนุก?"
"ก็เรื่องของมนุษย์พวกนั้นไง เจ้านี่ขี้ลืมจริงๆ เบลเฟกอร์" ซาตานพูด เบลเฟกอร์จึงยิ้มแล้วตอบว่า
"ข้าเคยจำอะไรได้ด้วยหรือ นอกจากเวลากินกับนอน งืมแต่ว่า..ข้าก็นอนเกือบจะทุกขณะนี่นา" จากนั้นเขาก็หัวเราะเบาๆ ทำเอาฉันพลอยหัวเราะไปด้วย
"แค่หัวเราะเจ้าก็ยังขี้เกียจ" อยู่ดีๆ ลิเวียธานก็โพล่งขึ้นมา "หัวเราะของจริงมันต้องแบบนี้" พูดจบก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นโต๊ะอาหาร
"เหมือนคนบ้ามากกว่านะ" แอสโมดิวท์พูด
"นี่เจ้า!!!"
"อ่ะถ้าจะทะเลาะก็ตามสบายนะครับ พวกผมกินต่อไม่รอแล้วนะ" เบลเซบับพูดก่อนจะคว้าพุดดิ้งแอปเปิ้ลที่วางอยู่บนโต๊ะเข้าปาก
"ข้าด้วย" แล้วลูซิเฟอร์ก็หันหน้ามาทางฉัน
"ลีอาน่าเจ้าก็กินซะ"
"ค่ะ" ฉันรับคำก่อนจะกวาดสายตาสำรวจโต๊ะอาหารอันกว้างใหญ่ ก็เห็นว่ามีของกินแถบยุโรปมากมายทั้งของคาวของหวาน กุ้งลอบสเตอร์ก็มา อ๊อย~ไม่รู้จะกินอะไรก่อนดีมันอยากไปหมด บาปแห่งความตะกละครอบงำฉันแล้ว ณ จุดๆนี้ พลันก็มีมือสีดำประกายม่วงโผล่มาแล้วยกจานฉันไปตรงกลางโต๊ะ ก่อนจะตักอาหารใส่ให้ จากนั้นมือดำก็เอาจานมาคืน
"เห็นเจ้าทำท่าเหมือนไม่รู้ว่าจะกินอะไรข้าเลยช่วยน่ะสาวน้อย" แอสโมดิวท์พูดพร้อมขยิบตาให้
"อ้อขอบคุณค่ะ" แล้วฉันก็กินอาหารร่วมโต๊ะกับมหาปีศาจทั้ง 7 โดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา ต่างคนต่างกิน ฉันเองก็ใช้เวลาดื่มด่ำกับรสชาติจนไม่สนใจใคร ต้องยอมรับว่าทุกอย่างอร่อยจริงๆ ถูกปากถูกใจไปหมด ถ้าน้ำหนักขึ้นไม่ต้องสงสัยเลย...
จนกระทั่งทุกคนกินอาหารเสร็จ...
"เอาล่ะ!!! มาเริ่มกันเถอะ!!" ลูซิเฟอร์พูดพลางแสยะยิ้มแล้วดีดนิ้ว...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ