นักรบพันธุ์โหด ตอน หวงจือชิน Secson 1
8.0
เขียนโดย กนกพัชร
วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.12 น.
53 ตอน
0 วิจารณ์
43.23K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2562 00.28 น. โดย เจ้าของนิยาย
17) ตอนที่ 17 ปลุกพลัง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความสนามฝึกนักสู้วูซู เวลา 09.03 น.
นอกจากการฝึกในโรงฝึกแล้วยุวชนทหารที่เลือกฝึกวูซูนั้นก็ต้องมาฝึกกลางแดดเช่นกัน โดยบทเรียนนั้นคือการดึงพลังแฝงออกมาจากร่างกายที่เรียกว่า ไฟธาตุ เปรียบเสมือนลมปราณก็ว่าได้แสงแดดยามเช้าไม่ค่อยแรงมาก ร้อยตรีโทมัสจึงกล้าที่จะให้ยุวชนทหารในสังกัดของเขามาฝึกกลางสนามได้แต่เวลานี้เขาปล่อยให้เด็กๆวอร์มร่างกายก่อน เพราะเห็นว่ายังมีเวลาเหลือเฟื้อสำหรับบทเรียนที่จะฝึกเด็กๆเหล่านี้
"อาชินเมื่อคืนฉันฝันถึงคุณย่าด้วย" อาถิงที่กำลังยืดเส้นขาพูดขึ้น
"นายฝันว่าไง" อาชินถาม
"อือ ฉันเห็นคุณย่านั่งอยู่เก้าอี้โยกหน้าบ้าน แต่ท่านดูเศร้ามากเลยเหมือนกับกำลังรอให้พวกเรากลับไปหา" อาถิงตอบ
คำตอบของญาติลูกพี่ลูกน้องทำให้อาชินเองก็พึ่งจะนึกได้ว่าตั้งแต่วันที่ปู่มาส่งเขากับอาถิงที่ค่ายทหาร ทั้งสองแทบไม่ได้ส่งข่าวคราวอะไรให้หม่าญวนผู้เป็นย่าเลยทั้งที่มันเข้ามาปีที่สองแล้ว เดือนที่สองนี้เขาก็จะอายุครบ 5 ขวบแล้วบางทีก็อดคิดถึงกับข้าวฝีมือของย่าเหมือนกันและที่สำคัญสวนแปลงผักที่เขากับอาถิงเคยช่วยกันดูแลมันจะเป็นยังไงบ้างน่า
"พวกนายไม่ต้องกังวลไปหรอกสิ้นเดือนนี้ เขาจะอนุญาตให้พวกเรากลับบ้านได้" แคลวินที่นั่งไม่ห่างมากพูดขึ้นหลังวอร์มร่างกายเสร็จแล้ว อาชินกับอาถิตาเป็นประกายทันทีที่ได้ยิน
"นายรู้ได้ไงนะ" อาถิงถามด้วยความตื่นเต้น
"พ่อฉันพึ่งมาบอกตอนอยู่โรงอาหารนะ เห็นว่าให้อยู่ที่บ้านยาวนะ" แคลวินตอบ อาชินขมวดคิ้วสงสัย
"นานขนาดไหนกัน" อาเจี๋ยที่ยืดแขนเสร็จถาม แคลวินยักไหล่
"เดือนหนึ่งนะเท่าที่พ่อบอกมา มันจะมีการเตรียมงานอะไรสักอย่างอ่ะ" แคลวินพูด
"งานอะไรที่ว่านะ" อาชินถามด้วยความสงสัย
เสียงเป่านกหวีดดังลั่นขึ้นทั่วสนามทำให้อาชินและเพื่อนยุวชนทหารนายอื่นๆหยุดวอร์มร่างกาย และพากันวิ่งมาตั้งแถวอย่างรวดดเร็วทันที ที่สำคัญพวกเขาไม่มีการกระดุกกระดิกแต่อย่างใดสร้างความพอใจให้กับร้อยตรีโทมัสอย่างมาก หลังจากที่เขาอบรมฝึกให้กับยุวชนทหารเหล่านี้ยอมรับว่าพวกเขาพัฒนาดีขึ้นโดยเฉพาะอาถิงที่ตอนนี้แตกต่างตอนเจอกันครั้งแรก ร้อยตรีโทมัสเดินสำรวจว่ามีคนไหนขยุกขยิก แต่เมื่อไม่มีทุกคนนิ่งกันหมดแล้วร้อยตรีโทมัสจึงเดินกลับไปที่เดิม
"การฝึกขั้นต่อไปนี้คือการดึงพลังแฝงในตัวของพวกนายออกมา สิ่งนั้นพวกเราเรียกมันว่า "พลังไฟธาตุ"
ทหารพี่เลี้ยงสองนายก็เข็นป้ายใหญ่ออกมาอยู่ข้างหลังของร้อยตรีโทมัส ซึ่งมันเป็นภาพไฟสีต่างๆและมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป คำว่า "พลังไฟธาตุ" นั้นอาชินจำได้ว่าเขาเคยเห็นจากหวงฉี่ชุ่นใช้ตอนที่ใช้ฝึกที่ห้องใต้ดินของบ้าน สมัยนั้นเขากับอาถิงถูกสั่งห้ามไม่ให้ลงไปแต่เขาทั้งสองก็ฝ่าฝืนถูกทำโทษในที่สุด แต่ภาพที่เขาจำได้คือทั้งสองกำปั้นของหวงฉี่ชุ่นนั้นเรืองแสงเป็นส้มผสมแสดอ่อนๆเหมือนปู่เขากำแสงนีออนไว้
"พลังไฟธาตุคือพลังชีวิตในตัวพวกนายนั้นแหละ ซึ่งพวกนายได้เห็นแล้วตั้งแต่วันแรกที่มารายงานตัวและมีบางคนเริ่มที่จะเค้นพลังนั้นออกมาได้แล้ว" ร้อยตรีโทมัสพูดขึ้น
มียุวชนทหารบางนายหันมามองอาชินเพราะเขาก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่สามารถเค้นพลังไฟธาตุออกมา ตอนที่ต่อสู้กับแดเนียล ฟอร์ดแต่เด็กชายเชื่อว่าในกลุ่มนี้ต้องมีคนที่สามารถเค้นพลังได้แต่ยังไม่แสดงตัวออกมาเท่านั้น แต่ลึกๆเขาก็อยากรู้ว่าพลังของตนนั้นมีมากมายแค่ไหนกัน ภาพที่เขาได้ใช้พลังนี้ชกเข้าที่ใบหน้าของหวงฉางเฉินพี่ชายของอาถิงนั้น ยังติดตาเขาอยู่
"พลังไฟธาตุจะมีดังต่อไปนี้...สีแดงนี้คือไฟธาตุอัคคี คุณสมบัติคือ "เผาผลาญ" ร้อยตรีโทมัสนั้นเอาไม้บรรทัดชี้มาภาพของกำปั้นที่เรืองแสงเป็นแดงซึ่งมันคล้ายกับของอาชินมาก แต่ต่างตรงที่มันจะสีเข้มกว่าของเขาเท่านั้น
"คนที่มีพลังไฟธาตุอัคคีจะมีร่างกายอุณหภูมิร่างกายร้อนมากกว่าคนอื่น 3 เท่าและมีความเผาผลาญดีกว่า แต่ก็มีข้อเสียเหมือนกันคือคนพลังไฟธาตุอัคคีจะเป็นคนอารมณ์ร้อน มุทะลุมากเกินไปซึ่งพวกนายตอนนี้อายุยังน้อย อาการที่กล่าวจึงยังไม่เกิด" ร้อยตรีโทมัสเสริม
"แล้วอาการที่ครูบอกมันจะเกิดขึ้นเมื่ออายุเท่าไหร่ครับ" ยุวชนทหารที่อยู่แถวหน้ายกมือถามขึ้น
"ถามได้ดีมันจะเกิดขึ้นเมื่อพวกนายโตเป็นวัยรุ่นตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไป...ออ อีกเรื่องความต้องการทางเพศของคนไฟธาตุนี้สูงกว่าคนทั่วไปด้วย ใครที่เป็นไฟธาตุอัคคีเตรียมตัวเตรียมใจไว้ละ" ร้อยตรีโทมัสพูด
"ขอให้อย่าเป็นไฟธาตุอัคคีเลย... รับไม่ได้" ยุวชนทหารหญิงที่นั่งถัดจากอาถิงไปเปรยขึ้นเบาๆ
อาชินที่ได้ฟังประโยคของครูฝึกเมื่อกี้นี้ชักเริ่มหวั่นๆแล้ว ไอ้อุณหภูมิในร่างกายร้อนกว่าหรือการที่ต้องกลายเป็นคนอารมณ์ร้อนอันนั้นเขารับได้แต่ ความต้องการทางเพศสูงเนี่ยไม่ขอมีได้ไหมเพราะเขาเคยเห็นตัวอย่างจาก "หวงอี้ชวิ่น" พี่ชายอีกคนของอาถิงซึ่งก็มีพลังคล้ายๆกับของอาชินแต่เข้มกว่าเพราะอีกฝ่ายโตกว่าเขา แต่ที่เด็ดกว่าคือหวงอี้ชวิ่นชอบมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวไปทั่วและมักจะเพ็งเล็งพลเรือนเป็นหลักมากกว่าซึ่งเด็กชายไม่อยากเป็นแบบนั้น
"ต่อไปเลยละกันนะสีออกเหมือนทับทิมนี้คือ "พลังไฟธาตุปฐพี" ร้อยตรีโทมัสพูดพร้อมบรรยายภาพไปด้วย ไฟธาตุปฐพีกับไฟธาตุอัคคีนั้นจะมีสีเหมือนกันแต่หากสังเกตดีๆจะพบว่าสีไฟธาตุปฐพีจะอ่อนกว่าสีไฟธาตุอัคคีนิดหนึ่ง
"คุณสมบัติของไฟธาตุปฐพีของผสมผสานและดูดซึม ดังนั้นคนไฟธาตุนี้ร่างกายจะอุดมสมบูรณ์มากกว่าคนปกติ
ร้อยตรีโทมัสพูดจบก็เปลี่ยนภาพเป็นภาพกำปั้นที่เรืองแสงเป็นสีฟ้าทะเล โดยหัวข้อของภาพของคือ "พลังไฟธาตุวารี" เสียงพูดคุยของยุวชนทหารเริ่มดังขึ้นนิดหนึ่ง ทุกคนอยากรู้ว่าพลังตนเป็นธาตุแบบไหนและต่างกระตือรืนร้นที่จะเค้นมันออกมาให้ได้ แต่เสียงพูดคุยก็ต้องเงียบเมื่อร้อยตรีโทมัสเป่านกหวีดเบาๆเพื่อให้เด็กๆเงียบแล้วฟังเขาสอนต่อ
"คุณสมบัติของไฟธาตุวารีคือคลุ้มคลั่ง คนธาตุนี้จะค่อนข้างอารมณ์ขึ้นๆลงๆแปรปวน" ร้อยตรีโทมัสเปลี่ยนภาพอีกครั้งซึ่งคราวนี้เป็นภาพของกำปั้นที่เรืองแสงเป็นสีเขียวทับทิม และอีกกำปั้นเป็นสีแสดเข้มไปเลยซึ่งทั้งสองเขียนว่า "พลังไฟธาตุวายุ" กับ "พลังไฟธาตุอรุณ"
"ไฟธาตุวายุมีคุณสมบัติคือทำลายล้าง คนไฟธาตุนี้จะคาดเดาอารมณ์และความคิดไม่ได้ ส่วนไฟธาตุอรุณนั้นคุณสมบัติคือการกระตุ้น คนไฟธาตุนี้จะค่อนข้างกระตือรือร้นตลอดเวลาหรือที่เรียกง่ายๆว่าพลังงานเยอะกว่าชาวบ้าน" ร้อยตรีโทมัสอธิบาย
เมื่อได้ยินคุณสมบัติของไฟธาตุอรุณแล้วอาชินก็หันไปมองอาถิงญาติของเขาอย่างพิจารณา เท่าที่เขารู้จักอาถิงมาญาติคนนี้ของเขาแทบไม่มีอะไรเหมือนคนไฟธาตุอรุณสักอย่าง ไม่มีพลังงานเยอะไม่มีความกระตือรือร้นอะไรเลยนอกจากเดินตามหลังเขาเท่านั้นแต่ระยะหลังมานับแต่เข้ามาค่ายอาถิงก็เริ่มที่จะไม่เดินตามหลังแล้ว แถมยังมีบางทีเดินนำหน้าเขาเสียด้วยซ้ำและที่เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุดคือความไม่มั่นใจในตัวเองของอาถิง ยังหายไปอีกด้วยและท่าทางเจ้าตัวยังไม่รู้ตัว
"ไฟธาตุสีส้มอันนี้คือ "พลังไฟธาตุนภา" คุณสมบัติคือกลมกลืน ส่วนสีฟ้าอ่อนคือ "พลังไฟธาตุพิรุณ" คุณสมบัติคือการระงับ และไฟธาตุสีม่วงคือ "พลังไฟธาตุเมฆา" คุณสมบัติคือเพิ่มพูน ไฟธาตุสีน้ำเงินนี้คือ "พลังไฟธาตุอัสนี" คุณสมบัติคือแข็งตัว...ไม่ใช่แข็งแบบนั้นอย่าคิดลึก" ร้อยตรีโทมัสพูด ทำให้เด็กๆหัวเราะกัน
สักพักก็มีทหารนายหนึ่งวิ่งมากระซิบข้างหูของร้อยตรีโทมัส ทำให้ครูฝึกหนุ่มก้มมองนาฬิกาที่สายรัดข้อมือตัวเองเขาจึงพยักหน้าขานรับทหารนายนั้น และหันไปสั่งให้ทหารพี่เลี้ยงที่อยู่ข้างหลังให้ยกเข็นป้ายใหญ่ออกไปทันทีและร้อยตรีโทมัสก็ทำการเป่านกหวีดทันทีทำให้ยุวชนทหารพากันลุกขึ้นจัดแถวทันที
"โทษทีนะที่เนื้อหาอาจไม่ครบพวกนายไปค้นคว้าเองก็ได้ ตอนนี้ฉันมีเวลาไม่มากเพราะฉะนั้นมาเริ่มกันเลย”
ร้อยตรีโทมัสจับแยกยุวชนทหารแบ่งเป็นกลุ่มย่อยๆ 15 กว่ากลุ่มและให้ทหารพี่เลี้ยงไปช่วยดูแนะนำให้การฝึกเค้นพลังของยุวชนทหารแต่ละนาย สำหรับคนที่สามารถเค้นออกมาได้แล้วระดับหนึ่งเหมือนกับอาชินอาจไม่ใช่เรื่องยากแล้ว เพราะถือว่าก้าวนำไปมากกว่าเพื่อนคนอื่นๆที่ยังไม่สามารถทำได้ อาชินแยกมาอยู่กับเดฟซึ่งเป็นทหารยศจ่าสิบโทส่วนอาถิงนั้นอยู่กลุ่มที่คุมโดยร้อยตรีโทมัส อาชินตั้งข้อสังเกตว่าเพื่อนคนนี้ของเขานั้นเริ่มไม่มีท่าทีจะกลัวร้อยตรีโทมัสแล้วหากเทียบกับตอนแรก
"เวลาเค้นพลังจงทำสมาธิตั้งมั่น อย่าเคร่งเครียดกับมันพวกนายต้องรับรู้ให้ได้ถึงพลังชีวิตที่อยู่ในตัวพวกนาย" จ่าสิบโทเดฟอธิบาย เหล่ายุวชนทหารก็พากันหลับตาทำสมาธิตามคำแนะนำของครูฝึกทันที
"จงรับรู้ลมหายใจเข้า-ออกของร่างกายพวกนาย รับรู้ถึงเส้นเลือดที่ไหลเวียนทั่วร่างกายรับรู้การทำงานของอวัยวะในร่างกาย และหัวใจของพวกนายที่ยังเต้น มองลึกลงไปถึงแกนกลางท้องนั้นคือแหล่งพลังไฟธาตุของนาย" จ่าสิบโทเดฟยังคงอธิบายต่อไป
"ครูครับทำไมผมเห็นภาพตัวเองแทนละครับ" ยุวชนทหารหญิงท่าทางผู้ชายถามขึ้น
"ทุกอย่างคือชีวิตลมหายใจเข้า-ออกคือพลังชีวิตทุกอย่าง ทั้งภาพความจำของพวกนายทุกอย่าง" จ่าสิบโทเดฟกล่าว
ได้ยินดังนั้นยุวชนทหารก็ทำตามคำแนะนำของทหารพี่เลี้ยงทันที มีเพียงอาชินที่ไม่ได้ทำเพราะเขาอยากเห็นเพื่อนทำได้ไหมแต่เขาก็พบว่ามีหลายคนทำแบบเดียวกับเขา สักพักมือของเพื่อนยุวชนทหารหญิงที่อยู่ข้างๆอาชินก็ปรากฏแสงสีฟ้าทะเลออกมา เพื่อนหลายคนตะลึงกันหมดแต่จ่าสิบโทเดฟยิ้ม ยุวชนทหารหญิงนายนั้นยิ้มดีใจที่ตนทำสำเร็จซึ่งเด็กชายก็ยินดีกับเพื่อนเช่นกันและแน่นอนว่าถัดไปอีกซึ่งอยู่ข้างขวามือของจ่าสิบโทเดฟ มียุวชนทหารอีก 4-5 คน ซึ่งสีไฟธาตุแต่ละคนก็แตกต่างกันไป
"นายก็น่าจะลองทำบ้างนะแม้ว่าจะทำได้แล้วก็ตาม ลองดูสิ" จ่าสิบโทเดฟแนะนำอาชิน
เด็กชายคิดว่าฝึกดูบ้างก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรมากเขาจึงนั่งขัดนั่งขัดสมาธิ และหลับตาลงโดยเขาเริ่มจากการนับลมหายใจเข้า-ออกตามที่จ่าสิบโทเดฟแนะนำทุกอย่าง แรกๆอาชินเริ่มรู้สึกใจสงบนิ่งเหมือนกับเขากำลังยืนรับลมอยู่ แต่ยืนได้ไม่นานก็รู้สึกหนาวเย็นและเหมือนมีเม็ดฝนกระทบกับหน้าทั้งที่ไม่มีเม็ดฝน เขาเห็นภาพหนึ่งขึ้นผุดขึ้นมาเป็นชายวัยฉกรรจ์คนหนึ่งท่าทางมุ่งร้ายมากๆกำลังมาทางเขาแต่อาชินรู้สึกไม่ใช่เขานี้คือภาพมุมมองบุคคลที่หนึ่ง ซึ่งอาชินเดาว่าเป็นผู้หญิงเพราะมือขาวไม่น่าจะเป็นมือผู้ชาย
ภาพที่เขาเห็นคือผู้ชายคนนั้นทำร้ายร่างกายของผู้หญิงคนนี้สารพัด แต่จะเน้นที่ท้องเป็นหลักแต่เธอคนนั้นก็ปกป้องสุดแรงไม่ยอมให้ผู้ชายคนนั้นทำอันตรายอะไรในท้อง และเหมือนจะพูดอะไรใส่ผู้ชายคนนั้นจนเขาโมโหสุดขีดพุ่งเข้ามาบีบคออีกฝ่ายซึ่งอาชินรับรู้ถึงความทรมาณนั้นและอยากปกป้องผู้หญิงคนนี้ สักพักก็เหมือนมีคนมากระซากตัวผู้ชายคนนั้นออกห่างจากตัวเธอและหญิงสาวก็ฟุบลงกับพื้น ภาพทุกอย่างมันเบลอไปหมดเธอไม่ได้สนใจผู้ชายสองคนนั้นเลยนอกจากท้องที่ นูนขึ้นมามันเป็นการบ่งบอกว่าเธอท้อง และเขารับรู้ถึงความคิดของเด็กที่อยู่ในท้องได้ เขารู้สึกโกรธแค้นราวกับว่าเขาคือเด็กคนนั้น
อยู่ดีๆไฟธาตุอัคคีก็เรืองแสงที่มือของอาชินขึ้นแต่ที่จ่าสิบโทเดฟกลับถึงความไม่ปกติ แต่สายไปเสียแล้วเมื่อแรงอัดพลังจากตัวของอาชินกระจายไปทั่วบริเวณนั้นทำให้ยุวชนทหารหลายนายกระเด็นกระดอน มีได้รับบาดเจ็บแต่เพราะพลังของเด็กชายยังไม่แกร่งพอทำให้ไม่มีใครบาดเจ็บหนักมากแน่นอนว่ามันย่อมไม่ได้ผลกับจ่าสิบโทเดฟ แต่ที่ทหารหนุ่มเห็นคือแววตาของอาชินไม่ปกติมันเป็นแววตาของคนที่เก็บงำความโกรธแค้นและต้องการที่จะชำระไฟแค้นในใจของตน
+++++++++++++++++++++++++++++++++
นอกจากการฝึกในโรงฝึกแล้วยุวชนทหารที่เลือกฝึกวูซูนั้นก็ต้องมาฝึกกลางแดดเช่นกัน โดยบทเรียนนั้นคือการดึงพลังแฝงออกมาจากร่างกายที่เรียกว่า ไฟธาตุ เปรียบเสมือนลมปราณก็ว่าได้แสงแดดยามเช้าไม่ค่อยแรงมาก ร้อยตรีโทมัสจึงกล้าที่จะให้ยุวชนทหารในสังกัดของเขามาฝึกกลางสนามได้แต่เวลานี้เขาปล่อยให้เด็กๆวอร์มร่างกายก่อน เพราะเห็นว่ายังมีเวลาเหลือเฟื้อสำหรับบทเรียนที่จะฝึกเด็กๆเหล่านี้
"อาชินเมื่อคืนฉันฝันถึงคุณย่าด้วย" อาถิงที่กำลังยืดเส้นขาพูดขึ้น
"นายฝันว่าไง" อาชินถาม
"อือ ฉันเห็นคุณย่านั่งอยู่เก้าอี้โยกหน้าบ้าน แต่ท่านดูเศร้ามากเลยเหมือนกับกำลังรอให้พวกเรากลับไปหา" อาถิงตอบ
คำตอบของญาติลูกพี่ลูกน้องทำให้อาชินเองก็พึ่งจะนึกได้ว่าตั้งแต่วันที่ปู่มาส่งเขากับอาถิงที่ค่ายทหาร ทั้งสองแทบไม่ได้ส่งข่าวคราวอะไรให้หม่าญวนผู้เป็นย่าเลยทั้งที่มันเข้ามาปีที่สองแล้ว เดือนที่สองนี้เขาก็จะอายุครบ 5 ขวบแล้วบางทีก็อดคิดถึงกับข้าวฝีมือของย่าเหมือนกันและที่สำคัญสวนแปลงผักที่เขากับอาถิงเคยช่วยกันดูแลมันจะเป็นยังไงบ้างน่า
"พวกนายไม่ต้องกังวลไปหรอกสิ้นเดือนนี้ เขาจะอนุญาตให้พวกเรากลับบ้านได้" แคลวินที่นั่งไม่ห่างมากพูดขึ้นหลังวอร์มร่างกายเสร็จแล้ว อาชินกับอาถิตาเป็นประกายทันทีที่ได้ยิน
"นายรู้ได้ไงนะ" อาถิงถามด้วยความตื่นเต้น
"พ่อฉันพึ่งมาบอกตอนอยู่โรงอาหารนะ เห็นว่าให้อยู่ที่บ้านยาวนะ" แคลวินตอบ อาชินขมวดคิ้วสงสัย
"นานขนาดไหนกัน" อาเจี๋ยที่ยืดแขนเสร็จถาม แคลวินยักไหล่
"เดือนหนึ่งนะเท่าที่พ่อบอกมา มันจะมีการเตรียมงานอะไรสักอย่างอ่ะ" แคลวินพูด
"งานอะไรที่ว่านะ" อาชินถามด้วยความสงสัย
เสียงเป่านกหวีดดังลั่นขึ้นทั่วสนามทำให้อาชินและเพื่อนยุวชนทหารนายอื่นๆหยุดวอร์มร่างกาย และพากันวิ่งมาตั้งแถวอย่างรวดดเร็วทันที ที่สำคัญพวกเขาไม่มีการกระดุกกระดิกแต่อย่างใดสร้างความพอใจให้กับร้อยตรีโทมัสอย่างมาก หลังจากที่เขาอบรมฝึกให้กับยุวชนทหารเหล่านี้ยอมรับว่าพวกเขาพัฒนาดีขึ้นโดยเฉพาะอาถิงที่ตอนนี้แตกต่างตอนเจอกันครั้งแรก ร้อยตรีโทมัสเดินสำรวจว่ามีคนไหนขยุกขยิก แต่เมื่อไม่มีทุกคนนิ่งกันหมดแล้วร้อยตรีโทมัสจึงเดินกลับไปที่เดิม
"การฝึกขั้นต่อไปนี้คือการดึงพลังแฝงในตัวของพวกนายออกมา สิ่งนั้นพวกเราเรียกมันว่า "พลังไฟธาตุ"
ทหารพี่เลี้ยงสองนายก็เข็นป้ายใหญ่ออกมาอยู่ข้างหลังของร้อยตรีโทมัส ซึ่งมันเป็นภาพไฟสีต่างๆและมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป คำว่า "พลังไฟธาตุ" นั้นอาชินจำได้ว่าเขาเคยเห็นจากหวงฉี่ชุ่นใช้ตอนที่ใช้ฝึกที่ห้องใต้ดินของบ้าน สมัยนั้นเขากับอาถิงถูกสั่งห้ามไม่ให้ลงไปแต่เขาทั้งสองก็ฝ่าฝืนถูกทำโทษในที่สุด แต่ภาพที่เขาจำได้คือทั้งสองกำปั้นของหวงฉี่ชุ่นนั้นเรืองแสงเป็นส้มผสมแสดอ่อนๆเหมือนปู่เขากำแสงนีออนไว้
"พลังไฟธาตุคือพลังชีวิตในตัวพวกนายนั้นแหละ ซึ่งพวกนายได้เห็นแล้วตั้งแต่วันแรกที่มารายงานตัวและมีบางคนเริ่มที่จะเค้นพลังนั้นออกมาได้แล้ว" ร้อยตรีโทมัสพูดขึ้น
มียุวชนทหารบางนายหันมามองอาชินเพราะเขาก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่สามารถเค้นพลังไฟธาตุออกมา ตอนที่ต่อสู้กับแดเนียล ฟอร์ดแต่เด็กชายเชื่อว่าในกลุ่มนี้ต้องมีคนที่สามารถเค้นพลังได้แต่ยังไม่แสดงตัวออกมาเท่านั้น แต่ลึกๆเขาก็อยากรู้ว่าพลังของตนนั้นมีมากมายแค่ไหนกัน ภาพที่เขาได้ใช้พลังนี้ชกเข้าที่ใบหน้าของหวงฉางเฉินพี่ชายของอาถิงนั้น ยังติดตาเขาอยู่
"พลังไฟธาตุจะมีดังต่อไปนี้...สีแดงนี้คือไฟธาตุอัคคี คุณสมบัติคือ "เผาผลาญ" ร้อยตรีโทมัสนั้นเอาไม้บรรทัดชี้มาภาพของกำปั้นที่เรืองแสงเป็นแดงซึ่งมันคล้ายกับของอาชินมาก แต่ต่างตรงที่มันจะสีเข้มกว่าของเขาเท่านั้น
"คนที่มีพลังไฟธาตุอัคคีจะมีร่างกายอุณหภูมิร่างกายร้อนมากกว่าคนอื่น 3 เท่าและมีความเผาผลาญดีกว่า แต่ก็มีข้อเสียเหมือนกันคือคนพลังไฟธาตุอัคคีจะเป็นคนอารมณ์ร้อน มุทะลุมากเกินไปซึ่งพวกนายตอนนี้อายุยังน้อย อาการที่กล่าวจึงยังไม่เกิด" ร้อยตรีโทมัสเสริม
"แล้วอาการที่ครูบอกมันจะเกิดขึ้นเมื่ออายุเท่าไหร่ครับ" ยุวชนทหารที่อยู่แถวหน้ายกมือถามขึ้น
"ถามได้ดีมันจะเกิดขึ้นเมื่อพวกนายโตเป็นวัยรุ่นตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไป...ออ อีกเรื่องความต้องการทางเพศของคนไฟธาตุนี้สูงกว่าคนทั่วไปด้วย ใครที่เป็นไฟธาตุอัคคีเตรียมตัวเตรียมใจไว้ละ" ร้อยตรีโทมัสพูด
"ขอให้อย่าเป็นไฟธาตุอัคคีเลย... รับไม่ได้" ยุวชนทหารหญิงที่นั่งถัดจากอาถิงไปเปรยขึ้นเบาๆ
อาชินที่ได้ฟังประโยคของครูฝึกเมื่อกี้นี้ชักเริ่มหวั่นๆแล้ว ไอ้อุณหภูมิในร่างกายร้อนกว่าหรือการที่ต้องกลายเป็นคนอารมณ์ร้อนอันนั้นเขารับได้แต่ ความต้องการทางเพศสูงเนี่ยไม่ขอมีได้ไหมเพราะเขาเคยเห็นตัวอย่างจาก "หวงอี้ชวิ่น" พี่ชายอีกคนของอาถิงซึ่งก็มีพลังคล้ายๆกับของอาชินแต่เข้มกว่าเพราะอีกฝ่ายโตกว่าเขา แต่ที่เด็ดกว่าคือหวงอี้ชวิ่นชอบมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวไปทั่วและมักจะเพ็งเล็งพลเรือนเป็นหลักมากกว่าซึ่งเด็กชายไม่อยากเป็นแบบนั้น
"ต่อไปเลยละกันนะสีออกเหมือนทับทิมนี้คือ "พลังไฟธาตุปฐพี" ร้อยตรีโทมัสพูดพร้อมบรรยายภาพไปด้วย ไฟธาตุปฐพีกับไฟธาตุอัคคีนั้นจะมีสีเหมือนกันแต่หากสังเกตดีๆจะพบว่าสีไฟธาตุปฐพีจะอ่อนกว่าสีไฟธาตุอัคคีนิดหนึ่ง
"คุณสมบัติของไฟธาตุปฐพีของผสมผสานและดูดซึม ดังนั้นคนไฟธาตุนี้ร่างกายจะอุดมสมบูรณ์มากกว่าคนปกติ
ร้อยตรีโทมัสพูดจบก็เปลี่ยนภาพเป็นภาพกำปั้นที่เรืองแสงเป็นสีฟ้าทะเล โดยหัวข้อของภาพของคือ "พลังไฟธาตุวารี" เสียงพูดคุยของยุวชนทหารเริ่มดังขึ้นนิดหนึ่ง ทุกคนอยากรู้ว่าพลังตนเป็นธาตุแบบไหนและต่างกระตือรืนร้นที่จะเค้นมันออกมาให้ได้ แต่เสียงพูดคุยก็ต้องเงียบเมื่อร้อยตรีโทมัสเป่านกหวีดเบาๆเพื่อให้เด็กๆเงียบแล้วฟังเขาสอนต่อ
"คุณสมบัติของไฟธาตุวารีคือคลุ้มคลั่ง คนธาตุนี้จะค่อนข้างอารมณ์ขึ้นๆลงๆแปรปวน" ร้อยตรีโทมัสเปลี่ยนภาพอีกครั้งซึ่งคราวนี้เป็นภาพของกำปั้นที่เรืองแสงเป็นสีเขียวทับทิม และอีกกำปั้นเป็นสีแสดเข้มไปเลยซึ่งทั้งสองเขียนว่า "พลังไฟธาตุวายุ" กับ "พลังไฟธาตุอรุณ"
"ไฟธาตุวายุมีคุณสมบัติคือทำลายล้าง คนไฟธาตุนี้จะคาดเดาอารมณ์และความคิดไม่ได้ ส่วนไฟธาตุอรุณนั้นคุณสมบัติคือการกระตุ้น คนไฟธาตุนี้จะค่อนข้างกระตือรือร้นตลอดเวลาหรือที่เรียกง่ายๆว่าพลังงานเยอะกว่าชาวบ้าน" ร้อยตรีโทมัสอธิบาย
เมื่อได้ยินคุณสมบัติของไฟธาตุอรุณแล้วอาชินก็หันไปมองอาถิงญาติของเขาอย่างพิจารณา เท่าที่เขารู้จักอาถิงมาญาติคนนี้ของเขาแทบไม่มีอะไรเหมือนคนไฟธาตุอรุณสักอย่าง ไม่มีพลังงานเยอะไม่มีความกระตือรือร้นอะไรเลยนอกจากเดินตามหลังเขาเท่านั้นแต่ระยะหลังมานับแต่เข้ามาค่ายอาถิงก็เริ่มที่จะไม่เดินตามหลังแล้ว แถมยังมีบางทีเดินนำหน้าเขาเสียด้วยซ้ำและที่เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุดคือความไม่มั่นใจในตัวเองของอาถิง ยังหายไปอีกด้วยและท่าทางเจ้าตัวยังไม่รู้ตัว
"ไฟธาตุสีส้มอันนี้คือ "พลังไฟธาตุนภา" คุณสมบัติคือกลมกลืน ส่วนสีฟ้าอ่อนคือ "พลังไฟธาตุพิรุณ" คุณสมบัติคือการระงับ และไฟธาตุสีม่วงคือ "พลังไฟธาตุเมฆา" คุณสมบัติคือเพิ่มพูน ไฟธาตุสีน้ำเงินนี้คือ "พลังไฟธาตุอัสนี" คุณสมบัติคือแข็งตัว...ไม่ใช่แข็งแบบนั้นอย่าคิดลึก" ร้อยตรีโทมัสพูด ทำให้เด็กๆหัวเราะกัน
สักพักก็มีทหารนายหนึ่งวิ่งมากระซิบข้างหูของร้อยตรีโทมัส ทำให้ครูฝึกหนุ่มก้มมองนาฬิกาที่สายรัดข้อมือตัวเองเขาจึงพยักหน้าขานรับทหารนายนั้น และหันไปสั่งให้ทหารพี่เลี้ยงที่อยู่ข้างหลังให้ยกเข็นป้ายใหญ่ออกไปทันทีและร้อยตรีโทมัสก็ทำการเป่านกหวีดทันทีทำให้ยุวชนทหารพากันลุกขึ้นจัดแถวทันที
"โทษทีนะที่เนื้อหาอาจไม่ครบพวกนายไปค้นคว้าเองก็ได้ ตอนนี้ฉันมีเวลาไม่มากเพราะฉะนั้นมาเริ่มกันเลย”
ร้อยตรีโทมัสจับแยกยุวชนทหารแบ่งเป็นกลุ่มย่อยๆ 15 กว่ากลุ่มและให้ทหารพี่เลี้ยงไปช่วยดูแนะนำให้การฝึกเค้นพลังของยุวชนทหารแต่ละนาย สำหรับคนที่สามารถเค้นออกมาได้แล้วระดับหนึ่งเหมือนกับอาชินอาจไม่ใช่เรื่องยากแล้ว เพราะถือว่าก้าวนำไปมากกว่าเพื่อนคนอื่นๆที่ยังไม่สามารถทำได้ อาชินแยกมาอยู่กับเดฟซึ่งเป็นทหารยศจ่าสิบโทส่วนอาถิงนั้นอยู่กลุ่มที่คุมโดยร้อยตรีโทมัส อาชินตั้งข้อสังเกตว่าเพื่อนคนนี้ของเขานั้นเริ่มไม่มีท่าทีจะกลัวร้อยตรีโทมัสแล้วหากเทียบกับตอนแรก
"เวลาเค้นพลังจงทำสมาธิตั้งมั่น อย่าเคร่งเครียดกับมันพวกนายต้องรับรู้ให้ได้ถึงพลังชีวิตที่อยู่ในตัวพวกนาย" จ่าสิบโทเดฟอธิบาย เหล่ายุวชนทหารก็พากันหลับตาทำสมาธิตามคำแนะนำของครูฝึกทันที
"จงรับรู้ลมหายใจเข้า-ออกของร่างกายพวกนาย รับรู้ถึงเส้นเลือดที่ไหลเวียนทั่วร่างกายรับรู้การทำงานของอวัยวะในร่างกาย และหัวใจของพวกนายที่ยังเต้น มองลึกลงไปถึงแกนกลางท้องนั้นคือแหล่งพลังไฟธาตุของนาย" จ่าสิบโทเดฟยังคงอธิบายต่อไป
"ครูครับทำไมผมเห็นภาพตัวเองแทนละครับ" ยุวชนทหารหญิงท่าทางผู้ชายถามขึ้น
"ทุกอย่างคือชีวิตลมหายใจเข้า-ออกคือพลังชีวิตทุกอย่าง ทั้งภาพความจำของพวกนายทุกอย่าง" จ่าสิบโทเดฟกล่าว
ได้ยินดังนั้นยุวชนทหารก็ทำตามคำแนะนำของทหารพี่เลี้ยงทันที มีเพียงอาชินที่ไม่ได้ทำเพราะเขาอยากเห็นเพื่อนทำได้ไหมแต่เขาก็พบว่ามีหลายคนทำแบบเดียวกับเขา สักพักมือของเพื่อนยุวชนทหารหญิงที่อยู่ข้างๆอาชินก็ปรากฏแสงสีฟ้าทะเลออกมา เพื่อนหลายคนตะลึงกันหมดแต่จ่าสิบโทเดฟยิ้ม ยุวชนทหารหญิงนายนั้นยิ้มดีใจที่ตนทำสำเร็จซึ่งเด็กชายก็ยินดีกับเพื่อนเช่นกันและแน่นอนว่าถัดไปอีกซึ่งอยู่ข้างขวามือของจ่าสิบโทเดฟ มียุวชนทหารอีก 4-5 คน ซึ่งสีไฟธาตุแต่ละคนก็แตกต่างกันไป
"นายก็น่าจะลองทำบ้างนะแม้ว่าจะทำได้แล้วก็ตาม ลองดูสิ" จ่าสิบโทเดฟแนะนำอาชิน
เด็กชายคิดว่าฝึกดูบ้างก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรมากเขาจึงนั่งขัดนั่งขัดสมาธิ และหลับตาลงโดยเขาเริ่มจากการนับลมหายใจเข้า-ออกตามที่จ่าสิบโทเดฟแนะนำทุกอย่าง แรกๆอาชินเริ่มรู้สึกใจสงบนิ่งเหมือนกับเขากำลังยืนรับลมอยู่ แต่ยืนได้ไม่นานก็รู้สึกหนาวเย็นและเหมือนมีเม็ดฝนกระทบกับหน้าทั้งที่ไม่มีเม็ดฝน เขาเห็นภาพหนึ่งขึ้นผุดขึ้นมาเป็นชายวัยฉกรรจ์คนหนึ่งท่าทางมุ่งร้ายมากๆกำลังมาทางเขาแต่อาชินรู้สึกไม่ใช่เขานี้คือภาพมุมมองบุคคลที่หนึ่ง ซึ่งอาชินเดาว่าเป็นผู้หญิงเพราะมือขาวไม่น่าจะเป็นมือผู้ชาย
ภาพที่เขาเห็นคือผู้ชายคนนั้นทำร้ายร่างกายของผู้หญิงคนนี้สารพัด แต่จะเน้นที่ท้องเป็นหลักแต่เธอคนนั้นก็ปกป้องสุดแรงไม่ยอมให้ผู้ชายคนนั้นทำอันตรายอะไรในท้อง และเหมือนจะพูดอะไรใส่ผู้ชายคนนั้นจนเขาโมโหสุดขีดพุ่งเข้ามาบีบคออีกฝ่ายซึ่งอาชินรับรู้ถึงความทรมาณนั้นและอยากปกป้องผู้หญิงคนนี้ สักพักก็เหมือนมีคนมากระซากตัวผู้ชายคนนั้นออกห่างจากตัวเธอและหญิงสาวก็ฟุบลงกับพื้น ภาพทุกอย่างมันเบลอไปหมดเธอไม่ได้สนใจผู้ชายสองคนนั้นเลยนอกจากท้องที่ นูนขึ้นมามันเป็นการบ่งบอกว่าเธอท้อง และเขารับรู้ถึงความคิดของเด็กที่อยู่ในท้องได้ เขารู้สึกโกรธแค้นราวกับว่าเขาคือเด็กคนนั้น
อยู่ดีๆไฟธาตุอัคคีก็เรืองแสงที่มือของอาชินขึ้นแต่ที่จ่าสิบโทเดฟกลับถึงความไม่ปกติ แต่สายไปเสียแล้วเมื่อแรงอัดพลังจากตัวของอาชินกระจายไปทั่วบริเวณนั้นทำให้ยุวชนทหารหลายนายกระเด็นกระดอน มีได้รับบาดเจ็บแต่เพราะพลังของเด็กชายยังไม่แกร่งพอทำให้ไม่มีใครบาดเจ็บหนักมากแน่นอนว่ามันย่อมไม่ได้ผลกับจ่าสิบโทเดฟ แต่ที่ทหารหนุ่มเห็นคือแววตาของอาชินไม่ปกติมันเป็นแววตาของคนที่เก็บงำความโกรธแค้นและต้องการที่จะชำระไฟแค้นในใจของตน
+++++++++++++++++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ