จอมใจคาสโนว่า
-
เขียนโดย GUEST1563906409
วันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 01.31 น.
6 ตอน
1 วิจารณ์
6,192 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 01.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) จำกันไม่ได้?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 1
“นั่นใคร พนักงานใหม่รึ...”
“คนไหนครับ”
“คนที่เดินมากับแม่ของฉันนั่นไง”
ทินกร ธีระสกุลกิจ มองผ่านแว่นกันแดดสีเข้ม ไปยังหญิงสาวร่างสูงสมส่วนในชุดเสื้อเชิ้ตสีเรียบ กระโปรงทรงเอสีดำ รองเท้าคัทชู ดูเรียบร้อยแต่ทะมัดทะแมงที่กำลังเดินตามหลังแม่ของเขาตรงเข้ามาในล็อบบี้ของ “ธีระธารฮิลล์ไซด์แอนด์รีสอร์ต”
ยุทธพิชัย เลขานุการส่วนตัวมองตามสายตาของเจ้านาย
“คุณทินจำไม่ได้หรือครับ”
“ฉันรู้จักเขา?”
“ใช่ครับ”
“งั้นก็คงจำไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ”
ทินกรพูดอย่างไม่ใส่ใจ
ปกติเขาจำคนแม่นโดยเฉพาะผู้หญิง...
เจอใครครั้งแรกเขาก็จำได้ทั้งหน้า ชื่อจริง ชื่อเล่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ไอดีไลน์...
แต่ถ้าเขาจำใครไม่ได้ ก็แสดงว่าเธอคนนั้นคงไม่มีอะไรน่าสนใจเลยสักนิด
“นั่นไงครับ คุณนายมาโน่นแล้ว”
ยุทธพิชัยกระซิบบอกอย่างร่าเริงผิดปกติ ดูราวกับกำลังรอคอยฉากที่ทินกรจะได้พบกับสาวน้อยแปลกหน้าคนนั้น นราวดีเดินตรงเข้ามาหาทันทีที่เห็นว่าลูกชายนั่งตรงไหน
ทินกรมองเลยมารดาไปยังหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งอ่อนท่าทางคล่องแคล่วที่เดินตามหลังมารดามาติดๆ รู้สึกคุ้นหน้าเธออย่างประหลาด
รวิศาก็มองเห็นเขาแล้วเช่นกัน เธอสะดุดเล็กน้อย แต่ก็ยังพยายามควบคุมอาการประหม่าเอาไว้สุดความสามารถ
รู้อยู่แล้วว่าอย่างไรก็ต้องกลับมาเผชิญหน้ากับทินกร เตรียมตัวเตรียมใจนับครั้งไม่ถ้วน ซักซ้อมอย่างดีว่าถ้าเจอเขาอีกครั้ง จะทำหน้าอย่างไร จะพูดอะไร...
แต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆ กลับหัวใจเต้นรัว...
ก็ไหนป้านายบอกว่าวันนี้พี่ทินไม่อยู่นี่นา...โอย...ไม่ได้ตั้งตัวเลยเรา
“ทินลูกแม่...ดูซิว่าแม่พาใครมา”
นราวดีทักลูกชายเสียงดัง ดูอารมณ์ดีออกหน้าออกตา
ทินกรลุกขึ้นยืน ความสูง 184 เซนติเมตรของเขาทำให้แม่ต้องแหงนหน้าคอแทบตั้งบ่า ส่วนหญิงสาวที่มาใหม่น่ะหรือ เธอสูงพอสมควรเมื่อเทียบกับมาตรฐานหญิงไทย แต่ก็ยังได้แค่ไหล่ของเขาอยู่ดี
“สวัสดีครับแม่”
ทินกรเอ่ยตอบ แต่สายตายังอยู่ที่ผู้หญิงด้านหลัง
ไม่ได้ปิ๊งอะไรเธอมาก แต่เพราะยุทธพิชัยบอกว่าเขาเคยรู้จักเธอคนนี้ ทินกรจึงอดจ้องมองไม่ได้เพราะอยากรู้ว่าเธอคือใคร
ใกล้เข้ามาแบบนี้ ใบหน้ารูปหัวใจนั้นยิ่งคุ้นตา...
หญิงสาวยกมือไหว้ทินกร สบตาเพียงชั่ววินาทีก่อนหันไปไหว้ยุทธพิชัยบ้าง ฝ่ายหลังรับไหว้ ท่าทางสนิทสนมกันดีกับหญิงสาวที่มาใหม่
ทินกรอยากเขกกระโหลกเลขาฯ คู่ใจที่กระดี๊กระด๊าเป็นพิเศษ และเริ่มหงุดหงิดที่นึกไม่ออกว่าเคยรู้จักเธอคนนี้ที่ไหน เธอไม่ใช่สเปคเขาหรอก แต่ถ้าเคยได้เจอกันก็ไม่น่าจะลืมได้ขนาดนั้น เขาอายุแค่สามสิบกว่าเองนะ ยังไม่น่าแก่จนหลงลืม
ยัยนี่เป็นใครวะ...หน้าอิ่มตาโตคิ้วโก่ง ผิวสีแทนเหมือนสาวฝรั่งที่ชอบอาบแดดแต่ก็ไม่ได้เข้มมากขนาดนั้น...
“ยัยเป็ดดำ!”
“นายทิน!”
นราวดีเอ็ดลูกชายทันที แต่ทินกรกลับเบิกตากว้าง ฉีกยิ้ม ก่อนระเบิดหัวเราะเสียงดัง ยุทธพิชัยมองเจ้านายและรวิศาสลับกันไปมา ยิ้มเจื่อน
อีกแล้วนะคุณทิน...ไหนบอกว่าจำไม่ได้ไงล่ะว้า...
“เป็ด...เอ๊ย...ศา เธอเองหรือนี่ โอ้โห โตเป็นสาวจนพี่จำไม่ได้”
“ค่ะ...ศาเอง”
รวิศายิ้มเพลีย ไม่คิดว่าตัวเองจะไร้ที่ทางในความทรงจำของทินกรถึงขั้นที่เขาจะจำกันไม่ได้ เธอก็แค่แต่งหน้า ทำผม และเปลี่ยนจากชุดนักศึกษามาเป็นชุดสาวทำงานเท่านั้น
แต่ที่ไม่เคยเปลี่ยนไปคือผิวสีแทนของเธอ...แม้ใครหลายคนจะชื่นชมว่ามันนวลเนียนเหมือนสีของน้ำผึ้ง แต่สำหรับทินกร...เธอก็ยังเป็นแค่ยัยดำอยู่ดี
ทินกรในวัยเด็กนี่แหละที่เป็นหัวโจกเรียกเธอว่า 'ลูกเป็ดขี้เหร่' แถมยังตัวดำเสียด้วย ก็เลยกลายเป็นเป็ดดำด้วยประการฉะนี้
“พูดดีๆ กับน้องหน่อยนะนายทิน น้องจะดำจะขาวมันไปหนักอะไรตรงไหน”
นราวดีดุอย่างไม่ไว้หน้า
“แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าเกลียดที่สุดคนที่เอารูปลักษณ์คนอื่นมาล้อแบบนี้ คนอื่นเขาจะว่าเอาได้ว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอน ที่สำคัญเราไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
“ขอโทษครับแม่" ทินกรยกมือไหว้ พยายามกลั้นยิ้ม "ทินไม่ได้ตั้งใจจะล้อ แต่พอดีมันนึกฉายาในอดีตขึ้นมาได้”
“ปากเปราะล่ะสิไม่ว่า”
นราวดีเคืองจัด ก่อนหันไปทางหญิงสาวผู้อ่อนวัยกว่าด้วยแววตาอ่อนโยน
“ป้าขอโทษจริงๆ นะศา ป้าคงเลี้ยงลูกไม่ดีจริงๆ ดูสิ แก่จนป่านนี้แล้วก็ยัง...เฮ้อ”
“โถ่แม่คร้าบ” ทินกรยิ้มขัน “ทินขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ฉายานี้ตั้งให้ด้วยความรัก อีกอย่างก็ไม่ได้เรียกแบบนี้ตั้งนานแล้ว บอกตามตรงว่าถ้าไปเจอกันข้างนอกพี่จำศาไม่ได้เลยนะนี่”
“น้องสวยขึ้นใช่ไหมล่ะ”
“ก็คงจะอย่างนั้นแหละครับ”
ทินกรยิ้ม รวิศาพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่กลอกตามองบน ทำไมเธอจะไม่รู้ตัวเองว่าสวยหรือไม่สวย... ยิ่งถ้าคนที่ชมว่าเธอสวยคือพี่ทินแล้วล่ะก็...ยิ่งหาความน่าเชื่อถืออะไรไม่ได้
“ต่อไปก็เรียกน้องให้มันดีๆ ให้เกียรติน้องบ้าง เพราะน้องจะมาทำงานกับเราที่นี่แล้วนะ”
“ฮ้า...จริงหรือครับ ศาเรียนจบแล้วหรือนี่ แล้วจบอะไรล่ะ การตลาด ประชาสัมพันธ์ บริหาร หรือคหกรรม ...”
“จบวิทยาศาสตร์การกีฬาค่ะ”
ทินกรเลิกคิ้ว ประหลาดใจสุดขีด แต่รวิศาใจฟีบเข้าไปอีก
ดูสิ...เธอเรียนอะไรเขาก็ยังลืม
นราวดีถอนหายใจเบาๆ และรีบตัดบทก่อนที่ลูกชายตัวดีของเธอจะพูดจาอะไรที่ไม่เข้าท่าออกมาอีก
“แม่จะให้หนูศามารับผิดชอบโครงการสปอร์ตคลับของโรงแรมของเรา น้องจะมาอยู่กับเรานับจากวันนี้ไปทินกับยุทธต้องดูแลน้องให้ดีๆ นะ แม่ฝากเราสองคนด้วย”
“ด้วยความยินดีครับ”
ทินกรรับคำ สายตายังจับจ้องที่สาวสวยอดีตยัยเป็ดดำของเขาอย่างรู้สึกทึ่ง ยุทธพิชัยฉีกยิ้มกว้างอย่างยินดี มีเพียงรวิศาเท่านั้นกระมังที่หลบสายตาชายหนุ่มอย่างเซ็งๆ ...
รวิศาไม่ใช่คนบอบบาง เธอสูง 170 เซนติเมตร เมื่อตอนเป็นเด็กค่อนข้างอวบ เจ้าเนื้อ และเมื่อเริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจัง ร่างกายก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง มีหุ่นประเปรียวทะมัดทะแมงอย่างนักกีฬา
แต่ด้วยบุคคลิกห้าวแบบผู้ชายในสมัยเรียนทำให้เพื่อนที่เป็นชายไม่ค่อยมีใครคิดจะจีบเธอเลยสักคน ที่มีเข้ามาจีบบ้าง เธอก็แสดงออกอย่างมึงมาพาโวยเข้าใส่ จนผู้ชายทั้งหลายต้องถอยห่าง เหลือไว้ก็แต่พวกที่เป็นเพื่อนกันจริง ๆ เท่านั้น
แต่นั่นไม่ใช่เพราะรวิศาไม่เคยชอบใคร
ตรงกันข้าม...
เธอมีคนที่ชอบเก็บอยู่ในใจมาโดยตลอด ปลาบปลื้มเขาตั้งแต่เป็นเด็ก เข้าวัยสาว
เธอรับรู้แบบปะติดปะต่อเอาเองว่า เธอและเขาคนนั้น ถูกจับคู่กันมาตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อแม่ของทั้งคู่สนิทกัน และอยากให้ลูกชาย ลูกสาว ของตัวเองเกี่ยวดองกันด้วยการแต่งงาน
เด็กสาวอย่างรวิศา จึงไม่เคยมีสายตาให้ผู้ชายคนไหน ยกเว้นเขา...
จนกระทั่งในมื้อค่ำวันหนึ่ง ฉลองที่เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ สองครอบครัวนัดกินข้าวกัน
เขาก็มาด้วย...เขาซึ่งกำลังเป็นหนุ่มเนื้อหอมที่สุดคนหนึ่งในวงสังคม
เธอมาช้าเพราะติดรับน้อง แต่ก็มาทันเพราะอยากพบหน้าเขาเหลือเกิน...
รวิศาพบเขายืนคุยโทรศัพท์อยู่หน้าร้านอาหารที่นัดกันไว้ เขายังหล่อ ดูดี และมีเสน่ห์อย่างที่หลอมละลายหัวใจสาวน้อยไร้เดียงสาอย่างเธอได้ไม่ยาก
“อย่างอนสิคะ จ๊ะจ๋า พี่ทินบอกแล้วไงว่ามากินข้าวเป็นเพื่อนพ่อกับแม่ก็แค่นั้น แล้วเอามาจากไหนว่าพี่ทินมานัดดูตัว...ฟังไอ้ยุทธมาผิด ๆ อีกล่ะสิ”
รวิศาไม่ได้ตั้งใจแอบฟังเลย แต่เธอก็ได้ยิน เขามองไม่เห็นเธอหรอกเพราะหน้าร้านมีระแนงไม้ให้ดอกเฟื่องฟ้าพันกั้นไว้
“พี่กับยัยศาเป็นแค่พี่น้องกันเท่านั้นแหละ เอ๊า...ยังไม่เชื่ออีก โถ่เอ๊ย เด็กกะโปโลแบบนั้นพี่จะเอาอะไรไปชอบ”
รวิศายืนอึ้ง...
เดินคอตกเข้าไปในร้านอาหารที่พ่อแม่รออยู่...หัวใจหมองหม่น
ส่วนทินกรก็ไม่รู้ตัวอะไรเลย ไม่สังเกตด้วยว่าค่ำคืนนั้นรวิศาพูดน้อยยิ่งกว่าน้อย และไม่ยอมสบตาเขาสักนิด
เขาเองก็ใช่ว่าจะสนใจ ได้แต่ขอตัวออกไปโทรศัพท์อยู่แทบจะทุก 5 นาที จนนราวดีหน้าตึง เคืองลูกชาย
แต่พ่อกับแม่ของรวิศาดูเหมือนไม่ถือสา รวิศาเองก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวให้มันหมด ๆ ไป
และครั้งสุดท้ายนั่นก็คือ 5 ปีมาแล้วที่รวิศาได้พบกับผู้ชายในฝันที่ชื่อว่าพี่ทิน####มีจำหน่ายให้รูปแบบอีบุ๊คส์แล้วนะคะ ฝากด้วยค่าาา
Link: http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNjczODExIjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiOTk3ODUiO30
“นั่นใคร พนักงานใหม่รึ...”
“คนไหนครับ”
“คนที่เดินมากับแม่ของฉันนั่นไง”
ทินกร ธีระสกุลกิจ มองผ่านแว่นกันแดดสีเข้ม ไปยังหญิงสาวร่างสูงสมส่วนในชุดเสื้อเชิ้ตสีเรียบ กระโปรงทรงเอสีดำ รองเท้าคัทชู ดูเรียบร้อยแต่ทะมัดทะแมงที่กำลังเดินตามหลังแม่ของเขาตรงเข้ามาในล็อบบี้ของ “ธีระธารฮิลล์ไซด์แอนด์รีสอร์ต”
ยุทธพิชัย เลขานุการส่วนตัวมองตามสายตาของเจ้านาย
“คุณทินจำไม่ได้หรือครับ”
“ฉันรู้จักเขา?”
“ใช่ครับ”
“งั้นก็คงจำไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ”
ทินกรพูดอย่างไม่ใส่ใจ
ปกติเขาจำคนแม่นโดยเฉพาะผู้หญิง...
เจอใครครั้งแรกเขาก็จำได้ทั้งหน้า ชื่อจริง ชื่อเล่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ไอดีไลน์...
แต่ถ้าเขาจำใครไม่ได้ ก็แสดงว่าเธอคนนั้นคงไม่มีอะไรน่าสนใจเลยสักนิด
“นั่นไงครับ คุณนายมาโน่นแล้ว”
ยุทธพิชัยกระซิบบอกอย่างร่าเริงผิดปกติ ดูราวกับกำลังรอคอยฉากที่ทินกรจะได้พบกับสาวน้อยแปลกหน้าคนนั้น นราวดีเดินตรงเข้ามาหาทันทีที่เห็นว่าลูกชายนั่งตรงไหน
ทินกรมองเลยมารดาไปยังหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งอ่อนท่าทางคล่องแคล่วที่เดินตามหลังมารดามาติดๆ รู้สึกคุ้นหน้าเธออย่างประหลาด
รวิศาก็มองเห็นเขาแล้วเช่นกัน เธอสะดุดเล็กน้อย แต่ก็ยังพยายามควบคุมอาการประหม่าเอาไว้สุดความสามารถ
รู้อยู่แล้วว่าอย่างไรก็ต้องกลับมาเผชิญหน้ากับทินกร เตรียมตัวเตรียมใจนับครั้งไม่ถ้วน ซักซ้อมอย่างดีว่าถ้าเจอเขาอีกครั้ง จะทำหน้าอย่างไร จะพูดอะไร...
แต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆ กลับหัวใจเต้นรัว...
ก็ไหนป้านายบอกว่าวันนี้พี่ทินไม่อยู่นี่นา...โอย...ไม่ได้ตั้งตัวเลยเรา
“ทินลูกแม่...ดูซิว่าแม่พาใครมา”
นราวดีทักลูกชายเสียงดัง ดูอารมณ์ดีออกหน้าออกตา
ทินกรลุกขึ้นยืน ความสูง 184 เซนติเมตรของเขาทำให้แม่ต้องแหงนหน้าคอแทบตั้งบ่า ส่วนหญิงสาวที่มาใหม่น่ะหรือ เธอสูงพอสมควรเมื่อเทียบกับมาตรฐานหญิงไทย แต่ก็ยังได้แค่ไหล่ของเขาอยู่ดี
“สวัสดีครับแม่”
ทินกรเอ่ยตอบ แต่สายตายังอยู่ที่ผู้หญิงด้านหลัง
ไม่ได้ปิ๊งอะไรเธอมาก แต่เพราะยุทธพิชัยบอกว่าเขาเคยรู้จักเธอคนนี้ ทินกรจึงอดจ้องมองไม่ได้เพราะอยากรู้ว่าเธอคือใคร
ใกล้เข้ามาแบบนี้ ใบหน้ารูปหัวใจนั้นยิ่งคุ้นตา...
หญิงสาวยกมือไหว้ทินกร สบตาเพียงชั่ววินาทีก่อนหันไปไหว้ยุทธพิชัยบ้าง ฝ่ายหลังรับไหว้ ท่าทางสนิทสนมกันดีกับหญิงสาวที่มาใหม่
ทินกรอยากเขกกระโหลกเลขาฯ คู่ใจที่กระดี๊กระด๊าเป็นพิเศษ และเริ่มหงุดหงิดที่นึกไม่ออกว่าเคยรู้จักเธอคนนี้ที่ไหน เธอไม่ใช่สเปคเขาหรอก แต่ถ้าเคยได้เจอกันก็ไม่น่าจะลืมได้ขนาดนั้น เขาอายุแค่สามสิบกว่าเองนะ ยังไม่น่าแก่จนหลงลืม
ยัยนี่เป็นใครวะ...หน้าอิ่มตาโตคิ้วโก่ง ผิวสีแทนเหมือนสาวฝรั่งที่ชอบอาบแดดแต่ก็ไม่ได้เข้มมากขนาดนั้น...
“ยัยเป็ดดำ!”
“นายทิน!”
นราวดีเอ็ดลูกชายทันที แต่ทินกรกลับเบิกตากว้าง ฉีกยิ้ม ก่อนระเบิดหัวเราะเสียงดัง ยุทธพิชัยมองเจ้านายและรวิศาสลับกันไปมา ยิ้มเจื่อน
อีกแล้วนะคุณทิน...ไหนบอกว่าจำไม่ได้ไงล่ะว้า...
“เป็ด...เอ๊ย...ศา เธอเองหรือนี่ โอ้โห โตเป็นสาวจนพี่จำไม่ได้”
“ค่ะ...ศาเอง”
รวิศายิ้มเพลีย ไม่คิดว่าตัวเองจะไร้ที่ทางในความทรงจำของทินกรถึงขั้นที่เขาจะจำกันไม่ได้ เธอก็แค่แต่งหน้า ทำผม และเปลี่ยนจากชุดนักศึกษามาเป็นชุดสาวทำงานเท่านั้น
แต่ที่ไม่เคยเปลี่ยนไปคือผิวสีแทนของเธอ...แม้ใครหลายคนจะชื่นชมว่ามันนวลเนียนเหมือนสีของน้ำผึ้ง แต่สำหรับทินกร...เธอก็ยังเป็นแค่ยัยดำอยู่ดี
ทินกรในวัยเด็กนี่แหละที่เป็นหัวโจกเรียกเธอว่า 'ลูกเป็ดขี้เหร่' แถมยังตัวดำเสียด้วย ก็เลยกลายเป็นเป็ดดำด้วยประการฉะนี้
“พูดดีๆ กับน้องหน่อยนะนายทิน น้องจะดำจะขาวมันไปหนักอะไรตรงไหน”
นราวดีดุอย่างไม่ไว้หน้า
“แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าเกลียดที่สุดคนที่เอารูปลักษณ์คนอื่นมาล้อแบบนี้ คนอื่นเขาจะว่าเอาได้ว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอน ที่สำคัญเราไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
“ขอโทษครับแม่" ทินกรยกมือไหว้ พยายามกลั้นยิ้ม "ทินไม่ได้ตั้งใจจะล้อ แต่พอดีมันนึกฉายาในอดีตขึ้นมาได้”
“ปากเปราะล่ะสิไม่ว่า”
นราวดีเคืองจัด ก่อนหันไปทางหญิงสาวผู้อ่อนวัยกว่าด้วยแววตาอ่อนโยน
“ป้าขอโทษจริงๆ นะศา ป้าคงเลี้ยงลูกไม่ดีจริงๆ ดูสิ แก่จนป่านนี้แล้วก็ยัง...เฮ้อ”
“โถ่แม่คร้าบ” ทินกรยิ้มขัน “ทินขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ฉายานี้ตั้งให้ด้วยความรัก อีกอย่างก็ไม่ได้เรียกแบบนี้ตั้งนานแล้ว บอกตามตรงว่าถ้าไปเจอกันข้างนอกพี่จำศาไม่ได้เลยนะนี่”
“น้องสวยขึ้นใช่ไหมล่ะ”
“ก็คงจะอย่างนั้นแหละครับ”
ทินกรยิ้ม รวิศาพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่กลอกตามองบน ทำไมเธอจะไม่รู้ตัวเองว่าสวยหรือไม่สวย... ยิ่งถ้าคนที่ชมว่าเธอสวยคือพี่ทินแล้วล่ะก็...ยิ่งหาความน่าเชื่อถืออะไรไม่ได้
“ต่อไปก็เรียกน้องให้มันดีๆ ให้เกียรติน้องบ้าง เพราะน้องจะมาทำงานกับเราที่นี่แล้วนะ”
“ฮ้า...จริงหรือครับ ศาเรียนจบแล้วหรือนี่ แล้วจบอะไรล่ะ การตลาด ประชาสัมพันธ์ บริหาร หรือคหกรรม ...”
“จบวิทยาศาสตร์การกีฬาค่ะ”
ทินกรเลิกคิ้ว ประหลาดใจสุดขีด แต่รวิศาใจฟีบเข้าไปอีก
ดูสิ...เธอเรียนอะไรเขาก็ยังลืม
นราวดีถอนหายใจเบาๆ และรีบตัดบทก่อนที่ลูกชายตัวดีของเธอจะพูดจาอะไรที่ไม่เข้าท่าออกมาอีก
“แม่จะให้หนูศามารับผิดชอบโครงการสปอร์ตคลับของโรงแรมของเรา น้องจะมาอยู่กับเรานับจากวันนี้ไปทินกับยุทธต้องดูแลน้องให้ดีๆ นะ แม่ฝากเราสองคนด้วย”
“ด้วยความยินดีครับ”
ทินกรรับคำ สายตายังจับจ้องที่สาวสวยอดีตยัยเป็ดดำของเขาอย่างรู้สึกทึ่ง ยุทธพิชัยฉีกยิ้มกว้างอย่างยินดี มีเพียงรวิศาเท่านั้นกระมังที่หลบสายตาชายหนุ่มอย่างเซ็งๆ ...
รวิศาไม่ใช่คนบอบบาง เธอสูง 170 เซนติเมตร เมื่อตอนเป็นเด็กค่อนข้างอวบ เจ้าเนื้อ และเมื่อเริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจัง ร่างกายก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง มีหุ่นประเปรียวทะมัดทะแมงอย่างนักกีฬา
แต่ด้วยบุคคลิกห้าวแบบผู้ชายในสมัยเรียนทำให้เพื่อนที่เป็นชายไม่ค่อยมีใครคิดจะจีบเธอเลยสักคน ที่มีเข้ามาจีบบ้าง เธอก็แสดงออกอย่างมึงมาพาโวยเข้าใส่ จนผู้ชายทั้งหลายต้องถอยห่าง เหลือไว้ก็แต่พวกที่เป็นเพื่อนกันจริง ๆ เท่านั้น
แต่นั่นไม่ใช่เพราะรวิศาไม่เคยชอบใคร
ตรงกันข้าม...
เธอมีคนที่ชอบเก็บอยู่ในใจมาโดยตลอด ปลาบปลื้มเขาตั้งแต่เป็นเด็ก เข้าวัยสาว
เธอรับรู้แบบปะติดปะต่อเอาเองว่า เธอและเขาคนนั้น ถูกจับคู่กันมาตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อแม่ของทั้งคู่สนิทกัน และอยากให้ลูกชาย ลูกสาว ของตัวเองเกี่ยวดองกันด้วยการแต่งงาน
เด็กสาวอย่างรวิศา จึงไม่เคยมีสายตาให้ผู้ชายคนไหน ยกเว้นเขา...
จนกระทั่งในมื้อค่ำวันหนึ่ง ฉลองที่เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ สองครอบครัวนัดกินข้าวกัน
เขาก็มาด้วย...เขาซึ่งกำลังเป็นหนุ่มเนื้อหอมที่สุดคนหนึ่งในวงสังคม
เธอมาช้าเพราะติดรับน้อง แต่ก็มาทันเพราะอยากพบหน้าเขาเหลือเกิน...
รวิศาพบเขายืนคุยโทรศัพท์อยู่หน้าร้านอาหารที่นัดกันไว้ เขายังหล่อ ดูดี และมีเสน่ห์อย่างที่หลอมละลายหัวใจสาวน้อยไร้เดียงสาอย่างเธอได้ไม่ยาก
“อย่างอนสิคะ จ๊ะจ๋า พี่ทินบอกแล้วไงว่ามากินข้าวเป็นเพื่อนพ่อกับแม่ก็แค่นั้น แล้วเอามาจากไหนว่าพี่ทินมานัดดูตัว...ฟังไอ้ยุทธมาผิด ๆ อีกล่ะสิ”
รวิศาไม่ได้ตั้งใจแอบฟังเลย แต่เธอก็ได้ยิน เขามองไม่เห็นเธอหรอกเพราะหน้าร้านมีระแนงไม้ให้ดอกเฟื่องฟ้าพันกั้นไว้
“พี่กับยัยศาเป็นแค่พี่น้องกันเท่านั้นแหละ เอ๊า...ยังไม่เชื่ออีก โถ่เอ๊ย เด็กกะโปโลแบบนั้นพี่จะเอาอะไรไปชอบ”
รวิศายืนอึ้ง...
เดินคอตกเข้าไปในร้านอาหารที่พ่อแม่รออยู่...หัวใจหมองหม่น
ส่วนทินกรก็ไม่รู้ตัวอะไรเลย ไม่สังเกตด้วยว่าค่ำคืนนั้นรวิศาพูดน้อยยิ่งกว่าน้อย และไม่ยอมสบตาเขาสักนิด
เขาเองก็ใช่ว่าจะสนใจ ได้แต่ขอตัวออกไปโทรศัพท์อยู่แทบจะทุก 5 นาที จนนราวดีหน้าตึง เคืองลูกชาย
แต่พ่อกับแม่ของรวิศาดูเหมือนไม่ถือสา รวิศาเองก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวให้มันหมด ๆ ไป
และครั้งสุดท้ายนั่นก็คือ 5 ปีมาแล้วที่รวิศาได้พบกับผู้ชายในฝันที่ชื่อว่าพี่ทิน####มีจำหน่ายให้รูปแบบอีบุ๊คส์แล้วนะคะ ฝากด้วยค่าาา
Link: http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNjczODExIjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiOTk3ODUiO30
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ