นักรบพันธุ์โหด ตอน หวงจือชิน Secson 1
8.0
เขียนโดย กนกพัชร
วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.12 น.
53 ตอน
0 วิจารณ์
43.57K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2562 00.28 น. โดย เจ้าของนิยาย
30) ตอนที่ 30 การก้าวข้ามไปสู่อีกวัย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความค่ายยุวชนทหาร เวลา 10.00 น.
อาชินกับอาถิงกำลังผลัดซ้อมชก-เตะกระสอบทรายกัน อย่างขมักเขม้นหลังจากที่พักมายาวนานมาก ทั้งสองเลือกที่จะไม่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์หวงตระกูลหลักกับใคร หลังจากที่ทั้งสองมีเรื่องกับพวกหวงอี้ชวิ่นนั้นแน่นอนว่า ต้องโดนหวงฉี่ชุ่นตำหนิเป็นเรื่องปกติแต่สำหรับไป๋อวี๋หลิงแล้วดูเหมือนเธอจะไม่พอใจ อย่างมากที่มีคนมาทำกับลูกชายทั้งหกคนของเธอ ไอ้ไม่พอใจนะไม่เท่าไหร่แต่เล่นโวยวายไม่ดูสถานที่นั้นทำให้สุดท้าย โดนเชิญออกจากงานทั้งแม่และลูก แต่แววตาที่มองมาอาถิงนั้นอาชินจำได้ว่ามันไม่ใช่แววตาที่มองลูกในไส้เลย จงเกลียดจงชังอะไรขนาดนั้น
"หน่วยก้านพวกนายเริ่มแข็งมากขึ้น รู้ตัวกันบ้างไหมเนี่ย" เฟรมพูดในขณะที่ตัวเองนั้น กำลังชกเสาไม้ที่พันด้วยเชือกหนาๆอยู่
"ใช่เหรอ ฉันสองคนก็ฝึกแบบนี้ทุกวันเหมือนนายนั้นแหละ" อาชินพูด แต่เขาก็รู้สึกว่าขาเขาแข็งๆและเนื้อขาแน่นมากกว่าแต่ก่อนมาก เขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นผลมาจากการที่ร้อยตรีโทมัส ให้พวกเขาเตะต้นไม้ทุกวันเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งอะไรสักอย่างที่เขาก็ไม่เข้าใจ ว่าเตะต้นไม้มันเกี่ยวกันตรงไหน แต่ที่แน่ๆคือเหมือนขาเขาตายด้านไปแล้ว
"เฟรม ทำไมมือนายมีพลาสเตอร์ปิดเต็มนิ้วขนาดนั้นอ่ะ" อาถิงถาม
หากอาถิงไม่ร้องทักอาชินจะไม่สังเกตเห็นเลยว่า ที่นิ้วมือทั้งสองข้างของเฟรมนั้นพลาสเตอร์ปิดแผลเต็มมือ อย่างที่อาถิงบอกจริงๆนั้นแหละและไฮไลกว่านั้นคือ มีพลาสเตอร์อันหนึ่งมันลุ่ยออกมาเล็กน้อย เผยให้เห็นแผลสดใหม่ๆได้ชัดเจนเหมือนกับโดนเชือด ด้วยของมีคมมายังไงยังนั้น แต่อย่าว่าแต่ของเฟรมเลยมือของอาชินก็เละไม่ใช่น้อยๆ เพราะบางทีร้อยตรีโทมัสให้พวกเขาเอามือทั้งสับ ทุบ ตบ และชกกับกระสอบใส่ทราย แรกๆผิวมือจะแดงแต่ไปๆมาๆจะกลายเป็นแผล ยังไม่นับแผลที่เท้านะ
"ก็มีฝึกหนักนิดหน่อยนะ...แต่ของนายสองคนก็ไม่ต่างจากฉันนักหรอก" เฟรมกล่าวแห้งๆ
เท่าที่อาชินกับอาถิงรู้นั้นคือเฟรมเลือกวิชาต่อสู้คาราเต้ ทั้งสองไม่รู้ว่าวิธีการฝึกมันเป็นแบบไหนได้ยินแต่ ปากต่อปากต่อๆกันมาเท่านั้นว่าฝึกโหดมากแต่ไม่รู้ว่าโหดแค่ไหน แต่เท่าที่ดูแผลที่มือของเฟรมก็น่าจะพอเดาออก สักพักหนึ่งแคลวิน ไมค์ แกรแฮม และเฟร็ดต่างพาอุปกรณ์การฝึกที่ไปเบิกมา เต็มกระเป๋าซึ่งเมื่อเฟร็ดควักมันออกมาก็จะนวมชกมวย ดาบ ไม้พลอง หอก ทวน ฯลฯ อาชินคิดในใจว่าจะเอาไปซ้อมหรือจะเอาไปรบกับใคร
"เอาอะไรมาเยอะแยะเนี่ย" อาชินถาม
"อุปกรณ์เสริมทักษะในการต่อสู้ของพวกเราไง ฉันเชื่อว่าในอนาคตต้องได้ใช้แน่นอน" แคลวินพูดอย่างมั่นใจมาก
อาชินเดินมาหยิบจับอาวุธต่างๆที่พวกแคลวินขนกันมา บทเรียนหนึ่งที่ร้อยตรีโทมัสกับหวงฉี่ชุ่นพูดเหมือนกันคือ แม้ว่าพวกเขาจะเน้นต่อสู้แบบมือเปล่า แต่ถ้าฝึกใช้อาวุธด้วยมันจะเพิ่มทักษะและประสิทธิภาพของการต่อสู้ พูดง่ายๆคือฝึกหลากหลายมากกว่าแค่ การชก เตะ เข่า ศอก แคลวินไปหยิบง้าวที่ออกแบบเท่ากับตัวเขาออกมา และแยกไปฝึกซึ่งไม่ไกลมากแต่รักษาระยะห่างไว้ เพื่อที่จะได้ไม่โดนเพื่อน
ไมค์หยิบดาบใหญ่ออกมาจากกระเป๋าและเอาไปฝึกอีกที่ ซึ่งไมค์จะเน้นฝึกแบบการฟาดฟันมากกว่าแค่ปัดป้อง เฟร็ดนั้นได้หยิบเอาทวนออกมาและเหมือนจะไปเป็นคู่ซ้อมให้กับแคลวินแทน ในขณะที่เกรแฮมนั้นเอาเลือกมีดตัดคอหอย มันเป็นใบมีดสองโค้งและมีด้ามจับในขณะแนวนอน หวงฉี่ชุ่นเคยบอกอาชินว่าอาวุธชนิดนี้มีความคมมาก และมีประสิทธิภาพพอๆกับมีดคาราบิตทีเดียว แน่นอนว่าหวงฉี่ชุ่นยังย้ำด้วยว่า อาวุธชนิดนี้เน้นความแม่นยำในการเชือดเฉือนจุดสำคัญ อย่างเช่นคอหอยของข้าศึกนั้นจึงเป็นที่มาของชื่อว่า มีดตัดคอหอย
อาชินกับอาถิงก็ลองหยิบจับอาวุธขึ้นมาบ้างซึ่งทั้งสองเห็นแค่กระบี่สองเล่ม กับไม้พลองแขนสีดำสองอันเท่านั้น เหมือนทั้งสองจะใจตรงกันคือ เลือกหยิบกระบี่ขึ้นมาคนละเล่ม อาชินชักกระบี่ออกมานั้นใบดาบเป็นแค่ท่อนพลาสติก เวลาโดนตีอาจจะ (อาจจะ) ไม่เจ็บมากเท่าไหร่ ด้วยความที่รู้เหนี่ยวตัวนั้นอาชินกับอาถิงพากันถอดเสื้อออก เฟรมที่กำลังชกเสาไม้อยู่ก็ต้องตาค้างพอสมควรทำเอาทั้งสองทำหน้างุนงง
"ทำหน้าแบบนั้นแปลว่าอะไรนะ" อาถิงถาม
"กล้ามพวกนาย โคตรแน่นกว่าฉันชะอีก" เฟรมกล่าวขึ้น
เสียงทักของเฟรมทำให้เด็กชายพากันสำรวจตัวเอง เขายอมรับว่าเพิ่งจะมารู้ตัวว่ากล้ามเนื้อตั้งแต่ท่อนแขน หน้าท้อง และหน้าอกมันแน่นและแข็งแรงมาก ของอาถิงนั้นอาจจะไม่แน่นเท่าเขามากนัก อาจเป็นเพราะว่าสมัยก่อนเข้าค่ายนั้นอาถิงแทบจะเรียกได้ว่า ไม่ยอมที่จะมาฝึกหลบอยู่ข้างหลังหม่าญวนตลอด อาชินลองเบ่งกล้ามดูสักตั้งปรากฎก้อนเนื้อแข็งๆขึ้น ที่ท่อนแขนเหมือนภูเขาขนาดย่อม ซึ่งอาชินลองเอานิ้วจิ่มดูมันแข็งไม่ใช่ย่อย
"จริงด้วย เพิ่งรู้นะเนี่ย" อาชินพูด
"นายไม่เคยสำรวจตัวเองกันเลยเหรอ" ไมค์ถามขึ้นในขณะที่ตัวเองยังฝึกอยู่
"ฉันสนใจชะที่ไหนกันละ" อาชินพูด และฝึกการใช้กระบี่ในมือไปพลางๆ
"พวกนายเคยคิดถึงวันข้างหน้ากันไหมอ่ะ อันนี้จริงจัง" เฟรมถามขึ้นลอยๆ แต่ทำให้พวกเขาหันมาสนใจกันได้
คำถามของเฟรมก็ทำให้อาชินนั้นฉุกคิดได้เหมือนกัน วันข้างหน้าจะเป็นยังไงกันเพราะอีกสองวันถัดไป มันคือวันเกิดครบอายุ 6 ขวบของเด็กชายแล้ว ถัดจากวันเกิดเขาไปอีก 5 วัันก็จะเป็นวันเกิดของอาถิงด้วย หวงฉี่ชุ่นมักสอนพวกเขาเสมอว่าหากผ่านพ้น วันเกิดของพวกเขาไปเมื่อไหร่ นั้นแปลว่าพวกเขาจะก้ามข้ามไปสู่อีกวัยที่โตกว่า และต้องเรียนรู้โลกภายนอกมากขึ้นที่ไม่ใช่แค่อยู่ในบ้านแล้ว
"ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยคิดเลยฉันรู้ว่าถ้าทำวันนี้ดี วันข้างหน้าต้องดีแน่นอน" เกรแฮมตอบ
"ฉันก็ไม่เคยคิดเหมือนกัน ไม่รู้จะคิดไปทำไมให้ปวดหัว" ไมค์พูดเสริมอีกแรง
"ตรงข้ามเลยปู่พวกเราสอนว่า วันหน้าคือวันที่ไม่มีหวนกลับคืนมาได้ ต่อจากนี้ฉัน และพวกนายก็จะอายุ 6 ขวบกันแล้ว ไม่ใช่ 4-5 ขวบเหมือนเมื่อวานเพราะมันกู้คืนไม่ได้ ปู่เรียกมันว่า "การก้ามข้ามไปสู่วัยที่โตกว่า" อาถิงกล่าว
พวกแคลวินพากันทำหน้าอึ้งกันหมดโดยเฉพาะกับอาชิน แปลกใจเหมือนกันที่ญาติคนนี้จดจำคำสอนของปู่ได้ด้วย เฟรมที่หยุดฝึกตอนไหนไม่รู้ตบมือให้พวกเขาได้ยินเท่านั้น อาถิงขมวดคิ้วที่ทำไมทุกคนต้องทำหน้ากันแบบนั้น เขาพูดอะไรผิดรึเปล่า
"ปรัญญานายเจ๋งมาก ปรบมือให้เลย"
"พึ่งรู้ว่านายพูดอะไรแบบนี้ได้ด้วย" ไมค์พูด
"อาว ทำไมพูดกันอย่างนี้อ่ะ" อาถิงพูด แล้วพวกเขาก็หัวเราะชอบใจกันใหญ่ แคลวินหยุดฝึกไปพักหนึ่งเพราะเขากำลังคุยกับยุวชนทหารรุ่นเดียวกันอยู่ ก่อนจะเดินมาทางกลุ่มพวกอาชิน
"มีอะไรรึแคลวิน" เฟรมถาม
"เพื่อนฉันคนหนึ่งเขาบอกต่อๆกันมา ว่าให้เตรียมใจไว้ให้ดีนะว่า กลางเดือนหน้าจะเริ่มคัดเลือกนักรบฟินิกซ์กันแล้ว" แคลวินตอบ
คำตอบของแคลวินทำให้พวกอาชินพากันเงียบไปพักใหญ่ ไม่คาดคิดว่าจะมีกำหนดกันเร็วขนาดนี้ อาชินหันไปมองเพื่อนๆของเขาในใจก็นึกสงสัยเหมือนนะว่าใครจะได้ถูกเลือก พวกเขาต่างมองหน้ากันไปมองหน้ากันมา ก่อนที่ตัดสินใจจะฝึกกันต่อดีกว่่า
++++++++++++++++++++
อาชินกับอาถิงกำลังผลัดซ้อมชก-เตะกระสอบทรายกัน อย่างขมักเขม้นหลังจากที่พักมายาวนานมาก ทั้งสองเลือกที่จะไม่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์หวงตระกูลหลักกับใคร หลังจากที่ทั้งสองมีเรื่องกับพวกหวงอี้ชวิ่นนั้นแน่นอนว่า ต้องโดนหวงฉี่ชุ่นตำหนิเป็นเรื่องปกติแต่สำหรับไป๋อวี๋หลิงแล้วดูเหมือนเธอจะไม่พอใจ อย่างมากที่มีคนมาทำกับลูกชายทั้งหกคนของเธอ ไอ้ไม่พอใจนะไม่เท่าไหร่แต่เล่นโวยวายไม่ดูสถานที่นั้นทำให้สุดท้าย โดนเชิญออกจากงานทั้งแม่และลูก แต่แววตาที่มองมาอาถิงนั้นอาชินจำได้ว่ามันไม่ใช่แววตาที่มองลูกในไส้เลย จงเกลียดจงชังอะไรขนาดนั้น
"หน่วยก้านพวกนายเริ่มแข็งมากขึ้น รู้ตัวกันบ้างไหมเนี่ย" เฟรมพูดในขณะที่ตัวเองนั้น กำลังชกเสาไม้ที่พันด้วยเชือกหนาๆอยู่
"ใช่เหรอ ฉันสองคนก็ฝึกแบบนี้ทุกวันเหมือนนายนั้นแหละ" อาชินพูด แต่เขาก็รู้สึกว่าขาเขาแข็งๆและเนื้อขาแน่นมากกว่าแต่ก่อนมาก เขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นผลมาจากการที่ร้อยตรีโทมัส ให้พวกเขาเตะต้นไม้ทุกวันเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งอะไรสักอย่างที่เขาก็ไม่เข้าใจ ว่าเตะต้นไม้มันเกี่ยวกันตรงไหน แต่ที่แน่ๆคือเหมือนขาเขาตายด้านไปแล้ว
"เฟรม ทำไมมือนายมีพลาสเตอร์ปิดเต็มนิ้วขนาดนั้นอ่ะ" อาถิงถาม
หากอาถิงไม่ร้องทักอาชินจะไม่สังเกตเห็นเลยว่า ที่นิ้วมือทั้งสองข้างของเฟรมนั้นพลาสเตอร์ปิดแผลเต็มมือ อย่างที่อาถิงบอกจริงๆนั้นแหละและไฮไลกว่านั้นคือ มีพลาสเตอร์อันหนึ่งมันลุ่ยออกมาเล็กน้อย เผยให้เห็นแผลสดใหม่ๆได้ชัดเจนเหมือนกับโดนเชือด ด้วยของมีคมมายังไงยังนั้น แต่อย่าว่าแต่ของเฟรมเลยมือของอาชินก็เละไม่ใช่น้อยๆ เพราะบางทีร้อยตรีโทมัสให้พวกเขาเอามือทั้งสับ ทุบ ตบ และชกกับกระสอบใส่ทราย แรกๆผิวมือจะแดงแต่ไปๆมาๆจะกลายเป็นแผล ยังไม่นับแผลที่เท้านะ
"ก็มีฝึกหนักนิดหน่อยนะ...แต่ของนายสองคนก็ไม่ต่างจากฉันนักหรอก" เฟรมกล่าวแห้งๆ
เท่าที่อาชินกับอาถิงรู้นั้นคือเฟรมเลือกวิชาต่อสู้คาราเต้ ทั้งสองไม่รู้ว่าวิธีการฝึกมันเป็นแบบไหนได้ยินแต่ ปากต่อปากต่อๆกันมาเท่านั้นว่าฝึกโหดมากแต่ไม่รู้ว่าโหดแค่ไหน แต่เท่าที่ดูแผลที่มือของเฟรมก็น่าจะพอเดาออก สักพักหนึ่งแคลวิน ไมค์ แกรแฮม และเฟร็ดต่างพาอุปกรณ์การฝึกที่ไปเบิกมา เต็มกระเป๋าซึ่งเมื่อเฟร็ดควักมันออกมาก็จะนวมชกมวย ดาบ ไม้พลอง หอก ทวน ฯลฯ อาชินคิดในใจว่าจะเอาไปซ้อมหรือจะเอาไปรบกับใคร
"เอาอะไรมาเยอะแยะเนี่ย" อาชินถาม
"อุปกรณ์เสริมทักษะในการต่อสู้ของพวกเราไง ฉันเชื่อว่าในอนาคตต้องได้ใช้แน่นอน" แคลวินพูดอย่างมั่นใจมาก
อาชินเดินมาหยิบจับอาวุธต่างๆที่พวกแคลวินขนกันมา บทเรียนหนึ่งที่ร้อยตรีโทมัสกับหวงฉี่ชุ่นพูดเหมือนกันคือ แม้ว่าพวกเขาจะเน้นต่อสู้แบบมือเปล่า แต่ถ้าฝึกใช้อาวุธด้วยมันจะเพิ่มทักษะและประสิทธิภาพของการต่อสู้ พูดง่ายๆคือฝึกหลากหลายมากกว่าแค่ การชก เตะ เข่า ศอก แคลวินไปหยิบง้าวที่ออกแบบเท่ากับตัวเขาออกมา และแยกไปฝึกซึ่งไม่ไกลมากแต่รักษาระยะห่างไว้ เพื่อที่จะได้ไม่โดนเพื่อน
ไมค์หยิบดาบใหญ่ออกมาจากกระเป๋าและเอาไปฝึกอีกที่ ซึ่งไมค์จะเน้นฝึกแบบการฟาดฟันมากกว่าแค่ปัดป้อง เฟร็ดนั้นได้หยิบเอาทวนออกมาและเหมือนจะไปเป็นคู่ซ้อมให้กับแคลวินแทน ในขณะที่เกรแฮมนั้นเอาเลือกมีดตัดคอหอย มันเป็นใบมีดสองโค้งและมีด้ามจับในขณะแนวนอน หวงฉี่ชุ่นเคยบอกอาชินว่าอาวุธชนิดนี้มีความคมมาก และมีประสิทธิภาพพอๆกับมีดคาราบิตทีเดียว แน่นอนว่าหวงฉี่ชุ่นยังย้ำด้วยว่า อาวุธชนิดนี้เน้นความแม่นยำในการเชือดเฉือนจุดสำคัญ อย่างเช่นคอหอยของข้าศึกนั้นจึงเป็นที่มาของชื่อว่า มีดตัดคอหอย
อาชินกับอาถิงก็ลองหยิบจับอาวุธขึ้นมาบ้างซึ่งทั้งสองเห็นแค่กระบี่สองเล่ม กับไม้พลองแขนสีดำสองอันเท่านั้น เหมือนทั้งสองจะใจตรงกันคือ เลือกหยิบกระบี่ขึ้นมาคนละเล่ม อาชินชักกระบี่ออกมานั้นใบดาบเป็นแค่ท่อนพลาสติก เวลาโดนตีอาจจะ (อาจจะ) ไม่เจ็บมากเท่าไหร่ ด้วยความที่รู้เหนี่ยวตัวนั้นอาชินกับอาถิงพากันถอดเสื้อออก เฟรมที่กำลังชกเสาไม้อยู่ก็ต้องตาค้างพอสมควรทำเอาทั้งสองทำหน้างุนงง
"ทำหน้าแบบนั้นแปลว่าอะไรนะ" อาถิงถาม
"กล้ามพวกนาย โคตรแน่นกว่าฉันชะอีก" เฟรมกล่าวขึ้น
เสียงทักของเฟรมทำให้เด็กชายพากันสำรวจตัวเอง เขายอมรับว่าเพิ่งจะมารู้ตัวว่ากล้ามเนื้อตั้งแต่ท่อนแขน หน้าท้อง และหน้าอกมันแน่นและแข็งแรงมาก ของอาถิงนั้นอาจจะไม่แน่นเท่าเขามากนัก อาจเป็นเพราะว่าสมัยก่อนเข้าค่ายนั้นอาถิงแทบจะเรียกได้ว่า ไม่ยอมที่จะมาฝึกหลบอยู่ข้างหลังหม่าญวนตลอด อาชินลองเบ่งกล้ามดูสักตั้งปรากฎก้อนเนื้อแข็งๆขึ้น ที่ท่อนแขนเหมือนภูเขาขนาดย่อม ซึ่งอาชินลองเอานิ้วจิ่มดูมันแข็งไม่ใช่ย่อย
"จริงด้วย เพิ่งรู้นะเนี่ย" อาชินพูด
"นายไม่เคยสำรวจตัวเองกันเลยเหรอ" ไมค์ถามขึ้นในขณะที่ตัวเองยังฝึกอยู่
"ฉันสนใจชะที่ไหนกันละ" อาชินพูด และฝึกการใช้กระบี่ในมือไปพลางๆ
"พวกนายเคยคิดถึงวันข้างหน้ากันไหมอ่ะ อันนี้จริงจัง" เฟรมถามขึ้นลอยๆ แต่ทำให้พวกเขาหันมาสนใจกันได้
คำถามของเฟรมก็ทำให้อาชินนั้นฉุกคิดได้เหมือนกัน วันข้างหน้าจะเป็นยังไงกันเพราะอีกสองวันถัดไป มันคือวันเกิดครบอายุ 6 ขวบของเด็กชายแล้ว ถัดจากวันเกิดเขาไปอีก 5 วัันก็จะเป็นวันเกิดของอาถิงด้วย หวงฉี่ชุ่นมักสอนพวกเขาเสมอว่าหากผ่านพ้น วันเกิดของพวกเขาไปเมื่อไหร่ นั้นแปลว่าพวกเขาจะก้ามข้ามไปสู่อีกวัยที่โตกว่า และต้องเรียนรู้โลกภายนอกมากขึ้นที่ไม่ใช่แค่อยู่ในบ้านแล้ว
"ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยคิดเลยฉันรู้ว่าถ้าทำวันนี้ดี วันข้างหน้าต้องดีแน่นอน" เกรแฮมตอบ
"ฉันก็ไม่เคยคิดเหมือนกัน ไม่รู้จะคิดไปทำไมให้ปวดหัว" ไมค์พูดเสริมอีกแรง
"ตรงข้ามเลยปู่พวกเราสอนว่า วันหน้าคือวันที่ไม่มีหวนกลับคืนมาได้ ต่อจากนี้ฉัน และพวกนายก็จะอายุ 6 ขวบกันแล้ว ไม่ใช่ 4-5 ขวบเหมือนเมื่อวานเพราะมันกู้คืนไม่ได้ ปู่เรียกมันว่า "การก้ามข้ามไปสู่วัยที่โตกว่า" อาถิงกล่าว
พวกแคลวินพากันทำหน้าอึ้งกันหมดโดยเฉพาะกับอาชิน แปลกใจเหมือนกันที่ญาติคนนี้จดจำคำสอนของปู่ได้ด้วย เฟรมที่หยุดฝึกตอนไหนไม่รู้ตบมือให้พวกเขาได้ยินเท่านั้น อาถิงขมวดคิ้วที่ทำไมทุกคนต้องทำหน้ากันแบบนั้น เขาพูดอะไรผิดรึเปล่า
"ปรัญญานายเจ๋งมาก ปรบมือให้เลย"
"พึ่งรู้ว่านายพูดอะไรแบบนี้ได้ด้วย" ไมค์พูด
"อาว ทำไมพูดกันอย่างนี้อ่ะ" อาถิงพูด แล้วพวกเขาก็หัวเราะชอบใจกันใหญ่ แคลวินหยุดฝึกไปพักหนึ่งเพราะเขากำลังคุยกับยุวชนทหารรุ่นเดียวกันอยู่ ก่อนจะเดินมาทางกลุ่มพวกอาชิน
"มีอะไรรึแคลวิน" เฟรมถาม
"เพื่อนฉันคนหนึ่งเขาบอกต่อๆกันมา ว่าให้เตรียมใจไว้ให้ดีนะว่า กลางเดือนหน้าจะเริ่มคัดเลือกนักรบฟินิกซ์กันแล้ว" แคลวินตอบ
คำตอบของแคลวินทำให้พวกอาชินพากันเงียบไปพักใหญ่ ไม่คาดคิดว่าจะมีกำหนดกันเร็วขนาดนี้ อาชินหันไปมองเพื่อนๆของเขาในใจก็นึกสงสัยเหมือนนะว่าใครจะได้ถูกเลือก พวกเขาต่างมองหน้ากันไปมองหน้ากันมา ก่อนที่ตัดสินใจจะฝึกกันต่อดีกว่่า
++++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ