นักรบพันธุ์โหด ตอน หวงจือชิน Secson 1
8.0
เขียนโดย กนกพัชร
วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.12 น.
53 ตอน
0 วิจารณ์
43.23K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2562 00.28 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) ตอนที่ 13 เพื่อนใหม่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความโรงอาหารยุวชนทหาร เวลา 12.17 น.
อาชิน อาถิง และเฟรมนั่งกินข้าวอย่างมีความสุขหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการฝึกมา โดยเฉพาะตัวอาชินที่เสียเหงื่อมากกว่าเพื่อนเขารู้สึกว่าอาหารวันนี้มันอร่อยมากแม้ว่ามันจะเป็นข้าวเปล่ากับหัวมันบดราดซอสเกรวี่ก็ตาม อาหารการกินของค่ายคือมื้อเช้าจะกินให้เต็มอิ่มเพราะมื้อเช้าค่อนข้างสำคัญมาก มื้อที่สองจะลดรายการอาหารลงและมื้อเย็นจะให้เด็กกินพวกอาหารไม่หนักท้อง ช่วงแรกๆอาชินยอมรับว่าตัวเขายังปรับตัวไม่ได้เพราะอยู่บ้านจะหยิบอะไรในตู้เย็นกินก็ได้ แต่การมาอยู่ค่ายมันก็ไม่ได้แย่อะไรมากนักสำหรับเขาถ้าไม่นับการที่มียุวชนทหารตั้งแต่รุ่นเขาไปถึงรุ่นใหญ่ที่เอาแต่จับจ้องและซุบซิบกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงจะอึดอัดแต่ตอนนี้เขาชินแล้วยกเว้นแค่เรื่องเดียว
"เนื้อคู่นายมาโน่นแล้ว" เฟรมพูดเชิงหยอกล้อ แต่อาชินไม่รู้สึกขำด้วยเลย
แดเนียล แรคคลิฟฟ์เดินมากับกลุ่มเพื่อนของเขาประมาณ 7-9 คน แต่ละคนถือถาดอาหารเพื่อนำไปเก็บซึ่งคงจะกินเสร็จแล้วอาชินเลือกที่จะไม่สบตากับอีกฝ่ายเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายหาเรื่อง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่เพราะยุวชนทหารที่ตัวเล็กดันสะกิดแดเนียลและชี้มาทางเขา และแน่นอนว่าเจ้าตัวทำสัญญาณให้พรรคพวกเพื่อที่จะเดินมาทางที่อาชินนั่งพอดี ซึ่งเฟรมเตรียมตัวที่จะบวกได้หากอีกฝ่ายคิดจะมาหาเรื่องแต่อาถิงแสดงท่าทีกลัวๆเล็กน้อย แต่ก่อนที่จะมีการเปิดศึกกันนั้นก็ปรากฏคนกลุ่มหนึ่งขึ้นมาชะก่อนทำให้กลุ่มแดเนียล แรคคลิฟฟ์นั้นยอมเดินถอยออกไป ซึ่งกลุ่มนั้นคือพวกเสี่ยวหู่นั้นเอง
"ขอโทษนะคือว่าพวกเราหาที่นั่งไม่ได้ จะขอนั่งโต๊ะเดียวกับพวกนายได้ไหม" เสี่ยวหู่ถามเชิงเป็นมิตร
"ได้สิ" อาชินกล่าวต้อนรับ
กลุ่มเสี่ยวหู่จึงพากันนั่งบนโต๊ะเดียวกับอาชินเพื่อกินอาหารกัน แน่นอนว่าเขาเห็นหม่าเทียนเจี๋ยด้วยซึ่งอีกฝ่ายนั่งตรงข้ามกับเขาโดยนั่งข้างๆเฟรม ถัดจากหม่าเทียนเจี๋ยนั้นมีเพื่อนอีกสองคนซึ่งสองคนนั้นค่อนข้างผิวขาวเหลือง ผมสีดำ ดวงตาสีน้ำตาลตรงข้ามกับหม่าเทียนเจี๋ยมาก ส่วนเสี่ยวหู่กับเพื่อนเขาอีกคนนั้นผิวขาวเหลืองผมสีดำ ดวงตาสีดำ นั่งกินฝั่งเดียวกับอาชินและอาถิงแต่สุดท้ายตัวของอาชินก็ไม่วายหันไปมองกลุ่มแดเนียล แรคคลิฟฟ์ที่เดินออกจากโรงอาหารไปแล้ว
"นายเจ๋งมากเลย ใครๆต่างพูดถึงนายกับแดเนียล ฟอร์ดกันหมดเลย" ยุวชนทหารที่นั่งใกล้กับหม่าเทียนเจี๋ยพูดชื่นชมพร้อมกับตักข้าวเข้าปาก
"ขอบใจ" อาชินรับคำชมอย่างเป็นมิตร
"ลืมแนะนำตัวเลยฉันชื่อ "โจวเหวินหลง" หรือจะเรียกว่า "อาหลง" ก็ได้" ยุวชนทหารนายนั้นกล่าวแนะนำตนเองและยื่นมือมาทางอาชิน
"ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันฉันชื่อ หวงจือชิน จะเรียกว่า อาชินก็ได้" อาชินพูดพร้อมจับมือเป็นกับอาหลง
"ส่วนฉันชื่อ "หลี่จื่อหมิง" เรียกสั้นๆว่า "อาหมิง" ก็ได้นะ" ยุวชนทหารที่นั่งข้างๆอาหลงกล่าว ซึ่งทั้งสองก็จับมือกันอย่างเป็นมิตรกัน แน่นอนว่าคนที่ชื่อหม่าเทียนเจี๋ยก็ไม่ลืมที่จะแนะนำตัวตามมารยาท
"ฉันชื่อ หม่าเทียนเจี๋ย จะเรียกว่า อาเจี๋ย ก็ได้" เขากล่าวแนะนำ
"แล้วนายสองคนละชื่ออะไรกัน" เฟรมถามทางเสี่ยวหู่กับคนที่นั่งข้างๆ
"ฉันชื่อ หวังเสี่ยวหู่ ส่วนนี้คือ สือเฮยหลง เป็นเพื่อนสนิทฉันเอง" เสี่ยวหู่แนะนำและจับมือกับเฟรมก่อนที่จะเปลี่ยนให้อีกฝ่ายจับมือกับเฮยหลง
"หวัดเพื่อน ฉันชื่อ เฟเดอริก แคเบล จะเรียกว่า เฟรม ก็ได้" เฟรมกล่าวแนะนำตนเอง
"แล้วนายละชื่ออะไร" เฮยหลงถามอาถิง
"หวงอี้ถิง จะเรียกว่า อาถิง ก็ได้" อาถิงตอบแบบกล้าๆกลัวๆ
"นายสองคนเป็นพี่น้องกันเหรอ" เสี่ยวหู่หันมาถาม
"เป็นญาติกันนะ" อาชินตอบ
ระหว่างที่พวกเขานั่งคุยกันนั้นก็มีคนกลุ่มใหญ่ประมาณ 10 กว่าคนกำลังเดินผ่านทางโต๊ะพวกเขาพอดีซึ่งอาชินก็ดันหันไปมองก็แทบอยากลุกหนีเพราะนั้นคือกลุ่มของแดเนียล ฟอร์ดนั้นเองเขาไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะมีเพื่อนติดตามมากมายขนาดนี้หากเทียบกับกลุ่มของแดเนียล แรคคลิฟฟ์คนละเรื่องเลย อาชินก้มหน้าอัตโนมัติทันทีและทำเป็นกินข้าวตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่เด็กชายรับรู้ได้ว่ามีคนในกลุ่มนั้นจับจ้องเขาอยู่ซึ่งคงไม่พ้นตัวแดเนียล ฟอร์ดแน่นอนเมื่อกลุ่มนั้นเดินห่างไปแล้วมันทำให้เขานั้นหายใจโล่งพอสมควรจนเพื่อนโต๊ะเดียวกันสงสัย
"มีอะไรรึเปล่าอาชิน" อาหมิงถาม อาชินนั่งเงียบไม่พูดจนอาเจี๋ยเงยหน้ามองไปที่กลุ่มแดเนียลที่เดินห่างออกไป ซึ่งอาเจี๋ยก็พอจะเอาออก
"ถ้าเขาไม่สะดวกใจจะตอบก็อย่าถามเซ้าซี้เลย" อาเจี๋ยพูดตัดบทก่อนจะก้มมองนาฬิกาที่สายรัดข้อมือตัวเองซึ่งเป็นเวลา 12.39 น. แล้วคงต้องรีบกินเพื่อไปโรงฝึกสำหรับฝึกวิชาต่อสู้ในแขนงที่เลือก
"ฉันว่าเรารีบกินแล้วไปโรงฝึกกันดีกว่า" อาชินพูด
พวกเขาต่างรีบกินข้าวกับมันบดจนหมดจานเพื่อเติมพลังงานและพากันลุกจากโต๊ะ และเดินไปที่ตู้วางจานที่กินเสร็จแล้วซึ่งมันจะมีถาดวางจาน อาชินเอาจานลงใส่ถาดต่อจากอาหมิงที่วางก่อนเขาตอนนี้ยุวชนทหารในโรงอาหารค่อยๆทยอยเดินออกกันหมดจนแทบไม่เหลือสักนายยกเว้นครูฝึกกับทหารรุ่นผู้ใหญ่ที่กำลังนั่งคุยกัน บางทีอาชินก็รู้สึกอยากโตเป็นผู้ใหญ่เร็วๆเพราะอาจทำให้เขาเป็นอิสระกว่าตอนนี้ก็ได้
"ขอโทษนะฉันต้องรีบไปโรงฝึกของวิชาต่อสู้แขนงมวยไทยนะ ไปก่อนนะ" อาหมิงหันมาพูดก่อนจะรีบเดินแยกออกไป
"เฟรมนายอยู่แขนงไหนนะ" อาชินถาม
"ออ ฉันอยู่คาราเต้นะ" เฟรมตอบ อาหลงหันขวับทันทีที่ได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย จึงแสดงท่าทีตื่นเต้นออกมา
"จริงเหรอฉันก็อยู่คาราเต้เหมือนกัน" อาหลงพูด เฟรมก็เกิดความคิดขึ้นมา
"ถ้างั้นนายมากับฉันละกัน ไปละเจอกัน" เฟรมกับอาหลงตัดสินลุกจากโต๊ะเดินไปด้วยกัน
แยกไปแล้วสามคนตอนนี้เหลือเพียงอาชิน อาถิง อาเจี๋ย เสี่ยวหู่ และเฮยหลงเท่านั้นซึ่งทั้งห้าคนตัดสินใจพากันเดินออกจากโรงอาหาร มาที่ฝูงยุวชนทหารส่วนใหญ่กำลังต่อแถวอยู่ซึ่งนั้นคือรถรางที่มีป้ายเขียนว่า "ไปยิมวูซู" ภายในค่ายนั้นจะมีรถรางในการเดินทางเพื่อความสะดวกกับยุวชนทหารมาที่โรงอาหารหรือไปฝึกที่ยิมหรือที่สนามทหาร แต่รุ่นโตขึ้นไปจะเริ่มไม่มีรถรางแล้วแต่เขาไม่รู้ว่าถึงตอนนั้นจะใช้อะไรในการเดินทางในค่ายเพราะหวงฉี่ชุ่นปู่เขาไม่ได้บอกอะไรเลย เนื่องจากแถวค่อนข้างยาวประกอบกับแดดร้อนด้วยอาชินจึงใช้หมวกแก๊ปมาสวมหัวเพื่อบังแดดไม่ให้มันเผามากไปกว่านี้
"เสี่ยวหู่รถรางของทางฉันมาแล้ว เจอกันที่โรงนอน" เฮยหลงกล่าวและรีบวิ่งไปที่อีกฝั่งที่มีรถรางเหมือนกัน
"อ้าว เขาไม่ได้อยู่กับนายเหรอ" อาถิงถามด้วยความสงสัย
"เปล่านะเฮยหลงเขาฝึกยูโดนะ" เสี่ยวหู่ตอบ
"แปลว่าพวกเราสี่คนอยู่แขนงเดียวกันสินะ" อาชินพูด
"ประมาณนั้นนะ" อาเจี๋ยพูดสั้นๆ
ไม่นานนักรถรางก็แล่นมาจอดที่ชานชาลาซึ่งเหล่ายุวชนทหารยืนรอขึ้นกันอยู่ แน่นอนว่าอาชิน อาถิง อาเจี๋ย และเสี่ยวหู่อยู่กลางแถวกันแล้วแต่ก็ยังไม่วายต้องเบียดเสียดกับยุวชนทหารนายอื่นๆ ที่พยายามจะขึ้นรถรางให้ได้บนรถจะมีเจ้าหน้าที่หญิงคอยกำกับดูแลซึ่งเธออาจจะดูสูงไม่มากเธอมัดผมไว้และสวมหมวกหม้อตาลสีกลมท่า ใบหน้ารูปไข่และผิวขาวนวลมากแต่ท่าทางไม่น่าจะใจดีเท่าไหร่เพราะเธอออกคำสั่งให้ยุวชนทหารนั่งเป็นระเบียบไม่วิ่งเล่นกัน เนื่องจากที่นั่งมีกำจัดทำให้กลายเป็นว่าพวกอาชินไม่ได้นั่งแต่ต้องยืนเบียดกับคนอื่นๆซึ่งบางคนสูงใหญ่กว่าเขามาก
"อาชิน... ฉันไม่อยากไปที่นั้นฉันกลัว" อาถิงกระซิบข้างหูอาชิน
"นายไม่ต้องกลัวเพื่อน ฉันอยู่ตรงนี้จะไม่มีใครทำอะไรนายเชื่อสิ" อาชินพูดให้อาถิงสบายใจ แต่อาเจี๋ยขมวดคิ้ว
"อย่าหาว่าฉันจุ้นจ้านนะ มันดีนะที่พวกนายปกป้องกันและกันแต่...จะปกป้องตลอดไปเลยเหรอ ส่วนนายอาถิงบางครั้งนายก็ต้องหัดช่วยเหลือตัวเองได้แล้วเลิกกลัวชะ เพราะไม่มีใครปกป้องนายได้ตลอดหรอกนะไม่ว่าจะเป็นอาชินหรือตัวฉันก็ตาม" อาเจี๋ยพูดเตือนสติ
คำกล่าวของอาเจี๋ยทำให้อาชินเองก็กังวลซึ่งมันก็ถูกอีกเขาจะปกป้องญาติคนนี้ได้นานแค่ไหน เพราะสุดท้ายทุกคนต่างก็ต้องพึ่งพาตัวเองเช่นกัน ตัวเขาได้แต่หวังว่าตลอดที่อยู่ในค่ายจะทำให้อาถิงเข้มแข็งและพึ่งพาตัวเองได้สักที รถรางแล่นออกจากชานชาลาเพื่อไปโรงฝึก โดยที่พวกอาชินไม่พูดคุยกันปล่อยให้เสียงพูดคุยของคนบนรถรางนั้นทำลายความตึงเครียดในใจพวกเขาเอง
++++++++++++++++++++++++++++++++++
อาชิน อาถิง และเฟรมนั่งกินข้าวอย่างมีความสุขหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการฝึกมา โดยเฉพาะตัวอาชินที่เสียเหงื่อมากกว่าเพื่อนเขารู้สึกว่าอาหารวันนี้มันอร่อยมากแม้ว่ามันจะเป็นข้าวเปล่ากับหัวมันบดราดซอสเกรวี่ก็ตาม อาหารการกินของค่ายคือมื้อเช้าจะกินให้เต็มอิ่มเพราะมื้อเช้าค่อนข้างสำคัญมาก มื้อที่สองจะลดรายการอาหารลงและมื้อเย็นจะให้เด็กกินพวกอาหารไม่หนักท้อง ช่วงแรกๆอาชินยอมรับว่าตัวเขายังปรับตัวไม่ได้เพราะอยู่บ้านจะหยิบอะไรในตู้เย็นกินก็ได้ แต่การมาอยู่ค่ายมันก็ไม่ได้แย่อะไรมากนักสำหรับเขาถ้าไม่นับการที่มียุวชนทหารตั้งแต่รุ่นเขาไปถึงรุ่นใหญ่ที่เอาแต่จับจ้องและซุบซิบกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงจะอึดอัดแต่ตอนนี้เขาชินแล้วยกเว้นแค่เรื่องเดียว
"เนื้อคู่นายมาโน่นแล้ว" เฟรมพูดเชิงหยอกล้อ แต่อาชินไม่รู้สึกขำด้วยเลย
แดเนียล แรคคลิฟฟ์เดินมากับกลุ่มเพื่อนของเขาประมาณ 7-9 คน แต่ละคนถือถาดอาหารเพื่อนำไปเก็บซึ่งคงจะกินเสร็จแล้วอาชินเลือกที่จะไม่สบตากับอีกฝ่ายเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายหาเรื่อง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่เพราะยุวชนทหารที่ตัวเล็กดันสะกิดแดเนียลและชี้มาทางเขา และแน่นอนว่าเจ้าตัวทำสัญญาณให้พรรคพวกเพื่อที่จะเดินมาทางที่อาชินนั่งพอดี ซึ่งเฟรมเตรียมตัวที่จะบวกได้หากอีกฝ่ายคิดจะมาหาเรื่องแต่อาถิงแสดงท่าทีกลัวๆเล็กน้อย แต่ก่อนที่จะมีการเปิดศึกกันนั้นก็ปรากฏคนกลุ่มหนึ่งขึ้นมาชะก่อนทำให้กลุ่มแดเนียล แรคคลิฟฟ์นั้นยอมเดินถอยออกไป ซึ่งกลุ่มนั้นคือพวกเสี่ยวหู่นั้นเอง
"ขอโทษนะคือว่าพวกเราหาที่นั่งไม่ได้ จะขอนั่งโต๊ะเดียวกับพวกนายได้ไหม" เสี่ยวหู่ถามเชิงเป็นมิตร
"ได้สิ" อาชินกล่าวต้อนรับ
กลุ่มเสี่ยวหู่จึงพากันนั่งบนโต๊ะเดียวกับอาชินเพื่อกินอาหารกัน แน่นอนว่าเขาเห็นหม่าเทียนเจี๋ยด้วยซึ่งอีกฝ่ายนั่งตรงข้ามกับเขาโดยนั่งข้างๆเฟรม ถัดจากหม่าเทียนเจี๋ยนั้นมีเพื่อนอีกสองคนซึ่งสองคนนั้นค่อนข้างผิวขาวเหลือง ผมสีดำ ดวงตาสีน้ำตาลตรงข้ามกับหม่าเทียนเจี๋ยมาก ส่วนเสี่ยวหู่กับเพื่อนเขาอีกคนนั้นผิวขาวเหลืองผมสีดำ ดวงตาสีดำ นั่งกินฝั่งเดียวกับอาชินและอาถิงแต่สุดท้ายตัวของอาชินก็ไม่วายหันไปมองกลุ่มแดเนียล แรคคลิฟฟ์ที่เดินออกจากโรงอาหารไปแล้ว
"นายเจ๋งมากเลย ใครๆต่างพูดถึงนายกับแดเนียล ฟอร์ดกันหมดเลย" ยุวชนทหารที่นั่งใกล้กับหม่าเทียนเจี๋ยพูดชื่นชมพร้อมกับตักข้าวเข้าปาก
"ขอบใจ" อาชินรับคำชมอย่างเป็นมิตร
"ลืมแนะนำตัวเลยฉันชื่อ "โจวเหวินหลง" หรือจะเรียกว่า "อาหลง" ก็ได้" ยุวชนทหารนายนั้นกล่าวแนะนำตนเองและยื่นมือมาทางอาชิน
"ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันฉันชื่อ หวงจือชิน จะเรียกว่า อาชินก็ได้" อาชินพูดพร้อมจับมือเป็นกับอาหลง
"ส่วนฉันชื่อ "หลี่จื่อหมิง" เรียกสั้นๆว่า "อาหมิง" ก็ได้นะ" ยุวชนทหารที่นั่งข้างๆอาหลงกล่าว ซึ่งทั้งสองก็จับมือกันอย่างเป็นมิตรกัน แน่นอนว่าคนที่ชื่อหม่าเทียนเจี๋ยก็ไม่ลืมที่จะแนะนำตัวตามมารยาท
"ฉันชื่อ หม่าเทียนเจี๋ย จะเรียกว่า อาเจี๋ย ก็ได้" เขากล่าวแนะนำ
"แล้วนายสองคนละชื่ออะไรกัน" เฟรมถามทางเสี่ยวหู่กับคนที่นั่งข้างๆ
"ฉันชื่อ หวังเสี่ยวหู่ ส่วนนี้คือ สือเฮยหลง เป็นเพื่อนสนิทฉันเอง" เสี่ยวหู่แนะนำและจับมือกับเฟรมก่อนที่จะเปลี่ยนให้อีกฝ่ายจับมือกับเฮยหลง
"หวัดเพื่อน ฉันชื่อ เฟเดอริก แคเบล จะเรียกว่า เฟรม ก็ได้" เฟรมกล่าวแนะนำตนเอง
"แล้วนายละชื่ออะไร" เฮยหลงถามอาถิง
"หวงอี้ถิง จะเรียกว่า อาถิง ก็ได้" อาถิงตอบแบบกล้าๆกลัวๆ
"นายสองคนเป็นพี่น้องกันเหรอ" เสี่ยวหู่หันมาถาม
"เป็นญาติกันนะ" อาชินตอบ
ระหว่างที่พวกเขานั่งคุยกันนั้นก็มีคนกลุ่มใหญ่ประมาณ 10 กว่าคนกำลังเดินผ่านทางโต๊ะพวกเขาพอดีซึ่งอาชินก็ดันหันไปมองก็แทบอยากลุกหนีเพราะนั้นคือกลุ่มของแดเนียล ฟอร์ดนั้นเองเขาไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะมีเพื่อนติดตามมากมายขนาดนี้หากเทียบกับกลุ่มของแดเนียล แรคคลิฟฟ์คนละเรื่องเลย อาชินก้มหน้าอัตโนมัติทันทีและทำเป็นกินข้าวตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่เด็กชายรับรู้ได้ว่ามีคนในกลุ่มนั้นจับจ้องเขาอยู่ซึ่งคงไม่พ้นตัวแดเนียล ฟอร์ดแน่นอนเมื่อกลุ่มนั้นเดินห่างไปแล้วมันทำให้เขานั้นหายใจโล่งพอสมควรจนเพื่อนโต๊ะเดียวกันสงสัย
"มีอะไรรึเปล่าอาชิน" อาหมิงถาม อาชินนั่งเงียบไม่พูดจนอาเจี๋ยเงยหน้ามองไปที่กลุ่มแดเนียลที่เดินห่างออกไป ซึ่งอาเจี๋ยก็พอจะเอาออก
"ถ้าเขาไม่สะดวกใจจะตอบก็อย่าถามเซ้าซี้เลย" อาเจี๋ยพูดตัดบทก่อนจะก้มมองนาฬิกาที่สายรัดข้อมือตัวเองซึ่งเป็นเวลา 12.39 น. แล้วคงต้องรีบกินเพื่อไปโรงฝึกสำหรับฝึกวิชาต่อสู้ในแขนงที่เลือก
"ฉันว่าเรารีบกินแล้วไปโรงฝึกกันดีกว่า" อาชินพูด
พวกเขาต่างรีบกินข้าวกับมันบดจนหมดจานเพื่อเติมพลังงานและพากันลุกจากโต๊ะ และเดินไปที่ตู้วางจานที่กินเสร็จแล้วซึ่งมันจะมีถาดวางจาน อาชินเอาจานลงใส่ถาดต่อจากอาหมิงที่วางก่อนเขาตอนนี้ยุวชนทหารในโรงอาหารค่อยๆทยอยเดินออกกันหมดจนแทบไม่เหลือสักนายยกเว้นครูฝึกกับทหารรุ่นผู้ใหญ่ที่กำลังนั่งคุยกัน บางทีอาชินก็รู้สึกอยากโตเป็นผู้ใหญ่เร็วๆเพราะอาจทำให้เขาเป็นอิสระกว่าตอนนี้ก็ได้
"ขอโทษนะฉันต้องรีบไปโรงฝึกของวิชาต่อสู้แขนงมวยไทยนะ ไปก่อนนะ" อาหมิงหันมาพูดก่อนจะรีบเดินแยกออกไป
"เฟรมนายอยู่แขนงไหนนะ" อาชินถาม
"ออ ฉันอยู่คาราเต้นะ" เฟรมตอบ อาหลงหันขวับทันทีที่ได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย จึงแสดงท่าทีตื่นเต้นออกมา
"จริงเหรอฉันก็อยู่คาราเต้เหมือนกัน" อาหลงพูด เฟรมก็เกิดความคิดขึ้นมา
"ถ้างั้นนายมากับฉันละกัน ไปละเจอกัน" เฟรมกับอาหลงตัดสินลุกจากโต๊ะเดินไปด้วยกัน
แยกไปแล้วสามคนตอนนี้เหลือเพียงอาชิน อาถิง อาเจี๋ย เสี่ยวหู่ และเฮยหลงเท่านั้นซึ่งทั้งห้าคนตัดสินใจพากันเดินออกจากโรงอาหาร มาที่ฝูงยุวชนทหารส่วนใหญ่กำลังต่อแถวอยู่ซึ่งนั้นคือรถรางที่มีป้ายเขียนว่า "ไปยิมวูซู" ภายในค่ายนั้นจะมีรถรางในการเดินทางเพื่อความสะดวกกับยุวชนทหารมาที่โรงอาหารหรือไปฝึกที่ยิมหรือที่สนามทหาร แต่รุ่นโตขึ้นไปจะเริ่มไม่มีรถรางแล้วแต่เขาไม่รู้ว่าถึงตอนนั้นจะใช้อะไรในการเดินทางในค่ายเพราะหวงฉี่ชุ่นปู่เขาไม่ได้บอกอะไรเลย เนื่องจากแถวค่อนข้างยาวประกอบกับแดดร้อนด้วยอาชินจึงใช้หมวกแก๊ปมาสวมหัวเพื่อบังแดดไม่ให้มันเผามากไปกว่านี้
"เสี่ยวหู่รถรางของทางฉันมาแล้ว เจอกันที่โรงนอน" เฮยหลงกล่าวและรีบวิ่งไปที่อีกฝั่งที่มีรถรางเหมือนกัน
"อ้าว เขาไม่ได้อยู่กับนายเหรอ" อาถิงถามด้วยความสงสัย
"เปล่านะเฮยหลงเขาฝึกยูโดนะ" เสี่ยวหู่ตอบ
"แปลว่าพวกเราสี่คนอยู่แขนงเดียวกันสินะ" อาชินพูด
"ประมาณนั้นนะ" อาเจี๋ยพูดสั้นๆ
ไม่นานนักรถรางก็แล่นมาจอดที่ชานชาลาซึ่งเหล่ายุวชนทหารยืนรอขึ้นกันอยู่ แน่นอนว่าอาชิน อาถิง อาเจี๋ย และเสี่ยวหู่อยู่กลางแถวกันแล้วแต่ก็ยังไม่วายต้องเบียดเสียดกับยุวชนทหารนายอื่นๆ ที่พยายามจะขึ้นรถรางให้ได้บนรถจะมีเจ้าหน้าที่หญิงคอยกำกับดูแลซึ่งเธออาจจะดูสูงไม่มากเธอมัดผมไว้และสวมหมวกหม้อตาลสีกลมท่า ใบหน้ารูปไข่และผิวขาวนวลมากแต่ท่าทางไม่น่าจะใจดีเท่าไหร่เพราะเธอออกคำสั่งให้ยุวชนทหารนั่งเป็นระเบียบไม่วิ่งเล่นกัน เนื่องจากที่นั่งมีกำจัดทำให้กลายเป็นว่าพวกอาชินไม่ได้นั่งแต่ต้องยืนเบียดกับคนอื่นๆซึ่งบางคนสูงใหญ่กว่าเขามาก
"อาชิน... ฉันไม่อยากไปที่นั้นฉันกลัว" อาถิงกระซิบข้างหูอาชิน
"นายไม่ต้องกลัวเพื่อน ฉันอยู่ตรงนี้จะไม่มีใครทำอะไรนายเชื่อสิ" อาชินพูดให้อาถิงสบายใจ แต่อาเจี๋ยขมวดคิ้ว
"อย่าหาว่าฉันจุ้นจ้านนะ มันดีนะที่พวกนายปกป้องกันและกันแต่...จะปกป้องตลอดไปเลยเหรอ ส่วนนายอาถิงบางครั้งนายก็ต้องหัดช่วยเหลือตัวเองได้แล้วเลิกกลัวชะ เพราะไม่มีใครปกป้องนายได้ตลอดหรอกนะไม่ว่าจะเป็นอาชินหรือตัวฉันก็ตาม" อาเจี๋ยพูดเตือนสติ
คำกล่าวของอาเจี๋ยทำให้อาชินเองก็กังวลซึ่งมันก็ถูกอีกเขาจะปกป้องญาติคนนี้ได้นานแค่ไหน เพราะสุดท้ายทุกคนต่างก็ต้องพึ่งพาตัวเองเช่นกัน ตัวเขาได้แต่หวังว่าตลอดที่อยู่ในค่ายจะทำให้อาถิงเข้มแข็งและพึ่งพาตัวเองได้สักที รถรางแล่นออกจากชานชาลาเพื่อไปโรงฝึก โดยที่พวกอาชินไม่พูดคุยกันปล่อยให้เสียงพูดคุยของคนบนรถรางนั้นทำลายความตึงเครียดในใจพวกเขาเอง
++++++++++++++++++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ