ก๊วนเทพวัยใสป่วนหัวใจให้ตกหลุมรัก

-

เขียนโดย เจ้าหนอน

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 01.37 น.

  19 ตอน
  1 วิจารณ์
  18.15K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 17.24 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ตอนที่ 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                เซ็งเฟ้ย!!! ทำไมบ้านเงียบแบบนี้ว่ะ!!
                ฉันเดินลงมาชั้นล่างเพราะไม่มีอะไรทำ วาโตรุก็ไม่อยู่ พี่เซนฯก็กลับมหา’ลัย ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ไปทำธุระ น้าชิออนก็ไม่อยู่ ส่วนฉันที่โดนพักการเรียนเพราะดันไปเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีวางระเบิดโรงเรียนก็ได้แต่อยู่บ้านเพราะไม่มีอะไรทำ
                ฉันเดินมาที่สระน้ำเพราะมันเป็นที่เดียวที่จะทำให้ฉันสบายใจ ก่อนจะเอาขาลงไปแช่น้ำ
                ฉันและเหล่าสภานักเรียนถูกพักการเรียนเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม เพราะเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีวางระเบิดโรงเรียน ที่รู้เพราะว่าฉันใช้จิตตามอีตาเทสึไป เลยรู้เรื่อง ถึงแม้ก่อนหน้านั้นมันจะชวนให้เกิดอารมณ์ก็เถอะ -_-^^
                มันจะเป็นฝีมือของโคลว์กับคลาวดี้หรือเปล่านะ แต่จากที่ฉันใช้พลังเวทย์สัมผัสดูแล้ว มันไม่ใช่ฝีมือพวกเหนือมนุษย์นะ ฝีมือคนธรรมดานี่แหละ  แต่มันเป็นใครนี่สิ ลำบากอีตาเทสึที่ต้องตามนี่แหละ
                “you’re my heart and our love is my breath of life…..”
           
เสียงโทรศัพท์เครื่องบางแผดเสียงร้องเมื่อมีคนโทร.เข้า ใครโทร.มาเวลาคนกำลังหงุดหงิดวะ!
                (( Tetsu ))
                เมื่อรู้ว่าใครโทร.มา ฉันก็ยิ้มออก เพื่อนซี้ฉันนี่เอง จะโทร.มาทำไมหว่า?
                “ฮัลโหลลลลล” ฉันกรอกเสียงแบบเซ็งจัดลงไป ฉันแค่อำมันเล่น
                (( รู้หรอกว่าเบื่อ แต่จะใช้เสียงที่มันหวานๆกว่านี้ไม่ได้หรอว่ะ? )) หมอนี่ขี้บ่นจะตายชัก
                “ก็คนมันเบื่อนี่หว่า แล้วไง โทร.มาทำไมอ่ะ” ฉันถามถึงจุดประสงค์ของมันทันที
                (( กลัวเธอเบื่อ เลยโทร.มาคุยเป็นเพื่อน ไม่ดีหรือไง ))
                “มันก็ดีอยู่หรอก แต่นายน่าจะเอาเวลาไปหาตัวคนร้ายมากกว่านะ ฉันเบื่อจะตายอยู่แล้ว” ฉันบอก ถ้าไม่รีบเดี๋ยวฉันไปจับคนร้ายเองหรอก ความสามารถฉันเหนือกว่านายอีกย่ะ
                คือเทสึมันยังไม่รู้ว่าฉันเป็นเทพน่ะ แล้วฉันไม่คิดจะบอกด้วย เดี๋ยวมันหัวใจวายตายเปล่าๆ เสียดายคนหล่อ
                (( ก็พยายามอยู่นี่แหละ ฉันนั่งอ่านเอกสารทั้งวัน ไหนจะลงไปหาหลักฐานที่จุดเกิดเหตุอีก เหนื่อยเหมือนกันนะโว้ย!)) มันบ่นออกมาขี้บ่นเหมือนฉันเลย
                “พักผ่อนบ้างละกัน ฉันขี้เกียจไปทำพิธีฝังให้นาย” เหมือนจะเป็นห่วง แต่มันจะไม่มีคำๆนั้นออกมาจากปากฉันหรอก
                (( เธอแช่งฉันหรอยัยสาหร่าย!! ))
                “แล้วแต่จะคิด” ฉันยั่วโมโหมันก่อนที่ตัวเองจะหัวเราะร่า ทุกครั้งที่มีหมอนี่ ฉันสามารถหัวเราะ หลั่งน้ำตา แล้วก็ยิ้มได้ทุกเมื่อ มันเป็นเพื่อนที่ดีมากๆเลยล่ะ และมันอาจจะดีกว่านี้ถ้ามันไม่เจ้าชู้ หลายใจอย่างทุกวันนี้ -_-^^
                ฉันคุยกับเทสึอยู่เป็นชั่วโมงก่อนที่มันจะวางไป เพราะมันจะไปตามคดีต่อ ฉันเกิดอาการว่างอีกครั้ง
                เออใช่!! ฉันเป็นเทพนี่หว่า มีเวทมนตร์ มีปีก แล้วจะมานั่งเซ็งทำไมว่ะเนี่ย!!
                เมื่อนึกขึ้นได้ฉันก็วิ่งกลับเข้าบ้าน ขังตัวเองเอาไว้ในห้อง ก่อนที่จะจูบไปที่แหวนที่สวมเอาไว้ที่นิ้วนางข้างขวา
รอบตัวเหมือนมีกระแสน้ำพัดผ่านไปมา พร้อมๆกับแสงสว่างรอบห้อง ร่างกาย เสื้อผ้า ค่อยๆเปลี่ยนไปทีละนิด จนกระทั่งฉันเปลี่ยนร่างเป็นเทพเต็มตัว  คฑาคริสตัลยังคงอยู่ในมือเมื่ออยู่ในร่างเทพ แหวนถูกเปลี่ยนเป็นสร้อยรูปหยดน้ำที่มีกุหลาบสีฟ้าอยู่ด้านในอันเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว  โดยด้านหลังเป็นปีกหงส์สีขาวบริสุทธ์ ขนาดเล็กเพราะยังไม่ได้สยายปีก ดูยังไงก็สวยนะเนี่ยฉัน ^O^
                ฉันร่ายเวทย์พลางตัวก่อนจะเดินไปที่ระเบียง แล้วสยายปีกออก ก่อนจะพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าที่ค่อนข้างร้อนเพราะเป็นเวลาเที่ยง
                ฉันบินไปมาบนน่านฟ้าเหนือเมืองโตเกียวที่ค่อนข้างวุ่นวาย ผู้คนเดินชนกันไปมาเพราะเร่งรีบเพื่อที่ไปให้ถึงที่หมายให้เร็วที่สุด เด็กนักเรียนวัยรุ่นที่โดดเรียนมาเที่ยวต่างก็จูงมือถือแขนกันกลางห้าง บ้างก็ไปอยู่กันตามลำพัง ซึ่งไม่บอกก็น่าจะรู้ว่าไปทำไม -_-^^
                หืม? พลังเวทย์แบบนี้มัน…..
                ฉันหยุดบินกะทันหันเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์ของเทพนรกที่ฉันไม่คิดว่าจะมาอยู่บนโลกมนุษย์ เพราะตามกฎของเทพนรกที่เบิร์น ฟินิกส์ เป็นคนกำหนด เทพนรกจะไม่สามารถขึ้นมาโลกมนุษย์ได้ถ้าไม่มีคำสั่งจากเธอ แล้วนี่ใครกันที่ฝืนกฎ?
                ฉันบินไปทางสวนสนุกเพราะพลังเวทย์อยู่แถวนั้น และนั่นทำให้ฉันหายสงสัยทันทีว่าใครที่กล้าแหกกฎของเบิร์น ฟินิกส์ ที่แท้ก็เทพนรกฝ่ายมืดนี่เอง พวกนั้นมาทำอะไรหว่า??
                “เฮ้ย!!!” ฉันอุทานขึ้นมาทันที เมื่อรู้ถึงจุดประสงค์ของพวกนั้น แล้วดูเหมือนเสียงอุทานของฉันจะดังพอที่จะทำให้พวกมันได้ยิน เพราะพวกมันหันมามองฉันหมดเลยT^T
                หนึ่งในนั้นทิ้งร่างไร้วิญญาณของเด็กสาวผู้โชคร้ายลงกับพื้น ดูจากสายตาแล้วมันมีไม่ต่ำกว่าห้า ถึงฉันจะเป็นเทพสวรรค์ แต่การที่ต้องต่อสู้กับเทพนรกที่เป็นผู้ชายบึกบึนตั้งห้าตน! ฉันก็ไม่ไหวหรอกนะ แค่นี้พลังเวทย์ของฉันก็ต้านจิตสังหารของพวกมันไม่อยู่แล้ว เพราะอะไรน่ะหรอ?
                ถ้าเทียบเรื่องพลัง ฉันจะเหนือกว่าถ้าอยู่กับเทพนรกที่เป็นผู้หญิงและต่อให้มีมากแค่ไหนฉันก็เหนือกว่าอยู่ดี แต่สำหรับผู้ชาย พลังของฉันจะลดลงทันทีถ้าอยู่กับพวกนี้เกินสองคน T^T
                และคนที่จะเอาชนะพวกมันได้ในตอนนี้มีแค่ไลค์ สตาร์ แล้วก็พวกเทพสวรรค์ที่เป็นผู้ชายเท่านั้น งานนี้ฉันตายแน่ๆๆฮื่อๆๆ TT^TT
                “ริอาจมายุ่งไม่เข้าเรื่อง ทุกคนจัดการ!!” หนึ่งในนั้นออกคำสั่ง เทพนรกตนหนึ่งที่ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเทพแห่งลมเพราะเขาเรียกอาวุธออกมาจากสายลมที่อยู่บนมือเขา
                ฉันรีบเอาคฑามากันไว้ทันทีเมื่อเทพตนนั้นตวัดดาบลงมา ก่อนที่ฉันจะตวัดคฑาใส่เทพอีกตนที่อาศัยทีเผลอมาเล่นงานฉันก่อนที่ตัวเองจะทะยานขึ้นไปบนฟ้า เพื่อกันคนอื่นโดนลูกหลง ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะรอดหรือเปล่า
                พลั่กกกก!!!
                จู่ๆเทพอีกตนก็มาหยุดตรงหน้าฉัน ส่งผลให้ฉันบินชนเทพตนนั้นเต็มๆ ต่างคนต่างเจ็บ แต่ฉันสะใจมากกว่าที่ทำให้เทพตนนั้นจุกได้ เพราะเป็นการลดจำนวนศัตรูลงไปอีก
                การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด แต่คนที่เจ็บหนักที่สุดดูจะเป็นฉันเพราะตอนนี้พลังเวทย์ของฉันเริ่มไม่เหลือแล้ว ตามตัวเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดที่เกิดจากคมดาบของเทพแห่งลมที่ใส่มาไม่ยั้ง
                “เอ๊ะ!! ปล่อยฉันนะ!!” ฉันดิ้นพล่านไปมาทันทีเมื่อเทพนรกอีกตนล็อคตัวฉันเอาไว้จากด้านหลัง พร้อมกันดาบเล่มยาวที่จ่ออยู่ที่คอฉัน
                “นึกว่าใคร วอลต์ สเทลลาสคนสวยนี่เอง ไม่ทราบว่ามาทำอะไรที่นี่เอ่ย? ^^” เทพที่ฉันบินชนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงรื่นเริง ผิดกับฉันที่ใกล้ตายอยู่ร่อมร่อ
                “พวกนาย….จะเอาวิญญาณของพวกเด็กๆไปทำไม  เด็กพวกนั้นยังไม่ถึงฆาตเลยนะ!!”  ฉันตะโกนถามอย่างเหลืออดพลางทำท่าจะไปตั้นหน้าคนตรงหน้า แต่มันติดตรงดาบที่จ่ออยู่ที่คอนี่สิ!
                “ก็เอาไปให้ท่านแอเรสน่ะสิ ช่วงนี้ท่านแอเรสกินไม่ค่อยอิ่ม เลยต้องหาวิญญาณหวานๆของพวกเด็กๆไปให้ท่านแอเรสเคี้ยวเล่นสักหน่อย”  คำตอบต่อมาทำเอาฉันเดือดปุดๆ เด็กๆตั้งมากมายต้องสังเวยชีวิตทั้งๆที่ยังไม่ถึงเวลา ฉันยอมไม่ได้!
                ฉันดิ้นพล่านไปมาเพื่อให้หลุดจากคมดาบของเทพแห่งลม และดูเหมือนการกระทำของฉันจะทำให้คนตรงหน้าไม่พอใจนิดหน่อย เลยต่อยไปที่ท้องฉันอย่างแรง
                พลั่กก!!
                ถ้าเป็นตอนที่ปกติดีฉันอาจจะแค่จุก แต่นี่…มันเกือบจะทำให้ฉันตายน่ะสิ!  ก็อีตานั่นดั๊น~ต่อยมาที่แผลที่ตัวเองเป็นคนทำไว้ จนฉันเกือบจะทรุดตัวดิ่งลงพื้น แต่ยังดีที่อีตาเทพคนข้างหลังยังจับฉันเอาไว้
                “ได้เวลาดับลมหายใจของท่านแล้วสินะ วอลต์ สเทลลาส”  คำพูดต่อมาพร้อมประกายไฟที่ก่อตัวเป็นเคียวสีดำมทิฬทำให้ฉันต้องคิดใหม่อีกที ฉันน่าจะตกลงไปตายดีกว่าที่ต้องมาโดนเคียวของคนตรงหน้าตัดคอ T^T
                “ลาก่อน”  คำพูดสั้นๆก่อนที่ร่างของฉันที่ดิ่งลงพื้น พร้อมๆกับเทพแห่งไฟที่ทะยานลงมาหมายจะใช้เคียวดับลมหายใจฉันซะ
                ฉันหลับตาลงเพื่อตัดขาดจากโลกภายนอก ชีวิตของเทพอย่างฉันต้องจบลงซะแล้วหรอเนี่ย….

                ร่างของเทพแห่งน้ำค่อยๆดิ่งสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลกเพราะไม่อาจฝืนทนพิษบาดแผลได้ ในขณะเดียวกัน เทพนรกแห่งไฟก็ตามลงมาเพื่อดับลมหายใจที่โรยรินของเธอ
                มือหนาจับเคียวสีดำทมิฬแน่น ก่อนจะตวัดเคียวผ่านร่างบางของวอลต์ สเทลลาสที่กำลังดิ่งสู่พื้นพลางหัวเราะชอบใจ ที่จะได้ดวงวิญญาณของธิดาแห่งเทพองค์สูงสุดไปถวายเจ้านายของตน
                “นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!” เทพแห่งไฟร้องเสียงหลงเมื่อผลออกมาไม่เป็นตามที่คำนวณไว้ เพราะว่า……
                “อย่างที่เจ้าเห็นนั่นแหละ” ผู้มาใหม่พูดอย่างอารมณ์ดี ในอ้อมกอดมีร่างของวอลต์ สเทลลาสที่หายใจโรยริน ชายหนุ่มมองร่างของคนที่ตนกำลังอุ้มอยู่ด้วยแววตาที่ไร้ความรู้สึก ก่อนจะมองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่สบอารมณ์
                “นึกว่าใคร เทพแห่งแสง ไลค์ สตาร์นี่เอง เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับท่านนะ กรุณาส่งตัวนางมาให้ข้าด้วย” เทพแห่งไฟกล่าวอย่างมีพิธีรีตอง
                “ต้องขอโทษด้วย เกรงว่าจะไม่ได้” ไลค์ สตาร์ เทพหนุ่มที่หล่อเหลาที่สุดในบรรดาเทพทั้งมวลกล่าวเสียงเรียบ
เหล่าเทพนรกมีสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่จะล้อมเทพสวรรค์ที่มีเพียงสององค์ในเวลานี้พร้อมอาวุธครบมือ
                “ถ้าเช่นนั้น เราก็ต้องสังหารท่านเท่านั้น!” จบคำเทพนรกก็กรูเข้าใส่ไลค์ สตาร์ทันที แต่….
                พวกเขาทั้งสอง…..หายไปแล้ว……

                 ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมาเพราะรู้สึกปวดตามตัวเหมือนโดนมีดนับพันพุ่งเข้าใส่ นี่ฉันยังไม่ตายใช่มั้ย?
                เมื่อสายตาปรับโฟกัสได้จนเห็นสภาพรอบตัวซึ่งสร้างความงุงงงให้ฉันไม่น้อย ที่นี่มันที่ไหนกัน?
                ฉันก้มมองตัวเองที่ยังคงอยู่ในร่างเทพ แต่ชุดเปลี่ยนไป แสดงว่าที่นี่ต้องไม่ใช่ที่ของมนุษย์สินะ แล้วมันคือที่ไหน ใครเป็นคนช่วยฉัน แล้วๆๆ…..
                “เลิกถามมากได้แล้ว นอนลงไปเลย” เสียงผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ นั่นทำให้ฉันอดเงยหน้าขึ้นไปมองไม่ได้
                “ไลค์ สตาร์OoO!!!!” ฉันเบิกตากว้างทันที อย่าบอกนะว่าอีตาเทพขี้เก็กนี่…..
                “ใช่ ฉันเอง อุตส่าไปช่วยยังไม่ขอบคุณอีก” ไลค์ สตาร์ทำแก้มป่องงอนๆ (?) อีตานี่งอนฉันหรอ! เป็นไปไม่ได้
                “เออๆขอบใจนะ แล้วนายรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นั่น” ฉันถามอย่างงงๆอีตานี่รู้หรอ?
                “เปล่า แค่เผอิญผ่านไปเจอ” ว่าแล้ว อีตานี่ไม่เคยไปช่วยใครแบบตรงๆนอกจากผ่านสายตา -_-^^
                ฉันทำหน้าเซ็งใส่ไลค์ สตาร์ ที่ลอยหน้าลอยตาไม่สนใจใคร ก่อนที่จะนอนเอาแรงเพราะเพิ่งผ่านความตายมาหยกๆ
                ว่าแต่ วิญญาณของพวกเด็กๆล่ะ หรือว่า…O.O!!!!
                “ปลอดภัยแล้วล่ะ ฉันส่งวิญญาณกลับเข้าร่างให้หมดแล้ว” อีตานี่อ่านใจคนได้ใช่มั้ย? -_-*
                “จะว่างั้นก็ได้ ความสามารถพิเศษน่ะ” ชัดเลย อีตานี่อ่านใจคนอื่นได้จริงๆด้วย นิสัยไม่ดี
                “แล้วมันไปนักส่วนไหนของเธอ” เกลียดหมอนี่ชะมัด
                ฉันพยายามทำใจให้นิ่งเพื่อที่อีตาไลค์ สตาร์จะได้ไม่อ่านใจอีก แล้วอย่างนี้ฉันปิดความลับอยู่มั้ยเนี่ย!!
                ฉันว่าฉันลืมอะไรไปนะ เออใช่! ที่นี่มันที่ไหนเนี่ย!!!??
                “บ้านบนสวรรค์ของฉันเอง เลิกถามมากแล้วหลับตาลงซะ ฉันขี้เกียจตอบคำถามเธอ -_-^^” แล้วฉันถามนายหรือไงว่ะ
                เมื่อผู้มีพระคุณออกค่ำสั่ง ฉันเลยหลับตาลง โดยมีอีตาไลค์ สตาร์นั่งอยู่ข้างๆ จะมาเฝ้าหรือไง?
                “you’re my heart and our love is my breath of life…..”
           
จู่ๆโทรศัพท์ที่ฉันไม่คิดว่ามันจะติดตัวอยู่ก็แผดเสียงร้อง ใครโทร.มาหว่า(ขนาดอยู่ในร่างเทพมือถือมันยังตามมาหลอกหลอนฉันเลยคิดดู๊~)
                (( Misa ))
                ยัยมิสะนั่นเอง มีเรื่องอะไรหรือเปล่านะ?
                “ว่าไง”  ฉันรับสายอย่างสนิทสนม โดยที่อีตาคนข้างตัวก็มองฉันอยู่แบบนั้น
                (( แกเป็นไงบ้าง โดนพักการเรียนแล้วเหงามากมั้ย ให้ฉันไปอยู่เป็นเพื่อนมั้ย? )) ยัยมิสะถามกลับมาด้วยความเป็นห่วง ถ้าแกจะมาอยู่กับฉัน แกต้องมั่นต้องทำบุญหน่อย เพราะฉันเป็นเทพ แล้วมันใช่เวลามาเล่นมุกหรือไง?
                “เพิ่งหยุดวันเดียวเองนะ แกอย่าเว่อร์ไปหน่อยเลยน่า” ฉันพูดแบบไม่ใส่ใจ ยัยนี่มักเป็นแบบนี้เวลาที่ฉันหยุดเรียน
                (( แกโดนพักการเรียนจนเพี้ยนไปแล้วหรอ? นี่มันผ่านมาเกือบสองอาทิตย์แล้วนะที่เราโดนพักการเรียนน่ะ )) ห๊ะ! สองอาทิตย์!! อะไรมันจะเร็วขนาดนั้น
                “จริงหรอ ฉันนึกว่ามันผ่านไปแค่วันเดียวเองนะ” ด้วยความสัตย์จริง ในความรู้สึกฉันมันยังไม่ถึงวันด้วยซ้ำ
                (( แกเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ เวลามันไม่ได้เดินช้าขนาดนั้นนะย่ะ! )) ฉันอาจโดนทำร้ายจนเพี้ยนไปแล้วจริงๆ
                ฉันนั่งคุยโทรศัพท์กับยัยมิสะก่อนที่ยัยนั่นจะวางไป นอนล่ะน้า~ ^O^
                “เวลาที่สวรรค์แล้วก็โลกมนุษย์มันไม่เท่ากัน หนึ่งวันบนสวรรค์จะเท่ากับหนึ่งร้อยปีบนโลกมนุษย์ เธอมาอยู่บนสวรรค์ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ” แต่ก่อนที่ฉันจะหลับอีตาคนข้างตัวก็พูดขึ้น อย่างนั้นเองหรอกหรอ แสดงว่าฉันไม่ควรอยู่บนสวรรค์นานเกินหนึ่งชั่วโมงใช่มั้ย?  ไม่งั้นพอลงไปโลกมนุษย์อีตาเทสึก็แก่กันพอดี 555+
                “เธออมยิ้มทำไม?” ไลค์ สตาร์ถามขึ้นอย่างสงสัยเมื่อฉันนั่งอมยิ้มเพราะคิดถึงตอนที่อีตาเทสึจะแก่ขึ้นอีก สี่ปี หนึ่งเดือน แล้วก็อีกหกวัน ถ้าฉันลงไปในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า
                “ฉันคิดถึงเพื่อนฉันน่ะ ถ้าฉันลงไปในอีกหนึ่งชั่วโมงมันคงแก่น่าดู” ฉันบอก ว่าแต่ หมอนี่อ่านใจคนได้ไม่ใช่หรอ แล้วมาถามฉันทำไม?
                “เพื่อนเธอเป็นมนุษย์หรอ?” ถามไม่คิด ก็คนสิย่ะ ไม่งั้นจะแก่ขึ้นอีกหรอ
                “อืม คาสโนว่าประจำโรงเรียน หมอนี่หน้าตาดีนะ แต่นิสัยมันยังไงๆชอบกล” ฉันบอก อีตาเทสึเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์มันสักเท่าไหร่
                “แต่คงไม่สู้ฉันมั้ง” ชมตัวเองหน้าตาเฉยเลยนะย่ะ ว่าแต่ว่า…
                ดูไปดูมา ไลค์ สตาร์กับเทสึก็ใกล้เคียงกันนะ คิดมากไปหรือเปล่าว่ะฉัน
                “เฮ้ๆ! จะทำอะไรของเธอ?” ไลค์ สตาร์โวยวายเมื่อฉันจับหน้าเขาให้หันมามองฉัน
                ฉันไม่ตอบคำถามของคนตรงหน้า แต่จ้องเขาอยู่แบบนั้น ที่ฉันทำเพราะฉันแค่สงสัยน่ะว่าไลค์ สตาร์กับเทสึจะคลายกันหรือเปล่า เพราะดูไปดูมาสองคนนี้คลายกันมากเลยนะ
                ถ้าไลค์ สตาร์ เปลี่ยนสีผมจากสีแอลมอนเป็นสีทองสว่าง และเปลี่ยนสีดวงตาจากซิลเวอร์บลูเป็นสีเขียวมรกตล่ะก็….
                “เหมือนคนๆเดียวกันเลย” ฉันอุทานออกมาเบาๆ ถ้าไลค์ สตาร์เปลี่ยนไปแบบที่ฉันบอก เขาก็จะเปลี่ยนเป็น….
                “เหมือนอีตาเทสึเลย!” ใช่! ถ้าไลค์ สตาร์ เปลี่ยนสีผมจากสีแอลมอนเป็นสีทองสว่าง และเปลี่ยนสีดวงตาจากซิลเวอร์บลูเป็นสีเขียวมรกตเขาก็เหมือนเทสึชนิดที่ว่าน่าจะเป็นคนเดียวกันได้เลย
                คนตรงหน้ามีท่าทีตกใจนิดหน่อยเมื่อฉันเอ่ยชื่อเพื่อนสนิทของตัวเองออกไป คิดมากไปแล้วฉัน…
                “พูดอะไรของเธอ เทสึเป็นใคร? เพื่อนเธอหรอ?” ไลค์ สตาร์ถามขึ้นอย่างงงๆ คงไม่ใช่หรอกมั้ง ฉันคงคิดมากไปเอง
                “เปล่าหรอก ฉันว่าฉันกลับดีกว่า ขืนกลับไปช้ามีหวังอีตานั่นแก่แล้วแหงๆ” ฉันบอกปัดๆ ก่อนที่จะร่ายเวทย์เปลี่ยนชุดตัวเองเป็นชุดเดิมที่สวยหรู ก่อนจะก้าวลงจากเตียง
                “ฉันว่าเธอน่าพักสักหน่อย อาการเธอแย่มากเลยนะ” ไลค์ สตาร์เอามือมากันฉันเอาไว้  แต่ฉันปัดมันออก
                “ฉันไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง” ฉันบอก แต่ไลค์ สตาร์กลับจับฉันเอาไว้
                “ยังไงพวกเขาก็ต้องตาย ต่อให้เธอไม่ลงไปพวกเขาก็ต้องตายอยู่ดี พวกเขาไม่เหมือนพวกเรานะที่ไม่มีวันตาย แถมพออายุครบสิบแปด ร่างกายของพวกเราก็จะหยุดเติบโต พวกเขาไม่เหมือนเรานะ วอลต์ สเทลลาส” ไลค์ สตาร์พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง แต่ว่า….
                “มันก็จริงที่พวกเขาต้องตาย แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็อยากใช้ชีวิตแบบมนุษย์จนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้ายของพวกเขา ให้ฉันไปเถอะนะไลค์ สตาร์”  ฉันขอร้องเขา ฉันอยากอยู่กับเทสึอีกนาน เขาทำอะไรหลายๆอย่างเพื่อฉัน อีกอย่าง หมอนั่นยังลงชิงตำแหน่งคิงอีกด้วย ฉัน….อยากลองครองตำแหน่งคู่กับเขาสักครั้ง ก่อนที่เขาจะจากไป
                ไลค์ สตาร์เงียบไปสักพัก ก่อนจะยอมปล่อยฉันมา ฉันขอบคุณเขาก่อนที่จะลงมาที่โลกมนุษย์ ที่ที่มีเพื่อนมากมายกำลังคอยฉันอยู่

                 1 เดือนผ่านไป
                จนถึงตอนนี้ อีตาเทสึยังหาตัวคนร้ายไม่ได้เลย โชคยังดีที่ฉันได้กลับมาทำหน้าที่เดิมแล้ว หลังจากที่โดนพักการเรียนไปเดือนนึง ไม่สิ สิบห้าวันเพราะฉันไปอยู่ที่สวรรค์ห้านาที 
                “นายยังหาตัวคนร้ายไม่ได้อีกหรอเทสึ” ฉันถามแบบเซ็งๆเมื่อเดินมาที่ห้องเรียนเพราะอีตานี่ไปรับ โดยให้เหตุผลว่าฉันหายตัวไปตั้งสองอาทิตย์โดยที่ไม่มีการติดต่อ หมอนั่นกลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย เลยคอยไปรับไปส่งฉันทุกวัน กันฉันหาย -_-^^!
                “ยังเลย ขอบเขตมันกว้างมาก กว่าจะหาเจอฉันคงตายแน่ๆ” ส่วนมันก็ทำหน้าเหมือนโลกจะถล่มซะงั้น
                “นี่ๆ ถ้านายหาตัวคนร้ายได้ นายอาจได้เป็นคิงนะ” ฉันกระซิบบอกหมอนี่เบาๆเมื่อเดินมาถึงห้อง
                “แล้วไง ใช่ว่าฉันอยากเป็นซะหน่อย” อ้าว? อีตานี่ อะไรว่ะ ไม่อยากเป็นแล้วมาลงสมัครทำบ้าอะไร??
                “แล้วมาลงสมัครทำไมว่ะ” ฉันถามแบบเซ็งๆก่อนที่จะวางกระเป๋าลงที่เก้าอี้ของตัวเองที่อยู่ข้างๆเทสึ
                “ก็ต้องเป็นตัวแทนห้องนี่หว่า อีกอย่างอาจารย์คงบ่นฉันหูชาแน่ถ้าฉันไม่ลง” เทสึตอบพลางโยนกระเป๋าตัวเองไปที่เก้าอี้ของตัวเอง ที่แท้ก็กลัวตาย อ่ะโด่! นึกว่าจะแน่ เชอะ!
                “ฉันแน่จริงอยู่แล้วโว้ย!” จู่ๆเทสึมันก็โพล่งขึ้น อะไรของมัน?
                “เป็นอะไร? แน่จริงอะไร นอนไม่พอจนเพี้ยนหรือไง” ฉันแซวก่อนที่มันจะทำหน้าเหลอหลา
                “เปล่าๆ ฉันก็นึกว่าเธอพูด”
                “เออ ฉันพูด แต่ในใจเฟ้ย! อย่าบอกนะ ว่านายอ่านใจคนได้ O.O!” ฉันโพล่งขึ้นก่อนจะชี้หน้าหมอนั่น เหมือนอีตาไลค์ สตาร์เลย อ่านใจคนได้ เพื่อนฉันไม่ใช่คน! กรี๊ดดดดด!!!
                “พูดบ้าอะไรว่ะ ใครมันจะไปทำได้ สมองทำด้วยสาหร่ายหรือไง บ้า :P” หนอย~เรียกฉันยัยสาหร่ายไม่พอ ยังมาว่าฉันอีก แกอย่าอยู่เลย เทสึ!!!
                ดูเหมือนเทสึมันจะสัมผัสได้ถึงจิตสังหารจากฉัน มันเลยวิ่งออกจากห้องทันที แกเอาชนะฉันไม่ได้หรอกย่ะ!!อีตาเทสึ!!!!!

                 วิชาในช่วงบ่ายค่อนข้างที่จะใช้กำลังมากไปหน่อย เพราะมันคือวิชาพละโดยกีฬาที่พวกเราเล่นกันคือ บาส
                ฮื่อๆT^T ไอ้เล่นบาสก็เล่นเป็นอยู่หรอก แต่มันต้องเล่นกับอีกห้องน่ะสิ! โดยอีกห้องที่ว่าคือ….
                “ช่วงนี้เราเจอกันบ่อยนะ ที่รัก…” คำทักทายแรกถูกส่งมาจากหัวหน้าห้องบีเมื่อพวกเขามาถึง
                “แกหุบปากไปเลย ไอ้มาคัส” คาเอเดะเดินมาผลักมาคัสให้ออกห่างจากฉัน ใช่แล้วค่ะ อีกห้องที่เราต้องเล่นด้วยคือห้องบี โดยมาคัสเป็นหัวหน้าห้อง
                “อะไร? คนรักกันเขาจะคุยกัน คนนอกไม่เกี่ยว” มาคัสทำตาขว้างใส่คาเอเดะ ก่อนที่เพื่อนของเขาจะมาเอาตัวคาเอเดะออกจากฉัน
                “จะทำอะไรน่ะ ปล่อยเพื่อนฉันนะ!!” ฉันคว้าตัวคาเอเดะเอาไว้ แต่มาคัสก็มากระชากตัวฉันออกจากคาเอเดะแทน แล้วลากฉันไปอีกทาง
                “ปล่อยฉันนะมาคัส!! เฮ้! เป็นบ้าอะไรไปห๊ะ!” ฉันยื้อตัวเองเอาไว้สุดชีวิต โดยใช้เวทมนตร์เข้าช่วย ยังไงซะเขาก็เป็นมนุษย์ เขาต้านพลังเวทย์ของฉันไม่ไหวหรอก
                “จงหลับไปซะ!” ฉันร่ายเวทย์ใส่เขา มาคัสสะบัดหัวนิดหน่อยเพื่อเรียกสติตัวเอง
                “เธอทำอะไรน่ะโนริ ทำไมฉันถึง…..” ยังไม่ทันจบคำ มาคัสก็ล้มลงต่อหน้าต่อตาฉัน เพื่อนของเขารีบผละออกจากคาเอ-เดะแล้วมาดูเพื่อนตัวเองทันที
                “เธอทำอะไรไอ้มาคัสน่ะ!!?” หนึ่งในนั้นถามเสียงดัง แต่เพราะฉันร่ายเวทย์พลางตาทุกคนเลยเห็นว่า ฉันแค่กำลังคุยกับพวกนี้
                “สั่งสอนคนไม่รู้จักสำนึกกับการกระทำของตัวเองไง” ฉันพูดก่อนจะกอดอก แล้วมองมาคัสด้วยสายน่าสมเพช ยอมรับก็ได้ว่าฉันยังรักเขาอยู่ แต่น้อยลงกว่าเดิม
                “เธอว่ายังไงนะ!!” ผู้ชายคนหนึ่งที่ดูจากป้ายชื่อผ่านสายตาแล้ว น่าจะชื่อ โอโรตะ ปรี่มากระชากแขนฉัน อย่าคิดว่าฉันจะยอมนะ!
                พรึบ!
                เพียงแค่สะบัดมือ ร่างของคนตรงหน้าก็ปลิวไปติดแป้นบาสข้างสนาม แต่ไม่มีใครช่วยเขาได้ยกเว้นเพื่อนของเขา เพราะคนอื่นๆจะเห็นว่าพวกนี้กำลังจะเลิกคุยกับฉัน แล้วเดินหนีแค่นั้น
                “ตัวเบากว่าที่คิดแฮะหมอนี่” ฉันเอ่ยขึ้นเบาๆก่อนจะหันไปมองพวกที่เหลือ
                “ฉันว่าฉันเลิกแกล้งพวกนายดีกว่า ก่อนที่พวกนายจะจากโลกไปเร็วก่อนวัยอันควร” ฉันดีดนิ้วเพื่อคลายเวทย์ก่อนจะกระโดดด้วยความเร็วไปที่แป้นบาส พวกนั้นอ้างปากค้างก่อนจะเริ่มหน้าซีด ฉันหันไปส่งยิ้มให้นิดหน่อยก่อนจะเดินมาหาเทสึที่มีพวกสาวๆมาคอยเอาใจอยู่ไม่ห่าง หมั่นไส้!!
                “เนื้อหอมเหมือนเดิมเลยนะ” ฉันแซวก่อนที่หมอนั่นจะยิ้มรับ แต่ยังคงอยู่ในหมู่สาวๆที่ล้อมหมอนี่ไม่ต่ำกว่าสิบคนได้ แต่คนที่สามารถนั่งควงแขนหมอนี่ก็เป็นคนในสภานักเรียนที่มาใหม่ชื่อมีนา
                “แล้วควีนมีอะไรกับพี่เทสึหรือเปล่าคะ?” มีนาเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่พอใจนิดหน่อย
                “คนที่จะเรียกหมอนี่ว่าเทสึได้ มีแค่ฉันเท่านั้น” ฉันบอก พลางจะโน้มตัวไปหาเทสึก่อนจะเชยคางหมอนั่นขึ้น ทำเอาหมอนั่นหน้าแดงซึ่งฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้ที่มันจะเขินเพราะฉันใกล้ชิดมันเกินไป
                “จริงมั้ยคะ Aimant…..” คำพูดบางคำที่ฉันไม่คิดจะใช้กับผู้ชายคนไหนเลย ถูกปล่อยออกมาจากริมฝีปากอันอวบอิ่มที่ผู้ชายหลายๆคนอย่างจะลิ้มลองมันสักครั้งว่ารสชาติจะหวานแค่ไหน
                “ครับ คนที่จะเรียกผมว่าเทสึได้ มีแค่โนริคนเดียวเท่านั้น” เทสึที่ดูเหมือนจะหลงเสน่ห์ฉันเข้าให้ ตอบกลับมาเสียงหวาน เยี่ยม! โฮะๆ ^O^!
                “น่ารักอย่างนี้ ต้องให้รางวัลซะแล้ว” ฉันพูดก่อนจะส่งยิ้มหวานไปให้เทสึที่เริ่มเคลิ้มเพราะคำพูดหวานๆของฉัน
                ฉันโน้มตัวลงไปหาเทสึจนริมฝีปากเราชิดกัน อะแฮ่ม! ถึงแม้ฉันจะไม่เคยจูบใครมาก่อน แต่อย่าลืมนะว่าฉันเป็นใคร ^^
                จูบที่เร่าร้อนที่ฉันบรรจงมอบให้เขาเป็นคนแรกทำเอาคนตรงหน้าเคลิ้มไม่น้อย ก่อนที่ฉันจะถอนจูบออก
                “ใกล้ถึงเวลาลงแข่งแล้วนะ ถ้าชนะฉันจะจัดให้อีกสามรอบเลย” ฉันพูดเล่นๆกรุณาอย่าคิดจริงนะโว้ย!
                “ถ้าแบบนั้น ผมต้องชนะอย่างเดียวสินะ ไม่งั้นผมต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ๆ” เทสึที่ได้สติกลับมาพูดขึ้น หวังว่าหมอนี่คงไม่คิดจริงจังหรอกนะ เพราะแค่นี้หัวใจฉันก็จะวายอยู่แล้ว
                 “พยายามเข้านะ เบบี้ >.O” ตบท้ายด้วยการส่งสายตาสื่อความไปให้ ก่อนที่ฉันจะเดินลัลลามาหายัยคาเอเดะที่กำลังวุ่นวายกับผ้าเช็ดหน้า
                “แกทำอะไรอยู่ว่ะ?” ฉันยื่นหน้าเข้าไปถามยัยคาเอเดะที่ยังไม่รู้ตัวว่าฉันกำลังมองมันอยู่
                “อ๋อ เปล่าหรอก ว่าแต่แกหายไปไหนมาตั้งนานว่ะ” ยัยคาเอเดะที่ได้สติกลับมาถามขึ้น
                “ไปหาเทสึมาน่ะ ว่าแต่เขายังไม่ลงแข่งกันอีกหรอว่ะ ฉันอยากดูพวกเขาแข่งจะตายอยู่แล้ว” ฉันบอกพลางนั่งลงข้างๆยัยคาเอเดะที่ยังคงจ้องมองผ้าเช็ดหน้าในมือ
                “ถ้ามองแล้วเจ็บก็อย่ามองมันสิ คาเอเดะ” ฉันแย่งผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเอาไว้ในมือ ฉันรู้ว่ามันเป็นของใคร
                “เอาคืนมานะโนริ” คาเอเดะพยายามแย่งผ้าเช็ดหน้าคืน แต่ฉันซ่อนมันเอาไว้ด้านหลัง คาเอเดะเลยเอามันไปไม่ได้
                “ฉันรู้ว่าแกยังคิดถึงหมอนั่น แต่ทางที่ดีแกลืมอดีตที่เจ็บปวดนั่นเถอะ มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลยนะถ้าแกยังจดจำมันอยู่น่ะ” ฉันเตือนสติเพื่อนรักก่อนที่ยัยนั่นจะปล่อยโฮออกมา ฉันดึงคาเอเดะมากอดแล้วลูบหลังมันเบาๆเพื่อปลอบ
                ยัยคาเอเดะก็ไม่ต่างจากฉันเท่าไหร่หรอก โดนคนที่รักทิ้งไปแบบไร้เยื่อใย แล้ววันต่อมาก็ไปควงผู้หญิงคนอื่นมาให้เราเห็น เจ็บปวด แต่ทำอะไรไม่ได้
                “เอาล่ะครับทุกคน ถึงเวลาแล้วที่ทั้งสองทีมจะทำการแข่งขัน ขอเชิญหัวหน้าทีมทั้งสองทีมออกมาตรงกลางด้วยครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นเรียกสายตาของฉันและยัยคาเอเดะให้หันไปมองตรงสนามที่มีเทสึและมาคัสยืนประจันหน้ากันที่กลางสนาม
                “ถ้าชนะ ทีมฉันจะได้อะไรเป็นรางวัล” มาคัสถามขึ้นเมื่อแบ่งฝ่ายเสร็จ
                “อะไรก็ได้ที่พวกนายต้องการ” เทสึเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายๆก่อนจะหันมาชูสองนิ้วให้ฉัน
                น่ารักนะนั่น แต่ดูปัญญาอ่อนมากกว่า -_-^^
                “นายต้องคืนโนริให้ฉัน” คำพูดต่อมาทำให้เทสึหุบยิ้มแทบไม่ทัน เฮ้ย!อย่าบอกนะ ว่าจะเอาฉันเป็นของเดิมพันน่ะ!
                “ย่อมได้ แต่ถ้าทีมฉันชนะนายต้องเลิกยุ่งกับโนริซะ” เทสึก็ไม่ยอมแพ้ยื่นข้อเสนอเพื่อให้ฉันหลุดพ้นจากมาคัส
                “ไม่มีปัญหา” ไม่น่าเชื่อที่คนอย่างมาคัสจะยอมตกลง เขาไม่ใช่พวกยอมคนง่ายๆซะหน่อย
                กรี๊ด~~ มีผู้ชายหน้าตาดีตั้งสองคนมาแข่งบาสเพื่อชิงฉัน คนสวยอยากกรี๊ดดังๆคร๊า~~~~~
                เมื่อตกลงเรื่องของเดิมพันได้แล้ว การแข่งขันก็เริ่มทันทีโดยตอนนี้เทสึเป็นคนได้ลูก
                “กรี๊ดดดด!!! ไอระคุงสู้ๆ!” พวกผู้หญิงเชียร์เทสึกันลั่นสนาม แต่ถ้าฉันเชียร์ล่ะก็…..ชนะเลยล่ะ
                “ที่รัก สู้ๆน้า~~~” ฉันตะโกนเชียร์เทสึก่อนที่หมอนั่นจะหันมายิ้มให้ แล้วเริ่มทำแต้มจนนำทีมของมาคัสได้รวดเร็ดอย่างน่าเหลือเชื่อ  ขนาดฉันยังต้องอ้าปากค้างเลย
                ปรี๊ดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!
                เสียงนกหวีดดังขึ้นเป็นการบ่งบอกว่าหมดครึ่งแรก เหล่านักกีฬาต่างก็มาหาน้ำดื่ม ฉันเลยถือโอกาสเดินไปหาเทสึที่มียัยมีนาคอยดูแล
                “มีนา เธอออกไปก่อน” ฉันไล่มีนาที่ไม่มีท่าทีว่าจะเดินออกไปเลย ฉันเลยเข้าไปแทรกกลางระหว่างสองคนนั่นซะ!
                “เทสึ เหนื่อยมากมั้ย” ฉันถามเขาด้วยความเป็นห่วง ไม่มีการแสดงใดๆเกิดขึ้นทั้งนั้น ฉันห่วงเพื่อนคนนี้มากจริงๆ เมื่อกี้ก็โดนมาคัสวิ่งชนไปทีนึงแล้ว
                เทสึที่ดูออกว่าฉันไม่ได้เล่นละครก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ เพื่อให้ฉันหายห่วง
                “ไม่เท่าไหร่หรอกน่า ก็เธอเป็น(เพื่อน)คนสำคัญนี่นา”
                “ขอบใจนะ ^^” ฉันยิ้มให้เขา ก่อนที่เขาจะยื่นหน้ามากระซิบที่หูฉัน
                “เรื่องที่บอกว่าจะจัดให้อีกสามรอบน่ะ ฉันเอาจริงนะ ^^” คำพูดที่กระซิบออกมาทำเอาฉันใจหายวาบ เอาจริงงั้นหรอ! ไม่น่าเลยฉัน T^T
                เทสึส่งยิ้มมาให้ก่อนจะเดินลงสนามไป ฉันจะรอดมั้ยเนี่ย!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา