นักรบพันธุ์โหด ตอน หวงจือชิน Secson 1
8.0
เขียนโดย กนกพัชร
วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.12 น.
53 ตอน
0 วิจารณ์
43.59K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2562 00.28 น. โดย เจ้าของนิยาย
32) ตอนที่ 32 ลูกแก้วทั้ง 13
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวิหารนกฟินิกซ์ เวลา 08.19 น.
อาชินถูกปลดผ้าออกจากตาซึ่งเขาพบว่าตัวเองน่าจะอยู่ ส่วนในของวิหารแล้วโดยตรงหน้าเป็นประตูสองบาน มีลวดลายเป็นภาพเขียนลายเส้นสีทองรูปนกฟินิกซ์กางปีกขึ้นในบานซ้าย และอีกตัวกางปีกลงในบานขวาไม่นานนักประตูก็เปิดออก ปรากฎเป็นร่างนักบวชในผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มถือไม้เท้า สูงกว่าตัวเองอยู่หน่อยหนึ่งเป็นคนรูปร่างสูงผอมไม่มาก ผิวขาวเหลืองไม่มีผมดวงตาสีน้ำตาลทับทิม นักบวชคนดั่งกล่าวมองมาที่พวกอาชินเหมือนพินิจพิจารณาอยู่
"ขอต้อนรัับสู่วิหารนกฟินิกซ์เหล่าอนาคตของประเทศนี้ พวกเจ้าคงรู้ดีว่ามาที่นี้ทำไม" นักบวชคนนั้นเอ๋ยขึ้น
อาชินแอบมองเพื่อนของตนดูเหมือนพวกแคลวินจะตื่นเต้นไม่ใช่น้อย คงมีแต่อาถิงคนเดียวที่แสดงท่าทีของความวิตกกังวล เด็กชายนึกเล่นๆนะว่าถ้าเกิดอาถิงถูกเลือกเนี่ย มันจะเป็นยังไงแต่เขาก็อยากให้ญาติลูกพี่ลูกน้องคนนี้ ได้เป็นนักรบฟินิกซ์ไว้ตอกหน้าพวกนั้นสักครั้งเหมือนกัน ส่วนตัวเขานะไม่คิดว่าตัวเองจะถูกเลือกอยู่แล้ว เพราะยังไงก็ได้เขาไม่เคยมีปัญหา
"เอาละเพื่อไม่ให้ต้องเสียเวลา ข้าขอ 10 คนแรกที่จะเข้าไปพบกับลูกแก้วฟินิกซ์ ใครที่ต้องเดินออกมาทางประตูบานนี้นั้นคือไม่ได้ถูกเลือก" นักบวชท่านนั้นกล่าวเสริม
สิ้นคำแล้วอาชินก็โดนผู้พิทักษ์จับพาเดินเข้าไปเพราะเขากับพวกอาถิงดันอยู่ 10 คนแรกพอดี ซึ่งมีเขา อาถิง เฟรม แคลวิน ไมค์ เฟร็ด เกรแฮม และอีกสามคนโดยสองคนเป็นฝาแฝดกัน ส่วนคนที่สิบเป็นผู้หญิงที่ลักษณะออกทอมบอยหน่อยๆ ข้างในห้องนั้นนั้นมีรูปปั้นของนกฟินิกซ์สีทองเปลวเพลิงอยู่ ตรงใจกลางนั้นมีลูกแก้ว 13 ลููกวางเรียงเป็นวงกลมอยู่ อาชินจำได้ว่าหนึ่งในลูกแก้วที่ทรงอนุภาพมากที่สุดคือ ลูกแก้วสีน้ำเงิน ที่สำคัญน้อยคนที่จะถูกลูกแก้วสีนี้เลือก
"ลูกแก้วดวงใดส่องแสงแล้วส่งแสงนั้นไปที่ตัวพวกเจ้า นั้นเท่ากับว่าพวกเจ้าถูกเลือกแล้ว...จงไปยืนอยู่ตรงกลางของลูกแก้ว"
ไม่รู้เพราะอะไรอาชินกับพวกอาถิงจับมือกันเดินเข้าไป อยู่ใจกลางลูกแก้วทั้ง 13 ลูกเด็กชายไม่เข้าใจตัวเอง เหมือนกันนะว่าแค่นี้ทำไมตัวเขาต้องตื่นเต้นอะไรขนาดนี้ นักบวชผ้าคลุมสีน้ำเงินเห็นว่าเด็กๆอยู่ในวงแล้ว จึงใช้ไม้เท้าแล้วเริ่มท่องมนคาถาอะไรสักอย่าง ที่อาชินไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก และลูกแก้วทั้งหมดที่รายล้อมพวกเขาก็สั่นสะเทือนขึ้นเอง พร้อมกับเรือนแสงสว่างขึ้นอาชินรับรู้ได้ว่าอาถิงจับมือเขาแน่นกว่าเมื่อกี้นี้มาก
"พวกนาย...ขอให้โชคดีนะเพื่อน" เฟรมพูดอย่างตื่นเต้น
เมื่อนักบวชร่ายคาถาจบแล้วก็ชูไม้เท้าเหนือหัวขึ้นไป แสงของลูกแก้วก็พุ่งทะยานขึ้นบนเพดาน ในตอนแรกเกิดเป็นแสง 13 สี เมื่อมันค่อยๆลอยลงมาทางพวกเขา มันเหลือแค่สีเดียวคือ สีแดงเพลิงในรูปของนกฟินิกซ์จากนั้นไม่นาน มันก็แตกออกเป็น 4 ตนบินลงมาอย่างสง่างาม มันบินวนรอบพวกเขาอยู่สักพักแล้วจากนั้น มันก็บินตรงมาทะลุเข้าร่างของอาชินและหายไป เหลือแต่ควันสีเพลิงเท่านั้น นกฟินิกซ์อีกสามตัวก็บินทะลุเข้าร่างของเด็กแฝดชายกับทอมบอยเช่นกัน อาชินงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก
สักพักประตูบานสีทองซึ่งไม่ใช่ประตูที่พวกเขาเดินเข้ามา มันก็เปิดออกแล้วนักบวชก็เดินตรงมาหาพวกเขา อาชินหันไปมองที่ประตูบานนั้นเขาเห็นเด็กหลายคนทั้งชายและหญิงอยู่ในนั้น จากนั้นอาชินก็ถูกจับแยกมาอยู่กับอีกสามคน และอาถิงอยู่กับพวกแคลวินนั้นช่างเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเอาเสียเลย ผู้พิทักษ์อีกคนเดินออกมาจากประตูที่เปิดออก เหมือนเตรียมรับคำสั่งใหม่จากนักบวช
"พาเด็กทั้งสี่คนนี้ไปร่วมกลุ่มกับเด็กที่ถูกเลือกเลย" นักบวชกล่าว อาชินแทบไม่อยากเชื่อที่ได้ยิน เขามองหน้าพวกอาถิงที่ตอนนี้พวกเขาต่างก็ยอมรับผลของมันได้อาถิงก็เช่นกัน แต่มันไม่ใช่สำหรับอาชิน
"เดียวนะครับ หมายความว่าไงที่ว่าถูกเลือก ผมถูกเลือกงั้นเหรอ" อาชินถามพร้อมชี้หน้าตัวเอง
"ใช่แล้วเด็กน้อยเจ้าถูกเลือก และจะต้องย้ายไปอยู่กับท่านทูตอากิระเพื่อจะเรียนรู้ และฝึกฝนพลังของมันในอนาคตหน้า" นักบวชตอบ
"แล้วพี่น้องผมละ เพื่อนผมด้วย" อาชินถามขึ้น นักบวชสำรวจมองแววตาของอีกฝ่าย คงเดาได้ไม่ยากว่าคงจะผูกพันกันอย่างมากร่วมทั้งเพื่อนกลุ่มนี้ด้วย การที่อยู่ดีๆไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วนั้นมันทำใจลำบาก
"ข้าเสียใจ พวกเขาไม่ได้ถูกเลือก เจ้าพาพวกเขาไปไม่ได้" นักบวชตอบ
"ผมไม่ไป ! ถ้าอาถิงไม่ได้ไปกับผม ผมก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น" อาชินประกาศเสียงกร้าวมาก ทำเอาผู้พิทักษ์จะรุมเข้ามาทำอะไรเขาสักอย่างซึ่งนักบวชก็ห้ามไว้
"ไม่เป็นไรอาชิน ฉันอยู่ได้ นายไปเถอะไม่ต้องห่วงฉัน" อาถิงพูดอย่างหนักแน่น
"นายไม่ต้องกังวล อี้ถิงไม่ได้อยู่ลำพังยังมีพวกเราอยู่ทั้งคน" แคลวินพูดเสริม พวกเขามองอาชินด้วยสายตาที่อยากให้เด็กชายเชื่อมั่นว่ายังไงก็ไม่มีวันทอดทิ้งกันและกันอยู่แล้ว
อาชินเห็นสายตาที่่มุ่งมั่นมากๆของอาถิงและของเพื่อนๆแล้ว เขาก็อยากลองเชื่อมั่นดูสักครั้งเมื่อนักบวชเห็นว่า ทุกอย่างเคลียร์แล้วก็พยักหน้าเชิงออกคำสั่งให้ผู้พิทักษ์พาอาชินกับเด็กอีกสามคน เดินเข้าไปร่วมกับคนอื่นๆที่ถูกเลือกซึ่งอาชินยังเหลียวหลังมา มองเพื่อนๆของเขาซึ่งก่อนที่ประตูจะปิดนั้น อาถิงและพวกแคลวินชูนิ้วโป้งให้เห็นเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อประตูปิดตัวลงแล้วอาชินพบว่ามันเหมือนเป็นห้องรับรองขนาดใหญ่พอสมควร
"นั้นอาชินจริงๆด้วย" เสียงหนึ่งที่คุ้นมากๆร้องทักมาแต่ไกล อาชินหันไปมองข้างหลังก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาเห็นอาเจี๋ย อาหมิง อาหลง เสี่ยวหู่ และเฮยหลงมาพร้อมกันเลย
"พวกนายถูกเลือกกันหมดเลยเหรอ" อาชินถาม
"ใช่แล้วยังไม่เชื่ออยู่เลยเนี่ย ว่าฉันจะถูกเลือกได้.... แล้วเฟรมกับอาถิงละ" อาชินเงียบเลือกที่จะไม่ตอบ ทำให้พวกเสี่ยวหู่พอจะรู้คำตอบแล้ว
"เสียใจด้วยนะ" เฮยหลงพูดและตบไหล่อาชินเบาๆ ซึ่งเขาก็ยิ้มแห้งๆตอบ
ระหว่างที่พวกเขากำลังสนทนาอยู่นั้นก็ได้ปรากฎชายหนุ่ม ในชุดสูทสีเทาสลับดำผูกเนคไทสีน้ำเงินเดินเข้ามา โดยมีบอร์ดี้การ์ดประกบติดข้างๆสองคนร่างใหญ่พอสมควร ทุกคนหันไปทางชายหนุ่มคนนั้นกันหมดแต่จะเรียกชายหนุ่มมันก็แปลกๆ เพราะท่าทางบุคคลิกภาพของคนนี้ออกไปทางสาวชะมากกว่า บุคคลท่านนี้อาชินรู้จักดีเพราะคนนี้คือ เอกอัครราชทูตอากิระ เป็นราชทูตที่อาวุโสมากๆในประเทศนี้และทรงอำนาจมาก เรียกได้ว่ามีอำนาจมากกว่าจอมทัพที่เป็นผู้นำประเทศเสียด้วยช้ำ
"สวัสดีทุกคนฉัันมีชื่อว่า อากิระ รีเฟนสตาห์ล จากนี้เป็นต้นไปฉันจะเป็นคนคอยดูแลพวกนายเอง... ออ ถ้าจะให้ดีจริงๆเรียกฉันสั้นๆว่า "แม่อากิ" ก็ได้นะ" ท่านทูตอากิระพูดด้วยเสียงร่าเริงแจ่มใส
+++++++++++++++++++++++
อาชินถูกปลดผ้าออกจากตาซึ่งเขาพบว่าตัวเองน่าจะอยู่ ส่วนในของวิหารแล้วโดยตรงหน้าเป็นประตูสองบาน มีลวดลายเป็นภาพเขียนลายเส้นสีทองรูปนกฟินิกซ์กางปีกขึ้นในบานซ้าย และอีกตัวกางปีกลงในบานขวาไม่นานนักประตูก็เปิดออก ปรากฎเป็นร่างนักบวชในผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มถือไม้เท้า สูงกว่าตัวเองอยู่หน่อยหนึ่งเป็นคนรูปร่างสูงผอมไม่มาก ผิวขาวเหลืองไม่มีผมดวงตาสีน้ำตาลทับทิม นักบวชคนดั่งกล่าวมองมาที่พวกอาชินเหมือนพินิจพิจารณาอยู่
"ขอต้อนรัับสู่วิหารนกฟินิกซ์เหล่าอนาคตของประเทศนี้ พวกเจ้าคงรู้ดีว่ามาที่นี้ทำไม" นักบวชคนนั้นเอ๋ยขึ้น
อาชินแอบมองเพื่อนของตนดูเหมือนพวกแคลวินจะตื่นเต้นไม่ใช่น้อย คงมีแต่อาถิงคนเดียวที่แสดงท่าทีของความวิตกกังวล เด็กชายนึกเล่นๆนะว่าถ้าเกิดอาถิงถูกเลือกเนี่ย มันจะเป็นยังไงแต่เขาก็อยากให้ญาติลูกพี่ลูกน้องคนนี้ ได้เป็นนักรบฟินิกซ์ไว้ตอกหน้าพวกนั้นสักครั้งเหมือนกัน ส่วนตัวเขานะไม่คิดว่าตัวเองจะถูกเลือกอยู่แล้ว เพราะยังไงก็ได้เขาไม่เคยมีปัญหา
"เอาละเพื่อไม่ให้ต้องเสียเวลา ข้าขอ 10 คนแรกที่จะเข้าไปพบกับลูกแก้วฟินิกซ์ ใครที่ต้องเดินออกมาทางประตูบานนี้นั้นคือไม่ได้ถูกเลือก" นักบวชท่านนั้นกล่าวเสริม
สิ้นคำแล้วอาชินก็โดนผู้พิทักษ์จับพาเดินเข้าไปเพราะเขากับพวกอาถิงดันอยู่ 10 คนแรกพอดี ซึ่งมีเขา อาถิง เฟรม แคลวิน ไมค์ เฟร็ด เกรแฮม และอีกสามคนโดยสองคนเป็นฝาแฝดกัน ส่วนคนที่สิบเป็นผู้หญิงที่ลักษณะออกทอมบอยหน่อยๆ ข้างในห้องนั้นนั้นมีรูปปั้นของนกฟินิกซ์สีทองเปลวเพลิงอยู่ ตรงใจกลางนั้นมีลูกแก้ว 13 ลููกวางเรียงเป็นวงกลมอยู่ อาชินจำได้ว่าหนึ่งในลูกแก้วที่ทรงอนุภาพมากที่สุดคือ ลูกแก้วสีน้ำเงิน ที่สำคัญน้อยคนที่จะถูกลูกแก้วสีนี้เลือก
"ลูกแก้วดวงใดส่องแสงแล้วส่งแสงนั้นไปที่ตัวพวกเจ้า นั้นเท่ากับว่าพวกเจ้าถูกเลือกแล้ว...จงไปยืนอยู่ตรงกลางของลูกแก้ว"
ไม่รู้เพราะอะไรอาชินกับพวกอาถิงจับมือกันเดินเข้าไป อยู่ใจกลางลูกแก้วทั้ง 13 ลูกเด็กชายไม่เข้าใจตัวเอง เหมือนกันนะว่าแค่นี้ทำไมตัวเขาต้องตื่นเต้นอะไรขนาดนี้ นักบวชผ้าคลุมสีน้ำเงินเห็นว่าเด็กๆอยู่ในวงแล้ว จึงใช้ไม้เท้าแล้วเริ่มท่องมนคาถาอะไรสักอย่าง ที่อาชินไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก และลูกแก้วทั้งหมดที่รายล้อมพวกเขาก็สั่นสะเทือนขึ้นเอง พร้อมกับเรือนแสงสว่างขึ้นอาชินรับรู้ได้ว่าอาถิงจับมือเขาแน่นกว่าเมื่อกี้นี้มาก
"พวกนาย...ขอให้โชคดีนะเพื่อน" เฟรมพูดอย่างตื่นเต้น
เมื่อนักบวชร่ายคาถาจบแล้วก็ชูไม้เท้าเหนือหัวขึ้นไป แสงของลูกแก้วก็พุ่งทะยานขึ้นบนเพดาน ในตอนแรกเกิดเป็นแสง 13 สี เมื่อมันค่อยๆลอยลงมาทางพวกเขา มันเหลือแค่สีเดียวคือ สีแดงเพลิงในรูปของนกฟินิกซ์จากนั้นไม่นาน มันก็แตกออกเป็น 4 ตนบินลงมาอย่างสง่างาม มันบินวนรอบพวกเขาอยู่สักพักแล้วจากนั้น มันก็บินตรงมาทะลุเข้าร่างของอาชินและหายไป เหลือแต่ควันสีเพลิงเท่านั้น นกฟินิกซ์อีกสามตัวก็บินทะลุเข้าร่างของเด็กแฝดชายกับทอมบอยเช่นกัน อาชินงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก
สักพักประตูบานสีทองซึ่งไม่ใช่ประตูที่พวกเขาเดินเข้ามา มันก็เปิดออกแล้วนักบวชก็เดินตรงมาหาพวกเขา อาชินหันไปมองที่ประตูบานนั้นเขาเห็นเด็กหลายคนทั้งชายและหญิงอยู่ในนั้น จากนั้นอาชินก็ถูกจับแยกมาอยู่กับอีกสามคน และอาถิงอยู่กับพวกแคลวินนั้นช่างเป็นสัญญาณที่ไม่ดีเอาเสียเลย ผู้พิทักษ์อีกคนเดินออกมาจากประตูที่เปิดออก เหมือนเตรียมรับคำสั่งใหม่จากนักบวช
"พาเด็กทั้งสี่คนนี้ไปร่วมกลุ่มกับเด็กที่ถูกเลือกเลย" นักบวชกล่าว อาชินแทบไม่อยากเชื่อที่ได้ยิน เขามองหน้าพวกอาถิงที่ตอนนี้พวกเขาต่างก็ยอมรับผลของมันได้อาถิงก็เช่นกัน แต่มันไม่ใช่สำหรับอาชิน
"เดียวนะครับ หมายความว่าไงที่ว่าถูกเลือก ผมถูกเลือกงั้นเหรอ" อาชินถามพร้อมชี้หน้าตัวเอง
"ใช่แล้วเด็กน้อยเจ้าถูกเลือก และจะต้องย้ายไปอยู่กับท่านทูตอากิระเพื่อจะเรียนรู้ และฝึกฝนพลังของมันในอนาคตหน้า" นักบวชตอบ
"แล้วพี่น้องผมละ เพื่อนผมด้วย" อาชินถามขึ้น นักบวชสำรวจมองแววตาของอีกฝ่าย คงเดาได้ไม่ยากว่าคงจะผูกพันกันอย่างมากร่วมทั้งเพื่อนกลุ่มนี้ด้วย การที่อยู่ดีๆไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วนั้นมันทำใจลำบาก
"ข้าเสียใจ พวกเขาไม่ได้ถูกเลือก เจ้าพาพวกเขาไปไม่ได้" นักบวชตอบ
"ผมไม่ไป ! ถ้าอาถิงไม่ได้ไปกับผม ผมก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น" อาชินประกาศเสียงกร้าวมาก ทำเอาผู้พิทักษ์จะรุมเข้ามาทำอะไรเขาสักอย่างซึ่งนักบวชก็ห้ามไว้
"ไม่เป็นไรอาชิน ฉันอยู่ได้ นายไปเถอะไม่ต้องห่วงฉัน" อาถิงพูดอย่างหนักแน่น
"นายไม่ต้องกังวล อี้ถิงไม่ได้อยู่ลำพังยังมีพวกเราอยู่ทั้งคน" แคลวินพูดเสริม พวกเขามองอาชินด้วยสายตาที่อยากให้เด็กชายเชื่อมั่นว่ายังไงก็ไม่มีวันทอดทิ้งกันและกันอยู่แล้ว
อาชินเห็นสายตาที่่มุ่งมั่นมากๆของอาถิงและของเพื่อนๆแล้ว เขาก็อยากลองเชื่อมั่นดูสักครั้งเมื่อนักบวชเห็นว่า ทุกอย่างเคลียร์แล้วก็พยักหน้าเชิงออกคำสั่งให้ผู้พิทักษ์พาอาชินกับเด็กอีกสามคน เดินเข้าไปร่วมกับคนอื่นๆที่ถูกเลือกซึ่งอาชินยังเหลียวหลังมา มองเพื่อนๆของเขาซึ่งก่อนที่ประตูจะปิดนั้น อาถิงและพวกแคลวินชูนิ้วโป้งให้เห็นเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อประตูปิดตัวลงแล้วอาชินพบว่ามันเหมือนเป็นห้องรับรองขนาดใหญ่พอสมควร
"นั้นอาชินจริงๆด้วย" เสียงหนึ่งที่คุ้นมากๆร้องทักมาแต่ไกล อาชินหันไปมองข้างหลังก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาเห็นอาเจี๋ย อาหมิง อาหลง เสี่ยวหู่ และเฮยหลงมาพร้อมกันเลย
"พวกนายถูกเลือกกันหมดเลยเหรอ" อาชินถาม
"ใช่แล้วยังไม่เชื่ออยู่เลยเนี่ย ว่าฉันจะถูกเลือกได้.... แล้วเฟรมกับอาถิงละ" อาชินเงียบเลือกที่จะไม่ตอบ ทำให้พวกเสี่ยวหู่พอจะรู้คำตอบแล้ว
"เสียใจด้วยนะ" เฮยหลงพูดและตบไหล่อาชินเบาๆ ซึ่งเขาก็ยิ้มแห้งๆตอบ
ระหว่างที่พวกเขากำลังสนทนาอยู่นั้นก็ได้ปรากฎชายหนุ่ม ในชุดสูทสีเทาสลับดำผูกเนคไทสีน้ำเงินเดินเข้ามา โดยมีบอร์ดี้การ์ดประกบติดข้างๆสองคนร่างใหญ่พอสมควร ทุกคนหันไปทางชายหนุ่มคนนั้นกันหมดแต่จะเรียกชายหนุ่มมันก็แปลกๆ เพราะท่าทางบุคคลิกภาพของคนนี้ออกไปทางสาวชะมากกว่า บุคคลท่านนี้อาชินรู้จักดีเพราะคนนี้คือ เอกอัครราชทูตอากิระ เป็นราชทูตที่อาวุโสมากๆในประเทศนี้และทรงอำนาจมาก เรียกได้ว่ามีอำนาจมากกว่าจอมทัพที่เป็นผู้นำประเทศเสียด้วยช้ำ
"สวัสดีทุกคนฉัันมีชื่อว่า อากิระ รีเฟนสตาห์ล จากนี้เป็นต้นไปฉันจะเป็นคนคอยดูแลพวกนายเอง... ออ ถ้าจะให้ดีจริงๆเรียกฉันสั้นๆว่า "แม่อากิ" ก็ได้นะ" ท่านทูตอากิระพูดด้วยเสียงร่าเริงแจ่มใส
+++++++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ