นักรบพันธุ์โหด ตอน ณัชฐานันท์

-

เขียนโดย กนกพัชร

วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 12.18 น.

  88 ตอน
  62 วิจารณ์
  77.01K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

62) ตอนที่ 62 แม่ค้าผู้ปากจัด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตลาด เวลา 12.01 น.

   "แกใช่ที่นี้จริงๆเหรอว่ะ" ปวเรศเกาหัวถามขึ้น ในขณะที่แท็กก้มมองดูแผนที่ที่อภิชัยมอบให้กับเขา

   "พี่เขาคงไม่ให้มามั่วๆหรอกฉันว่า แกดูไม่เป็นมากกว่าแปง" ศุภรัศมิ์ที่ยืนข้างๆเปรยขึ้น

   เหตุการณ์ก่อนหน้านี้จ่าสิบเอกสายลมทำเรื่องขอคนช่วยมาเพิ่มสองคน ซึ่งคงไม่พ้นปวเรศกับศุภรัศมิ์เพื่อนสนิทของแท็กแต่ความจริงแล้วเพราะสองคนนี้ก่อเรื่องบางอย่างมา ทำให้ต้องหลบหนีมาอยู่ที่อื่นเสียก่อนและแท็กก็ไม่อยากจะรู้ด้วย เจ้าเพื่อนคนนี้ก่อวีรกรรมอะไรมานอกจากการที่ได้เพื่อนมาช่วยก็ดีเหมือนกัน และภารกิจที่แท็กได้มาจากอภิชัยคือค้นหาแม่ติ่มซึ่งเป็นแม่ค้าขายผักและตั้งร้านอยู่ตรงข้ามกับร้านของนายสิน

   ตอนนี้พวกเขามาถึงตลาดตามที่ได้รับมอบหมายแล้ว แต่ทว่าตลาดมันกว้างใหญ่พอสมควรซึ่งตามข้อมูลที่ปวเรศหามา มันเป็นศูนย์กลางร่วมพ่อค้าแม่ค้าที่มีวัตถุดิบมากมายหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสด เนื้อแห้ง ปลา กุ้ง หอย ฯลฯ เห็นแล้วมันอดที่จะอยากซื้อกลับไปให้แม่ครัวทำกินให้ไม่ได้จริงๆ ดูท่าทางน่าจะอร่อยแน่นอนแต่ทั้งสามจำใจต้องอดเพื่อทำภารกิจเสียก่อน เท่าที่ศุภรัศมิ์ดูจากแผนที่แล้วตลาดที่นี้จะแบ่งเป็นโซนหมายเลข และแม่ติ่มจะขายผักอยู่ที่โซนหมายเลข 19

   โซนหมายเลข 19 นั้นส่วนมากจะเน้นแค่เนื้อหมูกับผักสดแต่ร้านเนื้อหมูสดจะเยอะกว่า เพราะตอนที่ทั้งสามมาถึงโซนนี้จะมีรถขนส่งแช่แข็งจอดรับหลายคัน จากข้อมูลที่ได้รับมาแม่ติ่มนั้นจะตั้งร้านขายผักอยู่ตรงกลางโซน 19 แต่ทว่า.... ทันทีที่พวกแท็กมาถึงกลับพบแต่ความว่างเปล่า และดูจากเศษฝุ่นที่เกาะเต็มแผนกนี้บ่งบอกว่าไม่มีใครมายุ่งตรงนี้นานมาก ส่วนอีกฝั่งที่วางเปล่าเหลือแค่อุปกรณ์แขวนเนื้อหมูเท่านั้น ซึ่งไม่ต้องเดาก็คงเป็นร้านของนายสิน

   "อาว.... เฮ้ยแท็กแกพามาถูกที่ป้าวเนี่ย" ปวเรศพูดพร้อมกับหันมาดูภาพถ่าย ซึ่งมันก็ตรงทุกอย่างแต่กลับไร้วี่แววของแม่ติ่ม แล้วรายนั้นหายไปไหนกัน

   "พวกหนูมาหาใครนะ" เสียงทักดังจากด้านขวาซึ่งเป็นแม่ค้าที่ตั้งร้านอยู่ใกล้ๆกับร้านเดิมของแม่ติ่ม โดยร้านของแม่ค้าคนนี้จะเน้นขายพวกพริกป่น พริกสด และน้ำพริกมากกว่า ศุภรัศมิ์ซึ่งเป็นคนไม่ชอบกินรสเผ็ดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงไม่ค่อยสนใจสินค้าเหล่านั้นเท่าไหร่

   "ป้าครับ แม่ค้าที่เคยอยู่ตรงนี้หายไปไหนแล้วครับ เขาไม่ขายแล้วเหรอ" แท็กยิงคำถามตรงๆแบบไม่อ้อมค้อม ซึ่งแม่ค้าคนนั้นแสดงสีหน้าแปลกใจปนสงสัยว่าเด็กวัยรุ่นสามคนนี้เป็นใคร และดูจะไม่ใช่คนแถวนี้เลย

   "มาหาอีติ่มเหรอ โอ๊ย ! มันไม่ได้มาตั้งร้านหลายเดือนแล้วคิดว่าคงเลิกขายแล้วละมั่ง" แม่ค้าคนนั้นตอบ

   "ป้าทราบไหมว่าหายไปไหน" ศุภรัศมิ์ถามเสริมขึ้น

   "ไปดูลูกมันละมั่งเห็นว่านอนป่วยอยู่โรงพยาบาลนะ"

   "ขอบคุณมากครับ" และทั้งสามพากันเดินออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้แม่ค้าคนนั้นยืนงงต่อไป

                                           

 

                                                 +++++++++++++++++++++++++++++

 

 

โรงพยาบาลรัฐ เวลา 15.29 น.

หลังจากที่ล้มเหลวในการตามแม่ติ่มที่ตลาดแท็กแก้ปัญหาด้วยการ ติดต่อหาเพื่อนสมาชิกทีมเดวิลแบ๊ทส์ด้วยกันเพื่อค้นหาตัวเป้าหมาย จนได้รู้ว่าแม่ติ่มนั้นพาเนเน่ลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลรัฐเล็กๆที่ค่ารักษาค่อนข้างถูกหน่อย แต่ต้องทำใจว่าเครื่องมือไม่ค่อยทันสมัยหากเทียบกับโรงพยาบาลอื่นๆ ทำไงได้แม่ติ่มเป็นแค่แม่ค้าฐานะก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก การที่สามารถพาลูกสาวมารักษาตัวได้ก็บุญแค่ไหน

   และข้อมูลเพิ่มเติมที่แท็กได้สัมภาษณ์เหล่าแม่ค้าแถวนั้น ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าแม่ติ่มเป็นพวกขี้ปาก ชอบซุบซิบนินทาคนไปทั่วไม่ว่าจะเป็นลูกค้าหรือคนทำอาชีพเดียวกัน ที่สำคัญแม่ติ่มยังขึ้นชื่อเรื่องการโกตราชั่งลูกค้า และขี้ขโมยด้วยแต่ไม่สามารถจับได้คาหนังคาเขาเหล่าแม่ค้าจึงทำได้แค่ปล่อย แต่ที่แม่ติ่มจะมีปัญหามากที่สุดคือนายบึ๊กที่ชอบหักหน้าเธอเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโกตราชั่งหรือขโมยของ แต่แม่ติ่มนั้นรู้จุดอ่อนของนายบึ๊กดีนั้นคือนายสินนั้นไม่ค่อยเชื่อคำพูดของลูก ทำให้นายสินมักลงไม้ลงมือตบตีนายบึ๊กเสมอ

    "อย่าบอกนะว่าเพราะสาเหตุนี้นายบึ๊กเลยข่มขืนลูกสาวของผู้หญิงคนนี้" ปวเรศถามขึ้นอย่างสงสัย

    "ไม่ใช่แค่นั้นอย่างเดียวนะสินายบึ๊กยังแค้นเรื่องที่โดนรายนั้นขโมยเงินไปนะ" แท็กตอบ

    "เท่าไหร่"

    "1,000 โนเบิ้ล (เท่ากับ 23,000 บาท)"

    "แค่ 1,000 ต้องทำขนาดนั้นเลยเหรอ" ปวเรศไม่อยากเชื่อหูตนเอง แท็กแค่ยักไหล่เท่านั้น

    ทั้งสามเดินมาที่ห้องคนป่วยร่วมซึ่งตามข้อมูลสำหรับห้องนี้ ส่วนมากจะเป็นผู้ป่วยอนาถาหรือครอบครัวหาเช้ากินค่ำ และค่อนข้างแออัดอย่างมากสภาพแต่ละคนที่นอนป่วยแล้ว แท็ก ศุภรัศมิ์ และปวเรศอดสงสารไม่ได้ ทั้งสามเดินมองหาสำรวจในห้องคนป่วยไปได้สักพักปวเรศก็สะกิดเพื่อนทั้งสองของเขา พร้อมชี้ไปทางซ้ายมือเกือบสุดห้องซึ่งแม่ติ่มกำลังนั่งกินข้าวอยู่ แต่เมื่อทั้งสามเดินมาถึงก็ตกใจปนแปลกใจกับภาพตรงหน้า

    ในรูปที่แท็กได้มานั้นแม่ติ่มเป็นหญิงสาววัย 30 ปี ตัวไม่สูงเท่าไหร่ผมสีดำผิวขาวเหลือง แต่ตอนนี้แม่ติ่มแทบเหมือนคนจมทุกข์ไม่เหมือนในรูปเลยสักนิด ส่วนเนเน่ตัวคนลูกยิ่งแล้วใหญ่เลยจากที่สวยน่ารักตอนนี้สูดผอมจนแทบเห็นกระดูก แท็กเห็นภาพตรงหน้าทำให้นึกถึงบทสนทนาเมื่อครู่ที่ปวเรศถามถึงสาเหตุที่นายบึ๊กข่มขืนเนเน่ แค่เพราะเงิน 1,000 โนเบิ้ลที่โดนขโมยไปเท่านั้น แต่นั้นยังไม่พอนายบึ๊กยังปล่อยให้ลูกน้อง 4 คน ซึ่งมี นายจ้อย นายหม่ำ นายต้อม และนายเพิ่ม มารุมกระทำชำเราเนเน่ต่อและกรรมคืนสนองเพราะทั้ง 4 ถูกจับกุมอยู่

    "ขอโทษครับใช่ป้าติ่มรึเปล่า" ปวเรศเป็นฝ่ายเริ่มยิงคำถามก่อน

    "อืม ป้าเองแหละ พวกเอ็งเป็นใคร" แม่ติ่มถามด้วยความสงสัย ดูจากสภาพแล้วมันดูไม่เหมือนแม่ค้าปากจัดอย่างที่ได้ยินมาเลย สิ่งที่เขาเห็นคือผู้หญิงที่ร่างกายก็ทรุดโทรมพอๆกับลูกสาวของเธอ สีหน้าเครียดปนทุกข์ระทมที่ต้องเห็นลูกป่วยทรมาน แท็กยังเห็นว่าตาของแม่ติ่มนั้นบวมเหมือนผ่านการร้องไห้มาแล้ว คงจะทุกข์มากจริงๆไม่น่าเชื่อว่าแค่เงิน 1,000 โนเบิ้ล จะทำให้คนแค้นถึงขั้นกระทำสิ่งต่ำช้าได้ขณะนี้

    "พวกผมแค่อยากมาเยี่ยมเนเน่ลูกสาวป้าครับ" ปวเรศพูดขึ้น พร้อมเอาถุงใส่ผลไม้กับอาหารมอบให้กับแม่ติ่ม

    "เอ็งสามคนไม่ใช่เพื่อนลูกข้าแน่นอน เพราะข้าไม่เคยให้มันมีเพื่อนผู้ชาย"

    "ใช่ พวกผมไม่ใช่เพื่อนของเนเน่จริงแต่.... เรื่องที่เนเน่เขาโดนอะไรมานะ พวกผมรู้และอยากมาให้กำลังใจครับ"

    จู่ๆน้ำตาก็ล้นไหลออกจากดวงตาของแม่ติ่มราวกับไม่สามารถหักห้ามได้ ศุภรัศมิ์จึงยื่นมอบผ้าเช็ดหน้าให้กับอีกฝ่ายเพื่อให้เธอซับน้ำตา จากนั้นแม่ติ่มก็เริ่มเล่าเรื่องราวต่างๆให้ทั้งสามฟังว่า เธอยอมรับว่าตนเองเป็นคนขี้ขโมยเงินเพราะเนื่องจากว่าค่าใช้จ่ายในบ้านไม่เพียงพอ เพราะต้องเอาไปจ่ายหนี้นอกระบบที่ นายกร สามีเก่าสร้างเอาไว้ก่อนจะหนีไปอยู่กับเมียใหม่ ปล่อยให้เธอต้องดูแลเนเน่ตามลำพัง ด้วยปมที่โดนกระทำมาแม่ติ่มจึงไม่ยอมให้เนเน่ยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนไหน โดยเฉพาะกับนายบึ๊กที่ไม่มีประวัติไม่ดีจนต้องหนีคดีมาอยู่กับครอบครัว

    ส่วนเรื่องเงิน 1,000 โนเบิ้ลนั้นสาเหตุที่เธอขโมยจากร้านนายสิน เพราะตอนนั้นจะมีเจ้าหนี้จะมาเก็บเงินซึ่งในตอนนั้นเธอจาก 1,000 โนเบิ้ล พอดีและหากเธอไม่ยอมจ่ายตอนนั้นเจ้าหนี้จะเริ่มคิดดอกเบี้ยจำนวน 500 โนเบิ้ล (11,500 บาท) แน่นอนว่าแม่ติ่มไม่มีกำลังจะจ่ายดอกเบี้ยทุกวัน ดังนั้นแม่ติ่มจึงจำใจต้องขโมยเงินจำนวนนั้นในช่วงที่มันปลิวตกที่พื้น แต่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าการที่หมดหนี้ครั้งนั้นต้องแลกกับชีวิตของลูกสาวที่ต้องพังไปตลอดชีวิต แม้ว่านายบึ๊กจะตายไปแล้วและพวกนายต้อมอยู่ในคุก ก็เรียกอะไรกลับมาไม่ได้อีกแล้ว

    "ผมขอแสดงความเสียใจและเห็นใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับเนเน่นะครับ" ศุภรัศมิ์พูดจากใจจริง

    "ขอบใจพวกเอ็งมากที่อุตส่าห์มาดูดำดูดีลูกสาวข้า.... ไม่เหมือนกับพ่อมันที่ไม่มาเหลียวแลอะไรเลย" แม่ติ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เจ็บใจอย่างมาก

    "ผมขออนุญาตถามอะไรให้ลึกกว่านี้ได้ไหมครับ พ่อของเนเน่อยู่ที่ไหนครับแล้วใครเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการรักษาเนเน่" แท็กถามขึ้น

    "ข้ารู้แค่ว่าไอ้กรนะมันย้ายหนีตามเมียใหม่ไปอยู่เมืองโกลด์เด้นพาร์ค แต่ตรงไหนไม่รู้เหมือนกันส่วนเงินค่ารักษาข้าได้มาจากไอ้สินพ่อของไอ้บึ๊กมันนั้นแหละ มันต้องให้ทุกอาทิตย์เพื่อเป็นค่ายาและค่ารักษาอีเนเน่มัน... แต่ตอนนี้ข้าได้ยินข่าวมานี่ว่าตายยกครัวไปแล้ว"

    "แล้วป้าจะทำยังไงต่อครับ" ปวเรศถาม

    "อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแล้วละ ข้าทำดีที่สุดในฐานะแม่คนหนึ่งแล้ว"

    สำหรับตัวของเด็กทั้งสามที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดก็นึกถึงคำสอนของท่านทูตอากิระขึ้นว่า "กระทำของคนเรามักมีต้นเหตุปลายเหตุเสมอ แต่การจะตัดสินว่าใครผิดใครถูกมันก็อีกเรื่องหนึ่ง" ในวัยเด็กพวกเขาไม่ค่อยเข้าใจจนมาถึงตอนนี้ พวกเขาเข้าใจในสิ่งที่แม่บุญธรรมสอนแล้ว แม่ติ่มอาจเป็นคนร้ายกาจในสายตาคนหนึ่งแต่ในขณะเดียวกันเธอก็เป็นแม่คนหนึ่งที่รักลูก ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกไม่ลำบาก ยอมโดนตราหน้าว่าขี้ขโมยเพื่อที่จะไม่ให้ครอบครัวมีหนี้สินติดตัว บีบบังคับไม่ให้ลูกเข้าใกล้ผู้ชายเพื่อที่จะได้ไม่ชิงสุกก่อนห่าม

    "ป้าครับ ป้ามีรูปนายกร ชื่อจริง-นามสกุลอะไรบอกได้ไหมครับ" จู่ๆปวเรศก็เกริ่นขึ้นมาซึ่งแท็กกับศุภรัศมิ์นั้นทำหน้าประมาณว่า "เอาอีกแระ" แต่แม่ติ่มมองเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าสงสัย

    "เอ็งจะเอาไปทำอะไร"

    "เอาเป็นว่าผมสามารถทำให้ชายคนนี้ควรทำให้สิ่งที่พ่อคนหนึ่งควรกระทำละกันครับ และผมขอให้ป้าเชื่อใจผมแค่นั้นแล้วป้าจะไม่ผิดหวังเลย" ไม่รู้ทำไมแม่ติ่มจึงคว้ารูปถ่ายใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า แล้วยืนให้กับปวเรศพร้อมกับกระซิบข้างหูเด็กหนุ่มและปวเรศก็ยิ้มที่มุมปากขึ้นมา ซึ่งเพื่อนรักของเขาอีกสองคนสงสัยว่าแม่ติ่มบอกอะไรกันแน่ แต่ทั้งสองรู้คำตอบดีว่ารายนั้นคงไม่บอกกันง่ายๆแน่นอน

                                                       

                                       

 

 

                                                           ++++++++++++++++++++++++                       

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา