นักรบพันธุ์โหด ตอน ณัชฐานันท์
-
80) ตอนที่ 80 ความผิดติดตัว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแคมป์พลเรือน
หลังจากที่เกิดความโกลาหลในเมืองที่จู่ๆมีกองทัพอันเดธบุกโจมตี โดยที่ไม่มีการเตรียมตัวแต่อย่างใดนั้นทำให้มีการนองเลือด ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลยซึ่งก็นับว่าครอบครัวของกุลชาตินั้น อยู่ไกลจากตัวเมืองเล็กน้อยทำให้พวกเขาหลบหนีมาอยู่ในแคมป์ได้อย่างปลอดภัย โดยครอบครัวกุลชาตินั้นได้รับการคุ้มครองอย่างดีจากทหาร เพราะข้อมูลที่หยางเสี่ยวฟงแบ่งบันให้กับกองทัพ ดังนั้นมธุกรจึงต้องอยู่ในแคมป์ภายในเพื่อความปลอดภัย และเพื่อทำให้เธอนั้นผ่อนคลายสายป่านกับนุดาได้รับอนุญาติให้อยู่เป็นเพื่อนได้ แต่พวกกุลชาติต้องอยู่ในแคมป์พลเรือนต่อไป
ส่วนทางฝั่งมธุสรนั้นจะถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนากว่าเล็กน้อย ในฐานะที่ตกเป็นเป้าหมายของพวกนายแป๋วมากที่สุด และที่สำคัญมธุสรยังอยู่ในสถานะกึ่งนักโทษ ตามแผนของผู้กำกับทอมนั้นต้องการให้แยกมธุสรกับมธุกรออกจากกัน เพื่อที่จะสามารถคุ้มกันได้สะดวกกว่าเพราะตอนนี้ส่วนใหญ่อยากเรียกกำลังพลไปรบมากกว่า สำหรับกุลชาติแล้วนั้นถือว่าหายห่วงในเรื่องของความปลอดภัย และคนที่คุ้มกับมธุกรก็คือ เรือเอกวิศวชิต พร้อมกับลูกทีมในสังกัดอีก 6 นาย
"พี่ป่านหนูกลัวจังเลย" นุดาพูดกับพี่สาวของตนพร้อมกับร้องไห้เบาๆ ซึ่งสายป่านก็สวมกอดน้องสาวอย่างปลอบโยน
"ขอโทษนะป่านและก็นุดาด้วย" สายป่านหันมามองเพื่อนรักอย่างมธุกร ที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
"ทำไมพูดแบบนั้นละผึ้ง เธอไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย" สายป่านพูดด้วยความเป็นห่วง
มธุกรเบือนหน้าหลบไม่สบตากับสายป่านเพราะน้ำตามันคลอเต็มเบ้า จะไม่ใช่เพราะเธอได้อย่างไรกันที่ทุกคนต้องเดือดร้อนไม่ใช่เพราะแม่กับเธอเหรอ ภาพในอดีตของเด็กสาวผุดขึ้นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้เลย มธุกรจำได้ว่าเธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของมธุสรกับเริงฤทธิ์ และในตอนนั้นมธุกรได้รับการทะนุถนอมจากพ่อแม่มาก ชนิดที่เรียกได้ว่ายุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมจนคนรอบข้างย่อมคิดว่าครอบครัวของมธุกรอบอุ่นซึ่งตัวของเธอในตอนนั้นก็คิดแบบนั้น จนเมื่อเกิดเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ชีวิตของมธุกรไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ภาพที่เริงฤทธิ์ลงมือตบตีมธุสรจนเลือดตกยางออก ขัดกับภาพคุณพ่อแสนดีที่เธอเห็นมาตลอด ภายหลังมธุุกรได้รู้ความจริงสุดช็อคจากเยาวลักษณ์ว่า เริงฤทธิ์ติดพนันและติดผู้หญิงที่สำคัญชอบลงไม้ลงมือกับมธุสรประจำ เพียงเพราะเรื่องหนี้พนันที่ตัวของเริงฤทธิ์ก่อเอาไว้นั้นมธุสรไม่ยอมล้างหนี้ให้ แต่ฟางเส้นสุดท้ายขาดเพราะว่าเริงฤทธิ์ลงมือกระทำรุนแรงเกินไป แม้แต่กับมธุกรที่เป็นลูกอยู่ต่อหน้าก็ไม่ยอมลดอารมณ์หรือดึงสติตัวเองได้ นั้นทำให้มธุสรตัดสินใจหย่าร้างกับเริงฤทธิ์และยกทุกอย่างให้กับอีกฝ่าย และมธุกรก็เลือกอยู่กับแม่โดยไม่ลังเล จากนั้นมธุสรก็พามธุกรมาเช่าตึกคอนโดหนึ่งในใจกลางชุมชนที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เพราะมันอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนของเธอมาก ดังนั้นมธุสรจึงไม่มีทางเลือก
เด็กสาวยอมรับว่าหลังจากที่แม่ยอมหย่ากับพ่อพร้อมยกสมบัติทั้งหมดให้ แลกกับอิสรภาพของทั้งสองซึ่งเอาจริงๆมันไม่ใช่แค่นั้น จากที่เคยสุขสบายก็ต้องทำทุกอย่างเองหมด เพราะไม่มีแม่บ้านคอยมาทำให้เมื่อก่อนแล้ว ที่สำคัญภาระค่าใช้จ่ายตกมาอยู่กับมธุสรหมด แต่ก็ยังโชคดีที่กุลชาติแนะนำให้มาทำงานร่วมกัน ทุกอย่างมันควรจะดีขึ้นแต่ไม่เลยเริงฤทธิ์พ่อของเธอ ตามมาระรานเธอกับแม่และประจานแม่ในโลกโซเชียล มธุกรแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือตัวตนของพ่อผู้ให้กำเนิด และอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเริงฤทธิ์คนที่เธอจะขอให้ภพชาติหน้าอย่ามาเป็นพ่อลูกกันอีกเลย
ในวันที่เธอมาทำงานในร้านรับจ้างชักรีดใกล้ๆกับคอนโด มันตรงจังหวะที่มีไล่จับการลักลอบขนยาซึ่งมันซ่อนอยู่ในตุ๊กตาหมี เหตุการณ์นั้นเธอกับแม่ดันเก็บยาเสพติดนั้น และส่งมอบให้กับตำรวจเพื่อทำหน้าที่ในฐานะพลเมืองดี และมธุกรกับแม่ไม่ได้อยากโด่งดังอะไรขนาดนั้น ไม่รู้ทำไมเหมือนกันว่าเริงฤทธิ์ต้องมาเปิดเผยตัวตนของมธุกรกับมธุสร ต่อหน้าสื่อมวลชนจนทำให้ทั้งคู่โดนหมายหัวจาก 7 นรกนั้น มธุกรยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เธอโดนขืนใจนั้น คำว่าตกนรกทั้งเป็นคืออะไรนั้นเธอรู้ซึ้งดีก็ตอนนี้แหละ
ที่เลวร้ายกว่านั้นคือเริงฤทธิ์ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าพ่อนั้น แทนที่จะห่วงใยลูกหรือรู้สึกผิดกับการกระทำนั้น ไม่เลยเริงฤทธิ์กลับมาต่อว่ามธุสรและยังมาให้เธอเปลี่ยนนามสกุลไม่ต้องใช้นามสกุลของพ่ออีกต่อไป สภาพของเธอที่ตัดขาดจากโลกแห่งความจริงแล้วอยู่แค่ในโลกสมมุติ สำหรับคนทั่วไปคิดว่าเธอไม่สามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆได้ แต่ความจริงแล้วมธุกรรับรู้ทุกอย่างเพียงแค่ไม่สามารถสื่อสารออกมาได้เท่านั้น ภาพต่อมาคือตอนที่มธุสรนำตุ๊กตาที่คล้ายพ่อมาให้ และพรรณนาถึงเหตุการณ์ที่เธอลงมือสังหารสามีเก่าให้ลูกสาวฟัง ผลที่ออกมาคือมธุกรยิ้มอย่างมีความสุข ที่ผู้ชายผู้ทำลายชีวิตของเธอกับแม่ตายสักที !
ใช่ ! เหตุการณ์ทุกอย่างที่แม่ของเธอทำนั้นตัวเธอรับรู้หมด ร่วมทั้งตอนที่ได้เห็นมธุสรลงมือทรมานนายแป๋วด้วยเช่นกัน เด็กสาวยอมรับว่าตัวเองนั้นโกรธแค้นพวกนายแป๋วมากแค่ไหน มันทำให้เธอไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติไม่ได้ และไม่ได้ทำตามฝันของตัวเองเพราะต้องอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวทย์มานาน แม้ว่ามันจะปลอดภัยแล้วและได้อยู่กับมธุสรผู้เป็นแม่ แต่มันก็คิดถึงช่วงเวลาที่ตัวของเธอได้อยู่กับเพื่อนๆในโรงเรียน เล่นเปียโนกับสายป่านเพื่อนทุกวันหยุดหรือการได้นอนดูดาวกับแม่ ซึ่งความหวังนั้นมันดับสลายไปเพราะตัวมธุกรก็หวาดกลัวที่จะใช้ชีวิตข้างนอกเช่นกัน
จนเมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไปตั้งแต่วันที่มธุกรได้พบกับแท็ก ซึ่งเธอยอมรับว่าตอนแรกดูไม่ออกว่าแท็กเป็นผู้หญิง เพราะบุคคลิกที่ดูแมนๆเหมือนเด็กหนุ่มวัยรุ่นทั่วไป แต่เพิ่มเติมคือความเป็นสุภาพบุรุษของแท็กที่ผู้ชายบางคนที่เธอพบเจอมา ยังสู้ทอมคนนี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำและเพราะแท็กนี่แหละ ที่ดึงเธอกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง พร้อมๆกับเรื่องที่ 7 ทรชนที่ควรจะกลายเป็นเพียงความทรงจำกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง และรอบนี้วุ่นวายไปจนกลายเป็นความโกลาหลระดับประเทศ สาเหตุหลักมันมาจากแค่ถุงยาใบเดียวเท่านั้น !
"ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันป่าน...ถ้าฉันไม่เก็บยานั้นให้ตำรวจไป ฉันกับแม่อาจไม่โดนพวกมันข่มขืนแล้วแม่ก็ไม่ต้องเป็นฆาตกรที่ใครๆต่างก็สาปส่งให้ประหารชีวิต เพราะฉันคนเดียว... เป็นเพราะฉันคนเดียว" มธุกรพูดและเอามือปิดหน้าปิดตา
เรือวิศชิตที่ยืนคุ้มกันอยู่ข้างนอกและบังเอิญได้ยินนั้น เขาก็อดสงสารเด็กสาวไม่ได้เลยจริงๆอาจเพราะเขาเป็นพ่อคนแล้ว เลยทำให้นึกถึงลูกสาวที่อยู่อีกแคมป์หนึ่งกับภรรยา ทหารเรือหนุ่มเข้าใจความรู้สึกของมธุกรดีถึงสถานะภาพของแม่ แม้ว่าการกระทำของมธุสรอาจดูโหดร้ายเกินไปสำหรับคนทั่วไป แต่หากมองให้ลึกจริงๆทั้งหมดที่เธอทำคือแค่เพื่อปกป้องลูกเท่านั้นเอง เฮ้อ... เรื่องบางเรื่องมันก็พูดยากจริงๆ ระหว่างที่เขากำลังนั่งเฝ้าร่วมกับลูกทีมนั้น จู่ๆก็มีกลุ่มคนปริศนาเดินตรงมาหาพวกเขา แน่นอนว่าทุกนายต่างพากันลุกขึ้นพร้อมจับอาวุธให้มั่น
"ใจเย็นๆนะสหายนี่พวกเดียวกันเอง" เสียงทางนั้นทักทายมาแต่ทว่าเรือเอกวิศวชิตยังไม่ไว้ใจเท่าไหร่
"แสดงตัวมา" เรือเอกวิศวชิตถามขึ้น
"ผมร้อยตำรวจเอกวิทาลิส รายงานตัวครับ" เสียงตอบรับพร้อมกับการปรากฏตัวของหมวดวิทาลิส ทำเอาเรือเอกวิศวชิตงงเป็นไก่ตาแตก เพราะเขาจำได้ว่าชายต่อหน้าสังกัดทีมของสารวัตรภาธร เหตุใดมาอยู่ที่นี่ละ
"คุณไม่ได้ไปร่วมภารกิจกับหัวหน้าคุณเหรอ"
"ท่านผู้กำกับสั่งให้ผมมารับหน้าที่พามธุกรไปที่ที่ปลอดภัยกว่านะครับ.... หวังว่าจะให้ความร่วมมือ" หมวดวิทาลิสกล่าวสั้นๆ พร้อมกับการปรากฏตัวของเงากลุ่มคนตัวใหญ่ราวๆ 5 คน
++++++++++++++++++++++++++
หลังจากที่เกิดความโกลาหลในเมืองที่จู่ๆมีกองทัพอันเดธบุกโจมตี โดยที่ไม่มีการเตรียมตัวแต่อย่างใดนั้นทำให้มีการนองเลือด ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลยซึ่งก็นับว่าครอบครัวของกุลชาตินั้น อยู่ไกลจากตัวเมืองเล็กน้อยทำให้พวกเขาหลบหนีมาอยู่ในแคมป์ได้อย่างปลอดภัย โดยครอบครัวกุลชาตินั้นได้รับการคุ้มครองอย่างดีจากทหาร เพราะข้อมูลที่หยางเสี่ยวฟงแบ่งบันให้กับกองทัพ ดังนั้นมธุกรจึงต้องอยู่ในแคมป์ภายในเพื่อความปลอดภัย และเพื่อทำให้เธอนั้นผ่อนคลายสายป่านกับนุดาได้รับอนุญาติให้อยู่เป็นเพื่อนได้ แต่พวกกุลชาติต้องอยู่ในแคมป์พลเรือนต่อไป
ส่วนทางฝั่งมธุสรนั้นจะถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนากว่าเล็กน้อย ในฐานะที่ตกเป็นเป้าหมายของพวกนายแป๋วมากที่สุด และที่สำคัญมธุสรยังอยู่ในสถานะกึ่งนักโทษ ตามแผนของผู้กำกับทอมนั้นต้องการให้แยกมธุสรกับมธุกรออกจากกัน เพื่อที่จะสามารถคุ้มกันได้สะดวกกว่าเพราะตอนนี้ส่วนใหญ่อยากเรียกกำลังพลไปรบมากกว่า สำหรับกุลชาติแล้วนั้นถือว่าหายห่วงในเรื่องของความปลอดภัย และคนที่คุ้มกับมธุกรก็คือ เรือเอกวิศวชิต พร้อมกับลูกทีมในสังกัดอีก 6 นาย
"พี่ป่านหนูกลัวจังเลย" นุดาพูดกับพี่สาวของตนพร้อมกับร้องไห้เบาๆ ซึ่งสายป่านก็สวมกอดน้องสาวอย่างปลอบโยน
"ขอโทษนะป่านและก็นุดาด้วย" สายป่านหันมามองเพื่อนรักอย่างมธุกร ที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
"ทำไมพูดแบบนั้นละผึ้ง เธอไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย" สายป่านพูดด้วยความเป็นห่วง
มธุกรเบือนหน้าหลบไม่สบตากับสายป่านเพราะน้ำตามันคลอเต็มเบ้า จะไม่ใช่เพราะเธอได้อย่างไรกันที่ทุกคนต้องเดือดร้อนไม่ใช่เพราะแม่กับเธอเหรอ ภาพในอดีตของเด็กสาวผุดขึ้นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้เลย มธุกรจำได้ว่าเธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของมธุสรกับเริงฤทธิ์ และในตอนนั้นมธุกรได้รับการทะนุถนอมจากพ่อแม่มาก ชนิดที่เรียกได้ว่ายุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมจนคนรอบข้างย่อมคิดว่าครอบครัวของมธุกรอบอุ่นซึ่งตัวของเธอในตอนนั้นก็คิดแบบนั้น จนเมื่อเกิดเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ชีวิตของมธุกรไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ภาพที่เริงฤทธิ์ลงมือตบตีมธุสรจนเลือดตกยางออก ขัดกับภาพคุณพ่อแสนดีที่เธอเห็นมาตลอด ภายหลังมธุุกรได้รู้ความจริงสุดช็อคจากเยาวลักษณ์ว่า เริงฤทธิ์ติดพนันและติดผู้หญิงที่สำคัญชอบลงไม้ลงมือกับมธุสรประจำ เพียงเพราะเรื่องหนี้พนันที่ตัวของเริงฤทธิ์ก่อเอาไว้นั้นมธุสรไม่ยอมล้างหนี้ให้ แต่ฟางเส้นสุดท้ายขาดเพราะว่าเริงฤทธิ์ลงมือกระทำรุนแรงเกินไป แม้แต่กับมธุกรที่เป็นลูกอยู่ต่อหน้าก็ไม่ยอมลดอารมณ์หรือดึงสติตัวเองได้ นั้นทำให้มธุสรตัดสินใจหย่าร้างกับเริงฤทธิ์และยกทุกอย่างให้กับอีกฝ่าย และมธุกรก็เลือกอยู่กับแม่โดยไม่ลังเล จากนั้นมธุสรก็พามธุกรมาเช่าตึกคอนโดหนึ่งในใจกลางชุมชนที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เพราะมันอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนของเธอมาก ดังนั้นมธุสรจึงไม่มีทางเลือก
เด็กสาวยอมรับว่าหลังจากที่แม่ยอมหย่ากับพ่อพร้อมยกสมบัติทั้งหมดให้ แลกกับอิสรภาพของทั้งสองซึ่งเอาจริงๆมันไม่ใช่แค่นั้น จากที่เคยสุขสบายก็ต้องทำทุกอย่างเองหมด เพราะไม่มีแม่บ้านคอยมาทำให้เมื่อก่อนแล้ว ที่สำคัญภาระค่าใช้จ่ายตกมาอยู่กับมธุสรหมด แต่ก็ยังโชคดีที่กุลชาติแนะนำให้มาทำงานร่วมกัน ทุกอย่างมันควรจะดีขึ้นแต่ไม่เลยเริงฤทธิ์พ่อของเธอ ตามมาระรานเธอกับแม่และประจานแม่ในโลกโซเชียล มธุกรแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือตัวตนของพ่อผู้ให้กำเนิด และอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเริงฤทธิ์คนที่เธอจะขอให้ภพชาติหน้าอย่ามาเป็นพ่อลูกกันอีกเลย
ในวันที่เธอมาทำงานในร้านรับจ้างชักรีดใกล้ๆกับคอนโด มันตรงจังหวะที่มีไล่จับการลักลอบขนยาซึ่งมันซ่อนอยู่ในตุ๊กตาหมี เหตุการณ์นั้นเธอกับแม่ดันเก็บยาเสพติดนั้น และส่งมอบให้กับตำรวจเพื่อทำหน้าที่ในฐานะพลเมืองดี และมธุกรกับแม่ไม่ได้อยากโด่งดังอะไรขนาดนั้น ไม่รู้ทำไมเหมือนกันว่าเริงฤทธิ์ต้องมาเปิดเผยตัวตนของมธุกรกับมธุสร ต่อหน้าสื่อมวลชนจนทำให้ทั้งคู่โดนหมายหัวจาก 7 นรกนั้น มธุกรยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เธอโดนขืนใจนั้น คำว่าตกนรกทั้งเป็นคืออะไรนั้นเธอรู้ซึ้งดีก็ตอนนี้แหละ
ที่เลวร้ายกว่านั้นคือเริงฤทธิ์ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าพ่อนั้น แทนที่จะห่วงใยลูกหรือรู้สึกผิดกับการกระทำนั้น ไม่เลยเริงฤทธิ์กลับมาต่อว่ามธุสรและยังมาให้เธอเปลี่ยนนามสกุลไม่ต้องใช้นามสกุลของพ่ออีกต่อไป สภาพของเธอที่ตัดขาดจากโลกแห่งความจริงแล้วอยู่แค่ในโลกสมมุติ สำหรับคนทั่วไปคิดว่าเธอไม่สามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆได้ แต่ความจริงแล้วมธุกรรับรู้ทุกอย่างเพียงแค่ไม่สามารถสื่อสารออกมาได้เท่านั้น ภาพต่อมาคือตอนที่มธุสรนำตุ๊กตาที่คล้ายพ่อมาให้ และพรรณนาถึงเหตุการณ์ที่เธอลงมือสังหารสามีเก่าให้ลูกสาวฟัง ผลที่ออกมาคือมธุกรยิ้มอย่างมีความสุข ที่ผู้ชายผู้ทำลายชีวิตของเธอกับแม่ตายสักที !
ใช่ ! เหตุการณ์ทุกอย่างที่แม่ของเธอทำนั้นตัวเธอรับรู้หมด ร่วมทั้งตอนที่ได้เห็นมธุสรลงมือทรมานนายแป๋วด้วยเช่นกัน เด็กสาวยอมรับว่าตัวเองนั้นโกรธแค้นพวกนายแป๋วมากแค่ไหน มันทำให้เธอไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติไม่ได้ และไม่ได้ทำตามฝันของตัวเองเพราะต้องอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวทย์มานาน แม้ว่ามันจะปลอดภัยแล้วและได้อยู่กับมธุสรผู้เป็นแม่ แต่มันก็คิดถึงช่วงเวลาที่ตัวของเธอได้อยู่กับเพื่อนๆในโรงเรียน เล่นเปียโนกับสายป่านเพื่อนทุกวันหยุดหรือการได้นอนดูดาวกับแม่ ซึ่งความหวังนั้นมันดับสลายไปเพราะตัวมธุกรก็หวาดกลัวที่จะใช้ชีวิตข้างนอกเช่นกัน
จนเมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไปตั้งแต่วันที่มธุกรได้พบกับแท็ก ซึ่งเธอยอมรับว่าตอนแรกดูไม่ออกว่าแท็กเป็นผู้หญิง เพราะบุคคลิกที่ดูแมนๆเหมือนเด็กหนุ่มวัยรุ่นทั่วไป แต่เพิ่มเติมคือความเป็นสุภาพบุรุษของแท็กที่ผู้ชายบางคนที่เธอพบเจอมา ยังสู้ทอมคนนี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำและเพราะแท็กนี่แหละ ที่ดึงเธอกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง พร้อมๆกับเรื่องที่ 7 ทรชนที่ควรจะกลายเป็นเพียงความทรงจำกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง และรอบนี้วุ่นวายไปจนกลายเป็นความโกลาหลระดับประเทศ สาเหตุหลักมันมาจากแค่ถุงยาใบเดียวเท่านั้น !
"ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันป่าน...ถ้าฉันไม่เก็บยานั้นให้ตำรวจไป ฉันกับแม่อาจไม่โดนพวกมันข่มขืนแล้วแม่ก็ไม่ต้องเป็นฆาตกรที่ใครๆต่างก็สาปส่งให้ประหารชีวิต เพราะฉันคนเดียว... เป็นเพราะฉันคนเดียว" มธุกรพูดและเอามือปิดหน้าปิดตา
เรือวิศชิตที่ยืนคุ้มกันอยู่ข้างนอกและบังเอิญได้ยินนั้น เขาก็อดสงสารเด็กสาวไม่ได้เลยจริงๆอาจเพราะเขาเป็นพ่อคนแล้ว เลยทำให้นึกถึงลูกสาวที่อยู่อีกแคมป์หนึ่งกับภรรยา ทหารเรือหนุ่มเข้าใจความรู้สึกของมธุกรดีถึงสถานะภาพของแม่ แม้ว่าการกระทำของมธุสรอาจดูโหดร้ายเกินไปสำหรับคนทั่วไป แต่หากมองให้ลึกจริงๆทั้งหมดที่เธอทำคือแค่เพื่อปกป้องลูกเท่านั้นเอง เฮ้อ... เรื่องบางเรื่องมันก็พูดยากจริงๆ ระหว่างที่เขากำลังนั่งเฝ้าร่วมกับลูกทีมนั้น จู่ๆก็มีกลุ่มคนปริศนาเดินตรงมาหาพวกเขา แน่นอนว่าทุกนายต่างพากันลุกขึ้นพร้อมจับอาวุธให้มั่น
"ใจเย็นๆนะสหายนี่พวกเดียวกันเอง" เสียงทางนั้นทักทายมาแต่ทว่าเรือเอกวิศวชิตยังไม่ไว้ใจเท่าไหร่
"แสดงตัวมา" เรือเอกวิศวชิตถามขึ้น
"ผมร้อยตำรวจเอกวิทาลิส รายงานตัวครับ" เสียงตอบรับพร้อมกับการปรากฏตัวของหมวดวิทาลิส ทำเอาเรือเอกวิศวชิตงงเป็นไก่ตาแตก เพราะเขาจำได้ว่าชายต่อหน้าสังกัดทีมของสารวัตรภาธร เหตุใดมาอยู่ที่นี่ละ
"คุณไม่ได้ไปร่วมภารกิจกับหัวหน้าคุณเหรอ"
"ท่านผู้กำกับสั่งให้ผมมารับหน้าที่พามธุกรไปที่ที่ปลอดภัยกว่านะครับ.... หวังว่าจะให้ความร่วมมือ" หมวดวิทาลิสกล่าวสั้นๆ พร้อมกับการปรากฏตัวของเงากลุ่มคนตัวใหญ่ราวๆ 5 คน
++++++++++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ